ด้านเบียร์ยืนอยู่ด้านนอกรถตู้ พยายามข่มอารมณ์ให้เย็นลง ใจเขาแทบอยากจะกระโจนเข้าไปในโกดังให้ได้ตอนนี้ทันที กำหมัดแน่น จนเส้นเลือดปูดขึ้นที่ข้อมือ“ไม่เคยเห็นนายเป็นแบบนี้มาก่อนเลย” มิสเตอร์พีเดินตามออกมาจากรถ เอ่ยขึ้นเสียงเรียบเบียร์ไม่ตอบ ยังคงนิ่งเงียบ พยายามควบคุมความโกรธที่เดือดพล่านอยู่ในใจ“ปกตินายเยือกเย็นกว่านี้ ต่อให้มีเรื่องใหญ่แค่ไหน นายก็ไม่เคยแสดงอารมณ์ออกมา... เธอคงจะสำคัญกับนายมากสินะ”เบียร์สูดหายใจลึก ก่อนจะพูดออกมาเสียงเข้ม “สำคัญสิ... เธอคือคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตผม”ทันใดนั้น เสียงจากลูกน้องของมิสเตอร์พีก็ดังขึ้นในหูฟัง “หัวหน้าครับ มีกลุ่มคนไม่ทราบฝ่าย จอดรถอยู่ด้านหน้าโกดัง พวกเขาดูเหมือนจะเตรียมเข้าไปด้านในครับ”เบียร์และมิสเตอร์พีรีบกลับขึ้นรถทันที เพื่อตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดเมื่อหน้าจอฉายภาพชายคนหนึ่งที่ก้าวออกมาจากรถ เบียร์กับมิสเตอร์พีต่างก็อุทานออกมาอย่างตกใจ“หมอนั่น!!”“เคน!” เบียร์ตะโกนเรียกชื่อคนที่ปรากฏตัวบนจอ ซึ่งเป็นคนที่เขาไม่คาดคิดว่าจะได้เจอในคืนนี้“ผู้หญิงคนนั้น... ชิท! ทุกคนเตรียมพร้อม เราจะบุกเข้าไปใน 10 นาที!” มิสเตอร์พีรีบออกคำสั่งกับล
ก่อนที่ทั้งสองจะได้พูดอะไรต่อ บรรดาลูกน้องของกรธวัชกว่า 10 คนก็กรูกันเข้ามาล้อมรอบเบียร์ทันที เบียร์หันไปตั้งท่ารับศึกจากกลุ่มคนที่เข้ามาเล่นงานเขาอย่างพร้อมเพรียงกรธวัชสบโอกาสนั้น เลยพยายามหาทางหลบหนี แต่ยังไม่ทันจะก้าวไปไกล เนยก็ปรากฏตัวมาดักหน้าเขาไว้ ท่าทางที่เคยดูอ่อนแรงเมื่อครู่หายไป ร่างของเธอยืดเส้นยืดสาย โยกคอและไหล่เหมือนพร้อมจะลงสนาม“ถึงจะผิดแผนไปหน่อย...แต่ก็เอาเหอะ” ริมฝีปากสวยของเธอคลี่ยิ้มร้ายกาจ ดวงตาสวยจับจ้องกรธวัชราวกับกำลังล่าเหยื่อ“เธอคิดว่าจะทำอะไรฉันได้?” กรธวัชคำราม ก่อนจะพุ่งเข้าหาเนยทันทีเนยเบี่ยงตัวหลบกรธวัชได้อย่างคล่องแคล่ว ทำเอาเขาชะงักไปชั่วครู่ แต่ไม่ทันไรกรธวัชก็หันกลับมาพุ่งเข้าใส่อีกครั้งอย่างไม่ยอมแพ้ คราวนี้เขากระหน่ำหมัดตรงมาที่เธอหมับ!เนยใช้มือจับหมัดของเขาได้ทัน แววตาเธอเต็มไปด้วยความเย็นชา ริมฝีปากยิ้มเหยียดอย่างดูแคลน “แค่นี้เองเหรอ?”กรธวัชพยายามดึงมือออกจากการจับของเนย แต่กลับรู้สึกได้ถึงแรงกดที่มหาศาลจนขยับไม่ได้ เนยบิดแขนเขาอย่างรวดเร็ว ทำให้กรธวัชเสียหลักไปครึ่งตัว จากนั้นเธอจัดการเตะตัดขาเขาจนล้มลงกับพื้นเสียงดังโครมกรธวัชดิ้นรนล
หลังจากจบเหตุการณ์ทั้งหมด เบียร์นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องพักภายในโกดัง ทีมแพทย์ของเอฟบีไอกำลังทำแผลให้เขา ขณะที่เบียร์มีสีหน้าครุ่นคิด สายตาของเขาจ้องไปที่แขนที่พันผ้าอย่างเหม่อลอย“ไง” เสียงทุ้มของเคนดังขึ้น พร้อมกับควันที่ลอยออกมาจากปลายบุหรี่ที่เขาจุดสูบ เคนเดินเข้ามานั่งตรงข้ามเบียร์ด้วยท่าทีสบายๆเบียร์เงยหน้าขึ้นมองเขา ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย“พวกคุณมาได้ไง?”“ทั้งหมดเป็นแผนของพวกฉันอยู่แล้ว” เคนพูดเรียบๆ ก่อนจะอัดบุหรี่เข้าปอดอีกครั้งแล้วพ่นควันออกมาอย่างผ่อนคลาย“รวมทั้งเนยด้วย?” เบียร์เลิกคิ้ว นึกถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเนย เขาเริ่มรู้สึกว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างมีแบบแผน“ยัยหนูนั่นล่ะ ตัวดีเลย” เคนหัวเราะเบาๆ ดวงตาของเขาฉายแววภาคภูมิใจในตัวน้องสาวเบียร์นิ่งไป ไม่พูดอะไรต่อ แต่ในใจกลับว้าวุ่นยิ่งกว่าเดิม เขารู้ดีว่าเนยเก่งแค่ไหน แต่การเห็นเธอเข้าไปเผชิญหน้ากับอันตรายแบบนี้มันทำให้เขารู้สึกเป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูกเคนเหลือบตามองเบียร์อย่างสำรวจ“นี่ขนาดนายเจ็บแค่นี้นะ ยัยหนูยังคลั่งได้ขนาดนั้น” เขาแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย“ถ้านายเป็นอะไรไปมากกว่านี้... คงมีคนตายหลายคนแน
เบียร์หยุดชั่วครู่เหมือนลังเลที่จะพูดต่อ เนยมองเขาด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความเข้าใจ ก่อนที่เบียร์จะตัดสินใจพูดต่อ “จนกระทั่งวันนี้...ที่ฉันเพิ่งรู้ว่ามันคือหัวหน้าแก๊งเรดสปาร์ค”เนยเงียบไม่พูดอะไร สายตาจับจ้องที่เบียร์อย่างนิ่งสงบ ราวกับกำลังพยายามอ่านความคิดและความรู้สึกของเขาเบียร์นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ“ส่วนมะปราง... เธอเป็นแค่น้องสาวเท่านั้น” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น จ้องลึกเข้ามาในดวงตาของเนย“ใช่เหรอ?” ริมฝีปากบางของเนยคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความหยอกล้อและท้าทาย“ใช่สิ ตอนนี้ในใจฉัน...ไม่เหลือที่ให้ใครนอกจากเธอ” เบียร์ยิ้มมุมปากอย่างมั่นใจ ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ รั้งท้ายทอยของเธอเข้ามาใกล้กว่าเดิม ริมฝีปากของเขาบดเบาๆ บนริมฝีปากของเนย จูบนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นและลึกซึ้ง แฝงด้วยความหมายที่เขาไม่ต้องพูดออกมาเนยยกแขนโอบรอบคอเบียร์ ตอบรับจูบของเขาอย่างเต็มใจ เขากดริมฝีปากแนบลึกขึ้น ลิ้นของเขาไล้ผ่านภายในปากเธอ ก่อนจะพัวพันกับลิ้นของเธอ จังหวะการจูบของทั้งคู่สอดประสานกันอย่างลงตัว ความรุนแรงและเร่าร้อนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเนยหายใจแทบไม่ทัน แต่เธอก็ไม่
“อย่าคิดว่าฉันจะให้เธอพักนะ” เบียร์กระซิบเสียงกระเส่า สายตาเต็มไปด้วยแรงปรารถนา เขามองเธออย่างเร่าร้อน ก่อนจะก้มลงจูบเธออย่างดุดัน ริมฝีปากของเขาบดขยี้ริมฝีปากของเธอจนเธอสะท้านไปทั้งร่าง“อื๊อ” เนยยังไม่ทันตั้งตัว รับจูบที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนาอันร้อนแรงและลึกซึ้งจนทำให้เธอหายใจติดขัด ลิ้นของเขาสอดแทรกเข้ามาในปากของเธออย่างรวดเร็ว เธอตอบสนองด้วยความเร่าร้อน จนร่างกายของทั้งสองแนบชิดกันมากขึ้น มือของเขาเริ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของเธอ ขณะที่ริมฝีปากของเขายังคงจูบอย่างดูดดื่มและเต็มไปด้วยความเร่าร้อนเสียงหายใจของเธอเริ่มถี่ขึ้น เมื่อมือของเขาสัมผัสส่วนล่างของเธอเบาๆ ปลุกเร้าความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น“พร้อมมั้ย?” เขากระซิบเบาๆ ขณะหยิบถุงยางอนามัยจากลิ้นชัก ใช้ปากฉีกซองออกอย่างชำนาญ ก่อนสวมถุงยางอย่างรวดเร็ว เขาจับเธอไว้แน่น แล้วเริ่มต้นด้วยความร้อนแรงที่ทำให้ทุกสัมผัสเต็มไปด้วยแรงปรารถนา“อึ๊...เบาหน่อย..” เนยกัดริมฝีปากแน่น ทุกครั้งเธอยังไม่ชินกับความคับแน่นที่รู้สึกด้านล่าง“อืม...เบาแล้ว..” เบียร์พึมพำ ขณะสอดตัวเข้าไปในตัวเธออย่างช้าๆ ความอุ่นจากเขาทำให้เธอครางเบาๆ ร่างกายของเธอตอบสนองต
เบียร์นอนกอดเนยอยู่บนเตียง หลังจากผ่านกิจกรรมอันเร่าร้อนเมื่อคืนที่ยาวนาน เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้นเรื่อยๆ ขัดจังหวะการพักผ่อน“ฮัลโหล?” เบียร์พูดด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ขณะที่เนยขยับตัวเล็กน้อย แต่ยังไม่ยอมตื่นเต็มที่“นายยังไม่ตื่นอีกเหรอ?” เสียงปลายสายยั่วเย้า ทำให้เบียร์ถอนหายใจยาว“เช้าๆ แบบนี้ ผมยังไม่อยากได้ยินเสียงคุณเลยนะ” เขาพึมพำอย่างหงุดหงิด“สายขนาดนี้แล้ว เมื่อคืนดึกรึไง?” ปลายสายยังคงล้อเลียนไม่เลิก“ไม่เชิงดึกนะ...เช้าต่างหาก” เบียร์ยิ้มมุมปาก พลางมองเนยที่นอนเคียงข้าง“ไม่ต้องมาอวดเลย” เสียงจากปลายสายสวนกลับทันควัน“มีอะไรก็ว่ามา” เบียร์ตัดบทอย่างตรงไปตรงมา“เข้ามาคุยเรื่องหัวหน้าแก๊งเรดสปาร์คหน่อย ถ้าสะดวก” ปลายสายบอกจุดประสงค์“ตอนเย็นแล้วกัน” เบียร์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม พลางวางสายไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันกลับมามองเนยที่ยังคงนอนหลับอยู่ในอ้อมกอดของเขา“ใครโทรมา...อีตาสูทดำเหรอ?” เนยถามเสียงเบา ทั้งๆ ที่ยังหลับตาอยู่“หืม?...ตื่นแล้วไม่บอกเหรอ?” เบียร์ยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะก้มลงใช้จมูกซุกไซร้ไปตามลำคอขาวของเธอ“ฮื้อ...พอได้แล้ว” เนยหัวเราะคิกคัก พยายามเบี่ยงหน
ระหว่างที่เนยกำลังนั่งรอเบียร์อยู่ในห้องประชุม มิสเตอร์พีก็เดินถือกาแฟเข้ามาพร้อมกับส่งให้เนย ก่อนจะเอ่ยขึ้น“ไม่เจอกันนานเลย...สวยขึ้นเยอะเลยนะ” มิสเตอร์พีพูดด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า รอยยิ้มมุมปากที่บ่งบอกถึงความล้อเลียนอย่างชัดเจนเนยหันมามองเขา ก่อนจะเลิกคิ้วเล็กน้อย “พี่ยังปากหวานเหมือนเดิมนะ”“ฉันพูดความจริงนี่” มิสเตอร์พียักไหล่ พลางจ้องมองเธอด้วยสายตาวาววับ “จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เจอกัน เธอยังเป็นสาวน้อยอยู่เลย แต่ตอนนี้...กลายเป็นสาวเต็มตัวแล้ว”เนยหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันไปจิบกาแฟ “แล้วไง? พี่คิดจะจีบฉันเหรอ?”“โห...อย่าพูดแบบนั้นสิ ฉันไม่อยากโดนหมอนั่นฆ่าหรอก” มิสเตอร์พีตอบพลางหัวเราะในลำคอ แต่แววตาของเขายังคงมองเนยด้วยความชื่นชมเนยยิ้มมุมปาก ก่อนจะเอนตัวเข้ามาใกล้มิสเตอร์พีเล็กน้อย ดวงตาของเธอฉายแววซุกซน “อ้าวเหรอ...แล้วถ้าฉันบอกว่า พี่มีโอกาสล่ะ?”มิสเตอร์พีชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ เขายิ้มกว้างขึ้น แต่ยังคงรักษาท่าทีไว้ “เธอนี่มันร้ายเหมือนเดิมนะ...คิดจะยั่วให้ฉันลำบากใจเหรอ?”เนยหัวเราะเบาๆ พลางโน้มตัวเข้ามาใกล้เขาอีกนิด “ก็ถ้าพี่กลัวเบียร์ขนาดนั้น ฉันคงทำอะไร
เบียร์นั่งลงหน้าจอคอมพิวเตอร์ของมิสเตอร์พี ท่ามกลางแสงไฟจากหน้าจอที่สว่างเพียงแสงเดียวในห้อง มันสะท้อนกับใบหน้าของเขาที่มีความมุ่งมั่นในทุกการเคลื่อนไหว เบียร์เริ่มพิมพ์คำสั่งลงบนแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว เสียงคลิกแป้นพิมพ์ดังต่อเนื่อง ไม่หยุดหย่อน“ผมจะเริ่มจากการเจาะเข้าฐานข้อมูลที่พวกมันใช้เก็บบัญชีเงินฝากก่อน” เบียร์อธิบายให้มิสเตอร์พีฟัง ขณะที่เขาเปิดโปรแกรมแฮกเกอร์ขั้นสูงเนยกับมิสเตอร์พียืนอยู่ข้างหลังเขา มองดูหน้าจอที่เต็มไปด้วยรหัสและตัวเลขเคลื่อนไหวไปมา ข้อมูลต่างๆ เริ่มปรากฏขึ้นทีละน้อย“เริ่มจากหาช่องโหว่ในระบบของพวกมันก่อน” เบียร์พูดเสียงนิ่ง ขณะที่พิมพ์คำสั่งเข้าไปในคอมพิวเตอร์ เขาใช้วิธีที่เรียกว่า brute-force attack ซึ่งเป็นการลองรหัสผ่านหลายๆ ชุดไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอรหัสที่ถูกต้อง การทำแบบนี้ทำให้ระบบรักษาความปลอดภัยของแก๊งเรดสปาร์คทำงานหนักเกินไป จนเกิดช่องโหว่ที่เขาจะสามารถเจาะเข้าไปได้"พอระบบมันทำงานไม่ไหว ช่องโหว่ก็โผล่มา" เบียร์พูดพลางเร่งมือให้เร็วขึ้น“พวกมันใช้ระบบป้องกันระดับสูง เหมือนพวกธนาคารเลย แต่ก็ยังมีช่องโหว่จากการเชื่อมต่อหลายๆ อุปกรณ์” เบียร์พึมพำกับตัว
แสงแดดอ่อนๆ ยามเย็นสาดส่องผ่านม่านโปร่งเข้าสู่ห้องนอนอันเงียบสงบ เนยค่อยๆ ลืมตาขึ้น ความเมื่อยล้าจากค่ำคืนอันเร่าร้อนยังคงสะสมอยู่ในทุกอณูของร่างกาย เบียร์จัดเธอหนักจนถึงเช้า ทำให้เธอรู้สึกเหมือนพลังถูกสูบออกไปจนแทบหมดสิ้น เธอพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ความปวดหน่วงในท้องน้อยทำให้ต้องนิ่วหน้าด้วยความทรมานเล็กน้อย“อือ...บ้าจริง” เนยพึมพำเบาๆ พลางลูบท้องเพื่อบรรเทาความปวด เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง แต่ไม่เห็นเบียร์อยู่ในห้องแล้ว มีเพียงความเงียบและกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเขาที่ยังหลงเหลือบนหมอนข้างๆ ทำให้เธอย่นคิ้วเล็กน้อย“ไปไหนนะ?” เธอเอ่ยพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมมาปกปิดร่องรอยรักที่กระจายอยู่ตามผิวกาย เนยเดินโซเซไปยังห้องน้ำ หวังว่าจะพบเบียร์ที่นั่น แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าขณะที่เธอขมวดคิ้วครุ่นคิดว่าชายคนรักหายไปไหน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำใบเล็กวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ริบบิ้นสีทองที่ผูกอย่างประณีตสะดุดตาเธอ“กล่องอะไรน่ะ?” เธอพูดกับตัวเองพลางเดินเข้าไปหยิบขึ้นมาดูภายในกล่องมีการ์ดใบหนึ่งวางอยู่ เมื่อเธอเปิดออกก็พบตัวอักษรที่ดูเหมือนรหัสมอร์สเรียงรายเต็มการ์ด เนยยืนมองการ์ด
เมื่อเวลาค่ำมาถึง พนักงานของเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน มัลดีฟส์ ก็มาจัดเตรียมดินเนอร์สุดหรูบนระเบียงกลางแจ้งของวิลล่า แสงเทียนในโคมแก้วที่จัดวางไว้รอบโต๊ะส่องแสงอ่อนโยน ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกที่มีเพียงแสงดาวและเสียงคลื่นทะเลเป็นฉากหลังบนโต๊ะดินเนอร์ถูกจัดวางอย่างประณีตด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตา พร้อมช่อดอกไม้เล็กๆ ในแจกันแก้วใส อาหารค่ำที่จัดเตรียมมาเป็นเมนูพิเศษจากเชฟของโรงแรมเริ่มจาก ซุปล็อบสเตอร์บิสค์ ที่เสิร์ฟมาในชามเซรามิกขอบทอง กลิ่นหอมของสมุนไพรและเครื่องเทศลอยมากระทบจมูก ตามด้วยจานหลักเป็น สเต็กปลากะพงย่างราดซอสเนยมะนาว เสิร์ฟคู่กับผักย่างและมันบดเนื้อเนียนละเอียดและไฮไลต์ของค่ำคืนนี้คือ ของหวานเค้กมูสมะพร้าว เสิร์ฟในเปลือกมะพร้าวขัดเงา ตกแต่งด้วยซอสมะม่วงราดอย่างละเมียดละไม ความหวานของมูสมะพร้าวเข้ากันดีกับรสเปรี้ยวสดชื่นของมะม่วง เป็นเมนูที่ทั้งตาและลิ้นต้องหลงรักเบียร์นั่งจิบไวน์ขาวที่เสิร์ฟเคียงกับอาหาร ขณะที่มองเนยที่กำลังตักซุปขึ้นมาชิม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและหลงใหล เนยที่สวมชุดเดรสผ้าชีฟองสีฟ้าอ่อนซึ่งพริ้วไหวตามลมทะเล ดูราวกับนางฟ้าท่ามกลางแสงเทียน“รสชาติเป็นไงบ
ฮิโร่และวาเลนไทน์ยืนเคียงข้างกันอย่างเงียบสงบที่จุดชมวิวริมแม่น้ำปิง แสงไฟจากริมฝั่งสะท้อนลงบนสายน้ำที่ไหลเอื่อย สายตาของทั้งคู่เหม่อมองออกไปไกลราวกับกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต“ไม่มีแบล็ควอล์คอีกแล้ว...” ฮิโร่พูดขึ้น ทำลายความเงียบที่รายล้อมแววตาของวาเลนไทน์สะท้อนไหววูบเล็กน้อย แต่ไม่นานนักเธอก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“พังไปแบบนั้นก็ดีแล้ว”ฮิโร่หันมามองเธอด้วยความแปลกใจเล็กน้อยในคำพูดนั้น“หืม?”วาเลนไทน์ยังคงเหม่อมองสายน้ำไหล คล้ายกำลังดิ่งลึกลงไปในห้วงอดีตของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ“ชีวิตฉัน...ถูกไมค์ช่วยเอาไว้ก็จริง แต่เขาก็เป็นคนที่ทำลายมันลงเหมือนกัน...” เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาคู่งามสะท้อนแสงไฟริมน้ำ“เพราะงั้น...การที่มันพังไปแบบนั้น...ถือว่าดีแล้ว”วาเลนไทน์หันกลับมาสบตากับฮิโร่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งความเศร้าและความโล่งใจที่ผสมปนเปกันฮิโร่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของวาเลนไทน์ คิ้วหนาขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังไตร่ตรอง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“แล้วเธอคิดจะทำอะไรต่อไปล่ะ”วาเลนไทน์นิ่งไปครู่หนึ่ง ราวกับคำถามนั้นกระทบใจเธออ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่เนยเดินทางกลับจากมอสโก ข่าวใหญ่ก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งโทรทัศน์และเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ทุกสำนัก รายงานเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป ขณะเดินทางเยี่ยมชมสาขาในรัสเซียข่าวระบุว่าเกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกท่ามกลางภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมดสี่ราย ได้แก่ นักบินประจำลำ ไมเคิล เวสท์ ผู้บริหารสูงสุดของยูนิโอนิค กรุ๊ป วินเซนต์ เกรย์ รองประธานฝ่ายบริหาร และเซเลสเท ลาโนว่า ผู้ช่วยส่วนตัวของวินเซนต์ข่าวนี้สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลกธุรกิจ การสูญเสียบุคคลสำคัญระดับนี้ไม่เพียงกระทบต่อบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป เท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงความมั่นคงของอุตสาหกรรมการเงินระดับโลกอีกด้วย“หมอนั่น ทำให้ข่าวออกมาแบบนี้เหรอเนี่ย” เบียร์พูดขึ้น ขณะเลื่อนดูข่าวบนหน้าจอแท็บเล็ต ร่างสูงนั่งเอนตัวสบายๆ บนโซฟาภายในคอนโด โดยมีเนยนั่งอยู่บนตักของเขา“ก็ไม่แปลกนี่ อีตาสูทดำถนัดทำเรื่องแบบนี้อยู่แล้วนี่นา” เนยหัวเราะเบาๆ ขณะมองภาพข่าวที่แสดงอยู่บนหน้าจอ“แล้วแบบนี้บริษัทเธอจะทำยังไงต่อล่ะ?” เบียร์เลิกคิ้วถามพลางโอบเอวเธอไว
ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่ดัดแปลงด้วยเอไอดังออกมาจากโทรศัพท์ของเนยที่เปิดสปีกเกอร์โฟน ราวกับเป็นเงาที่มองไม่เห็นของเกมนี้“แน่ใจเหรอ?” เสียงนั้นแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบไมเคิลขมวดคิ้วแน่น สายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและสงสัยจับจ้องไปยังโทรศัพท์ในมือของเนย“นายคิดว่า แบล็ควอล์คไม่สามารถถูกทำลายได้จริงเหรอ?” เสียงนั้นยังคงดังออกมาราวกับเยาะเย้ย“แกเป็นใคร!!” ไมเคิลตะโกนลั่น เส้นเลือดบนขมับเต้นตุบ“ไม่สำคัญหรอก” เสียงนั้นหัวเราะเบาๆ ราวกับเพลิดเพลินกับความโกรธของไมเคิล“ฉันจะมอบของขวัญให้นายเอง ของขวัญแห่งความพินาศที่ชื่อว่า ‘แบล็คเฮเซล’ ”คำพูดนั้นเหมือนน้ำมันที่ราดลงบนเปลวไฟ ไมเคิลกำหมัดแน่นด้วยความโกรธจัด สายตาเขาเต็มไปด้วยคำถามและความเคียดแค้น“เขาว่างั้นล่ะ”เนยยกยิ้มบางพลางเดินเข้าไปหาไมเคิลที่ยังคงยืนตัวแข็งด้วยความโกรธ เธอเอื้อมมือดึงตัวเขาขึ้นจากพื้น ก่อนกดตัวเขานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้กับจอมอนิเตอร์ไมเคิลมองจอมอนิเตอร์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ภาพข้อมูลบริษัท การฟอกเงิน การขนส่งของผิดกฎหมาย และฐานย่อยที่เป็นความลับระดับสูงสุด กำลังถูกเปิดเผยต่อหน้าต่อตาเขา“นี่มัน...”
ภายในห้องนอนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเร่าร้อน เอมิกับไมเคิลยังคงจมอยู่ในความสุขที่เขาและเธอสร้างขึ้นร่วมกัน ไฟในดวงตาของไมเคิลเต็มไปด้วยความหลงใหล ในขณะที่เอมิกลับมีประกายร้ายกาจแฝงอยู่ในแววตาทันใดนั้น เอมิก็ชะงักเล็กน้อย สัญชาตญาณของเธอเตือนว่าเหตุการณ์กำลังเปลี่ยนไป ความเคลื่อนไหวจากภายนอกกำลังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่มุมปากของเธอ“อะไรหรือ?” ไมเคิลถามพลางมองเธอด้วยสายตาสงสัย เมื่อเห็นเธอนิ่งไปชั่วครู่เอมิหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอียงหน้ามองเขา รอยยิ้มร้ายกาจของเธอฉายชัด“ดูท่า ความสนุกของเราจะหมดลงแค่นี้แล้วล่ะ” เธอเอ่ยเสียงเย้ายวน แต่เต็มไปด้วยความหมายลึกลับไมเคิลเลิกคิ้ว ดวงตาสีฟ้าของเขาหรี่ลงอย่างจับสังเกต ขณะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติจากด้านนอก เสียงฝีเท้าและแรงระเบิดเล็กน้อยที่ดังมาจากระยะไกลส่งสัญญาณบางอย่างที่เขาไม่อาจมองข้ามไมเคิลลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันที เขาเร่งสวมกางเกงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก้าวตรงไปยังโต๊ะทำงานข้างห้องพร้อมกดปุ่มลับที่ซ่อนอยู่ ไม่นานนัก มอนิเตอร์หลายสิบจอก็ปรากฏภาพตรงหน้า เขามองภาพสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบฐานด้วยสีหน้าเคร่งเครียดภาพการพ่ายแพ้ของล
ภายใต้ความมืดของยามค่ำคืน ฮิโร่และเนยเคลื่อนตัวอย่างเงียบงัน ฝ่าหมอกควันที่ลอยตลบจากระเบิดควันที่ฮิโร่ปาออกไปตามทางเป็นระยะ เพื่อบดบังการเคลื่อนไหว ทั้งคู่ใช้ทางเดินด้านหน้าของอาคารหลัก บุกเข้าไปโดยไร้เสียงฮิโร่เคลื่อนตัวอย่างคล่องแคล่ว ดาบคาตานะในมือของเขาวาววับเมื่อสะท้อนแสงไฟสลัว เขาพุ่งตัวเข้าใกล้ศัตรูคนแรกที่ยืนเฝ้าทางเข้า ดาบในมือฟาดออกด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ เสียงเฉือนเบา ๆ ดังขึ้นก่อนที่ร่างของสมุนจะล้มลงโดยไร้เสียงโวยวาย ฮิโร่ใช้เท้าขยับร่างศัตรูเข้าข้างกำแพง ซ่อนร่างไว้ก่อนส่งสัญญาณให้เนยเดินตามเนยตามติดเขาไปอย่างว่องไว ดวงตาคมกริบของเธอจ้องจับทิศทางศัตรูคนถัดไปที่ยืนอยู่บริเวณมุมตึก เธอพุ่งตัวไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว มีดสั้นในมือปักเข้าที่ต้นคอของศัตรูจากด้านหลัง ร่างของเขาทรุดลงอย่างเงียบงัน ก่อนที่เธอจะวางร่างลงกับพื้นอย่างเบามือทั้งคู่เคลื่อนไหวราวกับเงา ไร้เสียง ไร้การสะดุดเมื่อเจอกับกลุ่มศัตรูที่อยู่เป็นทีมเล็ก ๆ ฮิโร่ใช้สัญญาณมือสั่งให้เนยหยุดรอ ก่อนที่เขาจะพุ่งตัวออกไปในพริบตา ดาบของเขาสะบัดฟาดในจังหวะเดียวล้มศัตรูสองคนที่ยืนหันหลังให้ ส่วนคนที่สามที่หันมาเห็นเหตุ
“ใจเย็นสิคะ...” เนยพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ดวงตาพราวระยับ พร้อมยกมือบางขึ้นแตะที่ริมฝีปากของวินซ์ที่กำลังจะโน้มลงมา“หืม...นี่ผมใจเย็นสุดละ” วินซ์ตอบเสียงแหบพร่า แววตาเปี่ยมไปด้วยแรงปรารถนาเขาใช้มือจับข้อมือของเธอเบาๆ ก่อนจะดึงมือเรียวเล็กออกจากริมฝีปากของเขา และกดริมฝีปากร้อนลงบนริมฝีปากบางของเธอทันทีจูบของเขาไม่รีบร้อน แต่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่เธอไม่อาจหลีกหนีได้ วินซ์สอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเธอ ตักตวงรสหวานที่เขาต้องการมาตลอดเนยขืนตัวเล็กน้อย แต่ไม่นานนักก็ปล่อยตัวไปตามอารมณ์ มือบางที่เคยพยายามผลักไส เปลี่ยนมาจับที่บ่าของเขาเบาๆ ขณะที่ลมหายใจของทั้งคู่เริ่มประสานกันวินซ์จรดริมฝีปากร้อนลงบนซอกคอขาวเนียนของเนย ไล้เบาๆ ด้วยความนุ่มนวลก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาช้าๆ จนถึงเนินอก เผยให้เห็นความปรารถนาที่เขาเก็บซ่อนไว้ในแววตา ขณะที่มือของเขาลูบไล้ไปตามร่างกายของเธออย่างเชื่องช้า“คุณสวยมาก...” วินซ์พึมพำเสียงเบา ดวงตาสีฟ้าเข้มทอดมองใบหน้าของเนย แต่แล้วเขาก็กระพริบตาถี่ๆ เมื่อรู้สึกเหมือนโลกเริ่มหมุน และภาพเบื้องหน้าพร่าเลือนไป“คุณอมลวัทน์...ทำไมผม...” วินซ์พูดแผ่ว ราวกับพยายามรวบรวม
ขณะเดียวกัน วินซ์พาเนยนั่งรถลีมูซีนกลับมายังโรงแรมท่ามกลางแสงไฟยามค่ำคืนของมอสโก บรรยากาศภายนอกเต็มไปด้วยความเงียบสงบ แต่ภายในรถกลับอึมครึมไปด้วยความเงียบระหว่างพวกเขา จนกระทั่งรถจอดสนิทที่หน้าโรงแรม วินซ์เปิดประตูรถให้เธอ“ขอบคุณค่ะ” เนยยิ้มขณะก้าวลงจากรถ“ผมจะเดินไปส่งคุณที่ห้อง” วินซ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แววตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความลึกซึ้งเนยเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบอะไร เพียงพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินนำเข้าไปในตัวโรงแรมเมื่อถึงหน้าห้องพักของเธอ วินซ์กลับเอ่ยขึ้นอีกครั้ง พร้อมรอยยิ้มที่ดูเหมือนตั้งใจมากกว่าครั้งก่อน“ถ้าจะให้ดี ผมขอเข้าไปดื่มกาแฟสักแก้วได้มั้ย? พอดีมีงานที่ต้องคุยกับคุณนิดหน่อย...ตอนที่คุณหายไป”เนยหลุดหัวเราะเบาๆ กับข้ออ้างที่ฟังดูน่าเอ็นดู รอยยิ้มของเธอเจือความรู้ทันอย่างชัดเจน เธอมองหน้าเขานิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยตอบ“แค่กาแฟแก้วเดียวนะคะ”วินซ์ยิ้มมุมปากราวกับได้สิ่งที่ต้องการ เขาก้าวตามเธอเข้าไปในห้องพัก ห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยโทนสีทองและน้ำตาลอ่อน พร้อมวิวเมืองมอสโกยามค่ำคืนที่มองเห็นได้จากกระจกบานใหญ่เนยเดินตรงไปที่มุมครัวเล็กๆ ในห้อง หยิบเ