คอนโดเอริ 22:00น. เอริ ฐิติมน….. “ขอบคุณคุณจอมพลมากนะคะ…ที่มาส่ง”ฉันหันไปเอ่ยบอกคุณจอมพลพลางยกมือไหว้ขอบคุณเขา เขาก็ยิ้มและยกมือรับไหว้ฉัน “ไม่เป็นไรหรอก….ยังไงๆเธอก็เหมือนเป็นน้องสาวของพี่อีกคน…” “ค่ะ…ขอบคุณนะคะ” “ขึ้นห้องเถอะ…มันดึกแล้ว” “ค่ะ”ฉันยิ้มบางๆให้คุณจอมพลและปลดสายเบลท์และเปิดประตูรถสปอร์ตคันหรูของคุณจอมพลลงมา พรึบ ฉันยืนส่งคุณจอมพลจนรถสปอร์ตของเขาแล่นออกไปจากคอนโดฉันเรียบร้อยแล้ว ฉันจึงหันหลังเดินเข้าไปในคอนโดหรูของฉันที่ขุนศึกเป็นคนซื้อให้ฉันเมื่อสองปีที่แล้วที่จริงเขาซื้อรถยนต์ให้ฉันเป็นรถยี่ห้อดังสีขาวแต่ฉันไม่ค่อยได้ขับส่วนมากจะขับรถของขุนศึกเป็นประจำ วันนี้ฉันไม่ได้ขับรถไปทำงานจะนั่งแท็กซี่กลับคุณจอมพลก็ไม่ยอม เขาอาสามาส่งฉันแทนขุนศึกที่ขับรถแลมโบกินี่ของเขาออกไปเที่ยวกับนามิ พรึบ “เฮ้อ….”ฉันผ่อนลมหายใจออกมาเมื่อขึ้นมาถึงห้องนอนของฉันที่อยู่ชั้นที่สิบได้แล้ว ฉันก็โยนกระเป๋าแบรนด์เนมรุ่นลิมิเตดที่ขุนศึกซื้อให้ฉันเมื่อสองเดือนก่อนตอนที่เราไปเจรจางานที่ฝรั่งเศสและตามด้วยทิ้งร่างที่เหนื่อยล้าของตัวเองลงบนโซฟาตัวใหญ่นุ่มนิ่มอย่างเหนื่อยอ่อนเหนื่อยกายยังไม่เท่าไ
“อ้อค่ะ^_^”เธอก็พยักหน้ารับรู้ ผมก็ยิ้มให้เธอและยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกต่อสายตาก็จับจ้องผู้หญิงที่กำลังยืนโยกย้ายส่ายสะโพกไปมาพลางส่งสายตาเชื้อเชิญให้ผม ผมก็กระตุกยิ้มและก้มศีรษะลงเล็กน้อยเพื่อตอบรับไมตรีของเธอที่กำลังจะยื่นให้ผมพรึบ“เดี๋ยวพี่มานะครับ…”ผมหันไปเอ่ยบอกนามิ เธอก็หันมามองหน้าผมทันที“พี่ขุนจะไปไหนคะ?”เธอเอ่ยถามผมกลับมาด้วยความสงสัย“ไปเข้าห้องน้ำครับ…”ผมบอกเธอไป“อ้อค่ะ…”เธอก็ตอบรับผมพลางพยักหน้าเข้าใจ ผมก็ยิ้มบางๆให้เธอและวางแก้วเหล้าในมือลงบนโต๊ะทรงกลมและลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเดินออกมาจากโต๊ะของผมพรึบ“แฟนเหรอคะ?”เสียงหวานเอ่่ยถามผมในขณะที่ผมเดินผ่านประตูหลังที่เป็นจุดเชื่อมไปห้องน้ำมาแล้ว ทำให้ผมกระตุกรอยยิ้มขึ้นมาอย่างมีเลศนัยและรู้ทันทีว่าเจ้าของเสียงที่เอ่ยถามผมอยู่นั้นเธอคือใคร เธอก็คือผู้หญิงที่เชื้อเชิญหยิบยื่นมิตรไมตรีให้ผมเมื่อกี้นี้ยังไงล่ะครับพรึบ“ไม่ใช่หรอกครับ….”ผมหันไปมองยังต้นเสียงที่อยู่ด้านหลังผม“แฟนไม่ได้มา…”ผมตอบเธอไป เธอก็กระตุกยิ้มผมก็มองรูปร่างที่อยู่ภายใต้เกาะอกสีทองของเธอและสั้นจู๋จนเห็นแก้มก้นอวบอิ่มของเธอ“แฟนไม่มา…แสดงว่า…”เธอลากเสียงยาวก่อน
พรึบ“อ๊อกกกกกก”“จ๊วฟฟฟฟ”“อ่าห์ซี๊ดดดด”เสียงคำรามอย่างสุขสมของขุนณรงค์ครวญครางขึ้นเมื่อหญิงสาวหน้าสวยหุ่นเอ็กซ์ที่เจอกันในผับเพียงแค่มองตาก็รู้ว่าต่างคนต่างพึงพอใจในตัวของกันและกัน กำลังดูดดื่มเอร็ดอร่อยกับท่อนเอ็นยักษ์แท่งร้อนของขุนณรงค์อยู่ มือเล็กของเธอก็ยื่นไปลูบไล้กลีบกุหลาบที่มีขนนุ่มปกคลุมอย่างเสียวซ่าน มือหนาทั้งสองข้างของขุนณรงค์ก็จัดการจับศีรษะของคู่ขาวันไนท์สแตนด์ของเขาขึ้นลงไปกับท่อนเอ็นยักษ์ของเขาตามแรงจังหวะความเสียว“อ๊อกกกอ้วก…”ร่างเล็กสำลักดวงตาแดงก่ำเมื่อขุนณรงค์เด้งสะโพกสอบของเขากดท่อนเอ็นกระแทกเข้าไปในโพรงปากนุ่มของหญิงสาวตรงหน้าอย่างแรงทำให้ท่อนเอ็นยักษ์กระแทกโดนลิ้นไก่ของเธอเข้าอย่างจัง“แผล๊บๆๆๆ”เมื่อเธอตั้งตัวหายสำลักได้แล้วก็จัดการยื่นปลายลิ้นร้อนเลียตวัดไปรอบๆหัวยักษ์เบ่งบานที่ตอนนี้ขยายลำใหญ่โตเส้นเลือดปูดโปนไปทั้งลำพรึบ“เลียให้ฉันบ้างสิ….”“ผมไม่เลียHEEของคนอื่น….”ขุนณรงค์ตอบเสียงเข้มอย่างจริงจัง“แต่เลียให้แฟนสินะ….”เธอถามอย่างน้อยใจที่คู่ขาของเธอในค่ำคืนนี้ไม่ยอมใช้ลิ้นปรนเปรอความสุขให้เธอ แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเธอเองก็พึงพอใจในขนาดของท้อนเอ็นยักษ์
“ใส่ให้ด้วยดิ…”เสียงเรียบๆของขุนณรงค์เอ่ยขึ้น“ใหญ่ขนาดนี้….จะใส่ได้เหรอคะ?”หญิงสาวเงยหน้าจากลำกายใหญ่ขึ้นมามองหน้าขุนณรงค์พลางทำสีหน้าสงสัย“หึ….ถ้าตามท้องตลาดทั่วไป…ใส่ไม่ได้หรอก….”ขุนณรงค์ว่าพลางยิ้มที่มุมปาก หญิงสาวก็พยักหน้าเห็นด้วยกับเขาและเธอก็จัดการใช้ฟันของเธอขบกัดซองสีเงินของถุงยางอนามัยให้ฉีกขาด“อ่าาาาาาาห์”เสียงหวานของขุนณรงค์คำรามขึ้นมาอีกครั้งเมื่อก่อนที่ร่างบางจะสวมใส่ถุงป้องกันเธอได้รูดท่อนเอ็นยักษ์ของเขาและถ่มน้ำลายลงไปบนท่อนเอ็นของขุนณรงค์และรูดอุ้งมือขึ้นลงสร้างความเสียวซ่านให้ขุนณรงค์เป็นอย่างมาก พรึบ“อย่าช้า…ฉันมีอีกคน..”ขุนณรงค์บอกในขณะที่หญิงสาวตรงหน้าเขาไม่ยอมสวมใส่ถุงป้องกันท่อนเอ็นของเขาสักที เธอก็เบะปากเล็กน้อยอย่างนึกขัดใจ และเธอก็เริ่มสวมใส่เครื่องป้องกันลงไปบนลำกายใหญ่ของขุนณรงค์ที่รู้ดีว่าผู้หญิงตรงหน้านี้อยากจะโดนเขาเสียบสดแต่เขาทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะเขาแค่รักสนุกแต่ไม่อยากผูกพันและไม่อยากติดโรคร้ายด้วย เมื่อหญิงสาวสวมเครื่องป้องกันเสร็จแล้ว เธอก็ยันตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง โดยมีสายตาเจ้าเล่ห์ของผู้ชายหน้าหล่อและดูดีออร่าสะดุดตาของสาวๆนักท่องราตรีในค
วันต่อมา09:00น.ห้องประชุมใหญ่ บริษัทKAเอริ ฐิติมน…..พรึบ“สวัสดีค่ะ….”“ท่านคณะกรรมการและผู้ถือหุ้น…..ที่เคารพทุกๆท่าน”ฉันกล่าวคำทักทายคณะผู้บริหารและผู้ถือหุ้นของบริษัทKAทุกๆคนที่มีไม่ต่ำกว่าสามสิบท่านในห้องประชุมขนาดใหญ่นี้ โดยมีฉันนั่งอยู่ที่นั่งตรงด้านหน้าของคณะกรรมการทุกคนที่นั่งหันหน้าชนกับฉัน ข้างกายฉันมีรองประธานบริษัทนั่งอยู่ คุณจอมพลจะคอยเป็นผู้นั่งฟังแบบนี้ตลอดในเวลาที่ไม่ขุนศึก เขาจะให้ฉันเป็นคนพรีเซนต์งานทั้งหมดเพราะเขาจะไม่ก้าวก่ายและทำเกิดหน้าที่ของตัวเองเพราะคุณหญิงนฤมิตรไม่ค่อยชอบคุณจอมพลสักเท่าไหร่ เพราะคุณพ่อของคุณจอมพลรักคุณแม่ของคุณจอมพลมากกว่าท่าน ฉันรู้คร่าวๆมาเพียงเท่านี้“ดิฉัน…ในฐานะเลขาธิการของท่านประธานบริษัทKA…ขอเป็นผู้ดำเนินการประชุมในครั้งนี้ค่ะ…”ฉันพูดเป็นภาษาไทยและต่อด้วยภาษาอังกฤษเพราะคณะกรรมการของบริษัทขุนศึกมีทั้งคนไทยคนอังกฤษและคนหลายๆประเทศมารวมตัวกันโดยจะแบ่งหุ้นกันไปแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ หุ้นห้าสิบเปอร์เซ็นต์เป็นของขุนศึกผู้ดำรงตำแหน่งท่านประธานบริษัทKA บริษัทKAของขุนศึกเป็นบริษัทแม่ของทุกๆสาขาทำการธุรกิจห้างสรรพสินค้าทั้งในและต่างประเทศรวมๆแ
“ไอ้ขุน…ไปไหน?”คุณจอมพลขยับใบหน้าเข้ามาเอ่ยถามฉันเสียงแผ่วเบา“ไม่ทราบค่ะ…”ฉันตอบคุณจอมพลไปด้วยท่าทางสุภาพ เขาก็มองหน้าฉันด้วยแววตาเรียบเฉย ฉันก็ละสายตาจากเขามาก้มหน้าจดรายงานการประชุมต่อ ฉันต้องทำหน้าที่บันทึกการประชุมในตำแหน่งเลขาและทำหน้าที่แทนท่านประธานที่ป่านนี้คงจะไปนอนกกผู้หญิงที่ไหนสักที่นั้นแหละ“มิสฐิติมน….”“ค่ะ^_^”ฉันเงยหน้าขึ้นมาทันทีที่มีเสียงเรียกชื่อฉัน เขาคือคุณจอนเทเลอร์ผู้ถือหุ้นสิบเปอร์เซ็นต์ประจำสาขาที่ลอสแอนเจลิสในเมืองของแคลิฟอร์เนียที่มียอดขายพุ่งกระฉูดขึ้นทุกเดือน“พวกเราพูดคุยกันแล้ว….ทุกคนไม่มีความคิดเห็นอะไรหรือข้อเสนอใดๆ…แต่พวกเราคิดว่า…”คุณจอนเทเลอร์เอ่ยขึ้นเป็นภาษาอังกฤษ ฉันก็ยิ้มและพยักหน้ารับรู้คำพูดของเขา“คุณฐิติมนคงมีข้อเสนอดีๆเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมาเสนอให้พวกเราฟัง^_^”ฉันยิ้มกว้างพลางก้มศีรษะให้คุณจอนเทเลอร์เพื่อเป็นการน้อมรับคำชม“ขอบคุณสำหรับการไว้วางใจที่ทุกๆท่านมีให้ดิฉันนะคะ….”ฉันลุกขึ้นยืนอีกครั้งและโค้งตัวทำความเคารพคณะกรรมการและผู้ถือหุ้นทุกๆท่านอย่างเคารพและดีใจที่ทุกคนเชื่อมั่นและไว้วางใจในตัวของฉัน“ด้วยความยินดีครับ^_^”ท่านคณะกรรมกา
15:00น.หน้าห้องท่านประธานบริษัท……เอริ ฐิติมน…..ตึกๆๆๆๆๆๆ“เข้าไม่ได้นะคะ…”“ท่านประธานไม่อยู่ค่ะ…”“คุณคะ!”“มีอะไรคะ?”ฉันรีบเดินออกมาจากโต๊ะประจำของฉันที่อยู่หน้าห้องของท่านประธานก็เอ่ยขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของคุณออมสินและเอ่ยถามคุณออมสินไป แต่ก็ต้องตกใจกับผู้หญิงที่สวมชุดเดรสสีขาวลายลูกไม้ผมยาวสีดำหน้าตาถูกแต่งเติมด้วยโทนสีชมพู“คุณนามิ…..สวัสดีค่ะ…”ฉันเอ่ยเรียกชื่อเธอพร้อมกับยกมือไหว้ตามมารยาทถึงเธอจะอายุน้อยกว่าฉัน แต่ในตอนนี้ฉันอยู่ในหน้าที่ซึ่งเธอเป็นแขกของเจ้านายฉัน ฉันควรจะให้เกียรติเธอ“ฉันมาหาพี่ขุนศึก”นามิไม่ได้รับไหว้ฉัน เธอกลับเดินตรงดิ่งมาประจันหน้ากับฉันพร้อมกับเอ่ยเสียงแข็งขึ้นมา แววตาของเธอที่ใช้มองฉันในตอนนี้มันทำให้ฉันมั่นใจเรื่องเมื่อคืน ว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุแน่นอน แต่เธอจงใจตักข้าวสวยมาใส่มือฉัน“ออมขอโทษนะคะ…คุณเอริ…พอดีออมบอกคุณคนนี้แล้ว…แต่คุณเขาไม่ฟังนะคะ…”คุณออมสินพนักงานต้อนรับที่ยืนอยู่ด้านหลังของนามิเอ่ยขึ้นอย่างน้ำเสียงเศร้าลงอย่างรู้สึกผิดที่เธอทำหน้าที่ของเธอได้ไม่ดีพอ“ไม่เป็นไรค่ะ….คุณนามิเป็นแขกของท่านประธาน…คุณออมสินกลับไปประจำที่เดิ
พรึบ“คุณก็รู้….ว่าฉันอยู่ในสถานะไหน….”ฉันถอยร่างตัวเองหนีจากใบหน้าเจ้าเล่ห์ของคุณจอมพลอย่างช้าๆและเอ่ยบอกเขาไป“ในสายตาของคนอื่น…หรือ…ในสายตาของฉัน?”เขายกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งและเอ่ยถามฉัน ฉันก็เม้มปากเป็นเส้นตรงจ้องแววตาแพรวพราวและท้าทายของคนตรงหน้าอย่างไม่รู้จะตอบเขาว่าอะไร สิ่งเดียวที่ขุนศึกและคุณจอมพลมีเหมือนกันก็คือ ความเจ้าชู้หว่านเสน่ห์สาวๆไปทั่ว“ถ้าเธอไม่ตอบ….ฉันตอบให้เธอเองก็ได้….”เสียงเรียบๆเอ่ยออกมาจากริมฝีปากสีชมพูอวบอิ่มของคนตรงหน้าพลางยกยิ้มที่มุมปากขึ้น“ในสายตาของฉัน….เธอคือว่าที่น้องสะใภ้ในอนาคตหรืออาจจะไม่ใช่….เพราะน้องชายฉัน…ที่เป็นแฟนของเธอหึ….”“ไม่พูดดีกว่า….เพราะรู้ๆกันอยู่…”“และในสายตาของคนอื่น…เธอคือเลขาธิการที่ทั้งสวยทั้งเก่ง…ฉลาดรอบด้าน….เป็นที่หมายตาและหมายปองของนักธุรกิจและนักร่วมลงทุนมากมาย….”“หนึ่งในนั้น…มีฉัน….รวมอยู่ด้วย”คุณจอมพลว่าพลางเหยียดยิ้มที่มุมปากขึ้นพลางมองจ้องฉันด้วยสายตาแพรวพราวพรึบฉันลุกขึ้นยืนทันทีทำให้คุณจอมพลก็ยิ้มกว้างออกมาและเขาก็ยันตัวไปนั่งหลังตรงเหมือนเดิมและมองหน้าฉันด้วยแววตากรุ้มกริ่ม“ดิฉันคิดว่า….ท่านรองไม่สมควรที่จะคิดอะไรกั
"และมีมันไว้ริจะได้อุ่นใจ""และอีกอย่าง....ไม่มีผู้หญิงคนไหนเต็มใจที่จะอยู่กับคนที่มีแต่ตัวอย่างขุนหรอก....ริสบายใจได้"คำพูดของขุนศึกที่ดูมั่นอกมั่นใจทำให้ฉันต้องรีบเปิดเอกสารในซองสีน้ำตาลที่ขุนศึกเพิ่งจะยื่นให้ฉันเมื่อกี้เปิดดูทันทีเพราะคำพูดของเขามันแปลกๆเขาพูดเหมือนจะยกทุกอย่างที่เขามีให้เป็นของฉัน เพราะเขาพูดเหมือนเขาจะเหลือแต่ตัวและก็เป็นไปอย่างที่ฉันคิดจริงๆเอกสารที่เขายื่นให้ฉันเมื่อกี้นี้เป็นเอกสารโอนยกมรดกให้เป็นชื่อฉันแต่เพียงผู้เดียวทั้งบ้านหลังนี้ และบริษัทSMครึ่งหนึ่งที่เคยเป็นของคุณหญิงนฤมิตรแต่ก่อนหน้านี้คุณหญิงเพิ่งจะโอนให้เป็นของขุนศึกก็ถูกโอนให้มาเป็นของฉันและรวมถึงบริษัทAKด้วยที่ชื่อการจดทะเบียนบริษัทก็เป็นชื่อฉัน และยังดำรงตำแหน่งประธานบริษัทคนใหม่ให้อีกด้วย"ทุกอย่างในนี้คงจะเป็นเครื่องหมายการันตีให้ริเห็นแล้วใช่ไหม....ว่าขุนจริงใจกับริแค่ไหน""แต่ริไม่ต้องกังวลนะ...ขุนจะยังคงทำงานแบบเดิมเหมือนตอนที่ขุนยังคงดำรงตำแหน่งอยู่""ริทำใจให้สบายคอยเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวให้ขุนและคอยรับเงินปันผลรายปีก็พอ"ขุนศึกเอ่ยออกมาพร้อมกับยิ้มกริ่มไปด้วยรอยยิ้มที่อิ่มเอมใจ เขาเต็มใ
"ริ.....ขอโทษนะขุน....แต่ริยังไม่พร้อม"เมื่อคำพูดออกจากปากฉัน ทุกอย่างรอบตัวก็ดูเหมือนจะเงียบลงไปผู้ชายที่คุกเข่าตรงหน้าฉันในตอนนี้ เขากลับยิ้มให้ฉันถึงมันจะเป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเศร้าก็เถอะแต่ทำไมเขายังยิ้มได้เหมือนเขาจะรู้ในคำตอบของฉันอยู่แล้วว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหน"ริยังไม่อยากแต่งงานกับขุนก็ไม่เป็นไร.....แต่ขุนจะขอริแต่งงานแบบนี้ไปทุกๆปี""จนกว่าริจะยอมแต่งงานกับขุน"ขุนศึกเอ่ยออกมาเสียงเข้มหน้าตายิ้มแย้มอย่างมีความหวัง เขาค่อยๆยันตัวลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับฉันฉันก็จ้องเขากลับไป ด้วยแววตาที่เรียบนิ่งไร้ความรู้สึกใดๆ"ริไม่อยากจะเชื่อในคำพูดของขุน....แต่ริจะขอคอยดูก็แล้วกันว่าขุนจะทำแบบที่ขุนพูดได้จริงๆ"ฉันเอ่ยออกไปตามความจริง ความที่ฉันยังไม่มั่นใจในคำพูดและตัวของเขาได้จริงๆ"ขุนรู้....ว่าที่่ผ่านมาขุนไม่เคยทำให้ริมีความสุข....ขุนเอาแต่คอยทำร้ายจิตใจริ....เอาแต่นอกกายริ""แต่ขุนไม่เคยนอกใจริสักครั้งหนึ่งเลยนะ....""เพราะขุนรู้.....ว่าไม่มีผู้หญิงคนไหน...ดีเท่ากับริอีกแล้ว""แต่ขุนก็รู้ตัวดีว่าขุนไม่พร้อมที่จะเสียริไปอีกแล้ว""ในวันนี้ถึงริยังไม่อยากแต่งงานกับขุน""แต่ขุนขอร
ติ๋งเมื่อลิฟท์มาถึงชั้นล่างของบ้านฉันก็เดินออกมาจากลิฟท์ก่อนจะเดินมุ่งตรงไปยังห้องครัวแต่พอเดินไปถึง ก็กลับพบว่า แก๊สที่ป้าบัวบอก ในขณะนี้มันไม่ได้ตั้งอะไรไว้เลยเสียด้วยซ้ำ"สงสัยป้าบัวแกคงจะลืม.....อย่างนี้ฉันควรมีเวลาให้แกได้พักผ่อนซะแล้ว"ฉันเอ่ยออกไปพลางส่ายศีรษะไปด้วยอย่างเป็นห่วงป้าบัว ที่เขาดูแลคนอื่นจนลืมที่จะดูแลตัวเอง"ไปนอนดูหนังที่ห้องนั่งเล่นสักชั่วโมงค่อยขึ้นห้องดีกว่า"ฉันพึมพำออกมาอย่างคนที่ขี้เกียจมากๆ ฉันรู้ตัวว่าตัวเองเปลี่ยนไปมาก จากเมื่อก่อน ขยับตัวทีก็งาน งานและก็งาน แต่ตอนนี้ขี้เกียจ และไม่อยากจะทำอะไรเลยนอกจากกินแล้วก็นอน"อะไรเนี่ย?"ฉันพึมพำออกมาเมื่อขาของตัวเองเดินย่างก้าวเข้าภายในห้องนั่งเล่นก็ต้องตกใจกับลูกโป่งสีชมพูสดใสที่ลอยอยู่กลางอากาศมากมายแต่ไม่ลอยจนติดเพดานบ้านเพราะถูกเชือกรั้งไว้ฉันก็ตื่นตาตื่นใจกับลูกโป่งสีชมพูอ่อนสวยสดใสก่อนที่จะยิ้มออกมาจนแด้มปริและเดินไปตามทางเรื่อยๆไม่รู้ว่าจะเดินไปไหนเพราะพื้นที่ทั้งห้องนี้เต็มไปด้วยลูกโป่งทั้งลูกเล็กและลูกใหญ่และฉันก็มาหยุดยืนเมื่อสิ้นสุดทางเดิน ที่ตรงหน้าของฉันเป็นกำแพงสีขาวแต่ข้อความบนกำแพงทำให้ฉันอึ้
วันต่อมา08:00น.บ้านชัชชัยวรรณ.....ห้องนอนเอริ เอริ ฐิติมน....."ชุดนี้น่ารักจังเลยนะคะป้าบัว"ฉันเอ่ยบอกป้าบัวไปในขณะที่ฉันกำลังหมุนรอบตัวเองเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยที่ส่องกระจกฉายสะท้อนตัวเองกลับมา เป็นชุดมินิเดรสสีขาวแขนพองทรงเอประดับโบว์ไว้ที่ด้านหน้าของชุดตรงหน้าอกของฉัน ชุดเป็นลายดอกไม้ เป็นสไตล์ของยุโรป กระโปรงยาวเลยเข่าฉันมานิดหน่อยดูรวมๆแล้วมันก็สบายและน่ารัก ดี เหมือนเป็นชุดคลุมท้องเหมือนกันนะ"ป้าบัวเลือกเองหรือคะ?"ฉันเอ่ยถามป้าบัวไปอย่างสงสัย เพราะเมื่อกี้ก่อนหน้านี้ประมาณยี่สิบนาที ป้าบัวเดินถือเสื้อผ้าชุดนี้เข้ามาในห้องของฉันและบอกว่าท่านเป็นคนซื้อให้ ไม่รู้ว่าฉันจะชอบหรือเปล่า และฉันจะใส่ได้ไหม ท่านเลยให้ฉันลองใส่ดูก่อนผลก็ปรากฏว่าฉันใส่ได้ และฉันก็ชอบมันมาก มันดูน่ารักเป็นแนวสายแหวนดีนะสีก็ออกพาสเทลนิดๆดูน่ารักดี"ชะใช่จ๊ะ.....เป็นยังไงจ๊ะเอริชอบไหม?"ป้าบัวที่ยืนอยู่ด้านหลังของฉันที่คอยช่วยฉันจัดแจงชุดก็เอ่ยออกมาแต่น้ำเสียงและแววตาของท่านดูสั่นๆดูมีพิรุธนะถ้าเป็นคนอื่นอาจจะคิดว่าเขากำลังพูดโกหกอยู่แน่ แต่นี่เป็นป้าบัว ท่านจะโกหกฉันไปทำไมล่ะจริงไหม"ชอบนะคะป้าบั
ในวีดีโอมีผู้ชายอยู่หลายคนรวมๆห้าคนได้และสถานที่มืดๆที่มีไฟหลากหลายสีแบบนี้ก็คงจะเป็นผับที่ไหนสักแห่งหนึ่งในกรุงเทพนี้แหละฉันก็ตั้งใจมองก็พบว่ามีผู้ชายสามคนที่คุ้นตาฉัน หนึ่งคือฟิวสองคือทีและสามคือขุนศึกข้างกายของผู้ชายทุกคนจะมีผู้หญิงแต่งตัวโป๊ๆหน้าอกตู้มๆนั่งขนาบข้างแบบแทบจะสิงร่างกันโดยพวกเธอเป็นคนชงเหล้าให้เขาทั้งห้าคนและคอยปรนนิบัติพวกเขาอย่างใกล้ชิดและออดอ้อนออเซาะแต่จะมีผู้ชายอยู่คนหนึ่งที่นั่งเป็นคนสุดท้ายของเพื่อนที่มีสีหน้าเหมือนไม่ค่อยสบายใจแบบคนที่กำลังอมทุกข์และดูอึดอัดอะไรอยู่ในใจ(วันนี้หนุ่มๆเลือกอิหนูของเจ๊นี่ไปได้เลนนะคะ....น้องๆพวกนี้พร้อมดูแลจ๊ะ)เสียงหวานอย่างดัดให้เสียงเล็กลงจากปกติมากเอ่ยขึ้นมา ฉันว่าเธอคนที่พูดอยู่นี่น่าจะเป็นสาวสองและเป็นคนที่กำลังถ่ายวีดีโออยู่ในตอนนี้ด้วยนะ(มันแน่นอนอยู่แล้วครับเจ๊.....พวกผมน่ะจัดเต็มแน่)เป็นทีที่เอ่ยขึ้นมาพลางยิ้มกริ่มอย่างเจ้าชู้และเขาก็หันไปกอดรัดนัวเนียกับผู้หญิงข้างกายเขาอย่างไม่เอียงอายใคร(แล้วน้องคนนี้ล่ะจ๊ะ....สนใจอิหนูของเจ๊คนไหนเป็นพิเศษไหม?)เจ๊สาวสองแพลนกล้องไปจับยังขุนศึกที่นั่งอยู่ติดกับขอบเก้าอี้ด้านในสุดข
บ้านของเอริ20:30น.เอริ ฐิติมน.....ห้องนั่งเล่น......"ปกติแกกินข้าวเวลานี้ด้วยเหรอ?"เพลงขวัญเอ่ยถามฉันขึ้นในขณะที่เธอวางจานข้าวสวยร้อนๆลงตรงหน้าของฉันพร้อมกับต้มไก่ตุ๋นยาจีนต้นตำรับของคุณหญิงนฤมิตรที่ท่านสั่งให้ป้าบัวต้มไว้ให้ฉันทานบำรุงลูกๆทั้งสามในครรภ์ของฉัน"ตอนไม่ท้องก็กินบ้างไม่กินบ้าง....แต่พอท้องนี่แทบจะกินวันละหกเจ็ดมื้ออย่างต่ำอ่ะแก"ฉันเอ่ยบอกเพลงขวัญไปพลางใช้มือทั้งสองข้างหยิบช้อนกับส้อมขึ้นมาถือไว้พร้อมจะลงมือทานอาหารตรงหน้าที่มีกลิ่นหอมยั่วยวนด้วยแววตาที่เป็นประกายแพรวพราว"ไหนบอกว่าแกมีเรื่องไม่สบายใจ....?"เพลงขวัญเอ่ยถามฉันพลางเลิกคิ้วมองหน้าฉันอย่างสงสัยก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกันกับฉันฉันก็มองหน้าเธอนิ่งด้วยแววตาที่เป็นกังวลอยู่ในใจนั้นแหละ แต่ทำไงได้ ก็ท้องฉันมันหิวหนิ ขอกินก่อนล่ะกัน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน"เดี๋ยวฉันขอกินก่อน....เดี๋ยวค่อยคุย""โอเคจ๊ะ.....งั้นเดี๋ยวฉันขอไปโทรหาลูกก่อนไม่รู้ว่าป่านนี้พ่อเขาเอาเข้านอนแล้วหรือยัง?""โอเคจ้า"ฉันยิ้มให้เพลงขวัญเธอก็ยิ้มให้ฉันก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของเธอและเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นเมื่อเธอไปแล้ว ฉันก็หันกลับมาให้ค
เหล้า บุหรี่ ก็ไม่หนักทุกวันแบบเมื่อก่อน แต่เรื่องผู้หญิง ฉันก็ยังคงไม่มั่นใจอยู่ดี เพราะเขาไม่เคยทำให้ฉันเชื่อใจเขาได้สักครั้ง....จริงๆกับเรื่องนี้ฉันรอขุนศึกไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับรถวีลแชร์ เขายิ้มกว้างให้ฉันมาแต่ไกล ฉันก็ยิ้มให้เขากลับไป"เชิญครับคุณผู้หญิง""ขอบคุณค่ะคุณบุรุษพยาบาล"ฉันเอ่ยออกไปแกล้งขุนศึกที่เขาเข็นรถวีลแชร์มาหยุดตรงหน้าฉัน"ยินดีที่จะเป็นทุกอย่างให้เธอครับ""เลี่ยน"ฉันเอ่ยออกไปอย่างหมั่นใส่เขาก่อนจะลุกขึ้นยืนโดยมีร่างของขุนศึกที่ถลาเข้ามาช่วยประคองฉันไว้อย่างรวดเร็วเล่นเอาซะตกใจเลยแหะขุนศึกจัดการช่วยฉันทุกอย่าง โดยที่เขาทำอย่างเบามือและทะนุถนอมเหมือนกลัวว่าฉันจะเจ็บ"พร้อมออกตัวแล้วครับ""ค่ะไปได้เลยค่ะคุณบุรุษพยาบาล"ฉันแกล้งแซวขุนศึกต่อ เขาก็ยิ้มขำก่อนจะเข็นรถวีลแชร์ไปยังทิศทางออกของโรงพยาบาล โดยมุ่งตรงไปที่ลานจอดรถเมื่อมาถึงที่รถเขาก็จัดการประคองร่างของฉันขึ้นจากรถวีลแชร์ย้ายมานั่งบนรถของเขาอย่างเบามือเช่นเดิมแต่ที่ทำให้ฉันแปลกใจและรู้สึกประทับใจขุนศึกอีกอย่างหนึ่งก็คือตอนนี้เขากลับมามีทุกอย่างไม่ว่าจะเงินทองหรือชื่อเสียงแต่เขาก็ยังคงทำตัวเหมือนขุนศึกค
"แฝดทั้งสามคนปลอดภัยและเติมโตตามวัยครับ...ออกจะโตอย่างรวดเร็วเสียด้วยซ้ำ""เพราะเขาโตเกินเกณฑ์อายุเขาจริงๆไปหนึ่งสัปดาห์ครับคุณฐิติมนและคุณขุนณรงค์"คุณหมอเอ่ยขึ้นในขณะที่เขาอธิบายรายละเอียดรูปร่างของเจ้าแฝดทั้งสามคนของฉันผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยมจากการอัลตร้าซาวด์หน้าท้องของฉันทำให้ฉันที่เห็นการเจริญเติบโตของลูกๆทั้งสามฉันทุกอาทิตย์ถึงกับยิ้มไม่หุบและมันตื้นตันอยู่ในใจของฉันจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลยล่ะเมื่อคุณหมอตรวจเสร็จก็กลับไปนั่งที่โต๊ะตรวจของเขาและฉันก็ลุกขึ้นจากเตียงอัลตร้าซาวด์โดยมีขุนศึกคอยประคองร่างฉันตลอดเวลาไม่ว่าฉันจะเดินหรือลุกนั่งก็ต้องมีเขาคอยประคองอยู่ตลอดเวลาเลยถึงตอนนี้ฉันจะท้องได้แค่สี่เดือนแต่ท้องของฉันเริ่มจะใหญ่กว่าคนท้องสาวทั่วไปถึงสองเท่าเพราะในท้องของฉันมีเด็กน้อยอยู่ตั้งสามคนแหนะจะไม่ให้ใหญ่เกินคนท้องสาวทั่วไปได้ยังไงล่ะเมื่อฉันกับขุนศึกมานั่งที่โต๊ะตรวจในห้องของหมอได้คุณหมอก็เอ่ยขึ้นบอกเราถึงกำหนดคลอดทันที"และกำหนดคลอดคืออีกยี่สิบหกสัปดาห์ข้างหน้า....แต่ครรภ์ของคุณฐิติในเป็นครรภ์แฝดสามคน....หมอกลัวว่าอาจจะมีโอกาสเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษเกิดขึ้นได้แทบจะตลอด
"ไม่รู้ว่าช่องในเจดีย์ของแม่เธอจะพอใส่อัฐิของพ่อเธอได้อีกอันไหม?"คุณแม่ของผมเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มบางๆให้พี่จอมก่อนจะยื่นโกศสีขาวนวลที่ด้านในบรรจุเถ้ากระดูกของพ่อผมยื่นไปตรงหน้าของพี่จอมพี่จอมพลก็มองโกศในมือแม่ผมสลับกับมองหน้าผมด้วยแววตาแปลกใจและดูจะอึ้งไปนิดๆเหมือนเขาคิดไม่ถึงว่าคุณแม่ผมจะทำเรื่องแบบนี้ได้"ตอนนั้นคุณเป็นคนยืนกรานเองว่าจะเอาเถ้ากระดูกของพ่อไปเก็บไว้แต่ทำไมวันนี้กลับเอามาให้ผมเสียง่ายดายแบบนี้ได้ล่ะครับ....ทั้งที่ในตอนที่ผมกับแม่ของผมร้องขอคุณแทบจะกราบเท้า?"พี่จอมพลเอ่ยถามแม่ผมกลับมาเสียงเรียบ ในตาจ้องเขม่นมาที่แม่ผมอย่างต้องการคำตอบ"ในตอนนั้นที่ฉันไม่ให้อัฐิของพ่อให้แม่เธอก็เพราะตอนนั้นฉันมีทั้งอารมณ์โกรธอารมณ์เกลียดอยู่เต็มในอก""ฉันคิดได้อย่างเดียวคือว่า....ไม่ว่าพ่อของเธอจะเป็นหรือตายฉันก็จะไม่มีทางให้สองคนนี้ได้อยู่ด้วยกันเด็ดขาด""ฉันรู้ตัวว่าฉันมันแย่....กว่าจะมารู้ว่าความคิดของฉันมันไม่ดีต่อใครเลยรวมถึงตัวฉันเองด่วย....ก็เกือบจะสายไป""และฉันก็อยากจะขอบคุณเธอนะ....ที่ช่วยฉันออกมาจากกองเพลิงในวันนั้น""ถึงเธอจะไม่เต็มใจก็เถอะ....แต่ฉันก็อยากจะขอบคุณเธอ....และข