ทันทีที่เนยเดินออกมา แพรที่รออยู่หน้าออฟฟิศรีบถามขึ้นทันที
“เป็นไงบ้างเนย?”
“ก็...ไม่มีอะไรนี่” เนยตอบอย่างไม่ใส่ใจ ยักไหล่เล็กน้อยพร้อมยิ้มกวนๆ ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง
“ไม่มีอะไร? ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่เหมยจะปล่อยเธอมาแบบไม่มีอะไร” แพรเดินตามเพื่อนสาวอย่างสงสัย
“ทุกคนรู้ว่าพี่เหมยดุเหมือนสิงโต แกปล่อยเธอมาได้ยังไงเนี่ย?” แพรพูดด้วยสีหน้างุนงง เพราะพี่เหมยเป็นที่รู้จักในเรื่องความดุและการลงโทษพนักงานอย่างเคร่งครัด
“คงเพราะ...ฉันดวงดีมั้ง” เนยตอบอย่างไม่ใส่ใจ พลางวางเอกสารบนโต๊ะและจัดของให้เข้าที่
“เธอเนี่ยนะ ดวงดี?” แพรย้อนถามเสียงสูง พร้อมจ้องหน้าเนยเหมือนไม่อยากจะเชื่อ
“เอาเป็นว่าฉันทำงานสำเร็จ ลูกค้าสมัครบัตรเครดิตกับฉัน นั่นก็คงเป็นเหตุผลที่พี่เหมยไม่ลงโทษฉันล่ะมั้ง” เนยพูดสั้นๆ ตัดบทอย่างรวดเร็ว เพราะรู้ดีว่าแพรคงไม่หยุดถามหากเธอไม่ตอบให้ชัดเจน
“พูดถึงเรื่องงาน ฉันได้ยินมาว่าผู้จัดการแบงก์สาขาเยาวราชยอมสมัครบัตรกับเธอแล้วจริงไหม?” แพรถามอย่างสงสัย
“ใช่ ทำไมเหรอ?” เนยหยิบกระเป๋าเครื่องสำอางออกมาเตรียมแต่งหน้า
“ไม่อยากเชื่อเลย! เขาบอกเองว่าไม่เคยสนใจสมัครบัตรเครดิตกับบริษัทไหน แล้วทำไมถึงยอมทำกับเธอ?” แพรเอียงคอมองเนยด้วยความสงสัย
“ก็เพราะ...นางสาวอมลวัทน์คนนี้น่ะสิ ที่ทำให้เขาตัดสินใจได้” เนยตอบพร้อมลากเสียงยาว ยิ้มเจ้าเล่ห์ขณะหยิบตลับแป้งขึ้นมาตบตรงสันจมูกที่มันเล็กน้อย
“อ้อ...เข้าใจล่ะ เธอก็สมกับชื่ออมลวัทน์จริงๆ เลยนะ ยัยเนย” แพรยิ้มขำพลางพิจารณาใบหน้าหวานของเนย ผมยาวตรงสีไฮไลท์แดงโค้ก ยิ่งทำให้ใบหน้าเนยดูเปล่งประกาย ชุดเกาะอกสีแดงที่ซ่อนอยู่ใต้สูทสีดำรัดรูปเข้าคู่กับกางเกงขาม้าทำให้เธอดูสง่าและทันสมัยอย่างมาก
แพรยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่า เนยดูอ่อนเยาว์เกินกว่าอายุ 25 ปี หากเนยแต่งตัวแบบลำลอง ก็คงเหมือนเด็กมหาวิทยาลัยปี 2 หรือปี 3 เลยทีเดียว
“มองอะไรยะ ยัยแพร?” เนยตวัดสายตาคมมองเพื่อนสาวที่จ้องเธอนานเกินไป
“เปล่า ก็แค่คิดว่าเธอสวยดีเหมือนกันนะ” แพรตอบด้วยสีหน้าจริงจัง ทำให้เนยตาเหลือก เมื่อได้ยินจากเพื่อนสาวที่ดูห้าวอย่างแพร ผู้ซึ่งมักจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นทอมด้วยผมซอยสั้นสีทอง
“เฮ้ย! พูดแบบนี้คนอื่นก็คิดว่าฉันกับเธอมีอะไรกันสิ!” เนยกระซิบเสียงเข้มพลางตีแขนแพรเบาๆ พร้อมส่งยิ้มกลบเกลื่อนให้เพื่อนร่วมงานรอบข้าง
“อ้าว นี่เธอไม่รู้เหรอว่ามีคนลือเรื่องเธอกับฉันไปไกลแล้ว ฮ่าๆๆ” แพรหัวเราะเสียงดัง ราวกับเรื่องที่พูดเป็นเรื่องขบขัน ทำให้เนยหน้ามุ่ยอย่างไม่พอใจ
“ช่างเถอะ ปล่อยให้คนพูดไปเถอะ ฉันไม่สนใจหรอก” เนยยักไหล่ไม่แยแส เพราะเธอไม่ค่อยสนใจเรื่องซุบซิบในบริษัทอยู่แล้ว
“แล้วเธอไม่มีนัดลูกค้าเหรอ?” เนยเปลี่ยนเรื่อง ถามเพื่อนด้วยความสงสัย
“มีสิ แต่ของฉันนัดช่วงบ่าย ตอนนี้ก็เลยฟรี” แพรตอบพลางนั่งลงที่โต๊ะทำงานของตัวเอง
“งั้นเหรอ แต่ฉันต้องทำรายงานสรุปยอดบัตรเครดิตส่งพี่เหมยก่อน” เนยบ่นเล็กน้อย เพราะเป็นงานที่เธอไม่ค่อยชอบทำเท่าไหร่
“งั้นก็ตามสบายย่ะ” แพรเอ่ยพลางหันไปเปิดคอมพิวเตอร์ สายตาของพี่เหมยที่มองมาจากอีกฝั่งทำให้แพรทำหน้าเหลอหลา ก่อนจะหันมากระซิบกับเนย
“ดูหน้าพี่เหมยสิ ยังกับกินรังแตนมาเลย ฮ่าๆ” แพรหัวเราะเบาๆ ขณะที่เนยหัวเราะตาม พร้อมหยิบเอกสารขึ้นมาเตรียมจัดการรายงานยอดบัตรเครดิต
“อ้อ จริงสิ! ฉันลืมบอกเธอไปเลยเนย!” แพรพูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น พลางหันไปบอกเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนมีเรื่องน่าสนใจ
“อะไรล่ะ?” เนยถามโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากเอกสารที่เธอกำลังจัดเรียงอยู่
“แผนก IT น่ะ มีคนเข้าใหม่!” แพรพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ยิ่งฟังดูกระตือรือร้นมากขึ้น
“คนใหม่? แล้วยังไงล่ะ?” เนยขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางจับได้ถึงความตื่นเต้นที่ปนความดีใจในน้ำเสียงของเพื่อน
“ก็...เขาเป็นผู้ชาย แถมหล่อมากกกก!” แพรลากเสียงยาวเน้นย้ำความหล่อออกมาอย่างชัดเจน
เนยเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พลางตอบกลับเสียงสูง
“หืม? บริษัทเรามีคนหล่อด้วยเหรอ?”
“โธ่! ยัยเนย” แพรทำหน้ามุ่ย ย่นจมูกใส่เนยด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย
“ในบริษัทก็มีคนหล่อนะ แต่สเปคเธอมันคงจะสูงเกินไปน่ะสิ”
เนยหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยักไหล่
“ฉันไม่เคยคิดจะสนใจใครในบริษัทเดียวกันหรอก คบกันไปก็มีแต่จะเป็นขี้ปากให้พวกชอบนินทา” เธอพูดด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจนัก
แพรพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ก็จริงของเธอ ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”
การที่เนยหลีกเลี่ยงการมีความสัมพันธ์ในที่ทำงานไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะบริษัทที่พวกเธอทำงานนั้นมีพนักงานประมาณร้อยกว่าคน และเมื่อมีคนเริ่มสนใจหรือคบหากัน ข่าวก็จะแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว บางครั้งเรื่องเล็กๆ ก็ถูกขยายใหญ่โตเกินจริงจากพวกที่ชอบใส่ไข่ และแน่นอนว่าเนยไม่อยากตกเป็นเป้าของพวกขี้นินทา
เนยจำได้ว่า เลขาของผู้ช่วยสายธุรกิจที่ชื่อดังเป็นผู้หญิงอวบขาวน่ารัก ใครเห็นก็ต้องชอบ แต่เธอกลับมีพฤติกรรมชอบสนิทสนมกับผู้ชายแทบทุกคน โดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไง เนยเคยเตือนด้วยความหวังดีหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีผลอะไร หญิงสาวเลือกที่จะใช้ชีวิตแบบเดิมของเธอ จนในที่สุดเนยก็เลิกเตือน เพราะรู้สึกว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่ไม่ได้ส่งผลโดยตรงกับเธอ
ถึงแม้จะไม่อยากรับรู้ แต่เรื่องของเลขาคนนั้นกลับถูกนำมาเล่าให้เนยฟังอยู่เรื่อยๆ จากคนรอบข้าง ซึ่งมักจะเล่ากันอย่างสนุกสนาน เหมือนเป็นเรื่องบันเทิงในชีวิตประจำวัน นั่นทำให้เนยเบื่อหน่ายและระวังตัวเองมากขึ้น เธอไม่ต้องการให้ใครเข้ามายุ่งกับชีวิตส่วนตัวของเธอเกินกว่าที่เธอตั้งขอบเขตไว้
ในช่วงพักกลางวัน บริษัทของเนยที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองทำให้มีร้านอาหารมากมายให้เลือก หญิงสาวเดินออกจากบริษัทพร้อมกับแพรและเจี๊ยบ น้องฝึกงานคนใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่ถึงสองเดือนเนยเอ็นดูเจี๊ยบมาก เพราะนิสัยและบุคลิกหลายอย่างคล้ายกับตัวเธอ ทั้งในเรื่องความเก่งและความน่ารักสดใส การที่ทั้งสามคนเดินไปไหนมาไหนด้วยกันก็มักจะดึงดูดสายตาของผู้ชายที่เดินผ่านไปมาอยู่เสมอ แต่สิ่งที่ทำให้แพรรู้สึกตลกทุกครั้งคือ พวกเขามักมองแพรด้วยสายตาอิจฉา เพราะคิดว่าเธอเป็นสาวห้าวที่ชอบผู้หญิงด้วยกัน“เฮ้อ... ฉันล่ะไม่อยากเดินกับเธอสองคนเลยจริงๆ” แพรแสร้งถอนหายใจออกมาหนักๆ ขณะที่พวกเธอนั่งในร้านอาหารประจำ“ทำไมล่ะ?” เนยเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย หลังจากสั่งอาหารเสร็จ“ก็ดูเธอสองคนสิ คนหนึ่งก็สวยสง่า อีกคนก็น่ารักอ่อนหวาน ส่วนฉัน...ดูเหมือนผู้ชายชัดๆ” แพรทำหน้าเหมือนทุกข์ใจ พลางย่นจมูก“ผู้ชายที่เดินผ่านพวกเราก็มองฉันอย่างกับจะฆ่าฉันให้ตายคาที่เลยล่ะ คงอยากกินเลือดฉันกันหมดแน่ๆ”คำพูดของแพรทำให้เนยกับเจี๊ยบระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ทั้งคู่คุ้นเคยกับมุกตลกแบบนี้ของแพรดี เพราะเธอพูดแบบนี้เกือบทุกครั้งที่ออกไปด้วยกัน
บริษัท ทีเอ็กซ์สตรีม จำกัด เป็นบริษัทให้คำปรึกษาด้านการวางระบบคอมพิวเตอร์ และพัฒนาโปรแกรมซอฟต์แวร์ แม้จะก่อตั้งมาเพียง 5 ปี แต่บริษัทนี้ก็สามารถสร้างกำไรได้ถึง 100 ล้านบาทต่อปีโดยเฉพาะแผนก Development ซึ่งเป็นแผนกที่ทำรายได้หลักจากการขายโปรแกรมให้กับบริษัทเอกชน แถมยังต้องมีพนักงานคอยดูแลและสนับสนุนลูกค้าหลังการขาย ซึ่งทำให้แผนกนี้ถือเป็น ‘หน้าตา’ ของบริษัท และพนักงานที่ทำงานในแผนกนี้ก็ได้รับทั้งอภิสิทธิ์และเงินเดือนสูงตามงานที่โปรแกรมเมอร์แต่ละคนทำได้“เฮ้ย ไอ้เบียร์!” เสียงเรียกดังมาจากด้านหลัง ขณะที่ชายหนุ่มกำลังซ่อมโน้ตบุ๊กอยู่ เขาหยุดมือทันทีที่ได้ยินชื่อของตัวเอง“มีอะไร ไอ้เน?” เบียร์หันไปถามเพื่อนด้วยท่าทางที่ยังง่วนอยู่กับงาน“วันนี้มึงไม่มีงานออกเทรนนอกบริษัทเหรอวะ?”เน เพื่อนสนิทของเขาถามพลางทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ อย่างสบายใจ พร้อมวางถุงน้ำอัดลมกระป๋องลงบนโต๊ะของเบียร์โดยไม่รอคำเชิญ“ไม่มี วันนี้ว่าง แต่พรุ่งนี้กูต้องออกไปข้างนอก” เบียร์ตอบพร้อมกับลงมือซ่อมโน้ตบุ๊กต่อ“ไปไหนล่ะ?” เนยื่นกระป๋องน้ำอัดลมส่งให้เบียร์เบียร์รับไปและเปิดฝาดื่มพลางตอบ “บริษัทบัตรเครดิตอะไรซัก
“เฮ้ย ไอ้เบียร์ หัวหน้าเรียก!”เสียงเพื่อนร่วมงานที่นั่งอยู่ข้างๆ ตะโกนบอก ทำให้เบียร์หลุดออกจากภวังค์ เขาพยักหน้าให้เป็นเชิงรับรู้ ก่อนจะวางกล่องโปรแกรมลงบนโต๊ะ ลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปยังห้องหัวหน้าก๊อก ก๊อก“ขออนุญาตครับ” เบียร์เคาะประตูเบาๆ แล้วเปิดเข้าไป หัวหน้าที่กำลังตรวจเอกสารเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้ม“อ้าว มาแล้วเหรอ นั่งก่อนสิ” หัวหน้าฝ่ายทัก ก่อนจะผายมือให้เขานั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามโต๊ะทำงาน“หัวหน้ามีอะไรหรือครับ?” เบียร์ถามตรงๆ เพราะเขารู้ว่าถ้าไม่มีงานด่วน หัวหน้าคงไม่เรียกเขามา“เรื่องงานพรุ่งนี้น่ะ ทางบริษัทบัตรเครดิตที่เราทำซอฟต์แวร์ให้ ตอนนี้เขาต้องการพัฒนาโปรแกรมควบคู่ไปด้วย และต้องให้เราส่งคนไปเทรนพนักงานที่นั่นด้วย เงื่อนไขทั้งหมดจะคุยกันพรุ่งนี้ในการประชุม” หัวหน้าพูดด้วยสีหน้าหนักใจ“ฟังดูไม่น่ายากเลยนี่ครับ” เบียร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“ดูเหมือนง่ายนะ แต่โปรเจกต์นี้มีความซับซ้อนหน่อย ทางเราต้องส่งคนไปประจำที่บริษัทบัตรเครดิตในช่วงแรก เพื่อเทรนพนักงานให้ใช้งานโปรแกรมของเรา และ...” หัวหน้าหยุดชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ“นอกจากอธิพงศ์แล้ว นายคืออีกคนที่ฉันไว้ใจได้ แต่ตอนนี้อธิพงศ
การทำงานเกี่ยวกับบัตรเครดิตทั้งวันทำให้เนยรู้สึกเหนื่อยล้า โดยเฉพาะเมื่อเจอลูกค้าที่เรื่องมาก แต่เธอก็ยังคงรักษารอยยิ้มบนใบหน้าไว้เสมอ เพราะเธอรู้ดีว่าสำหรับงานบริการ สิ่งสำคัญที่สุดคือการมอบบริการที่ยอดเยี่ยมให้ลูกค้า และดึงพวกเขากลับมาใช้บริการอีกครั้งสำหรับเนย เรื่องพวกนี้ไม่ยากเลย เธอสามารถ ‘ตีหน้า’ เก่งจนเพื่อนๆ ในออฟฟิศยกฉายาให้ว่า “นางนกสองหน้า” เพราะเธอสามารถแสดงออกอย่างมืออาชีพได้ตลอดเวลาหลังเลิกงาน เป็นเวลาที่เนยชอบมากที่สุด หญิงสาวมักจะแวะที่โลตัสตรงสถานีอ่อนนุชเพื่อซื้อของใช้ส่วนตัวหรือของกินเล่น เธอมีความสุขกับการเลือกดูของ แม้ว่าบางครั้งจะไม่ได้ซื้อติดมือกลับบ้านเลยก็ตามพูดไม่ค่อยเก่ง...แต่รักหมดใจ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจากกระเป๋าสะพายของเนย หญิงสาวจิ๊ปากอย่างหงุดหงิดเพราะมีคนขัดจังหวะการช้อปปิ้งของเธอ เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเบอร์ ก่อนจะกดรับสายด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์“ฮัลโหล นายมีอะไร?” เสียงเธอกรอกลงไปอย่างไม่พอใจเมื่อรู้ว่าเป็นใครที่โทรมา“เออ ฉันเอง เธอจะกลับบ้านกี่โมง?” เสียงปลายสายตอบกลับมาอย่างไม่รู้ว่าคนฟังอารมณ์เสียแค่ไหน“กำลังจะกลับ แค่แวะซื้อของนิดหน่อย” เนยตอ
เนยเริ่มรู้สึกสนุกกับการสนทนามากขึ้น เธอจึงเริ่มพิมพ์ข้อความอย่างเป็นกันเองB u T T e R says: แล้วคุณทำงานแผนกเดียวกับเนเหรอ?แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: อืม แต่ผมไม่เก่งเท่าเนหรอก หมอนั่นมันเทพมากB u T T e R says: ยังไงล่ะ?แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: ก็ไม่ว่าจะเจองานยากแค่ไหน เนก็แก้ได้ทุกครั้งเลย หมอนั่น ไม่ใช่คนแล้วอะB u T T e R says: ฮะๆ แบบนี้เรียกว่าใกล้บ้ารึเปล่าแค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: น่าจะประมาณนั้นนะB u T T e R says: แล้วไม่กลัวเราเอาไปฟ้องเนเหรอ?แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: โอ้...ลืมไปเลย แหะๆ อย่าไปบอกเลยนะ (-/\-)B u T T e R says: หุหุ ไม่บอกหรอก แต่เดี๋ยวจะตะโกนให้เนได้ยินดีกว่า ^O^แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: เหวอ! อย่าทำแบบนั้นนะ สงสารผมเถอะ หมอนั่นเวลาโกรธเอาเรื่องอยู่B u T T e R says: แล้วคุณรู้จักเนนานรึยัง?แค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: ก็ประมาณ 3-4 เดือนได้ แต่รู้สึกเหมือนสนิทกันมานานแล้ว ^^B u T T e R says: แปลกดีนะ ปกติเนไม่ค่อยสนิทกับใครง่ายๆ เลยนี่นาแค่อยู่ใกล้ ก็สุขใจเกินพอ says: เหรอ แต่เขาก็สนิทกับผมนะ ^^ คงเพราะผมเป็นคนดีล
หลังจากกินดื่มกันจนจบมื้อค่ำ เพื่อนๆ ก็เริ่มคุยกันถึงการไปต่อที่ผับของคิง เพื่อนสนิทของเบียร์และเน ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากร้านอาหาร“ไปต่อที่ Night Owl ร้านของคิงกันดีกว่า” พี่ตูนเอ่ยขึ้น ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยผับ Night Owl เป็นผับขนาดกลางที่คึกคักไปด้วยแสงสีและเสียงเพลง ริมถนนใหญ่ในย่านที่เต็มไปด้วยผู้คนหลากหลายวัย เบียร์ขับรถตามหลังกลุ่มเพื่อนไปยังร้าน ทุกคนลงจากรถด้วยอารมณ์สนุกสนานหลังจากดื่มเบียร์กันไปพอหอมปากหอมคอภายในผับ Night Owl ถูกตกแต่งในสไตล์โมเดิร์น มีผนังอิฐเปลือย โต๊ะไม้สีน้ำตาลเข้ม และแสงไฟสลัวที่ช่วยสร้างบรรยากาศให้ดูอบอุ่นและมีชีวิตชีวา วงดนตรีสดเริ่มบรรเลงเพลงต้อนรับลูกค้าที่ทยอยเข้ามา ทั้งกลุ่มเพื่อนและคนที่มาเที่ยวกันเป็นคู่คิง เจ้าของร้านและเพื่อนสนิทของเบียร์ เดินออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้มกว้าง“มาแล้วเหรอวะพวกมึง! ยินดีต้อนรับ” คิงทักทายพร้อมผายมือให้พวกเขานั่งที่โซนวีไอพี“เออ พลาดได้ไง” เบียร์ยิ้มพลางจับมือทักทายกับคิงเครื่องดื่มถูกเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว ทุกคนนั่งดื่มและคุยกันอย่างสนุกสนาน ขณะเดียวกันที่โต๊ะข้างๆ เป็นกลุ่มสาวพริตตี้ที่มาฉลองกัน กลุ่มสาวๆ ในชุดเดรสรั
เมื่อทั้งสองมาถึงชั้นบน เบียร์เปิดประตูห้องที่คุ้นเคย เป็นห้องส่วนตัวที่ใช้สำหรับรับรองแขกพิเศษ ห้องถูกตกแต่งด้วยแสงไฟสลัวและบรรยากาศเงียบสงบ มีเตียงขนาดคิงไซส์อยู่ตรงกลางห้อง เมย์เดินตามเข้าไปในห้องโดยไม่มีความลังเล“ที่นี่เงียบดีจัง...” เมย์เอ่ยขึ้นพลางมองไปรอบๆ ห้อง ริมฝีปากของเธอคลี่ยิ้มอย่างมีนัย เบียร์ปิดประตูห้องเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้เธออีกครั้ง“ใช่… เหมาะสำหรับค่ำคืนแบบนี้” เบียร์กระซิบเบาๆ ริมฝีปากของเขาเกือบจะแตะกับแก้มของเธอ ก่อนจะค่อยๆ สัมผัสเบาๆเมย์ไม่พูดอะไร เธอหันกลับมาสบตากับเขาอย่างท้าทาย ทั้งคู่ยืนอยู่ใกล้กันจนแทบไม่มีช่องว่าง สัมผัสของเบียร์ที่แขนของเธอทำให้ร่างกายของเธอสั่นเบาๆ ด้วยความตื่นเต้น บรรยากาศในห้องเริ่มร้อนระอุร่างของเมย์ถูกเบียร์ดึงเข้ามาใกล้จนแนบชิดกับตัวเขา ริมฝีปากของเขากดลงเบาๆ ที่ต้นคอของเธอ สัมผัสอ่อนโยนแต่กลับสร้างความรู้สึกเร่าร้อนจนเมย์หายใจสะดุดเมย์ถอยหลังเล็กน้อย ขยับร่างตัวเองขึ้นไปนั่งบนเตียง มือบางของเธอค่อยๆ ลูบไล้แผงอกของเบียร์ ผ่านเสื้อเชิ้ตสีดำที่เขายังสวมอยู่ สายตาของเธอเต็มไปด้วยแรงดึงดูดและความต้องการที่ชัดเจน"คุณร้อนแรงกว่า
“ฮื้อ...อีกแล้ว” เสียงพึมพำอย่างไม่พอใจหลุดออกมาจากปากของเนยขณะที่จ้องมองคอมพิวเตอร์ที่หน้าจอดับไปอีกครั้ง“เป็นอะไรเหรอเนย?” แพรที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ชะโงกหน้ามาถามด้วยความสงสัย“ก็เครื่องคอมฯ ฉันน่ะสิ รวนอีกแล้ว” เนยบ่นด้วยความหงุดหงิด“อ้าว เมื่อวานนี้ฝ่ายสารสนเทศเพิ่งมาซ่อมให้ไม่ใช่เหรอ?” แพรเดินเข้ามาดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเนยที่ตอนนี้ดับสนิท“ใช่น่ะสิ! ทำไมหมู่นี้มันถึงได้รวนบ่อยนักก็ไม่รู้” เนยขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ“สงสัยช่างที่มาซ่อมจะวางยาเครื่องเธอแล้วล่ะ” แพรหัวเราะแซว“หมายความว่าไงยะ?” เนยหันไปมองเพื่อนสาวอย่างไม่เข้าใจ“ก็หมอนั่นอาจจะอยากมาหาเธอทุกวันไงล่ะ เลยแอบทำให้เครื่องเธอเสียตลอดไง สาวสวยเสน่ห์แรงอย่างเธอ ใครจะไม่อยากมาเจอบ่อยๆ” แพรหัวเราะคิกคัก“อย่ามาล้อเล่นน่า อีตาช่างคนนั้นน่ะเหรอ? เฮอะ!” เนยยิ้มเหยียดเล็กน้อย“ก็แค่หน้าตาธรรมดา หน้าปลาจวดชัดๆ”“โธ่ เธอพูดอย่างนี้ได้ไง หมอนั่นเขามีชื่อว่าเป็นหนุ่มหล่อของบริษัทเลยนะ” แพรทำตาโต“ถ้านั่นน่ะหล่อ โลกนี้คงไม่มีใครหล่อแล้วล่ะ” เนยสวนกลับทันที“เอาน่าๆ รีบโทรตามเขามาเถอะ เดี๋ยวจะทำงานไม่ได้” แพรหัวเราะเบาๆ ด้วยความชอบใจที่ได้
แสงแดดอ่อนๆ ยามเย็นสาดส่องผ่านม่านโปร่งเข้าสู่ห้องนอนอันเงียบสงบ เนยค่อยๆ ลืมตาขึ้น ความเมื่อยล้าจากค่ำคืนอันเร่าร้อนยังคงสะสมอยู่ในทุกอณูของร่างกาย เบียร์จัดเธอหนักจนถึงเช้า ทำให้เธอรู้สึกเหมือนพลังถูกสูบออกไปจนแทบหมดสิ้น เธอพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ความปวดหน่วงในท้องน้อยทำให้ต้องนิ่วหน้าด้วยความทรมานเล็กน้อย“อือ...บ้าจริง” เนยพึมพำเบาๆ พลางลูบท้องเพื่อบรรเทาความปวด เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง แต่ไม่เห็นเบียร์อยู่ในห้องแล้ว มีเพียงความเงียบและกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเขาที่ยังหลงเหลือบนหมอนข้างๆ ทำให้เธอย่นคิ้วเล็กน้อย“ไปไหนนะ?” เธอเอ่ยพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมมาปกปิดร่องรอยรักที่กระจายอยู่ตามผิวกาย เนยเดินโซเซไปยังห้องน้ำ หวังว่าจะพบเบียร์ที่นั่น แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าขณะที่เธอขมวดคิ้วครุ่นคิดว่าชายคนรักหายไปไหน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำใบเล็กวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ริบบิ้นสีทองที่ผูกอย่างประณีตสะดุดตาเธอ“กล่องอะไรน่ะ?” เธอพูดกับตัวเองพลางเดินเข้าไปหยิบขึ้นมาดูภายในกล่องมีการ์ดใบหนึ่งวางอยู่ เมื่อเธอเปิดออกก็พบตัวอักษรที่ดูเหมือนรหัสมอร์สเรียงรายเต็มการ์ด เนยยืนมองการ์ด
เมื่อเวลาค่ำมาถึง พนักงานของเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน มัลดีฟส์ ก็มาจัดเตรียมดินเนอร์สุดหรูบนระเบียงกลางแจ้งของวิลล่า แสงเทียนในโคมแก้วที่จัดวางไว้รอบโต๊ะส่องแสงอ่อนโยน ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกที่มีเพียงแสงดาวและเสียงคลื่นทะเลเป็นฉากหลังบนโต๊ะดินเนอร์ถูกจัดวางอย่างประณีตด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตา พร้อมช่อดอกไม้เล็กๆ ในแจกันแก้วใส อาหารค่ำที่จัดเตรียมมาเป็นเมนูพิเศษจากเชฟของโรงแรมเริ่มจาก ซุปล็อบสเตอร์บิสค์ ที่เสิร์ฟมาในชามเซรามิกขอบทอง กลิ่นหอมของสมุนไพรและเครื่องเทศลอยมากระทบจมูก ตามด้วยจานหลักเป็น สเต็กปลากะพงย่างราดซอสเนยมะนาว เสิร์ฟคู่กับผักย่างและมันบดเนื้อเนียนละเอียดและไฮไลต์ของค่ำคืนนี้คือ ของหวานเค้กมูสมะพร้าว เสิร์ฟในเปลือกมะพร้าวขัดเงา ตกแต่งด้วยซอสมะม่วงราดอย่างละเมียดละไม ความหวานของมูสมะพร้าวเข้ากันดีกับรสเปรี้ยวสดชื่นของมะม่วง เป็นเมนูที่ทั้งตาและลิ้นต้องหลงรักเบียร์นั่งจิบไวน์ขาวที่เสิร์ฟเคียงกับอาหาร ขณะที่มองเนยที่กำลังตักซุปขึ้นมาชิม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและหลงใหล เนยที่สวมชุดเดรสผ้าชีฟองสีฟ้าอ่อนซึ่งพริ้วไหวตามลมทะเล ดูราวกับนางฟ้าท่ามกลางแสงเทียน“รสชาติเป็นไงบ
ฮิโร่และวาเลนไทน์ยืนเคียงข้างกันอย่างเงียบสงบที่จุดชมวิวริมแม่น้ำปิง แสงไฟจากริมฝั่งสะท้อนลงบนสายน้ำที่ไหลเอื่อย สายตาของทั้งคู่เหม่อมองออกไปไกลราวกับกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต“ไม่มีแบล็ควอล์คอีกแล้ว...” ฮิโร่พูดขึ้น ทำลายความเงียบที่รายล้อมแววตาของวาเลนไทน์สะท้อนไหววูบเล็กน้อย แต่ไม่นานนักเธอก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“พังไปแบบนั้นก็ดีแล้ว”ฮิโร่หันมามองเธอด้วยความแปลกใจเล็กน้อยในคำพูดนั้น“หืม?”วาเลนไทน์ยังคงเหม่อมองสายน้ำไหล คล้ายกำลังดิ่งลึกลงไปในห้วงอดีตของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ“ชีวิตฉัน...ถูกไมค์ช่วยเอาไว้ก็จริง แต่เขาก็เป็นคนที่ทำลายมันลงเหมือนกัน...” เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาคู่งามสะท้อนแสงไฟริมน้ำ“เพราะงั้น...การที่มันพังไปแบบนั้น...ถือว่าดีแล้ว”วาเลนไทน์หันกลับมาสบตากับฮิโร่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งความเศร้าและความโล่งใจที่ผสมปนเปกันฮิโร่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของวาเลนไทน์ คิ้วหนาขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังไตร่ตรอง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“แล้วเธอคิดจะทำอะไรต่อไปล่ะ”วาเลนไทน์นิ่งไปครู่หนึ่ง ราวกับคำถามนั้นกระทบใจเธออ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่เนยเดินทางกลับจากมอสโก ข่าวใหญ่ก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งโทรทัศน์และเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ทุกสำนัก รายงานเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป ขณะเดินทางเยี่ยมชมสาขาในรัสเซียข่าวระบุว่าเกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกท่ามกลางภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมดสี่ราย ได้แก่ นักบินประจำลำ ไมเคิล เวสท์ ผู้บริหารสูงสุดของยูนิโอนิค กรุ๊ป วินเซนต์ เกรย์ รองประธานฝ่ายบริหาร และเซเลสเท ลาโนว่า ผู้ช่วยส่วนตัวของวินเซนต์ข่าวนี้สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลกธุรกิจ การสูญเสียบุคคลสำคัญระดับนี้ไม่เพียงกระทบต่อบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป เท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงความมั่นคงของอุตสาหกรรมการเงินระดับโลกอีกด้วย“หมอนั่น ทำให้ข่าวออกมาแบบนี้เหรอเนี่ย” เบียร์พูดขึ้น ขณะเลื่อนดูข่าวบนหน้าจอแท็บเล็ต ร่างสูงนั่งเอนตัวสบายๆ บนโซฟาภายในคอนโด โดยมีเนยนั่งอยู่บนตักของเขา“ก็ไม่แปลกนี่ อีตาสูทดำถนัดทำเรื่องแบบนี้อยู่แล้วนี่นา” เนยหัวเราะเบาๆ ขณะมองภาพข่าวที่แสดงอยู่บนหน้าจอ“แล้วแบบนี้บริษัทเธอจะทำยังไงต่อล่ะ?” เบียร์เลิกคิ้วถามพลางโอบเอวเธอไว
ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่ดัดแปลงด้วยเอไอดังออกมาจากโทรศัพท์ของเนยที่เปิดสปีกเกอร์โฟน ราวกับเป็นเงาที่มองไม่เห็นของเกมนี้“แน่ใจเหรอ?” เสียงนั้นแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบไมเคิลขมวดคิ้วแน่น สายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและสงสัยจับจ้องไปยังโทรศัพท์ในมือของเนย“นายคิดว่า แบล็ควอล์คไม่สามารถถูกทำลายได้จริงเหรอ?” เสียงนั้นยังคงดังออกมาราวกับเยาะเย้ย“แกเป็นใคร!!” ไมเคิลตะโกนลั่น เส้นเลือดบนขมับเต้นตุบ“ไม่สำคัญหรอก” เสียงนั้นหัวเราะเบาๆ ราวกับเพลิดเพลินกับความโกรธของไมเคิล“ฉันจะมอบของขวัญให้นายเอง ของขวัญแห่งความพินาศที่ชื่อว่า ‘แบล็คเฮเซล’ ”คำพูดนั้นเหมือนน้ำมันที่ราดลงบนเปลวไฟ ไมเคิลกำหมัดแน่นด้วยความโกรธจัด สายตาเขาเต็มไปด้วยคำถามและความเคียดแค้น“เขาว่างั้นล่ะ”เนยยกยิ้มบางพลางเดินเข้าไปหาไมเคิลที่ยังคงยืนตัวแข็งด้วยความโกรธ เธอเอื้อมมือดึงตัวเขาขึ้นจากพื้น ก่อนกดตัวเขานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้กับจอมอนิเตอร์ไมเคิลมองจอมอนิเตอร์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ภาพข้อมูลบริษัท การฟอกเงิน การขนส่งของผิดกฎหมาย และฐานย่อยที่เป็นความลับระดับสูงสุด กำลังถูกเปิดเผยต่อหน้าต่อตาเขา“นี่มัน...”
ภายในห้องนอนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเร่าร้อน เอมิกับไมเคิลยังคงจมอยู่ในความสุขที่เขาและเธอสร้างขึ้นร่วมกัน ไฟในดวงตาของไมเคิลเต็มไปด้วยความหลงใหล ในขณะที่เอมิกลับมีประกายร้ายกาจแฝงอยู่ในแววตาทันใดนั้น เอมิก็ชะงักเล็กน้อย สัญชาตญาณของเธอเตือนว่าเหตุการณ์กำลังเปลี่ยนไป ความเคลื่อนไหวจากภายนอกกำลังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่มุมปากของเธอ“อะไรหรือ?” ไมเคิลถามพลางมองเธอด้วยสายตาสงสัย เมื่อเห็นเธอนิ่งไปชั่วครู่เอมิหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอียงหน้ามองเขา รอยยิ้มร้ายกาจของเธอฉายชัด“ดูท่า ความสนุกของเราจะหมดลงแค่นี้แล้วล่ะ” เธอเอ่ยเสียงเย้ายวน แต่เต็มไปด้วยความหมายลึกลับไมเคิลเลิกคิ้ว ดวงตาสีฟ้าของเขาหรี่ลงอย่างจับสังเกต ขณะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติจากด้านนอก เสียงฝีเท้าและแรงระเบิดเล็กน้อยที่ดังมาจากระยะไกลส่งสัญญาณบางอย่างที่เขาไม่อาจมองข้ามไมเคิลลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันที เขาเร่งสวมกางเกงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก้าวตรงไปยังโต๊ะทำงานข้างห้องพร้อมกดปุ่มลับที่ซ่อนอยู่ ไม่นานนัก มอนิเตอร์หลายสิบจอก็ปรากฏภาพตรงหน้า เขามองภาพสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบฐานด้วยสีหน้าเคร่งเครียดภาพการพ่ายแพ้ของล
ภายใต้ความมืดของยามค่ำคืน ฮิโร่และเนยเคลื่อนตัวอย่างเงียบงัน ฝ่าหมอกควันที่ลอยตลบจากระเบิดควันที่ฮิโร่ปาออกไปตามทางเป็นระยะ เพื่อบดบังการเคลื่อนไหว ทั้งคู่ใช้ทางเดินด้านหน้าของอาคารหลัก บุกเข้าไปโดยไร้เสียงฮิโร่เคลื่อนตัวอย่างคล่องแคล่ว ดาบคาตานะในมือของเขาวาววับเมื่อสะท้อนแสงไฟสลัว เขาพุ่งตัวเข้าใกล้ศัตรูคนแรกที่ยืนเฝ้าทางเข้า ดาบในมือฟาดออกด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ เสียงเฉือนเบา ๆ ดังขึ้นก่อนที่ร่างของสมุนจะล้มลงโดยไร้เสียงโวยวาย ฮิโร่ใช้เท้าขยับร่างศัตรูเข้าข้างกำแพง ซ่อนร่างไว้ก่อนส่งสัญญาณให้เนยเดินตามเนยตามติดเขาไปอย่างว่องไว ดวงตาคมกริบของเธอจ้องจับทิศทางศัตรูคนถัดไปที่ยืนอยู่บริเวณมุมตึก เธอพุ่งตัวไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว มีดสั้นในมือปักเข้าที่ต้นคอของศัตรูจากด้านหลัง ร่างของเขาทรุดลงอย่างเงียบงัน ก่อนที่เธอจะวางร่างลงกับพื้นอย่างเบามือทั้งคู่เคลื่อนไหวราวกับเงา ไร้เสียง ไร้การสะดุดเมื่อเจอกับกลุ่มศัตรูที่อยู่เป็นทีมเล็ก ๆ ฮิโร่ใช้สัญญาณมือสั่งให้เนยหยุดรอ ก่อนที่เขาจะพุ่งตัวออกไปในพริบตา ดาบของเขาสะบัดฟาดในจังหวะเดียวล้มศัตรูสองคนที่ยืนหันหลังให้ ส่วนคนที่สามที่หันมาเห็นเหตุ
“ใจเย็นสิคะ...” เนยพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ดวงตาพราวระยับ พร้อมยกมือบางขึ้นแตะที่ริมฝีปากของวินซ์ที่กำลังจะโน้มลงมา“หืม...นี่ผมใจเย็นสุดละ” วินซ์ตอบเสียงแหบพร่า แววตาเปี่ยมไปด้วยแรงปรารถนาเขาใช้มือจับข้อมือของเธอเบาๆ ก่อนจะดึงมือเรียวเล็กออกจากริมฝีปากของเขา และกดริมฝีปากร้อนลงบนริมฝีปากบางของเธอทันทีจูบของเขาไม่รีบร้อน แต่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่เธอไม่อาจหลีกหนีได้ วินซ์สอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเธอ ตักตวงรสหวานที่เขาต้องการมาตลอดเนยขืนตัวเล็กน้อย แต่ไม่นานนักก็ปล่อยตัวไปตามอารมณ์ มือบางที่เคยพยายามผลักไส เปลี่ยนมาจับที่บ่าของเขาเบาๆ ขณะที่ลมหายใจของทั้งคู่เริ่มประสานกันวินซ์จรดริมฝีปากร้อนลงบนซอกคอขาวเนียนของเนย ไล้เบาๆ ด้วยความนุ่มนวลก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาช้าๆ จนถึงเนินอก เผยให้เห็นความปรารถนาที่เขาเก็บซ่อนไว้ในแววตา ขณะที่มือของเขาลูบไล้ไปตามร่างกายของเธออย่างเชื่องช้า“คุณสวยมาก...” วินซ์พึมพำเสียงเบา ดวงตาสีฟ้าเข้มทอดมองใบหน้าของเนย แต่แล้วเขาก็กระพริบตาถี่ๆ เมื่อรู้สึกเหมือนโลกเริ่มหมุน และภาพเบื้องหน้าพร่าเลือนไป“คุณอมลวัทน์...ทำไมผม...” วินซ์พูดแผ่ว ราวกับพยายามรวบรวม
ขณะเดียวกัน วินซ์พาเนยนั่งรถลีมูซีนกลับมายังโรงแรมท่ามกลางแสงไฟยามค่ำคืนของมอสโก บรรยากาศภายนอกเต็มไปด้วยความเงียบสงบ แต่ภายในรถกลับอึมครึมไปด้วยความเงียบระหว่างพวกเขา จนกระทั่งรถจอดสนิทที่หน้าโรงแรม วินซ์เปิดประตูรถให้เธอ“ขอบคุณค่ะ” เนยยิ้มขณะก้าวลงจากรถ“ผมจะเดินไปส่งคุณที่ห้อง” วินซ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แววตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความลึกซึ้งเนยเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบอะไร เพียงพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินนำเข้าไปในตัวโรงแรมเมื่อถึงหน้าห้องพักของเธอ วินซ์กลับเอ่ยขึ้นอีกครั้ง พร้อมรอยยิ้มที่ดูเหมือนตั้งใจมากกว่าครั้งก่อน“ถ้าจะให้ดี ผมขอเข้าไปดื่มกาแฟสักแก้วได้มั้ย? พอดีมีงานที่ต้องคุยกับคุณนิดหน่อย...ตอนที่คุณหายไป”เนยหลุดหัวเราะเบาๆ กับข้ออ้างที่ฟังดูน่าเอ็นดู รอยยิ้มของเธอเจือความรู้ทันอย่างชัดเจน เธอมองหน้าเขานิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยตอบ“แค่กาแฟแก้วเดียวนะคะ”วินซ์ยิ้มมุมปากราวกับได้สิ่งที่ต้องการ เขาก้าวตามเธอเข้าไปในห้องพัก ห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยโทนสีทองและน้ำตาลอ่อน พร้อมวิวเมืองมอสโกยามค่ำคืนที่มองเห็นได้จากกระจกบานใหญ่เนยเดินตรงไปที่มุมครัวเล็กๆ ในห้อง หยิบเ