แชร์

แค่ขยับเอวเจ้าก็ทุบ2

ซ่างเซี่ยนทำสีหน้าตกใจไม่น้อย

“ตั้งแต่ ข้าน้อยอยู่กับนายหญิงนายหญิงก็ไม่เคยปริปาก ใช้แต่ภาษามือ”

“เจ้าไปตามหมอหลวงมาดูอาการของนาง”

หวาซงออกคำสั่ง อู่หงถิงส่ายหน้าไปมาเหมือนจะบอกว่าไม่ต้อง ทำให้ฟางหลุนลังเล

“รีบไปเดี๋ยวนี้เลย หากชายารองเป็นอะไรมากไปกว่านี้เกรงว่าเจ้านั่นล่ะที่จะมีความผิด”คราวนี้เป็น ฟางหลุนที่รีบวิ่งออกไปทันที

“ซ่างเซี่ยนรีบดึงแขน อู่หงถิงให้เข้าไปในห้องนั่งลงบนแท่นนอนหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ หวาซงได้แต่อยู่ด้านนอกมองเข้าไป

“เป็นอะไรไปท่านอ๋องทำอะไรเจ้า เจ้าจึงพูดไม่ได้เช่นนี้บอกข้ามาเถิด”

ช่างเซี่ยนสงสัยว่าจะเป็นหวาเซียงอ๋องที่ทำให้อู่หงถิงพูดไม่ได้ แต่อู่หงถิงไม่เข้าใจคำถามด้วยความห่วงใยของซ่างเซียน จึงส่ายหน้าไปมาเสีย

“บอกข้ามาข้ายินดีปกป้องเจ้า แต่อย่าได้บอกกับคนอื่นว่าท่านอ๋องกักขังและทำร้ายเจ้าเช่นนั้นเรื่องนี้หากแพร่ออกไปเกรงว่าจะไม่เป็นการดีต่อท่านอ๋อง”

อู่หงถิงยังคงส่ายหน้าซ่างเซี่ยนถอนหายใจ ท่านหมอเข้ามาพอดี

“ท่านหมอตรวจดูให้ถ้วนถี่ทำไมชายารองจึงไม่ยอมปริปาก มีสิ่งใดผิดปกติกัน”หมอหลวงประสานมือ ทำการตรวจดูทั้งหูคอและปากก่อนจะถอยออกมาตรงหน้าเหอซ่างเซี่ยนและหวาซงที่ยืนรอข้างนอก

“พระชายา ชายารองไม่ได้มีสิ่งใดผิดปกติ แต่กระหม่อมเกรงว่าจะมีเรื่องใดที่กระทบจิตใจนางอย่างมากจึงไม่ยอมปริปาก”

“กระทบจิตใจ”หวาซงอ๋องทวนคำช้าๆ แววตาครุ่นคิด

“หลังจากที่ตรวจดูแล้วการได้ยินก็ยังใช้ได้ อีกทั้งลิ้นไก่ของนางก็ปกติ แต่...ชายารองนางไม่ยอมเปล่งเสียง กระหม่อมเองก็จนปัญญา มีเพียงตัวชายารองเท้านั้นจึงจะรู้ว่าทำไมตัวเองถึงไม่ยอมพูด และอีกวิธีคือหากข้าน้อยรู้สาเหตุอาจแก้ไขได้ในไม่ช้า”

ซ่างเซี่ยนได้แต่เพียงโบกมือให้หมอหลวงไปเสีย

“ชายาเอก ท่านคิดว่านางเป็นอะไร”

“ข้าคิดว่านางเพียงแค่ไม่อยากพูด อาจมีบางอย่างที่ทำให้นาง หวาดกลัวหรือตกใจ”

คิดไปถึงสิ่งที่หวาเซียงอ๋องทำกับ อู่หงถิง

เย็นมากแล้วหวาเซียงอ๋องเดินกลับเข้ามาที่พำนักพร้อมด้วยเสี่ยวกุน เหอซ่างเซี่ยนยืนรออยู่ที่หน้าห้อง พยุงซ่างเซี่ยนเข้าไปข้างใน

“หวางเฟยอากาศเริ่มเย็นออกมายืนรอข้า จะไม่สบายเอาได้”

“ท่านอ๋องเจ้าหรู นางๆๆ ”

หวาเซียงอ๋องขมวดคิ้ว

“นางแผลงฤทธิ์กับเจ้าหรือไร ข้าเห็นจะต้องลงทัณฑ์นางอีกแล้ว”

“ไม่ใช่อย่างที่ท่านอ๋องคิด แต่นางตอนนี้ไม่ยอมปริปากวันๆส่งภาษามือเหมือนคนเป็นใบ้ เกรงว่าใต้เท้ากวงรู้เข้าอาจไม่พอใจที่ท่านอ๋องแต่งนางเข้ามาไม่ทันไรนางกลับป่วยไข้”

“ข้าไม่ได้ทำอะไรนาง มีแต่นางที่คิดสังหารข้า”

“ท่านพี่ ท่านดีกับนางมากหน่อย ข้าคิดว่าไม่นานนางจะพูดได้วันนี้ข้าให้หมอหลวงมาตรวจดูอาการของนางหวาซงอ๋องก็อยู่ที่นี่”

มือใหญ่กำมัดแน่น

“หวาซงอ๋อง นึกแล้วไม่ผิดข่าวลือนั่น”

“ข่าวลือใดกัน เซี่ยนเซี่ยนไม่เคยได้ยิน”

“ข่าวรือเรื่องความสัมพันธ์ของ หวาซงกับกวงเจ้าหรูก่อนหน้านั้น นี่คงอดอยากได้ไม่นานจึงคิดมาเริงรักกันให้หายคิดถึงไม่น่าเชื่อว่าจะกล้ามาถึงจวนของข้า”

“ท่านพี่ข้ามองนางไม่ผิด นางยังพิสุทธิ์เช่นไรท่านถึงคิดว่านาง…”

“เซี่ยนเซี่ยนเจ้าเป็นคนจิตใจดีเพียงนี้ คงยังไม่รู้ว่าในวังหลวงล้วนมีเรื่องคาวโลกีย์มากมาย”

“ท่านอ๋อง หากจะปรักปรำนางคงไม่เหมาะ”

ยิ้มหยันที่ใบหน้า

“เจ้ารอดูว่าสิ่งที่ข้าพูดจะจริงเท็จแค่ไหน ตอนนี้ยังไม่ต้องเชื่อช้าก็ได้”

เหอซ่างเซี่ยนถอนหายใจหากเป็นเช่นที่หวาเซียงอ๋องพูดแสดงว่าซ่างเซี่ยนมองคนผิดไป หวาเซียงอ๋องก้าวขายาวๆ ตรงไปยังห้องของอู่หงถิงผลักประตูเข้าไป โบกมือไล่ฟางหลุน อู่หงถิงกับนอนขดตัวนิ่งบนแท่นนอน เมื่อเห้นว่าคนที่มาเป็นใครก็ใช้มือสองข้างกอดรอบเข่าไว้แน่นไม่แม้แต่จะหันมอง ในเมื่อตอนนี้กำลังวางแผนและกำลังหาทางที่จะหลุดพ้นความคิดของตัวเองที่ห่วงใยมารดาและน้องไหนจะเรื่องที่ต้องลงมือฆ่าหวาเซียงอ๋องจึงรู้สึกว่าตัวเองเศร้าสร้อยอย่างประหลาด

“ลุกขึ้น”

น้ำเสียงเต็มไปด้วยโทสะ อู่หงถิงยิ่งกระชับอ้อมกอดให้แน่นงอตัวให้คุ้ดคู้กว่าเดิม

"ข้าบอกให้ลุกขึ้น" 

กระชากแขนที่กอดหัวเข่าไว้แน่น ร่างบางบัดนี้เป็นเพียงก้อนเนื้อกลมๆ ที่มองเพียงแว๊บแรกเหมือนไร้ซึ่งชีวิตหากไม่ติดที่ใบหน้างดงามนั้น

“เสี่ยวกุนปิดประตู”

หันไปสั่งเสี่ยวกุน อู๋หงถิงยังนอนนิ่งไม่ไหวติงคิดว่าจะขู่ได้แต่ไม่เป็นผล

“แสร้งป่วยไข้เรียกร้องความสนใจ ข้าจะดูว่าเจ้าจะไม่ยอมปริปากได้นานแค่ไหน”ลากร่างบางลงไปกองกับพื้นอ้อมแขนเล็กหลุดออกจากหัวเข่า เจ็บจนจุกแต่ก็ยังไม่เปล่งเสียง ยิ่งยั่วโทสะของอีกคน

“ซ่างเซี่ยนบอกให้ดีกับเจ้าหน่อย แต่ข้าว่าคงไม่เป็นผล”

ขึ้นคร่อมร่างบาง มือแข็งแรงจับมือบางทั้งสองข้างให้กางออกขาแกร่งกดทับหน้าขาของอู๋หงถิงจนเจ็บ อู๋หงถิงดิ้นรนกระเสือกกระสนแต่ถูกรวบลงไปนอนใต้ร่างของหวาเซียง

“จะทนได้กี่น้ำ”

มือใหญ่อีกข้างดึงทึ้งเสื้อผ้าออกจนออกเกือบจะเปล่าเปลือย อู่หงถิงแม้จะมีแววตาตื่นตระหนกแต่กับไม่มีเสียงร้อง ขยับตัวหนีความกักขฬะของอีกคน หวาเซียงกดเอวแนบกับเอวของอู๋หงถิงยิ้มหยันเมื่ออู่หงถิงไม่อาจขยับตัวได้ แต่หันหน้าหนีไม่ยอมมองหน้าเขา เขาจ้องมองเนินเนื้ออวบอิ่มตรงหน้าที่เขาเพิ่งจะดึงอาภรณ์ออกไป กลืนน้ำลายลงคอ

“ช่างเก่งเสียจริง ข้าน่ารังเกียจมากถึงกลับอยากให้ตายเลยหรือไร”

ดวงตาของอู่หงถิงเป็นประกายวาววับ หากฆ่าเขาตอนนี้ก็จะมีคนเป็นพยานทั้งเสี่ยวคุนและฟางหลุนที่อยู่ด้านอกคงได้ยินว่าหวาเซียงอ๋องข่มเหงอู่หงถิง

ตาเหลือบมองแจกันบนโต๊ะข้างแท่นนอนอันไม่เล็กนักหยุดดิ้นพักเอาแรงหันหน้ามาเผชิญหน้ากับอีกคนที่จ้องมองอยู่ก่อนแล้วตากลมเปล่งประกายวาวโรจน์ กับตาคมของหวาเซียงอ๋องที่มองอู่หงถิง

“หมดฤทธิ์แล้วหรือไร”

ตาจ้องมองริมฝีปากสีชมพูระเรื่อตาไม่กะพริบ บางอย่างในกายที่ห่างหายมานานเริ่มตื่นตัว พยายามหักห้ามใจแต่ไม่เป็นอย่างที่ใจต้องการร่างกายหาบังคับได้ไม่ หวาเซียงอ๋องขยับเอวกดกระแทกทั้งๆ ที่ยังมีอาภรณ์เหมือนตั้งใจแกล้งอู่หงถิง ยิ้มหยันที่อู่หงถิงไม่อยากเห็น ลอยอยู่ตรงหน้า

“จะดูว่าจะไม่พูดได้นานแค่ไหน ร้องสิหากไม่ชอบก็ร้องหากเจ้าไม่ร้องข้าจะถือว่าเจ้าเต็มใจและชอบที่ข้าทำแบบนี้”

อู่หงถิงใช้เท้าถีบพื้น เอาศีรษะชนกับโต๊ะที่ข้างแท่นนอน แจกันใบใหญ่ร่วงลงบนพื้น หวาเซียงอ๋องซบหน้าลงกับอกอุ่นนุ่ม มือเล็กถูกปล่อยให้เป็นอิสระอู่หงถิงคว้าแจกัน ด้วยมือเดียวทุบเข้าไปที่ศีรษะของหวาเซียงอ๋องอย่างจัง

“เพล้ง”

หวาเซียงอ๋องผุดลุกขึ้นคลำที่กลางศีรษะของเหลวอุ่นๆไหลออกจากบาดแผลที่เจ็บจี้ดถึงหัวใจ อู่หงถิงยืนตัวสั่นงันงก

เสี่ยวกุนกับฟางหลุนวิ่งเข้ามาพร้อมกัน ฟางหลุนถลาเข้าไปกอดรวบร่างเล็กของอู่หงถิงไว้แน่นตั้งใจปกป้องเพราะรู้ว่าหวาเซียงอ๋องโมโหเพียงใดในตอนนี้  เหอซ่างเซี่ยนเดินแกมวิ่งจากห้องของนาง มองคนนู้นทีคนนี้ที

หวาเซียงอ๋องจ้องมองมาที่อู่หงถิงสายตาแค้นเคือง แต่เพียงครู่ก็ยิ้มหยัน ยิ้มหยันที่ริมฝีปาก

“ขังนางห้ามส่งข้าวส่งน้ำ จนกว่าข้าจะสั่ง”

เหอซ่างเซี่ยนถลาเข้าหาหวาเซียงอ๋องที่ล้มทั้งยืนด้วยเสียเลือดมาก เลือดสดๆไหลนองพื้นสีแดงฉาน ฟางหลุนกอดอู่หงถิงแน่นขึ้นกว่าเดิมเพื่อปลอบใจ เมื่อเห็นว่าใบหน้าบางซีดเผือด

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status