“ใช่…นายเป็นโจร ที่จะเข้ามาขโมยของในบ้านฉันกลางวันแสกๆ กล้ามาก ไม่กลัวตายเลยใช่ไหม” ขณะถามก็ทำท่าจะฟาดไม้ เบสบอลใส่ฟาโรห์อีกครั้ง
“ไอไม่ได้เป็นโจร” คนถูกฟาดสะดุ้งหลบหลีกแทบไม่ทัน ปากก็แก้ต่างให้ตนเอง นี่ถ้าเป็นพี่สะใภ้จริงโหดขนาดนี้ พี่ชายเขาจะเป็นยังไงบ้างนะ “ไม่ได้เป็นโจร แล้วปีนเข้าบ้านคนอื่นแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ ไหนตอบมาสิ” เจ้าของบ้านคาดคั้นอย่างหาเรื่อง “นี่บ้านยูเหรอ” ชายหนุ่มมองอย่างไม่มั่นใจ เริ่มเชื่อแล้วว่าเธออาจจะเป็นแฟนกับพี่ชายจริงๆ ไม่งั้นจะอยู่บ้านหลังนี้ได้ยังไง “ใช่” คำตอบของหญิงสาวตรงหน้าทำให้ฟาโรห์นิ่ง หรือว่าพี่ชายเขาจะไม่ได้อยู่ที่เมืองไทยคนเดียวเสียแล้ว มิน่า...ติดต่อหาเท่าไหร่ก็เงียบ หรือเธอคนนี้จะใช่คนที่เฟร์เรบอกว่าจะมาตามหา ฟาโรห์กวาดสายตามองผู้หญิงตรงหน้า แม้จะสวย แต่เขาฟันธงว่าเธอไม่ใช่สเปคแน่นอน เขาไม่ชอบผู้หญิงที่ดุเป็นเสือแบบนี้ เขาอยากมีเมีย ไม่ใช่ผู้คุม “ยูเป็นอะไรกับพี่ชายไอ” เมื่อสงสัยจึงถามออกไป ดูยังไงก็ไม่เหมือนสาวในฝันที่พี่ชายตามหาอยู่ดี เธอคนนั้นดูหวานกว่านี้ ไม่โหดร้ายทารุณ “พี่ชาย...ใคร นี่อย่ามานอกเรื่อง” เจ้าของบ้านชี้หน้ามองโจร รูปหล่อสายตาเอาเรื่อง คิดจะมาหลอกล่อชวนคุยให้ตายใจเหรอ ไม่มีทางหรอก “คืออย่างนี้ พอดีไอมาหาพี่ชาย เขาบอกว่าอยู่บ้านเลขที่ 9/88” ฟาโรห์เอ่ยอย่างมั่นใจ มองดูบ้านเลขที่ที่พี่ชายทิ้งเอาไว้ให้ในข้อความ “คุณบอกว่ามาบ้านเลขที่ 9/88 ใช่ไหม” แต่เลขที่บ้านที่ได้ยินทำให้เพลงพิณยิ้มมุมปากออกมา เกิดมาก็พึ่งจะเคยเห็นคนมาผิดบ้านแล้วเล่นใหญ่ขนาดนี้ “ใช่” ชายหนุ่มพยักหน้า “หลังข้างๆ นู่น ไม่ใช่หลังนี้ เพราะบ้านฉันเลขที่ 19/88” เพลงพิณชี้ไปทางบ้านข้างๆ ที่มีรูปทรงไม่แตกต่างกันตามที่บอก ประโยคที่ได้ยินทำเอาฟาโรห์นิ่ง ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ กระทั่งเห็นป้ายบ้านเลขที่หน้าประตู เขาก็ถึงบางอ้อ สงสัยเพราะรีบมากไปหน่อยถึงไม่ดูอะไรให้มันดีๆ “โอ้...พระเจ้า ไอขอโทษ ไอไม่ได้ตั้งใจบุกรุกเข้าบ้านยู” แม้คำว่า ‘บ้านเลขที่’ จะเป็นภาษาไทย แต่มันก็ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับเขา นั่นเพราะเขาเคยเรียนภาษาไทยจากมารดาที่เป็นคนไทยมาตั้งแต่เด็กๆ และพอโตขึ้นก็ไปเรียนเพิ่มบ้าง หญิงสาวส่ายหน้าเบาๆ ลอบถอนหายใจที่คนรูปหล่อไม่ได้เป็นโจรอย่างที่คิดไว้ “ไอขอโทษจริงๆ ครับ” เขากล่าวด้วยความเสียใจ และคำขอโทษครั้งนี้กลับเป็นภาษาไทยที่ฟังรื่นหูไม่ต่างไปจากภาษาอังกฤษที่เขาเอ่ยมากนัก “อืม….ฉันก็ขอโทษที่ฟาดคุณไปหลายที” เพลงพิณเปลี่ยนมาเอ่ยตอบเขาเป็นภาษาไทยเช่นกัน แม้จะแปลกใจ แต่ก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องถาม ว่าทำไมเขาถึงพูดภาษาไทยได้ค่อนข้างดีแบบนี้ก็เถอะ “รู้แล้วก็กลับออกไปได้แล้วมั้งคะ...เชิญ” เพลงพิณเอ่ยรวบรัด ต่อให้ผู้ชายตรงหน้าจะหล่อสักแค่ไหน เธอก็ไม่เพ้อจนเสียจริตแน่นอน ก่อนจะเดินออกไปเปิดประตูให้ชายหนุ่ม แต่พอหันมามองบ้านเลขที่ตัวเองก็กุมขมับแป๊บ เลขหนึ่งเธอมันหนีเที่ยวไปไหนเนี่ย ทำไมตัวหน้าถึงเหลือแค่เลขเก้าตัวเดียว มิน่า...ผู้ชายคนนี้ถึงมาผิดบ้าน เกือบถูกเธอตีตายหยังเขียดแล้วไหมล่ะ “หลังข้างๆ นี่แหละคุณ” เสียงหวานตะโกนส่งท้าย ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้คนเข้าบ้านผิดอย่างรู้สึกผิดที่ซัดเขาไปเสียหลายที “ขอบคุณครับ” คนเข้าผิดบ้านหันมาพยักหน้ายิ้มแห้งๆ เจ็บระบมไปหมด จะโกรธเคืองก็ไม่ได้ ก็ความผิดเขาเองที่ดันดูไม่ดี แถมไปปีนเข้าบ้านเธอ ถ้ากดกริ่งเสียก็จบเรื่องไม่เจ็บตัวแบบนี้หรอก “ฉันขอตัวก่อนแล้วกัน...บาย” ชี้บอกเสร็จก็เดินเข้าบ้าน แล้วเก็บข้าวของยัดใส่รถ จากนั้นก็ขับออกไปทำงานตามปกติ วันนี้เธอมีเวรที่โรงพยาบาล ไหนจะต้องกลับมาดูแลคลินิกอีก พักนี้งานยุ่งอีรุงตุงนังดีแท้ ฟาโรห์ยืนมองจนกระทั่งเพลงพิณขับรถออกไปได้ไกลแล้ว จึงเดินมาหยุดอยู่หน้ารั้วบ้านหลังที่ถูกต้อง ครั้งนี้เลือกที่จะกดออด ไม่อยากเซอร์ไพรส์มันแล้ว เสียอารมณ์หมด กดออดไม่นาน เจ้าของบ้านที่หน้าตาเหมือนกันกับเขาก็ออกมาเปิดประตูให้ “เข้ามาสิ” “อืม” ฟาโรห์เอ่ยรับ ก่อนจะก้าวยาวๆ ตามเฟร์เรพี่ชายเข้าไปภายใน และประโยคสำคัญก็ถูกเอ่ยขึ้นจากชายที่อายุน้อยกว่าเพียงสองนาที “นายหายไปไหนมา ทำไมถึงติดต่อไม่ได้เป็นเดือนๆ” “อ้อ…พอดีเข้าไปถ่ายรูปในป่า ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ นี่ก็พึ่งจะกลับมาเมื่อวันก่อน” เฟร์เรเอ่ยตอบเสียงทุ้ม ไม่คิดว่าการที่เขาติดต่อไม่ได้ อยู่ๆ ฟาโรห์ก็จะบินมาหาแบบนี้ “ฉันก็ห่วง นึกว่านายถูกฆ่าเสียอีก” คนเป็นห่วงพูดประชดใส่ ยกมือขึ้นขยี้ปลายจมูกเบาๆ ท่าทางขัดใจ พี่ชายยังอยู่ดีมีสุข แต่ดันไม่ยอมส่งข่าวคราวเลย “ฉันไม่ดวงซวยขนาดนั้นหรอก” ใบหน้านิ่งๆ ยิ้มมุมปากออกมา ทั้งคู่แม้หน้าตาจะเหมือนกันอย่างกับแกะ แต่การใช้ชีวิตนั้นกลับต่างกันสุดขั้ว เฟร์เร แฝดผู้พี่ ชอบความเรียบง่าย เป็นช่างภาพอิสระ ลุคเขาดูอบอุ่น ขี้เล่น แต่ก็แฝงไว้ด้วยความสุขุม สมแล้วที่เกิดมาเป็นพี่ ฟาโรห์ แฝดผู้น้อง ชอบแสงสียามค่ำคืน ซึ่งก็เหมาะกับอาชีพดีเจที่ทำอยู่ตอนนี้ บวกกับความหล่อหลาของหน้าตา ไหนจะหุ่นที่เต็มไปด้วยซิกแพคอีก ทำให้ฟาโรห์เป็นจุดสนใจของสาวๆ ได้ไม่ยาก เขาไม่ได้เจ้าชู้ เพียงแค่อัธยาศัยดีเท่านั้น “แล้วนี่พระเจ้าทรงประทานผู้หญิงในพรหมลิขิตคนนั้นมาให้นายหรือยัง” น้องชายทำท่าโบกมือขึ้นสูงไปทางฟ้าเบื้องบน แล้วทอดต่ำลงไปทางพี่ชายสายตาล้อเลียน “ยัง” เฟร์เรเอ่ยตอบยิ้มๆ ถ้าหาเธอเจอได้ง่ายๆ ป่านนี้เขาคงกลับเยอรมันไปนานแล้ว ไม่รอจนเกือบจะครบปีตามที่เคยพูดไว้แบบนี้หรอก ก่อนจะเอ่ยถามน้องชายไป “แล้วนี่นายจะอยู่เมืองไทยนานแค่ไหน” ที่ถามเพราะรู้นิสัยของฟาโรห์ดี น้องชายเขาเป็นดีเจ ชื่อเสียงนั้นก็มีพอตัว รับงานทั่วทุกมุมโลกก็ว่าได้ งานอิสระและขึ้นอยู่กับความพอใจ “ยังไม่มีกำหนด” ฟาโรห์ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวยาวในห้องรับแขก พร้อมกับยกขาทั้งสองข้างพาดโต๊ะตรงกลาง เอนหลังอีกหน่อย แค่นี้ก็รู้สึกผ่อนคลายเป็นบ้า แต่ถึงจะรู้สึกผ่อนคลายกับความเงียบที่เกิดขึ้น เขาก็ยังคงชื่นชอบแสง สี เสียงในยามค่ำคืนอยู่ดี “เมื่อกี้ฉันเข้าบ้านผิด ไปเจอผู้หญิงคนหนึ่ง เธอตีฉันเพราะคิดว่าเป็นโจร คิดแล้วตลกเป็นบ้า” ฟาโรห์ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ก่อนจะนึกถึงใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นแบบยิ้มๆ “ใคร” เฟร์เรทำหน้าเคร่งใส่ แปลกใจเล็กๆ เพราะปกติน้องชายจะไม่ใช่ผู้ถูกกระทำสักเท่าไรนัก “บ้านหลังข้างๆ นายนี่แหละ” คนถูกตีหัวบุ้ยใบ้ปากไปทางบ้านของหญิงสาวขาโหด เจ้าของไม้เบสบอลที่ฟาดเขาแบบไม่ยั้งมือ “อ้อ” เฟร์เรเอ่ยรับเพียงแค่นั้น ไม่ได้เจาะลึกลงรายละเอียด ก่อนจะมองน้องชายตัวดีที่มาถึงเมืองไทยวันแรกก็ไปสร้างวีรกรรมเข้าให้เสียแล้ว มิน่า...เมื่อครู่ถึงได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังมาให้ได้ยินหลังจากจบภารกิจจับผู้ชายที่เธอคิดว่าเขาคือโจรเสร็จ เพลงพิณก็ขับรถไปทำงานที่โรงพยาบาลจนกระทั่งออกเวร จึงไปทำงานที่คลินิกทำฟันที่เธอสร้างมาเองกับมือ คลินิกเล็กๆ แต่เธอก็แสนจะภูมิใจ นั่งทำงานได้สักพัก เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น มือเรียวคว้าขึ้นมาดู ก่อนจะเห็นใบหน้าน้องสาวคนเดียวโชว์อยู่บนหน้าจอ นั่นทำให้เพลงพิณกดรับสายแล้วเอ่ยทักทายไป“ว่าไงพร้าว” ความที่อายุห่างกันเพียงสามปี เพลงพิณกับแพรวพราวหรือมะพร้าว จึงค่อนข้างที่จะสนิทกัน แม้นิสัยใจคอของสองพี่น้องจะแตกต่างกันไปบ้างก็เถอะ แพรวพราวนั้นมุ้งมิ้งน่ารักเวลาอยู่กับพี่ แต่ต่อหน้าคนอื่นก็ห้าวไม่แพ้ใครส่วนพี่สาวอย่างเพลงพิณนั้น หึ…รายนี้เรียกได้ว่า ห้าวเสมอต้น เสมอปลาย “คิดถึงนะพี่พิณ” แพรวพราวหยอดคำหวานออกไปก่อน แอบอมยิ้มกลั้นหัวเราะอย่างเต็มกำลัง“ปากหวานแบบนี้ต้องมีอะไรแน่ๆ” คนรู้ทันก็ตอบกลับทันที น้องสาวเป็นแบบนี้เสมอเวลาที่อยากจะเอาแต่ใจ“แหม…นี่ก็รู้ใจอีก” คนถูกรู้ใจยิ้มหวานกับตัวเอง ทำท่าทางเขินอายเดินไปเดินมารอบห้องราวกับคุยกับคนรัก ก็อ้อนพี่สาวทั้งทีต้องจัดใหญ่สักหน่อย“มีอะไรว่ามา” เพลงพิณไม่หวานตาม ถามตรงประเด็นอย่างไม่รอช้
แต่…ทว่าความใกล้ชิด ในจังหวะที่ทันตแพทย์สาวโน้มตัวลงไปตรวจภายในช่องปากนั้น กลิ่นหอมๆ ที่ลอยออกมาจากตัวเธอก็ทำให้หัวใจของเฟร์เรเต้นไม่เป็นส่ำ ขณะที่ปากก็อ้ากว้างออกเพื่อให้เธอได้ตรวจอย่างถนัด เขาก็เพ่งมองใบหน้าเนียนที่อยู่ห่างไม่ถึงคืบ แม้เธอจะมีหน้ากากอนามัยปิดปากและจมูกไว้ แต่ดวงตาและคิ้วสวยๆ ของเธอกลับเด่นจนน่ามอง“ถ้าเจ็บแล้วบอกนะคะ” เสียงทันตแพทย์สาวดังขึ้น นั่นเพราะเธอเห็นก้างปลาที่ติดอยู่ตรงร่องระหว่างฟันกรามของชายหนุ่มแล้ว เธอขออุปกรณ์จากผู้ช่วย ก่อนจะคีบเจ้าก้างปลาที่เห็นออกมา ก่อนจะเอ่ยบอก“เสร็จแล้วค่ะ” “เสร็จแล้ว” เฟร์เรเอ่ยทวนประโยคที่ได้ยิน เพราะเขาแค่นอนนิ่งๆ แทบจะไม่ได้รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำไป จู่ๆ ทันตแพทย์สาวก็บอกว่าเสร็จแล้ว“อื้อ…นี่ไง หลักฐาน” เพลงพิณคีบก้างปลามาให้เฟร์เรเห็น นั่นทำให้ชายหนุ่มถึงกับถอนหายใจออกมาดังเฮือกที่เห็นว่าก้างปลามันหลุดออกไปจากฟันเขาแล้ว เพราะเขาไม่สนุกที่มีก้างปลาติดฟันแบบนี้“ขอบคุณครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น และเพราะเขาไม่มีก้างปลาชิ้นที่สองให้เพลงพิณเอาออก นั่นทำให้เฟร์เรต้องกลับออกไปจากห้องทำงานของเธอยืนมาอ่านป้ายชื่อที่ติดอยู่หน้าห้อง “ท
แต่…ทว่าความใกล้ชิด ในจังหวะที่ทันตแพทย์สาวโน้มตัวลงไปตรวจภายในช่องปากนั้น กลิ่นหอมๆ ที่ลอยออกมาจากตัวเธอก็ทำให้หัวใจของเฟร์เรเต้นไม่เป็นส่ำ ขณะที่ปากก็อ้ากว้างออกเพื่อให้เธอได้ตรวจอย่างถนัด เขาก็เพ่งมองใบหน้าเนียนที่อยู่ห่างไม่ถึงคืบ แม้เธอจะมีหน้ากากอนามัยปิดปากและจมูกไว้ แต่ดวงตาและคิ้วสวยๆ ของเธอกลับเด่นจนน่ามอง“ถ้าเจ็บแล้วบอกนะคะ” เสียงทันตแพทย์สาวดังขึ้น นั่นเพราะเธอเห็นก้างปลาที่ติดอยู่ตรงร่องระหว่างฟันกรามของชายหนุ่มแล้ว เธอขออุปกรณ์จากผู้ช่วย ก่อนจะคีบเจ้าก้างปลาที่เห็นออกมา ก่อนจะเอ่ยบอก“เสร็จแล้วค่ะ” “เสร็จแล้ว” เฟร์เรเอ่ยทวนประโยคที่ได้ยิน เพราะเขาแค่นอนนิ่งๆ แทบจะไม่ได้รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำไป จู่ๆ ทันตแพทย์สาวก็บอกว่าเสร็จแล้ว“อื้อ…นี่ไง หลักฐาน” เพลงพิณคีบก้างปลามาให้เฟร์เรเห็น นั่นทำให้ชายหนุ่มถึงกับถอนหายใจออกมาดังเฮือกที่เห็นว่าก้างปลามันหลุดออกไปจากฟันเขาแล้ว เพราะเขาไม่สนุกที่มีก้างปลาติดฟันแบบนี้“ขอบคุณครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น และเพราะเขาไม่มีก้างปลาชิ้นที่สองให้เพลงพิณเอาออก นั่นทำให้เฟร์เรต้องกลับออกไปจากห้องทำงานของเธอยืนมาอ่านป้ายชื่อที่ติดอยู่หน้าห้อง “ท
“เออๆ ไม่ต้องพูด ฉันเดาได้” เพลงพิณรีบยกมือขึ้นห้าม “งั้นพรุ่งนี้ผมจะมาถามอาการมันแต่เช้า” เฟร์เรเอ่ยขึ้นบ้าง แม้ลุคเขาจะออกเถื่อนๆ แต่ใครจะรู้ว่าเขาอ่อนโยนกับสัตว์มากเหมือนกัน “ได้ครับ” เสียงทุ้มของสัตวแพทย์โปรดตอบกลับไป ก่อนจะพินิจมองใบหน้าของชายหนุ่มตรงหน้า แล้วหันมากระซิบกระซาบถามเพื่อนสาวที่ยืนตัวเตี้ยอยู่ข้างๆ “พิณ…ใครวะ แฟนแกเหรอ” น้ำเสียงของโปรดนั้นฟังดูตื่นเต้น จนเพลงพิณค้อนให้อย่างหมั่นไส้ “แฟนที่ไหน เพื่อนบ้าน รั้วติดกันเลย เขาชื่อ…” พอจะตอบคำถามโปรด เพลงพิณก็ชะงัก นั่นสิ…ผู้ชายข้างๆ เธอนี่ชื่อว่าอะไร ถ้าจำไม่ผิด เขาน่าจะชื่อว่าเฟร์เรใช่ไหม แต่เพราะฟอร์ม เพลงพิณจึงแสร้งทำเป็นจำชื่อหนุ่มตรงหน้าไม่ได้ เธอหันกลับมามองหน้าเฟร์เร แล้วเอ่ยถามชื่อเขาออกไป “ว่าแต่คุณชื่ออะไรนะ”“เฟร์เร ผมชื่อเฟร์เรหรือจะเรียกผมว่าเบคก็ได้” เมื่อได้ยินแบบนี้ เพลงพิณก็หันมาคุยกับโปรด“แกได้ยินแล้วใช่ไหม เขาชื่อเบค” “ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมโปรด เป็นเจ้าของคลินิก” เอ่ยทักทายเสร็จก็ยื่นมือไปรอสัมผัส เฟร์เรไม่ลังเลที่จะสัมผัสมือของโปรดกลับมา“ส่วนคนข้างๆ นี่พิณ” โปรดแนะนำเพลงพิณเสร็จสรรพ “ยินดีท
“อื้อ…คนที่ฟาดนายด้วยไม้เบสบอลนั่นแหละ เธอยังเข้าใจผิดว่าฉันคือนาย” พูดไปแล้วก็รู้สึกแปลกๆ แม้ก่อนหน้านี้จะมีเหตุการณ์เข้าใจผิดว่าคนไหนคือเขา คนไหนคือน้องชายฝาแฝด แต่เฟร์เรกลับไม่รู้สึกอะไร แต่ครั้งนี้ทำไมเขาถึงไม่ชอบก็ไม่รู้ “เอ้า! แล้วนายได้บอกไปมั้ย ว่านายเป็นใคร” งานนี้น้องชายแปลกใจ ปกติเฟร์เรจะออกตัวว่าตนมีฝาแฝดป้องกันการเข้าใจผิด“ไม่ได้บอก”“อืม…อีกหน่อยเธอก็คงรู้เองว่าเราเป็นฝาแฝดกัน” ฟาโรห์เลิกคิ้วสูง ในเมื่อดูเหมือนพี่ชายไม่อยากบอก ไม่มีเหตุผลอะไรที่ตนจะต้องไปออกตัว“แต่ฉันกลับไม่อยากให้เธอรู้” เฟร์เรเอ่ยกับตัวเอง เขามีเหตุผลส่วนตัวที่ไม่อยากให้ผู้หญิงบ้านข้างๆ รู้ว่าเขานั้นมีฝาแฝด เพราะถ้ารู้ก็กลัวว่าเธอจะหลงความหล่อของฟาโรห์จนไม่มีใจมองมาที่เขา แต่ทว่า…ความคิดนี้ก็ต้องหยุดลง เพราะเหตุผลหลักๆ ที่เฟร์เรมาที่นี่คือการมาตามหาหญิงสาวในภาพถ่ายคนนั้นให้พบ คนที่เขาหลงรักอยู่ฝ่ายเดียว ไม่ใช่แบ่งใจไปรักผู้หญิงอื่น แต่ก็ไม่วายที่จะมองไปยังบ้านหลังที่อยู่ติดกัน“จะไม่เข้าบ้านเหรอ” พอเห็นว่าพี่ชายเอาแต่ยืนนิ่ง ฟาโรห์ก็เอ่ยขึ้น“อืม” เสียงทุ้มเอ่ยรับในลำคอ ก่อนจะเดินผ่านน้องชาย และเสี
“แล้วใครจะได้สิทธิ์เลี้ยงก่อน” คำถามของเพลงพิณทำเอาโปรดคิ้วขมวด เพราะกำลังหาทางออกให้“เอางี้ เล่นกับดวงเลยแล้วกัน ถ้ารถที่เลี้ยวเข้ามาคลินิกทะเบียนลงท้ายด้วยเลขคู่ พิณเอาไปเลี้ยงก่อน แต่ถ้าลงท้ายด้วยเลขคี่ เบคเอาไปเลี้ยง โอเคนะ” “โอเค” เพลงพิณเอ่ยรับ ใครมันจะไปกล้าขัดสัตวแพทย์โปรดได้...หืม “ครับ” เฟร์เรเอ่ยรับเช่นกัน ก่อนจะภาวนาให้รถที่เล่นเข้ามาภายในคลินิกคันต่อไปทะเบียนลงท้ายด้วยเลขคี่ ส่วนเพลงพิณก็ภาวนาตรงกันข้าม เลขคู่ เลขคู่ เลขคู๊!!! เสียงแอคโค่เธอดังกึกก้องอยู่ในโสตประสาท แต่ทว่าโชคกลับไม่เข้าข้างคนสวยอยากเลี้ยวแมว“เลขที่ออก...เจ็ด…จบข่าว อาทิตย์แรกเบคได้เลี้ยงเจ้าลัคกี้ก่อน ส่วนอาทิตย์ต่อไปก็แกพิณ” โปรดเอ่ยสรุปให้เสร็จสรรพ ก่อนจะได้ยินเสียงคนผิดหวังเบาๆ “อื้อ” เมื่อตกลงเรื่องใครจะเลี้ยงก่อนเลี้ยงหลังลงตัว เฟร์เรและเพลงพิณจึงเข้าไปดูอาการของเจ้าแมวน้อยใกล้ๆ และคนที่ขอตัวก่อนคนแรกคือเพลงพิณ เพราะใกล้ได้เวลาทำงานแล้ว ตามด้วยเฟร์เรโปรดยืนกอดอกมองรถสองคันที่กำลังขับออกไปจากคลินิก อยู่ๆ เขาก็รู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลแปลกๆ หรือทั้งคู่กำลังชอบพอกันอยู่“ไม่จริงมั้ง” โปรดส่าย
“บ้า…มาจูบสิ รสปลาร้าเต็มๆ” พี่ใหญ่ของกลุ่มค้อนควักให้คนแซวเรื่องปาก ที่มาแซวอะไรเอาตอนนี้ เดี๋ยวตบด้วยข้าวเหนียวในมือซะเลย “เผ็ดเหรอเจ้” สีหน้าของลลินดานั้นแสดงออกว่าห่วงเจ้ของเธอแบบสุดๆ “อื้อ…วันนี้ป้าแกโกรธอะไรเจ้เปล่า ใส่พริกซะเยอะซะแยะ เคี้ยวคำไหนเจอแต่พริก”“ไม่ได้โกรธหรอก คงเป็นพริกค้างครกมากกว่า เอ้า...น้ำๆ จะได้แก้เผ็ด” เอ่ยเสร็จ ลลินดาก็ส่งน้ำเย็นๆ ให้เพลงพิณดื่มดับเผ็ด“ขอบใจจ้ะ”“นี่เจ้…เค้ากำลังจะแต่งงานแหละ” ประโยคนี้ของลลินดาทำเอาเพลงพิณแทบจะบ้วนน้ำเย็นๆ ลงแก้วที่ถืออยู่ ก่อนจะหันมามองหน้าเพื่อนรุ่นน้องตาปริบๆ “นี่เจ้เผ็ดจนหูแว่วไปเลยเหรอที่ได้ยินมิ้นบอกว่าจะแต่งงาน” เพลงพิณยิ้มแห้งๆ ให้ เพราะคิดว่าตัวเองหูฟาด “ไม่ได้หูแว่ว เค้ากำลังจะแต่งงานจริงๆ” ลลินดาย้ำให้ได้ยินอีกครั้ง ส่วนบุหลันนั้นก็ดูจะอึ้งไปอีกคน อึ้งจนข้าวเหนียวที่เพิ่งส่งเข้าปากหล่นมากองบนโต๊ะอย่างไม่รู้ตัว “แต่งกับใคร” คนที่เอ่ยถามถึงว่าที่เจ้าบ่าวของลลินดาคือเพลงพิณ เพราะดูท่าเธอจะตั้งสติได้แล้ว “ก็มีอยู่คนเดียวนั่นแหละเจ้ก็” ท่าทางของว่าที่เจ้าสาวดูขัดเขินอย่างเห็นได้ชัด เพราะผักบุ้งที่อยู่ในมือตอนน
งานแต่งงานของยลดาและเจ้าบ่าวร้อยล้าน ที่ได้ชื่อแบบนี้เพราะเจ้าบ่าวอย่างบูรพานั้น เป็นเจ้าของธุรกิจเครื่องสำอาง แค่เอ่ยชื่อ คนครึ่งค่อนประเทศก็ร้องอ๋อภายในงานประดับประดาด้วยดอกไม้สีม่วงขาว ซึ่งเป็นสีโปรดของเจ้าสาว และคนที่โดดเด่นที่สุดของงานก็คงหนีไม่พ้นยลดา ที่วันนี้มาในชุดแต่งงานสีขาวจากแบรนด์ดัง ยิ่งส่งให้เธอเหมือนเจ้าหญิงที่ควงแขนมากับเจ้าชายผู้หล่อเหลา ธีมงานแต่งงาน คือธีมในฝันของสาวโสดหลายๆ คน ทุกอย่างดูโรแมนติกมาก มากเสียจนต่อมอิจฉาของเพลงพิณทำงานอย่างแรง“เฮ้อ...เราจะมีงานแบบนี้กับเขาบ้างมั้ยน้อ” คนโสดที่รั้งตำแหน่งคนสุดท้ายของกลุ่มตัดพ้อในโชคชะตา เรื่องเรียน เรื่องกิจกรรม เธอมักจะคว้าที่หนึ่งหรือลำดับต้นๆ มาครองเสมอ แต่เรื่องสละคานกลับรั้งที่สุดท้ายเสียได้แต่ขณะที่กำลังคิดเรื่องนี้อยู่เพลินๆ ช่อบูเก้เจ้าสาวก็หล่นตุ้บมาอยู่บนตัก สายตาแทบทุกคู่ในงานจับจ้องมาที่ทันตแพทย์คนสวยทันที เพลงพิณยิ้มแห้งๆ ให้ทุกคน ก่อนจะถูกลากตัวขึ้นไปบนเวที“ว่าที่เจ้าสาวคนต่อไป” คำพูดของพิธีกรในงานย