Share

บทที่ 3

“ใช่…นายเป็นโจร ที่จะเข้ามาขโมยของในบ้านฉันกลางวันแสกๆ กล้ามาก ไม่กลัวตายเลยใช่ไหม” ขณะถามก็ทำท่าจะฟาดไม้ เบสบอลใส่ฟาโรห์อีกครั้ง 

“ไอไม่ได้เป็นโจร” คนถูกฟาดสะดุ้งหลบหลีกแทบไม่ทัน ปากก็แก้ต่างให้ตนเอง นี่ถ้าเป็นพี่สะใภ้จริงโหดขนาดนี้ พี่ชายเขาจะเป็นยังไงบ้างนะ

“ไม่ได้เป็นโจร แล้วปีนเข้าบ้านคนอื่นแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ ไหนตอบมาสิ” เจ้าของบ้านคาดคั้นอย่างหาเรื่อง

“นี่บ้านยูเหรอ” ชายหนุ่มมองอย่างไม่มั่นใจ เริ่มเชื่อแล้วว่าเธออาจจะเป็นแฟนกับพี่ชายจริงๆ ไม่งั้นจะอยู่บ้านหลังนี้ได้ยังไง

“ใช่” คำตอบของหญิงสาวตรงหน้าทำให้ฟาโรห์นิ่ง หรือว่าพี่ชายเขาจะไม่ได้อยู่ที่เมืองไทยคนเดียวเสียแล้ว มิน่า...ติดต่อหาเท่าไหร่ก็เงียบ หรือเธอคนนี้จะใช่คนที่เฟร์เรบอกว่าจะมาตามหา

ฟาโรห์กวาดสายตามองผู้หญิงตรงหน้า แม้จะสวย แต่เขาฟันธงว่าเธอไม่ใช่สเปคแน่นอน เขาไม่ชอบผู้หญิงที่ดุเป็นเสือแบบนี้ เขาอยากมีเมีย ไม่ใช่ผู้คุม 

 “ยูเป็นอะไรกับพี่ชายไอ” เมื่อสงสัยจึงถามออกไป ดูยังไงก็ไม่เหมือนสาวในฝันที่พี่ชายตามหาอยู่ดี เธอคนนั้นดูหวานกว่านี้ ไม่โหดร้ายทารุณ

“พี่ชาย...ใคร นี่อย่ามานอกเรื่อง” เจ้าของบ้านชี้หน้ามองโจร รูปหล่อสายตาเอาเรื่อง คิดจะมาหลอกล่อชวนคุยให้ตายใจเหรอ ไม่มีทางหรอก

“คืออย่างนี้ พอดีไอมาหาพี่ชาย เขาบอกว่าอยู่บ้านเลขที่ 9/88” ฟาโรห์เอ่ยอย่างมั่นใจ มองดูบ้านเลขที่ที่พี่ชายทิ้งเอาไว้ให้ในข้อความ 

“คุณบอกว่ามาบ้านเลขที่ 9/88 ใช่ไหม” แต่เลขที่บ้านที่ได้ยินทำให้เพลงพิณยิ้มมุมปากออกมา เกิดมาก็พึ่งจะเคยเห็นคนมาผิดบ้านแล้วเล่นใหญ่ขนาดนี้

“ใช่” ชายหนุ่มพยักหน้า

“หลังข้างๆ นู่น ไม่ใช่หลังนี้ เพราะบ้านฉันเลขที่ 19/88” เพลงพิณชี้ไปทางบ้านข้างๆ ที่มีรูปทรงไม่แตกต่างกันตามที่บอก

ประโยคที่ได้ยินทำเอาฟาโรห์นิ่ง ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ กระทั่งเห็นป้ายบ้านเลขที่หน้าประตู เขาก็ถึงบางอ้อ สงสัยเพราะรีบมากไปหน่อยถึงไม่ดูอะไรให้มันดีๆ 

“โอ้...พระเจ้า ไอขอโทษ ไอไม่ได้ตั้งใจบุกรุกเข้าบ้านยู” แม้คำว่า ‘บ้านเลขที่’ จะเป็นภาษาไทย แต่มันก็ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับเขา นั่นเพราะเขาเคยเรียนภาษาไทยจากมารดาที่เป็นคนไทยมาตั้งแต่เด็กๆ และพอโตขึ้นก็ไปเรียนเพิ่มบ้าง 

หญิงสาวส่ายหน้าเบาๆ ลอบถอนหายใจที่คนรูปหล่อไม่ได้เป็นโจรอย่างที่คิดไว้

“ไอขอโทษจริงๆ ครับ” เขากล่าวด้วยความเสียใจ และคำขอโทษครั้งนี้กลับเป็นภาษาไทยที่ฟังรื่นหูไม่ต่างไปจากภาษาอังกฤษที่เขาเอ่ยมากนัก

“อืม….ฉันก็ขอโทษที่ฟาดคุณไปหลายที” เพลงพิณเปลี่ยนมาเอ่ยตอบเขาเป็นภาษาไทยเช่นกัน แม้จะแปลกใจ แต่ก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องถาม ว่าทำไมเขาถึงพูดภาษาไทยได้ค่อนข้างดีแบบนี้ก็เถอะ 

“รู้แล้วก็กลับออกไปได้แล้วมั้งคะ...เชิญ” เพลงพิณเอ่ยรวบรัด ต่อให้ผู้ชายตรงหน้าจะหล่อสักแค่ไหน เธอก็ไม่เพ้อจนเสียจริตแน่นอน 

ก่อนจะเดินออกไปเปิดประตูให้ชายหนุ่ม แต่พอหันมามองบ้านเลขที่ตัวเองก็กุมขมับแป๊บ เลขหนึ่งเธอมันหนีเที่ยวไปไหนเนี่ย ทำไมตัวหน้าถึงเหลือแค่เลขเก้าตัวเดียว 

มิน่า...ผู้ชายคนนี้ถึงมาผิดบ้าน เกือบถูกเธอตีตายหยังเขียดแล้วไหมล่ะ

“หลังข้างๆ นี่แหละคุณ” เสียงหวานตะโกนส่งท้าย ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้คนเข้าบ้านผิดอย่างรู้สึกผิดที่ซัดเขาไปเสียหลายที

“ขอบคุณครับ” คนเข้าผิดบ้านหันมาพยักหน้ายิ้มแห้งๆ เจ็บระบมไปหมด จะโกรธเคืองก็ไม่ได้ ก็ความผิดเขาเองที่ดันดูไม่ดี แถมไปปีนเข้าบ้านเธอ ถ้ากดกริ่งเสียก็จบเรื่องไม่เจ็บตัวแบบนี้หรอก

“ฉันขอตัวก่อนแล้วกัน...บาย” ชี้บอกเสร็จก็เดินเข้าบ้าน แล้วเก็บข้าวของยัดใส่รถ จากนั้นก็ขับออกไปทำงานตามปกติ วันนี้เธอมีเวรที่โรงพยาบาล ไหนจะต้องกลับมาดูแลคลินิกอีก พักนี้งานยุ่งอีรุงตุงนังดีแท้

ฟาโรห์ยืนมองจนกระทั่งเพลงพิณขับรถออกไปได้ไกลแล้ว จึงเดินมาหยุดอยู่หน้ารั้วบ้านหลังที่ถูกต้อง ครั้งนี้เลือกที่จะกดออด ไม่อยากเซอร์ไพรส์มันแล้ว เสียอารมณ์หมด กดออดไม่นาน เจ้าของบ้านที่หน้าตาเหมือนกันกับเขาก็ออกมาเปิดประตูให้

 “เข้ามาสิ” 

“อืม” ฟาโรห์เอ่ยรับ ก่อนจะก้าวยาวๆ ตามเฟร์เรพี่ชายเข้าไปภายใน และประโยคสำคัญก็ถูกเอ่ยขึ้นจากชายที่อายุน้อยกว่าเพียงสองนาที 

“นายหายไปไหนมา ทำไมถึงติดต่อไม่ได้เป็นเดือนๆ” 

“อ้อ…พอดีเข้าไปถ่ายรูปในป่า ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ นี่ก็พึ่งจะกลับมาเมื่อวันก่อน” เฟร์เรเอ่ยตอบเสียงทุ้ม ไม่คิดว่าการที่เขาติดต่อไม่ได้ อยู่ๆ ฟาโรห์ก็จะบินมาหาแบบนี้ 

“ฉันก็ห่วง นึกว่านายถูกฆ่าเสียอีก” คนเป็นห่วงพูดประชดใส่ ยกมือขึ้นขยี้ปลายจมูกเบาๆ ท่าทางขัดใจ พี่ชายยังอยู่ดีมีสุข แต่ดันไม่ยอมส่งข่าวคราวเลย

 “ฉันไม่ดวงซวยขนาดนั้นหรอก” ใบหน้านิ่งๆ ยิ้มมุมปากออกมา ทั้งคู่แม้หน้าตาจะเหมือนกันอย่างกับแกะ แต่การใช้ชีวิตนั้นกลับต่างกันสุดขั้ว

เฟร์เร แฝดผู้พี่ ชอบความเรียบง่าย เป็นช่างภาพอิสระ ลุคเขาดูอบอุ่น ขี้เล่น แต่ก็แฝงไว้ด้วยความสุขุม สมแล้วที่เกิดมาเป็นพี่ 

ฟาโรห์ แฝดผู้น้อง ชอบแสงสียามค่ำคืน ซึ่งก็เหมาะกับอาชีพดีเจที่ทำอยู่ตอนนี้ บวกกับความหล่อหลาของหน้าตา ไหนจะหุ่นที่เต็มไปด้วยซิกแพคอีก ทำให้ฟาโรห์เป็นจุดสนใจของสาวๆ ได้ไม่ยาก เขาไม่ได้เจ้าชู้ เพียงแค่อัธยาศัยดีเท่านั้น 

“แล้วนี่พระเจ้าทรงประทานผู้หญิงในพรหมลิขิตคนนั้นมาให้นายหรือยัง” น้องชายทำท่าโบกมือขึ้นสูงไปทางฟ้าเบื้องบน แล้วทอดต่ำลงไปทางพี่ชายสายตาล้อเลียน

 “ยัง” เฟร์เรเอ่ยตอบยิ้มๆ ถ้าหาเธอเจอได้ง่ายๆ ป่านนี้เขาคงกลับเยอรมันไปนานแล้ว ไม่รอจนเกือบจะครบปีตามที่เคยพูดไว้แบบนี้หรอก ก่อนจะเอ่ยถามน้องชายไป 

“แล้วนี่นายจะอยู่เมืองไทยนานแค่ไหน” ที่ถามเพราะรู้นิสัยของฟาโรห์ดี น้องชายเขาเป็นดีเจ ชื่อเสียงนั้นก็มีพอตัว รับงานทั่วทุกมุมโลกก็ว่าได้ งานอิสระและขึ้นอยู่กับความพอใจ 

“ยังไม่มีกำหนด” ฟาโรห์ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวยาวในห้องรับแขก พร้อมกับยกขาทั้งสองข้างพาดโต๊ะตรงกลาง เอนหลังอีกหน่อย แค่นี้ก็รู้สึกผ่อนคลายเป็นบ้า แต่ถึงจะรู้สึกผ่อนคลายกับความเงียบที่เกิดขึ้น เขาก็ยังคงชื่นชอบแสง สี เสียงในยามค่ำคืนอยู่ดี

 “เมื่อกี้ฉันเข้าบ้านผิด ไปเจอผู้หญิงคนหนึ่ง เธอตีฉันเพราะคิดว่าเป็นโจร คิดแล้วตลกเป็นบ้า” ฟาโรห์ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ก่อนจะนึกถึงใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นแบบยิ้มๆ

“ใคร” เฟร์เรทำหน้าเคร่งใส่ แปลกใจเล็กๆ เพราะปกติน้องชายจะไม่ใช่ผู้ถูกกระทำสักเท่าไรนัก

“บ้านหลังข้างๆ นายนี่แหละ” คนถูกตีหัวบุ้ยใบ้ปากไปทางบ้านของหญิงสาวขาโหด เจ้าของไม้เบสบอลที่ฟาดเขาแบบไม่ยั้งมือ

 “อ้อ” เฟร์เรเอ่ยรับเพียงแค่นั้น ไม่ได้เจาะลึกลงรายละเอียด ก่อนจะมองน้องชายตัวดีที่มาถึงเมืองไทยวันแรกก็ไปสร้างวีรกรรมเข้าให้เสียแล้ว มิน่า...เมื่อครู่ถึงได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังมาให้ได้ยิน

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status