15:00น.หน้าห้องท่านประธานบริษัท……เอริ ฐิติมน…..ตึกๆๆๆๆๆๆ“เข้าไม่ได้นะคะ…”“ท่านประธานไม่อยู่ค่ะ…”“คุณคะ!”“มีอะไรคะ?”ฉันรีบเดินออกมาจากโต๊ะประจำของฉันที่อยู่หน้าห้องของท่านประธานก็เอ่ยขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของคุณออมสินและเอ่ยถามคุณออมสินไป แต่ก็ต้องตกใจกับผู้หญิงที่สวมชุดเดรสสีขาวลายลูกไม้ผมยาวสีดำหน้าตาถูกแต่งเติมด้วยโทนสีชมพู“คุณนามิ…..สวัสดีค่ะ…”ฉันเอ่ยเรียกชื่อเธอพร้อมกับยกมือไหว้ตามมารยาทถึงเธอจะอายุน้อยกว่าฉัน แต่ในตอนนี้ฉันอยู่ในหน้าที่ซึ่งเธอเป็นแขกของเจ้านายฉัน ฉันควรจะให้เกียรติเธอ“ฉันมาหาพี่ขุนศึก”นามิไม่ได้รับไหว้ฉัน เธอกลับเดินตรงดิ่งมาประจันหน้ากับฉันพร้อมกับเอ่ยเสียงแข็งขึ้นมา แววตาของเธอที่ใช้มองฉันในตอนนี้มันทำให้ฉันมั่นใจเรื่องเมื่อคืน ว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุแน่นอน แต่เธอจงใจตักข้าวสวยมาใส่มือฉัน“ออมขอโทษนะคะ…คุณเอริ…พอดีออมบอกคุณคนนี้แล้ว…แต่คุณเขาไม่ฟังนะคะ…”คุณออมสินพนักงานต้อนรับที่ยืนอยู่ด้านหลังของนามิเอ่ยขึ้นอย่างน้ำเสียงเศร้าลงอย่างรู้สึกผิดที่เธอทำหน้าที่ของเธอได้ไม่ดีพอ“ไม่เป็นไรค่ะ….คุณนามิเป็นแขกของท่านประธาน…คุณออมสินกลับไปประจำที่เดิ
พรึบ“คุณก็รู้….ว่าฉันอยู่ในสถานะไหน….”ฉันถอยร่างตัวเองหนีจากใบหน้าเจ้าเล่ห์ของคุณจอมพลอย่างช้าๆและเอ่ยบอกเขาไป“ในสายตาของคนอื่น…หรือ…ในสายตาของฉัน?”เขายกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งและเอ่ยถามฉัน ฉันก็เม้มปากเป็นเส้นตรงจ้องแววตาแพรวพราวและท้าทายของคนตรงหน้าอย่างไม่รู้จะตอบเขาว่าอะไร สิ่งเดียวที่ขุนศึกและคุณจอมพลมีเหมือนกันก็คือ ความเจ้าชู้หว่านเสน่ห์สาวๆไปทั่ว“ถ้าเธอไม่ตอบ….ฉันตอบให้เธอเองก็ได้….”เสียงเรียบๆเอ่ยออกมาจากริมฝีปากสีชมพูอวบอิ่มของคนตรงหน้าพลางยกยิ้มที่มุมปากขึ้น“ในสายตาของฉัน….เธอคือว่าที่น้องสะใภ้ในอนาคตหรืออาจจะไม่ใช่….เพราะน้องชายฉัน…ที่เป็นแฟนของเธอหึ….”“ไม่พูดดีกว่า….เพราะรู้ๆกันอยู่…”“และในสายตาของคนอื่น…เธอคือเลขาธิการที่ทั้งสวยทั้งเก่ง…ฉลาดรอบด้าน….เป็นที่หมายตาและหมายปองของนักธุรกิจและนักร่วมลงทุนมากมาย….”“หนึ่งในนั้น…มีฉัน….รวมอยู่ด้วย”คุณจอมพลว่าพลางเหยียดยิ้มที่มุมปากขึ้นพลางมองจ้องฉันด้วยสายตาแพรวพราวพรึบฉันลุกขึ้นยืนทันทีทำให้คุณจอมพลก็ยิ้มกว้างออกมาและเขาก็ยันตัวไปนั่งหลังตรงเหมือนเดิมและมองหน้าฉันด้วยแววตากรุ้มกริ่ม“ดิฉันคิดว่า….ท่านรองไม่สมควรที่จะคิดอะไรกั
คอนโด เพลงขวัญ….19:00น.เอริ ฐิติมน….ติ๊ดดดดดดดด(เสียงสายเรียกเข้า)พรึบ“นี่….เอริ?”“ฉันว่าแกอ่ะ….รับโทรศัพท์ขุนศึกหน่อยไหม?”“ฉันเห็นเขาโทรมาหลายสายแล้วนะ?”ขวัญเอ่ยขึ้น ฉันก็มองหน้าขวัญสลับกับหน้าจอสมาร์ทโฟนเครื่องหรูที่ราคาเหยียบครึ่งแสนที่ตอนนี้หน้าจอกำลังสว่างวาบโชว์ชื่อของขุนศึกที่โทรมาหาฉันเป็นร้อยสายได้แล้วมั้งก็ตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงตอนนี้ที่ฉันมาอยู่คอนโดของขวัญ ฉันกะว่าจะนอนค้างกับขวัญสักคืน “ทะเลาะกันเหรอ?”ขวัญเอ่ยถามฉันพลางมองหน้าฉันด้วยสายตาเป็นห่วง ฉันก็คลี่ยิ้มบางๆให้มันก่อนจะส่ายศีรษะไปมาว่าไม่ใช่ ฉันไม่ได้ทะเลาะกับขุนศึกและเราสองคนไม่เคยทะเลาะเลยตลอดเวลาที่เราคบกันมาแปดปีเต็ม“ถ้าไม่ทะเลาะ….”“ก็คงจะเป็นเรื่องเดิมๆสินะ?”ขวัญเอ่ยขึ้นอย่างรู้ทันที ถ้าฉันไม่ทะเลากับขุนศึกและไอ้อาการที่ฉันมานั่งอยู่ที่ห้องของมันได้ก็เพราะฉันกำลังทุกข์ใจเรื่องพวกผู้หญิงของขุนศึกอยู่“ฉันเห็นแกแล้วสงสารแกจริงๆ…”ขวัญเอ่ยขึ้นพลางมองฉันด้วยแววตาเป็นห่วงและสงสารเห็นใจฉัน ฉันก็พยักหน้าเข้าใจรับรู้ความเป็นห่วงที่เพื่อนคนนี้มีให้ฉันเสมอมา“แต่ฉันก็ช่วยอะไรแกไม่ได้….เพราะฉันมันแย่กว่าแก….”ขวัญพู
“แกจะได้ไปกล่อมลูกนอน…^_^”ฉันเอ่ยขึ้นพลางลุกขึ้นยืนและหันไปมองเจไดลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของขวัญและสามีของเธอ เจไดอายุได้สามขวบแล้วกำลังน่ารักน่าเอ็นดูเลยล่ะ พรึบขวัญก็ลุกขึ้นยืนตามฉัน“เจไดครับ…น้ากลับบ้านก่อนนะ^_^”ฉันเอ่ยบอกเจไดไป“งั๊บ^_^”เสียงหวานเล็กที่ไม่ค่อยชัดพร้อมรอยยิ้มหวานของเด็กอวบอ้วนทำให้ฉันยิ้มออกมาก่อนจะหันไปมองขวัญที่เธอเองก็มองหน้าเจไดและยิ้มออกมา มันเป็นรอยยิ้มแห่งความสุข ฉันรู้ว่าเธอมีความสุขมากตั้งแต่มีเจไดเกิดมาในชีวิตของเธอ“ไปแล้วนะ…”ฉันเอ่ยบอกขวัญไป ขวัญก็ละสายตาจากเจไดและหันมามองหน้าฉัน“อื้อ….ถ้าแกพร้อมเมื่อไหร่…ค่อยเล่าให้ฉันฟังก็ได้”ขวัญเอ่ยบอกฉันพลางมองฉันด้วยแววตาห่วงใยฉัน“อื้อ…ขอบใจนะ…ฉันกลับก่อน…ไว้โทรหา”ฉันเอ่ยบอกขวัญไปพลางยื่นมือไปจับต้นแขนของขวัญเพื่อให้กำลังใจเช่นกัน เธอก็ยิ้มให้ฉันกลับมา “ไม่ต้องเดินไปส่งหรอก…แกดูลูกเถอะ”ฉันเอ่ยบอกขวัญไปในขณะที่เธอทำท่าจะเดินไปส่งฉัน“เค”ขวัญรับคำพร้อมกับพยักหน้าเข้าใจ ฉันก็หยิบกระเป๋าสะพายแบรนด์เนมขึ้นมาสะพายไหล่และเดินตรงดิ่งไปที่ประตูทางออกของห้องคอนโดของขวัญ ฉันสวมใส่รองเท้าส้นสูงเสร็จแล้วก็จับลูกบิดเปิดประตู
พรึบ“คุณลุงคะ….”ฉันลดกระจกฝั่งของฉันลงและเอ่ยเรียกคุณลุงพ่อค้าขายข้าวขาหมูหน้าซอยทางเข้าคอนโดฉันที่ตอนนี้เขาก้มหน้าก้มตาสับขาหมูบนเขียงไม้อยู่อย่างขะมักเขม้นในขณะที่ฉันจอดรถเทียบหน้าร้านของคุณลุง“จ้า…”คุณลุงพ่อค้าขานรับและเงยหน้าจากเขียงขึ้นมายิ้มให้ฉัน ฉันก็ยิ้มตอบเขา เพราะฉันเป็นลูกค้าประจำของลุงเขาน่ะ“เอาข้าวขาหมูสองกล่องค่ะ…”ฉันเอ่ยสั่งคุณลุงไป “พิเศษหนังเยอะๆนะคะ”คุณลุงก็มองหน้าฉันอย่างสงสัยและแปลกใจที่วันนี้ฉันสั่งสองกล่องแถมพิเศษหนังอีกเพราะปกติฉันไม่เคยสั่งหนังเลยยังไงล่ะ“ริ….ขุนไม่กินหนัง!”ขุนศึกที่เเอบอมยิ้มอยู่ที่เขาคงคิดว่าฉันสั่งขาหมูเพื่อเขาด้วยสินะ แต่เขาก็ต้องหุบยิ้มลงทันทีที่ได้ยินฉันสั่งคุณลุงต่อว่าพิเศษหนังหมูเยอะๆเพราะขุนศึกไม่กินหนังหมู โดยที่ฉันแอบมองเขาผ่านกระจกมองหลังน่ะ“ริ!”ขุนศึกเอ่ยเรียกฉันเสียงดังที่ฉันทำเป็นไม่ตอบเขาไม่พูดกับเขาแต่กลับหยิบโทรศัพท์ของตัวเองมาเปิดโซเซียลดูทำให้ขุนศึกหายใจฟึดฟัดอย่างไม่พอใจ พรึบขุนศึกได้โยกย้ายร่างกายของเขาจากเบาะหลังมานั่งด้านข้างคนขับแล้ว โดยที่ฉันก็ยังทำเป็นไม่สนใจเขาอยู่ดีพรึบ“เท่าไหร่คะ?”ฉันเอ่ยถามคุณลุงไปทันที
“^_^”ขุนศึกวิ่งอย่างไวเพื่อไปแย่งจานข้าวที่ฉันจะหยิบไปใส่ข้าวขาหมูแต่ก็โดนเขาแย่งไปถือไว้ซะก่อนพลางกรีดยิ้มหวานให้ฉัน ฉันก็ถอนลมหายใจออกมาก่อนจะเปลี่ยนใจเดินกลับไปที่ห้องนั่งเล่นโดยคราวนี้ไม่มีขุนศึกตามมาด้วยพรึบฉันเปิดโทรทัศน์ดูซีรี่ย์เกาหลีที่ฉันชอบพลางทรุดลงนั่งบนโซฟาด้วยท่าทางอ่อนเพลียเพราะเมื่อคืนกว่าฉันจะได้นอนและนอนได้แค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องตื่นไปทำงานที่จริงก็นอนหลับบ้างไม่หลับบ้างแหละพรึบฉันหยิบรีโมทเครื่องปรับอากาศเพื่อเพิ่มความเย็นภายในห้องและสายตาก็จับจ้องไปที่พระเอกซีรี่ย์ที่หล่อดูดีและเพอร์เฟคพลางยิ้มเขินกับท่าทางที่พระเอกกับนางเอกสวีทหวานกันพรึบ“ข้าวขาหมูพร้อมกับน้ำเปล่าเย็นๆมาเสริ์ฟให้แฟนของผมแล้วครับ^_^”เสียงหวานทุ้มของขุนศึกดังมาแต่ไกลพร้อมๆกับร่างสูงโปร่งของเขาที่ยกถาดจานข้าวขาหมูพร้อมแก้วน้ำเปล่าเข้ามาหาฉัน โดยที่ฉันก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจเขาจนเขาวางถาดข้าวลงบนโต๊ะตรงหน้าฉัน“เดี๋ยวขุนป้อนนะ^_^”ขุนศึกบอกฉันพลางใช้ช้อนตักข้าวขาหมูและยื่นจ่อมาที่ริมฝีปากของฉัน กลิ่นหอมๆของเครื่องปรุงน้ำขาหมูทำให้น้ำย่อยในท้องของฉันเริ่มทำงาน“อ้าาาาาา”ขุนศึกเอ่ยขึ้นพลางอ้าปากกว้าง
พรึบ“เอริ”ขุนศึกเรียกฉันเสียงดังอย่างตกใจอีกครั้งพลางลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจที่ฉันเดินเปลือยกายตรงดิ่งไปหาเขา ที่เขาทำท่าตกใจฉันขนาดนี้ก็เพราะว่าปกติฉันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนน่ะสิพรึบ“เออุ๊บ!”เขากำลังจะเรียกฉันอีกครั้ง แต่คราวนี้ฉันกลับไม่ปล่อยให้เขาได้เรียกฉันเพื่อเตือนสติฉัน ฉันกลับโน้มคอของขุนศึกมาและประกบริมฝีปากอวบอิ่มของเขาทันที“จ๊วฟฟฟฟ….”ฉันหลับตาพริ้มดูดดึงริมฝีปากล่างของขุนศึกอย่่างอ้อยอิ่ง ตอนแรกเขาก็ไม่ยอมจูบตอบฉันฉันจึงเบียดเสียดร่างกายอวบอิ่มของฉันให้เข้าไปประชิดกับร่างกายหนาของขุนศึกและเริ่มบรรเลงจุมพิตที่ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุด ขุนศึกก็อดทนไม่ไหวเริ่มจูบตอบฉันด้วยความร้อนแรงเช่นกัน“แผล๊บจ๊วฟ จ๊วฟ…”เราสองคนดูดดื่มริมฝีปากของกันและกัน มือหนาของขุนศึกก็ยื่นมาโอบเอวคอดของฉันทั้งสองข้าง มือเล็กของฉันก็เริ่มเลื่อนลงมาจากต้นคอเขาลงมาเรื่อยๆจนถึงกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขา ฉันไม่รอช้าปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาออกทันที“อื้อออ”เราทั้งคู่ครวญครางออกมาอย่างพึงพอใจในรสชาติจูบของกันและกัน“อึ!”ขุนศึกร้องออกมาอย่างตกใจที่ฉันดันร่างของเขาให้เดินถอยหลังไปยังโซฟาและจัดการผลักร่างของเ
พรึบขุนศึกผละใบหน้าหล่อออกไปจากแก้มของฉันอย่างช้าๆก่อนจะยื่นมือมาจับมือข้างซ้ายของฉันไปกุมไว้ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบอะไรสักอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกงผ้าเนื้อดีของเขา“เป็นเจ้าสาวของขุนนะครับ….”ขุนศึกเอ่ยขึ้นพร้อมกับสวมใส่แหวนเพชรเม็ดโตลงมาบนนิ้วนางข้างซ้ายของฉันอย่างแผ่วเบา“ขุนศึก….”ฉันเรียกเขาเสียงแผ่วเบาก่อนจะหันไปจ้องมองหน้าหล่อๆของเขาที่ยิ้มละมุนให้ฉันอย่างอ่อนโยน ฉันทั้งดีใจทั้งอัดอั้นตันใจจนพูดไม่ออก ฉันร้องไห้ออกมาก่อนจะโผ่เข้าสวมกอดร่างของขุนศึกอย่างไว“ขุนรู้….ว่าที่ริคบกับขุนเพราะริจำเป็นที่จะต้องใช้เงิน…”“แต่ริรู้ไหม….ว่าขุน…รักริจริงๆ….”ขุนศึกบอกรักฉันเสียงจริงจังและอ่อนโยน ฉันค่อยๆดันร่างของฉันออกมาจากอ้อมกอดของขุนศึกพรึบ“จ๊วฟ จ๊วฟ….”ฉันจูบปากของขุนศึกเพื่อเป็นการบอกให้เขาเลิกพูด ฉันดูดดื่มริมฝีปากล่างของขุนศึกริมฝีปากนุ่มนิ่มและหวานมากของเขาทำให้ฉันติดใจ ขุนศึกเองก็จูบตอบฉันกลับเป็นจูบที่อ้อยอิ่งและนุ่มนวลพรึบฉันผละริมฝีปากออกมาจากริมฝีปากของขุนศึกอย่างช้าๆ“ริรู้….ว่าขุนคิดยังไงกับริ….”ฉันเอ่ยออกไปพลางจ้องมองหน้าขุนศึกไปด้วย ฉันรู้ว่าเขาคิดยังไงกับฉัน เพราะถ้าเขาไม
"ยังมีอีกคน"แก้มหวานว่าพร้อมกับตบมือขึ้นสามครั้ง ฉันก็เงยหน้าไปมองเธอและก็มีผู้ชายผมเผ้ารกรุงรังหัวฟูสวมใส่เสื้อผ้าขาดๆเนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบอะไรไม่รู้สีดำฟันของมันดำทุกซี่ หน้าตาเป็นขี้กลากขี้เกลื้อนมันกำลังเดินมาหาฉันด้วยท่าทางที่เหมือนคนไม่เต็มเต็งอย่าบอกนะว่าเป็นคนสติไม่ดีเป็นคนบ้า"ผัวแกก็มีคนบ้าด้วย..ลูกแกต้องเกิดมาเป็นบ้าแน่เลยฮ่าๆๆๆๆๆ"แก้มหวานเอ่ยออกมาพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างสะใจฉันก็กำหมัดแน่นด้วยความคับแค้นใจ และโกรธเธอคนนี้คนที่ฉันไม่เคยคิดที่จะโกรธ แต่ครั้งนี้ฉันโกรธเธอและจะไม่มีวันให้อภัยเธอเด็ดขากเพราะเธอคิดไม่ดีกับลูกของฉัน ฉันไม่ยอม!!!!!"เจ๊ให้พวกผมก่อน.....ผมไม่อยากใช้ของต่อจากไอ้บ้านี้!!"ชายคนหนึ่งที่จับขาฉันยึดไว้หันไปบอกแก้มหวาน"ได้....ไอ้บ้าแกออกมาก่อน!!"แก้มหวานรับคำชายชุดดำก่อนจะหันไปเอ่ยบอกคนบ้า คนบ้าก็เหมือนจะพูดรู้เรื่องและมันก็หยุดอยู่กับที่"ให้พวกกูก่อน....เสร็จแล้วค่อยคิวมึง"ชายคนที่ถือเข็มฉีดยาเอ่ยขึ้น ตอนนี้มันนำยาไปไว้ในเข็มแล้วและมันก็ดันก้นสปริงออกมานิดหน่อยทำให้ตัวยาที่อยู่ด้านบนพุ่งออกมาเล็กน้อยก่อนที่มันจะเดินมาหาฉันพร้อมกับทำส
"เปล่าหรอก......ที่ผู้ชายเขาไม่เลือกเธอมันเป็นเพราะนิสัยของเธอมากกว่าล่ะแก้มหวาน""นิสัยของเธอ.....ลองมองย้อนดูกลับไปว่าอะไรที่เราสองคนไม่เหมือนกัน""นี่แกจะบอกว่านิสัยแกดีกว่าฉันเหรอ?"แก้มหวานกดเสียงต่ำจ้องฉันด้วยแววตาแข็งกร้าวกว่าเดิม เธอพร้อมที่จะประทุอารมณ์ใส่ฉันได้ทุกเมื่อ"ไม่ใช่.....ฉันแค่อยากจะบอกว่าบางทีทัศนคติหรือความชอบความคิดเห็นสองผู้ชายสองคนนั้นไม่ตรงกับเธอ""แต่มาตรงกับฉันมากกว่า"ฉันเอ่ยออกไปอย่างในความคิดฉันจริงๆแต่ดูเหมือนคำพูดของฉันจะทำให้แก้มหวานไม่พอใจฉันเพิ่มขึ้นไปอีกดูจากการจับเส้นผมของฉันดึงก็รู้ได้เพราะว่าเธอดึงมันแรงขึ้นจนฉันรู้สึกเจ็บจี๊ดไปที่ศีรษะนาทีนี้ฉันไม่ควรจะยั่วโมโหแก้มหวาน เพื่อความปลอดภัยของตัวฉันเองและลูกในท้องของฉัน"หึ.....เข้าข้างตัวเองจริงๆนะ.....ถ้าแกไม่ให้ท่าเควินเขาก็ไม่มีวันสนใจแกหรอก""เขาเชื่อฟังฉันและเอาใจฉันมาตลอดแต่พอมีเเกเข้ามายุ่มย่ามในชีวิตของเขา.....เขาก็เปลี่ยนไป""เขาทำตัวห่างเหินกับฉันไม่เหมือนเมื่อก่อน.....เควินชีวิตของเขาไม่เคยได้รู้จักผู้หญิงคนไหนเป็นพิเศษ....เขาเลยไม่รู้ว่าผู้หญิงน่ะมันตอแหล!!!""เหมือนเธอไงเอริ.....ทำตัวใ
ฉันก็มองจ้องเธอเขม่น แววตาสั่นไหวอย่างไม่ไว้ใจเธอ"แกมีผัวอยู่แล้วและยังจะมายุ่งกับผัวคนอื่นอีกทำไม!!"แก้มหวานตะโกนใส่หน้าฉันสีหน้าและแววตาของเธอที่จ้องมองมาที่ฉันเเปรเปลี่ยนไปเป็นแข็งกร้าวและไม่พอใจและเธอก็เอื้อมมือมาจับผมของฉันพร้อมกับออกแรงกระชากจนหน้าฉันหงายไปข้าง"โอ้ย!""เธอพูดเรื่องอะไรแก้มหวาน.....ฉันไม่เคยไปยุ่งกับสามีของใคร"ฉันเอ่ยบอกแก้มหวานไปพร้อมกับน้ำตาแอบเล็ดไปด้วยเพราะฉันรู้สีกเจ็บที่หนังศีรษะมาก เพราะแก้มหวานเธอดึงผมฉันแรงมากแรงเหมือนอยากจะดึงมันให้ขาดออกไปจากหนังศีรษะฉันฉันก็ใช้มือของตัวเองมั้งสองข้างมาจับมือของแก้มหวานที่จับผมฉันไว้ให้เธอปล่อยผมฉันแต่เธอก็ยิ่งกำมันและออกแรงดึงมันให้แรงขึ้นแรงขึ้นและแรงขึ้น"ยังจะมาตีหน้าซื่ออีกเหรอแกนี่มันมารยาสาไถยจริงๆ""ไม่เข้าใจว่าพวกผู้ชายชอบผู้หญิงแบบแกลงไปได้ยังไง"แก้มหวานเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงและแววตาดูถูกฉัน ฉันก็จ้องมองเธอด้วยความงุนงงว่าเธอพูดถึงใครกันและใครกันที่ฉันไปแย่งสามีเขามาเท่าที่ฉันจำได้ ฉันไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนไหนเลยนะ ไม่ว่าจะที่ทำงานหรือที่ไหน"แกแย่งผู้ชายที่ฉันรักไปทั้งสองคน......""และก็เป็นแกที่ท
"ไอ้จอม?"ผมหันไปทันทีที่ได้ยินเสียงที่ผมโคตรจะไม่อยากได้ยิน แต่ก็ต้องได้ยินเพราะพี่ชายต่างแม่ของผมกำลังยืนมองหน้าผมอยู่ด้วยสีหน้าแปลกใจ หน้าตามันโคตรกวนตีน ยิ่งเห็นหน้ามันยิ่งหงุดหงิด ยิ่งหงุดหงิดก็ยิ่งเกลียดมัน "มึงมาทำไม?"ผมถามมันไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบอย่างชัดเจนว่าผมไม่อยากเจอมัน "กูมาหาเอริ..."มันตอบผมมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆเช่นกันแต่หน้าตาโคตรกวนประสาท ผมเกลียดชี้หน้ามันชิบหาย เพราะมันพ่อถึงไม่เคยรักผม "แล้วมึงมาทำอะไรที่นี่หรือว่า....มึงอยู่กับริเหรอ?"มันถามผมมาพลางชี้มาที่ผมด้วยหน้าตาเหมือนหมาสงสัย "เอ่อกูกับริกำลังมีลูกด้วยกัน.....แค่นี้มึงก็ควรจะรู้ได้แล้วนะว่าเลิกยุ่งกับเมียกูสักที"ผมอ่ยบอกไอ้จอมไปเสียงเเข็ง มันก็มองมาที่ผมด้วยสายตาตกใจแต่แวบหนึ่งผมก็เห็นเหมือนสายตาเป็นประกายในดวงตาคู่สวยของมันแต่ผมไม่มั่นใจเพราะเห็นแค่กระพริบตาเดียวเท่านั้น ที่ผมพูดกันท่าแบบนี่ทั้งที่ผมเองก็รู้ตัวดีว่าผมไม่มีสิทธิ์แต่ผมไม่อยากให้เอริคบกับไอ้จอม เพราะไอ้จอมมันก็เจ้าชู้ไม่ต่างจากผม มันน่ะ......เปลี่ยนผู้หญิงบ่อยยิ่งกว่าผมเสียอีก ผมไม่อยากให้ริต้องกลับไปเจ็บแบบที่เคยเจ็บมาอีกแล้ว.....ผ
เธอก็บอกว่าจะไม่แก้แค้นอะไรผมอีกแล้ว แต่ขอสู้คดีให้ถึงที่สุด ถ้าผมแพ้ ผมก็ต้องยอมรับชะตากรรม เธอบอกว่าถือเสียว่าผมชดใช้กรรมให้เธอ ผมก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะผมมั่นใจว่าผมจะไม่แพ้คดีนี้แน่ ผมรีบเดินออกมาจากห้องและเดินไปยังห้องฝั่งตรงข้ามที่เป็นห้องของเควิน ที่ผมเองก็เพิ่งจะรู้ว่าคอนโดนี้เควินเป็นเจ้าของ โดยมันให้เอริอยู่ห้องมันฟรีๆดูก็รู้ว่ามันชอบเอริ และจ้องจะเคลมเธอและที่ผมรู้ไปกว่านั่นอีกคือเควินเป็นลูกชายของผู้ชายที่แก้มหวานแต่งงานด้วยออดดดดดดดดดดดดผมกดออดห้องของเควินอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่มีใครมาเปิดประตูให้ผมสักที สงสัยมันจะไม่อยู่จริงๆหรือมันจะออกไปกับเอริ"ขอให้แน่ใจหน่อยจะได้หมดห่วง"ผมพูดออกมาอย่างยอมรับชะตากรรมถ้าเอริจะชอบผู้ชายคนนี้ผมก็คงจะไม่มีสิทธิ์ไปขัดขวางอะไรเธอ เพราะผมกับเธอมีหน้าที่เป็นพ่อแม่ของลูกเท่านั้น ส่วนสถานะอย่างอื่นเราก็เป็นเพื่อนกันผมเดินเข้าลิฟต์ไปยังชั้นล่างและเดินมุ่งตรงไปยังเคาน์เตอร์ของประชาสัมพันธ์ที่มีไว้ต้อนรับลูกค้าและดูแลคนที่อยู่ในคอนโคนี้"ผมขอเบอร์คุณเควินหน่อยได้ไหมครับ""พอดีผมมีเรื่องจะคุยกับเขาน่ะครับ"ผมเอ่ยบอกพนักงานผู้หญิงที่ทำหน้าที่ประ
คอนโดเควินห้องของเอริ19:00น.ขุนศึก ขุนณรงค์...."ริไปไหนเหรอครับป้าบัว....มืดแล้วยังไม่เห็นกลับมาเลย?"ผมเอ่ยถามป้าบัวไปในขณะที่ท่านกำลังเก็บจานข้าวที่ผมเพิ่งกินเสร็จอยู่ที่จริงผมนั่งชะเง้อคอมองเอริมาตั้งแต่ที่เห็นเธอแต่งตัวออกไปตั้งแต่ตอนห้าโมงเย็นแล้ว กะว่าเธอไปแค่แปปเดียวก็คงจะกลับเพราะไม่เห็นเธอบอกผมว่าเธอจะไปไหน"เห็นว่าออกไปหาเพื่อนนะคะ....คุณขุนศึกมีอะไรหรือเปล่าคะ?""อ้อเปล่าครับ.....ผมเห็นว่ามันเริ่มมืดแล้ว....."ผมเอ่ยบอกป้าบัวไปอย่างเป็นห่วงสีหน้าเป็นกังวลขึ้นมาเพราะเอริเป็นผู้หญิงและกำลังท้องอยู่ด้วยไม่น่าจะออกไปข้างนอกคนเดียวแบบนี้นะหรือว่าเธอจะออกไปหาเพลงขวัญ"ลองโทรหาดูไหมคะ.....""เดี๋ยวผมโทรเองครับป้า....ขอบคุณมากนะครับ""โอเคค่ะงั้นป้าขอตัวไปดูคุณหญิงก่อนนะคะ""ครับป้า.....เดี๋ยวผมรอริสักพักก็จะเข้าไปดูคุณแม่นะครับ""ค่ะ.....เดี๋ยวป้านอนเฝ้าคุณหญิงเองค่ะ....คุณขุนศึกไปนอนพักผ่อนเถอะค่ะ""ครับ....ขอบคุณมากนะครับ"ผมเอ่ยบอกป้าบัวไปอย่างซาบซึ้งใจที่ท่านดีกับผมและคุณแม่ของผมจากใจจริงท่านไม่คิดที่จะทอดทิ้งผมและคุณแม่......ในความโชคร้ายของผมก็ถือว่ายังมีโชคดีอยู่บ้างที
"กะจะเผาทั้งเป็นแม่ของขุนศึกเลยนะ""เธอร้ายกาจมากมากจนฉันอยากรู้ว่าแก้มหวานแค้นอะไรขุนศึกมากมายขนาดที่จะฆ่าจะแกงกันได้"นามิเอ่ยออกมาอย่างไม่เข้าใจและอยากรู้มากๆ"ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับเราทั้งสามคนในเมื่อก่อนมันจะเป็นต้นเรื่องที่ทำให้แก้มหวานแค้นฉันขนาดนี้ไหม"ฉันเอ่ยออกไปเสียงแผ่วเบามันถึงเวลาแล้ว ที่ฉันจะต้องไปเผชิญหน้าและถามแก้มหวานตรงๆว่าสิ่งที่เธอทำงไปในตอนนี้ เพราะอยากจะเอาคืนขุนศึกที่เขาทำกับเธอตอนที่เธอเรียนอยู่มหาลัยใช่ไหมเพราะสิ่งที่ขุนศึกไม่ตั้งใจในคราวนั้นแต่กลับทำให้คนที่ถูกกระทำเครียดแค้นเอาเป็นเอาตายขนาดนี้"ฉันขอตัวก่อน"ฉันเอ่ยขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มความสูงนามิก็ลุกขึ้นพรวดพราดตามฉันมาทันทีด้วยความตื่นตกใจ"เธอจะไปไหนไม่เอาหลักฐานแล้วหรือไง""ไม่แล้วล่ะ....ฉันไม่ต้องการมันแล้ว"ฉันเอ่ยบอกนามิไปก่อนจะหยิบกระเป๋าเงินและจำ้อ้าวเดินออกมาจากร้านอาหารนี้อย่างไวตอลดทางเดินฉันหยิบโทรศัพท์ไอโฟนเครื่องแพงของตัวเองขึ้นมากดดูบันทึกรายการบันทึกเสียงฉึก"โอ้ย!!"ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจและความเจ็บปวดที่แล่นแวบเข้ามาที่ก้านคอของฉันฉันจึงรีบเอามือไปคลำดูก็พ
"ฉันเลยเตรียมของมาให้เธอได้พิสูจน์....ว่าฉันไม่โกงเธออย่างแน่นอน"ฉันก็มองหน้านามิอย่างจ้องเขม็งและสงสัยในสิ่งที่เธอพูด เธอเตรียมอะไรมาให้ฉันพิสูจน์"ในรถฉันมีโน้ตบุ๊กอยู่....เธอจะไปดูมันกับฉันไหมล่ะ?"นามิเอ่ยถามฉันมา ฉันก็จ้องเธออย่างไม่วางใจ"ฉันเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆจะไปทำอะไรเธอได้.....?"เธอก็เอ่ยออกมาเสียงใสอย่างรู้ทันความคิดของฉัน"ในนั้นมีหลักฐานทั้งหมดจริงๆใช่ไหม?"ฉันเอ่ยถามนามิไป เธอก็ยกยิ้มที่มุมปากขึ้นอย่างคนที่เหนือกว่าก่อนจะพยักหน้าเป็นคำตอบให้ฉัน"หลักฐานที่แก้มหวานโกงบริษัทของคุณหญิงนฤมิตรจนทำให้ทั้งคุณหญิงและขุนศึกต้องถูกกล่าวหาว่าเป็นคนคดโกง""ใช่...."นามิตอบมาเสียงดังฟังชัด ฉันก็ทำหน้านิ่งเฉยและเอ่ยถามเธอต่อไป"แก้มหวานเป็นคนอยู่เบื้องหลังแผนการทั้งหมด......ทั้งเรื่องที่โยนความผิดว่าคุณหญิงนฤมิตรฟอกเงินที่ผิดกฎหมายจากประเทศเพื่อนบ้าน""เป็นคนต้นคิดการเทรดเงิน....โดยใช้การเทรดเงินเป็นเบื้องหน้าให้คุณหญิงนฤมิตรตายใจและให้คุณหญิงเปิดบัญชีเป็นชื่อของท่านเพียงคนเดียวและนำเงินที่ฟอกมาทั้งหมดโอนใส่ไปในบัญชีของคุณหญิง"นามิเอ่ยออกมา ฉันก็จ้องมองหน้าเธอด้วยท่าทางนิ่งเฉย ฉันต้องทำ
"เธอเป็นใคร"ฉันเอ่ยถามปลายสายที่เป็นเสียงผู้หญิงออกไปน้ำเสียงของปลายสายฟังดูคุ้นหูฉันมาก (นามิเอง....) "นามิ....เธอมีอะไรกับฉัน" (ฉันมีเรื่องเกี่ยวกับขุนศึกอยากปรึกษาเธอ) "เรื่องอะไร?" (หลักฐานทั้งหมดเกี่ยวกับคดีที่ขุนศึกเจออยู่ในตอนนี้.....ถ้าได้หลักฐานอันนี้ไปเขาพ้นคดีแน่) "แล้วเธอไปเอามาจากไหน?"ฉันเอ่ยถามนามิไป ในใจฉันสงสัยและไม่เข้าใจเธอว่าเธอจะช่วยขุนศึกทำไม ในเมื่อก่อนหน้านี้เรื่องของสองคนนี้จบกันไม่ดีเท่าไหร่ อาจจะมองหน้ากันไม่ติดถึงขั้นเกลียดขี้หน้ากันเลยก็ได้ (ฉันโดนนังแก้มหวานหักหลัง....มันเป็นคนต้นเรื่องทั้งหมด) (ฉันพูดจริงๆเอริ....ตอนนี้ฉันกับแม่กำลังเดือดร้อน....ฉันขอขายหลักฐานของขุนศึกให้เธอในราคาสิบล้านก็ได้) (ฉันกับแม่จะใช้เงินก้อนนี้เป็นก้อนหลบหนีนังแก้มหวาน) (มันราวีชีวิตของฉันกับแม่ไม่เลิกนะเอรินะ) (นังแก้มหวานมันสั่งให้ฉันเข้าไปตีสนิทก้บขุนศึกมันอยู่เบื้องหลังทุกอย่างทั้งเรื่องที่คุณหญิงโดนฟ้องว่าฟอกเงิน....การเทรดหุ้นที่ไม่เอาเงินไปเทรดแต่เอาไปใช้เอง....ตลาดหุ้นที่ผิดกฏหมาย) (นังแก้มหวานมันเป็นคนวางแผน....ฉันมีคลิปวิดีโอในการคุยของฉันกับมันในตอนที่มัน