ดึงมือเหอซ่างเซี่ยนให้ลุกขึ้นประคองแนบอกพาเดินออกไปทั้งๆ ที่เหอซ่างเซี่ยนหันหน้าหันหลังด้วยเป็นห่วงความรู้สึกของอู่หงถิง แต่หากจะมองให้ถ้วนถี่อู่หงถิงไม่ได้สนใจคำพูดมากกว่าอาหารตรงหน้าที่รสชาติดีและมีแต่ของดีดีที่ไม่เคยได้กินมาก่อน
ดอกไม้นานาพรรณงดงามสองข้างทางเดินที่ปูด้วยก้อนกรวดสีขาวสะอาดตา หวาเซียง กุมมือเหอซ่างเซี่ยนไว้ไม่ห่าง
“หวางเฟย หน้าหนาวปีนี้ข้าให้คนสร้างห้องพักให้เจ้าเสียใหม่ มิดชิดอบอุ่นกว่าเดิม อีกทั้งทำเตาพิงไว้ด้านในมีอ่างน้ำอุ่นกับห้องเครื่องเจ้าจะได้ไม่ต้องเดินเข้าออกมาเสวยกับข้าข้างนอกต้องไอเย็น”
“ท่านพี่ เช่นนั้นท่านพี่ต้องให้เจ้าหรูมาเสวยด้วยทุกเช้าทุกเย็น จะได้ทำความคุ้นเคยกันไว้”
หวาเซียงพยักหน้ายิ้มเศร้าๆ
“หากเจ้าพอใจเช่นนั้น ข้าพร้อมจะตามใจเจ้า หากมันทำให้เจ้าสบายใจ”
เหอซ่างเซี่ยนกลืนน้ำลายของคอยากเย็น จะสบายใจได้อย่างไรในเมื่อไม่มีหญิงคนไหนอยากให้สามีรักคนอื่นมากกว่า แต่ซ่างเซี่ยนรักหวาเซียงอ๋องเสียจนยอมได้ทุกอย่าง เมื่อคิดว่าวันใดที่เขาจะต้องโดดเดี่ยวลำพังเมื่อซ่างเซี่ยนไม่อยู่แล้ว
“ท่านพี่ แค่... มีคนคอยปรนนิบัติและเป็นเพื่อนคุยแก้เหงา เซี่ยนเซี่ยนก็สบายใจเกินพอแล้วเรื่องอื่นไม่ปรารถนา”
ฟางหลุนดึงแขนอู่หงถิงให้ลุกขึ้นจากโต๊ะเสวยเมื่อเห็นว่า ทำท่าทางกินไม่ยอมอิ่มเสียทีเหมือนถ่วงเวลา
“นายหญิงลุกขึ้นเจ้าค่ะตามไปที่สวนดอกไม้กัน”
อู่หงถิงส่ายหน้าเร็วรี่
“นายหญิง”
สายตาดุดุของฟางหลุน ทำเอาอู่หงถิงย่นจมูกทั้งลากทั้งจูงเหมือนเคย อู่หงถิงยืนนิ่งตะลึงกับภาพตรงหน้าดอกไม้นานาพันธ์บานสะพรั่งสวยสดจนเหมือนกับอยู่บนสรวงสวรรค์วิ่งเข้าไปที่ต้นดอกฉาฮวาที่งดงาม กลีบดอกเรียงซ้อนกันเป็นระเบียบ อีกทั้งสีแดงที่สะดุดตา อู่หงถิงก้มลงช้าๆสูดดมกลิ่นหอมรัญจวนใจ (ดอกคาร์มิเลียสีแดงกลิ่นจะหอมกว่าสีอื่น) ของฉาฮวา
หวาเซียงฮ๋องยืนตะลึงมองภาพอู่หงถิงที่กำลังดอมดมดอกฉาฮวาสีแดงสดใส รับกับอาภรณ์สีขาวขลิบแดงราวกับภาพฝันตรงหน้า เหอซ่างเซี่ยนดึงมือตัวเองออกช้าๆ เมื่อเห็นว่าหวาเซียงอ๋องไม่เกาะกุมมือของตัวเองไว้แน่นเหมือนเคย รอยยิ้มเศร้าๆปรากฏที่ริมฝีปากมองตามสายตาของหวาเซียงอ๋องที่พบว่า ความงดงามตรงหน้าแม้แต่เหอซ่างเซี่ยนที่เป็นหญิงด้วยกันยังยากจะปฏิเสธ
ดรุณีวัยแรกรุ่นงดงามผุดผาดริมฝีปากสีแดงกับปลายจมูกโด่งที่คลอเคลียอยู่ข้างดอกฉาฮวาสีแดงสด อกอวบอิ่มกับอาภรณ์ที่อวดผิวเนียน อยากจะมองให้ลึกไปถึงประทุมถัน ใครกันจะสามารถละสายตาจากนางไปได้ อีกทั้งรอยยิ้มโลกสว่างยามเผลอไผลของอู่หงถิง เมื่อยามชื่นชมฉาฮวานั่นอีก ช่างงดงามติดตราตรึงใจ
มือใหญ่ของใครบางคนเด็ดดอกฉาฮวาดอกนั้นไปครอบครอง หวาซงอ๋องผู้องอาจนั่นเอง
“หากไม่ถือสา ฉาฮวาดอกนี้ข้าขอเด็ดไปเชยชม”
อู่หงถิงหุบยิ้มกว้างเหลือเพียงรอยยิ้มบางเบา
“เจ้าชอบดอกไม้ ตำหนักบูรพาของข้างดงามกว่านี้หลายเท่า หากเจ้าไม่รังเกียจ ตำหนักบูรพาไร้คู่ของข้าที่นั่น ยัง...ยินดีต้อนรับเสมอ”
หวาเซียงอ๋องคว้ามือเหอซ่างเซี่ยนเดินออกจากตรงนั้นไปทันที
อู่หงถิงส่งภาษามือ แสดงความขอบคุณแต่ก็เดินเลี่ยงออกมาเช่นกันหวาซง ตะโกนตามหลัง
“ข้ายังรออยู่ที่ตำหนักบูรพา หวังว่าชายารองน้องสามจะแวะไปที่นั่น”
อู่หงถิงเดินหลบออกไป ฟางหลุนรีบเข้าประคองไว้เหมือนดังแม่งูจงอางหวงไข่
“นายหญิงเจ้าขา อากาศยิ่งสายยิ่งหนาว ฟางหลุนไปยกชาอุ่นๆ ในห้องเครื่องมาให้ นายหญิงเข้าไปข้างในหาเสื้อคลุมใส่เสียให้เรียบร้อย”
ออกคำสั่งเสียเอง เมื่อเห็นว่าอู่หงถิงเอามือสองข้างถูกันไปมาด้วยความหนาว อู่หงถิงพยักหน้ายิ้มๆ ก่อนจะเข้าไปข้างใน
หวาเซียงอ๋องยืนเอามือไพล่หลังมองด้วยสายตาดุดัน
“ชู้รัก ไปแล้วหรือไร เหตุใดจึงไม่หาที่อื่นที่เหมาะกว่านี้ ทำไมต้องมาใช้จวนของข้าเป็นที่พบปะกัน”
อู่หงถิงเลิกคิ้วสูงไม่เข้าใจเรื่องที่หวาเซียงอ๋องพูด ถูมือสองข้างไปมาด้วยความหนาวเดินไปหยิบเสื้อคลุมมาคลุมตัวตามคำสั่งของฟางหลุน ยังไม่ทันที่จะถึงราวแขวนเสื้อคลุมก็ถูกกระชากจนร่างเล็กเซเข้าซบอกกว้างของอีกคน
“อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ที่เจ้าทำเป็นไม่พูดกับคนในจวนนี้ เพราะว่าเกรงว่าจะเผยความใน เรื่องที่แอบลักลอบพบปะกับหวาซงใช่ไหม”
อู่หงถิงส่ายหน้าไปมา ผลักร่างบางลงไปกองกับพื้น อู่หงถิงลุกขึ้นยืนวิ่งเข้าผลักร่างใหญ่ของหวาเซียงอ๋องเต็มแรงด้วยโทสะ ร่างสูงล้มลงบนแท่นนอนดึงเอาอู่หงถิงล้มลงบนอกกว้างของเขา หวาเซียงอ๋องกอดรัดเอวบางไว้แน่นยิ้มยียวน
“แรงเยอะนักใช่ไหม โมโหข้าที่พูดความจริง หรือว่าโมโหที่ไม่ได้พลอดรักกับชู้รักของเจ้า”
พลิกร่างบางลงใต้ร่างของเขา อู่หงถิงดิ้นรนสุดฤทธิ์แต่ก็ไม่อาจต้านทาน ได้ในเมื่อร่างสูงใหญ่ของอีกคนตรึงร่างบางไว้แน่น
“#_#”
ทั้งผลักทั้งยันก็ยังไม่ยอมปล่อย
“กับข้าแล้วทำห่วงตัว หวาซงอ๋องคงไปถึงไหนถึงไหนจึงกลัวว่าหากยอมข้า เขาจะตำหนิเอาได้ใช่ไหม”
มือใหญ่รวบเอวบางแนบชิดโน้มตัวลงอีกครั้ง ประตูห้องถูกเปิดออกฟางหลุนยืนถือถาดใส่กาน้ำชาตะลึงพึงเพริศอยู่อย่างนั้น หวาเซียงอ๋องรีบลุกพรวดพราดขยับเสื้อผ้าก่อนจะเดินออกไปกระแอมเบาๆ
ฟางหลุนอมยิ้ม วางถาดน้ำชาลง หันหน้ามองอู่หงถิงที่เขินอายแต่แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“นายหญิงของฟางหลุน เสน่ห์แรงไม่เบา”อู่หงถิงส่งภาษามือบอกว่าเขากับอู่หงถิงไม่ได้ทำอะไรกันเสียหน่อย ฟางหลุนอมยิ้ม“แน่นะเจ้าคะ”อู่หงถิงพยักหน้ารัวเร็วค่ำคืนมืดมิดสวมเสื้อคลุมสีดำสนิท เร้นกายออกจากห้องไปยังห้องทำงานของหวาเซียงอ๋อง เปิดประตูอย่างเบามือก่อนจะเร้นกายเข้าไปในนั้น ความมืดทำให้มองไม่เห็นร่างใหญ่ของหวาเซียงอ๋องที่นั่งอยู่ตรงนั้นตรงไปที่หีบไม้ใหญ่ด้านล่างโต๊ะเขียนหนังสือ แต่ร่างบางกับถูกรวบไว้แน่นดิ้นไม่หลุด อู่หงถิงตกใจอย่างที่สุด ลมหายใจร้อนผะผ่าวคลอเคลียที่หลังใบหู ดิ้นรนปัดป้อง“อดใจไม่ไหวถึงกลับตามข้า เข้ามาเชียวหรือ”ยิ้มหยันในหน้าจุดเทียนจนสว่างมองอู่หงถิงที่ดิ้นรนให้หลุดจากอ้อมแขน แต่ไร้ประโยชน์“เข้ามาถึงนี่ แต่ดิ้นรนเสแสร้ง”ผลักร่างบางลงไปกองกับพื้น“ออกไปเสีย อย่าได้เข้ามาในนี้อีกเป็นอันขาดข้าไม่มีทางที่จะหลงมารยาเจ้า”ตวาดเสียงดังลั่น อู่หงถิงเม้มริมฝีปากจนรู้สึกเจ็บกับคำดูถูกนั้น อยากจะฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าหล่อเหลานั่นดูสักที แต่ในที่สุดก็รีบออกจากห้องไปทันทีกลับไปนั่งหน้าเศร้า อย่างไรจึงจะขโมยหลักฐานสำคัญได้ในเมื่ออุปสรรคใหญ่คือคนผู้นั้น“นายหญิงเป็นอะไรไปเจ้า
“พอเลิกโอ้อวดได้แล้ว”หวาเซียงอ๋อง อดขำกับคำพูดของเสี่ยวกุนไม่ได้ สาวใช้ของเหอซ่างเซี่ยนวิ่งเข้ามาคุกเข่าตรงหน้า“ท่านอ๋อง พระชายาออกไปตามหาชายรองข้างนอก”“ข้างนอก ชายารองนางไปไหน”“ไม่รู้เจ้าค่ะแต่ฟางหลุนบอกว่า หานางจนทั่วป่านนี้ยังไม่พบคาดว่าจะหนีไปตั้งแต่ กลางดึกเมื่อคืนพระชายาเป็นห่วงและร้อนใจมากจึงออกไปตามนางข้างนอก”หวาเซียงอ๋องก้าวขาออกจากห้องไปทันที เสี่ยวกุนกับกัวเฉาเร่งตามไปติดๆ“หยิบเสื้อคลุมแล้วตามข้ามา อากาศวันนี้เย็นมาก เจ้าให้พระชายาออกไปได้อย่างไร”พูดไปวิ่งไป“พระชายาบอกว่าร้อนใจว่านางจะหนีออกจากจวน จึงเร่งออกตามหาข้าน้อยห้ามก็ไม่ฟัง ไล่ให้ข้าน้อยมาแจ้งข่าวกับท่านอ๋อง”หวาเซียงอ๋องคิดว่าอู๋หงถิงคงน้อยใจเรื่องเมื่อคืนหรืออาจหนีไปหาหวาซงอ๋องชู้รักที่ตำหนักบูรพา“ข้าไปที่ตำหนักบูรพา กัวเฉาไปนอกวังหลวง ส่วนเสี่ยวกุนตามนางที่ตระกูลกวง”ต่างแยกย้ายกันออกไปตำหนักบูรพา“ไม่มีใครจากจวนหวาเซียงอ๋องมาที่นี่แม้แต่คนเดียว หวาเซียงอ๋องทำสิ่งใดหายไปกันแน่”“พี่ใหญ่ ไม่ต้องกังวลคนของข้า ข้าหาเองได้”ยิ้มหยันผุดขึ้นที่ริมฝีปาก “อย่าลืมไปหานางที่ตำหนักจันทราของเจ้ารองด้วยก็แล้วกัน”หว
อากาศหนาวเหน็บจนแทบทนไม่ไหว อู่หงถิงก้าวเดินช้าๆตั้งใจจะวิ่งแต่ด้วยไม่ใส่เสื้อคุลมและถุงมือในที่สุดก็หนาวสั่น จนต้องทิ้งตัวลงบนพื้นหิมะนอนขดตัว เป็นก้อนกลมเหมือนที่เคยทำตอนอยู่กับแม่กับน้องยามเหน็บหนาว กัวเฉาก้าวขายาวๆ ก่อนจะรวบร่างบางเย็นชืดไว้ในอ้อมแขนพาก้าวเดินออกมายกมือสั่นสะท้านขึ้นมาส่งภาษามือให้กัวเฉาไปช่วยเหอซ่างเซี่ยนทั้งๆที่ตัวเองกำลังจะหมดสติ กัวเฉาได้แต่ขมวดคิ้วไม่เข้าใจภาษามือนั้นดิ้นรนออกจากอ้อมแขนหมายจะพากัวเฉาไปหาเหอซ่างเซี่ยนแต่กัวเฉากลับอุ้มอู่หงถิงไปจากตรงนั้น“กัวเฉา”หวาเซียงอ๋อง ถลาเข้าหากัวเฉาที่อุ้มอู่หงถิง ร่างเย็นชืดหมดสติในอ้อมแขนริมฝีปากและซีดขาวทว่าแก้มแดง ปลายนิ้วมือคล้ำจนเขียว“เจอนางที่ไหน”“ไม่ไกลจากตรงนี้แล้ว เซี่ยนเซี่ยนเล่านางอยู่ที่ไหน”หวาเซียงอ๋อง ไม่แม้แต่จะชายตามองอู่หงถิงถลาเข้าไปในป่า ที่พื้นหิมะหนาเตอะเดินย่ำไปมาตามรอยเท้าของอู่หงถิง จึงพบรอยเท้าอีกรอย มั่นใจในทันทีว่าเป็นของเหอซ่างเซี่ยน“เซี่ยนเซี่ยน”“เซี่ยนเซี่ยน”เงียบไร้ซึ่งสรรพเสียงมีเพียงเสียงลมพัดอื้ออึงก้าวข้าไปมาอย่างเร่งรีบแม้จะหนาวจะเหนื่อยแค่ไหนก็ไม่สนใจ จนกระทั่งมองเห็นร่างข
อู่หงถิงเลิกคิ้วสูง เมื่อฟางหลุนส่ายหน้าแต่สักพักก็ยิ้มส่งภาษามือบอกว่าเหอซ่างเซี่ยนปลอดภัยแล้วใช่ไหม นางพักรักษาตัวอยู่ใช่ไหม ฟางหลุนปาดน้ำตา“นายหญิงพักผ่อนเสีย” กัวเฉากลืนก้อนแข็งๆ ลงคอความสงสารแล่นเข้าสู่หัวใจหวาเซียงอ๋องก้าวเข้ามาในห้องด้วยสายตาดุดัน กัวเฉาประสานมือคารวะแต่เขากลับไม่สนใจ กระชากแขนของอู่หงถิงติดมือขึ้นมาทั้งลากทั้งดึงทั้งๆที่อู่หงถิงเดินไม่ค่อยถนัดเพราะแผลจากหิมะกัดที่นิ้วเท้า“เลิกนอนสบายได้แล้ว ฟางหลุนต่อไปไม่ต้องคอยดูแลนาง นางคือชายาทาสข้าต่อจากนี้ นางต้องทำทุกอย่างตามที่ข้าสั่ง และทำทุกอย่างที่สาวใช้ทำกัน”ฟางหลุนเบิกตากว้าง ถลาเข้ากอดอู่หงถิงไว้“ท่านอ๋องได้โปรดนายหญิงบาดเจ็บอยู่”รอยยิ้มเย้ยหยัน“เจ้ากล้าขัดคำสั่งข้าหรือ”ชักกระบี่ข้างกายของกัวเฉาอย่างรวดเร็ว จี้ไปที่คอหอยของอู่หงถิง“จะทำตามคำสั่งข้าหรืออยากให้นางตาย หากข้ารู้ว่าเจ้าแอบช่วยเหลือหรือแอบปรนนิบัติรับใช้นาง...ข้าจะฆ่านางเสีย”อู่หงถิงมองหวาเซียงอ๋องด้วยสายตาเคียดแค้น มือเล็กกำมัดแน่นก่อนจะกอดตอบฟางหลุนเบาๆ ส่งภาษามือให้ฟางหลุนถอยไป“ไม่ไม่ไม่ ท่านอ๋องหากจะฆ่านายหญิงท่านอ๋องฆ่าฟางหลุนเสียเถอะ
“ใต้เท้า คุณหนูน่าสงสารไม่น้อย เป็นแผลพุพองทั่วร่างกายอีกทั้งยังป่วยไข้เพราะไอเย็น”“เจ้าหรูมิใช่คนอ่อนแอเช่นนั้น นางเข้าใจดีว่าต้องทำตัวเช่นไร เรื่องแบบนี้เจ้าหรูคงไม่อยากให้ข้าก้าวก่าย”กวงเจ้าหลัว จำได้ดีตอนที่รับเอาเจ้าหรูมาจากอนุของเขาในตอนนั้น ภายนอกเจ้าหรูเป็นคุณหนูผู้งดงามอ่อนหวาน ถูกเลี้ยงดังไข่ในหินแต่ภายในเขากับเลี้ยงนางเหมือนดังสาวใช้คนหนึ่ง เขามักพูดกับเจ้าหรูเสมอว่ามารดาทิ้งไปตั้งแต่ยังเล็กทั้งๆที่เป็นเขายื้อแย่งนางมา เช่นนั้นเขาจึงพูดให้เจ้าหรูเข้าใจว่าต้องตอบแทนบุญคุณตระกูลกวงเสมอเมื่อมีโอกาสตำหนักฮ่องเต้“ซ่างเซี่ยน ไม่อยู่แล้วหวาเซียงอ๋องคงจะลดบทบาทลงไปไม่น้อย”ฮองเฮายิ้มหวาน“ฝ่าบาท ก็เห็นว่าทุกวันนี้หวาเซียงอ๋องเป็นที่รักของชาวบ้านแต่ในราชสำนักล้วนถูกจับตาอีกทั้งไม่มีใครอยากจะเป็นพวก”“เป็นข้าที่มอบตำแหน่งหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพรให้เขาคอยตรวจสอบ ขุนนางและราชวงศ์จนกลายเป็น ไม้เบื่อไม้เมากับคนในวังหลวง”“จะว่าไปหากไม่มีหวาเซียงอ๋องวังหลวงก็คงฟอนเฟะไม่น้อย”ฮ่องเต้ถอนหายใจยาว“ซ่างเซี่ยนอายุสั้นเสียจริง ข้าตอนนี้แม้อยากจะปรามหวาเซียงอ๋องเรื่องกวงเจ้าหรูเพียงใดก็ไม่อาจ
อู่หงถิง ลืมตาตื่นบนแท่นนอนสีแดง ยามเช้าที่ไร้ซึ่งสรรพเสียง ทำไมมาอยู่ตรงนี้ในเมื่อเมื่อคืนจำได้ว่าตัวเองกำลังจะกลับบ้านที่เชิงเขาเพื่อนำของที่ขอมาได้วันนี้โชคดีได้เงินพอซื้อไก่ ไปให้น้องๆ“พานางออกไป”สาวใช้ที่ไม่สาวสองคนจับแขนพาอู่หงถิงออกจากตรงนั้นไปชุดสีแดง ที่สวมใส่ยังใหม่และสวย แต่อู่หงถิงกับคิดถึงราคาของมันหากนำไปขายให้เถ้าแก่ที่เคยขโมยของไปขายอยู่เรื่อยๆว่าจะได้ราคาเท่าไหร่กัน ร่างซูบซีดในอาภรณ์สวยงาม ยืนมองอู่หงถิงด้วยสายตาสงสัย“ท่านพี่ทำไมทำกับนางเช่นนั้น”แววตาดุดันทว่าใบหน้าหล่อเหลาเฉยชา โอบแขนรอบไหล่บางของเหอซ่างเซี่ยน ชายาเอกที่งดงามด้วยรูปโฉมกุมมือบางไว้อย่างอ่อนโยน“หวางเฟยอากาศข้างนอกเย็น เข้าไปข้างในเสียเถอะ อย่ามาเสียเวลากับหญิงไร้ค่าผู้นี้”“ไร้ค่า”อู๋หงถิงยกมือขึ้นส่งภาษามือ ด้วยความไม่พอใจ หากมีเสียงก็จะเปล่งวาจาด่าทอแต่นี่อู่หงถิงเป็นใบ้ ไม่สามารถกล่าวคำใดได้ร่างสูงพยุงชายาเอกเข้าไปข้างในไม่สนใจภาษามือด่าทอนั้นหรือว่าไม่เข้าใจว่ากำลังถูกด่าทออู่หงถิงมอง ตัวเองในขณะนี้ทำไมถึง งดงามเพียงนี้แล้วมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ถูกโยนเข้าไปในห้องเก็บของที่มี ทั้งธัญพืชตา
อู่หงถิงนอนขดตัวด้วยความหดหู่ในใจ สาวใช้เพิ่งจะนำอาหารมาวางไว้ อาหารในวันนี้ต่างจากเมื่อวานนิดหน่อย มีของกินเพิ่มมาอีกหนึ่งอย่าง แสดงถึงความโกรธของเจ้าของบ้านลดลง หรือว่าแม่ครัวอาจสงสารอู่หงถิงหรือว่าบางที่อาจเป็นสาวใช้เองที่สงสาร จึงเพิ่มอาหารให้แต่อู่หงถิงไม่อยากคิดให้รกสมอง สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือฆ่าหวาเซียงอ๋อง ผู้ที่มีใบหน้าหล่อเหลาแต่สายตาเย็นชาผู้นั้นเสียให้เร็วที่สุดเพื่อแม่และน้องประตูเปิดออก ร่างสูงที่อยู่ในห้วงความคิดปรากฏตรงหน้า อู่หงถิงเพียงแค่ปรายตามองก่อนจะหลุบตาต่ำเหมือนเดิม“ออกมาข้างนอก”“ท่านอ๋องท่านไม่…..มัดชายารองไว้หรือไรหากว่านางคิดจะทำร้ายท่านอีก”บ่าวรับใช้คนสนิทนามเสี่ยวกุน เอ่ยปากเตือนกล้าๆกลัวๆรอยยิ้มหยันที่ริมฝีปากของหวาเซียงอ๋อง“ไม่..ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกมาจากตรงนั้น หรือว่าจะให้เสี่ยวกุนลากเจ้าออกมา”อู่หงถิงไม่แม้แต่จะมองหน้าคนพูดขยับกายจากแท่นนอนชั่วคราวที่ทำจากไม้ไผ่โสโครกเอาไว้วางของเหลือใช้ ร่างสูงหันหลังก้าวออกไป“ตามข้ามา”อู๋หงถิงก้าวขาตามไปในทันที เสี่ยงกุนตามหลังไปอีกคนเดินนำมาจนถึงเรือนหลังใหญ่ ที่ทอดยาวกว้างขวางข้างหน้า มีทางขึ้นเป็นบันไดสา
“ข้ากับท่านอ๋องหาใช่ความรักล้วนมีเพียงความผูกพันข้านับวันยิ่งห่าง ท่านอ๋องเอง หลายปีมานี้ไม่ปรากฏรอยยิ้ม ข้าจึงขอร้องฝ่าบาทประทานชายารองให้เขาเสียเพื่อแบ่งเบาข้า แต่เรื่องนี้ห้ามรู้ถึงหูท่านอ๋องเป็นอันขาด ว่าทั้งหมดเป็นความคิดของข้า ข้าเองร่างกายอ่อนแอ จะอยู่ปรนนิบัติได้สักกี่วันต่อจากนี้ ชายารองเป็นคนของฝ่าบาทจึงดี หากท่านอ๋องโปรดปรานจึงนับว่านางช่วยสมานรอยร้าวกับฝ่าบาทได้ดีไม่น้อย ข้าหวังเพียงแค่เสด็จพี่ไม่หวาดระแวงในตัวท่านอ๋องแม้ตายก็หมดห่วง แต่หากข้าตายไปท่านอ๋องกับฝ่าบาทร้าวฉานข้าเกรงว่าจะตายตาไม่หลับ ฝ่าบาท เชื่อในคำฑูดของใต้เท้ากวงจึงพลอยบึ้งตึงกับท่านอ๋องไปด้วย”“โถ ...พระชายาท่านช่างดีกับท่านอ๋องเสียจริงไม่เสียแรงที่ท่านอ๋องรักเทิดทูนท่านเหนือใคร”อู๋หงถิง มองสำรวจรอบๆห้อง สาวใช้ฟางหลุนเก็บพับผ้าไปมาไม่ได้สนใจว่าอู่หงถิงจะทำอะไร“นายหญิง ท่านอายุเท่าไหร่”อยู่ๆนางก็ถามขึ้น อู่หงถิงส่งภาษามือ“นายหญิงท่านไม่อยากพูด หรือว่าไม่เคยพูดหากไม่อยากพูดทำไมท่านถึงเก่งการใช้ภาษามือแต่เดิมข้าเคยได้ยินมาว่าคนเป็นใบ้มักจะพูดไม่ได้ เพราะไม่เคยได้ยินแต่บางคนได้ยินแต่ไม่ยอมพูดเพราะสั่งตัวเองไ