Share

บทที่ 4

หลังจากจบภารกิจจับผู้ชายที่เธอคิดว่าเขาคือโจรเสร็จ เพลงพิณก็ขับรถไปทำงานที่โรงพยาบาลจนกระทั่งออกเวร จึงไปทำงานที่คลินิกทำฟันที่เธอสร้างมาเองกับมือ คลินิกเล็กๆ แต่เธอก็แสนจะภูมิใจ นั่งทำงานได้สักพัก เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น 

มือเรียวคว้าขึ้นมาดู ก่อนจะเห็นใบหน้าน้องสาวคนเดียวโชว์อยู่บนหน้าจอ นั่นทำให้เพลงพิณกดรับสายแล้วเอ่ยทักทายไป

“ว่าไงพร้าว” ความที่อายุห่างกันเพียงสามปี เพลงพิณกับแพรวพราวหรือมะพร้าว จึงค่อนข้างที่จะสนิทกัน แม้นิสัยใจคอของสองพี่น้องจะแตกต่างกันไปบ้างก็เถอะ 

แพรวพราวนั้นมุ้งมิ้งน่ารักเวลาอยู่กับพี่ แต่ต่อหน้าคนอื่นก็ห้าวไม่แพ้ใคร

ส่วนพี่สาวอย่างเพลงพิณนั้น หึ…รายนี้เรียกได้ว่า ห้าวเสมอต้น เสมอปลาย 

“คิดถึงนะพี่พิณ” แพรวพราวหยอดคำหวานออกไปก่อน แอบอมยิ้มกลั้นหัวเราะอย่างเต็มกำลัง

“ปากหวานแบบนี้ต้องมีอะไรแน่ๆ” คนรู้ทันก็ตอบกลับทันที น้องสาวเป็นแบบนี้เสมอเวลาที่อยากจะเอาแต่ใจ

“แหม…นี่ก็รู้ใจอีก” คนถูกรู้ใจยิ้มหวานกับตัวเอง ทำท่าทางเขินอายเดินไปเดินมารอบห้องราวกับคุยกับคนรัก ก็อ้อนพี่สาวทั้งทีต้องจัดใหญ่สักหน่อย

“มีอะไรว่ามา” เพลงพิณไม่หวานตาม ถามตรงประเด็นอย่างไม่รอช้า น้องสาวตัวดีโตป่านนี้แล้วยังอ้อนพี่สาวไม่เลิก ก็ไม่มีแฟนนี่จะให้ไปอ้อนใคร

“เสาร์นี้จะไปนอนบ้านใหม่ด้วย ตัวพอมีห้องให้เค้านอนมั้ยอ่ะ” แพรวพราวเอ่ยถามเสียงสดใส เพราะตั้งแต่พี่สาวคนงามยกคอนโดมิเนียมให้เธอครอบครองเพียงคนเดียว แล้วไปซื้อบ้านเดี่ยวอยู่แถบชานเมือง เธอก็ยังไม่ได้แวะเวียนไปหาเลย ว่าแล้วก็คิดถึง

“โซฟาในห้องรับแขกมี เดี๋ยวพี่หาหมอนกับผ้าห่มไว้ให้” เพลงพิณแซวน้องสาวยิ้มๆ พอถูกแซวมา แพรวพราวก็ย่นจมูกใส่คนที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ด้วย 

“ใจร้าย ไม่น่ารักกับน้องกับนุ่งเลย” แพรวพราวทำน้ำเสียงผิดหวังเง้างอนใส่คนใจร้าย เธออุตส่าห์คิดถึง แต่ดูท่าแล้วพี่สาวเหมือนจะไม่คิดถึงเธอบ้างเลย ตัดเยื่อใยเสียอย่างนั้น

“นี่ใจดีแล้วนะ” น้ำเสียงจริงจังขึ้น ทั้งที่ใจก็ไม่ได้ขัดอะไรหรอก มาหาก็ดีเหมือนกัน คิดถึงอยู่ไม่น้อย บ้านออกจะกว้างขวาง อยู่คนเดียวมีเพื่อนมาอยู่บ้างก็อุ่นใจดี 

“นี่เขาเรียกว่าใจดีแล้วเหรอ” แพรวพราวถามย้ำ เพลงพิณไม่ตอบ แต่ส่งเสียงหัวเราะชอบใจมาแทน 

“แล้วเสาร์นี้จะเข้ามากี่โมง” พี่สาวเอ่ยถามอีกครั้ง เสาร์นี้ที่ว่าคืออีกตั้งสามวันกว่าจะถึง แต่ก็ถามไปก่อน จะได้วางแผนอะไรๆ ล่วงหน้าได้ 

“ก่อนเที่ยง พี่พิณเอากับข้าวร้านโปรดมั้ย เดี๋ยวเค้าซื้อติดมือไปฝาก เอาเค้กด้วยเปล่า ขนมใส่ไส้ ยำปลาดุกฟู” แพรวพราวร่ายยาวถึงเมนูโปรดของพี่สาว ตอนนี้เพลงพิณก็ชักน้ำลายสอ ก่อนจะรีบห้าม 

“พอๆ”

“สรุปไม่เอา”

“เอามาหมดนั่นแหละ ยิ่งคิดถึงถิ่นเก่าอยู่ด้วย อยู่บ้านใหม่ยังไม่ชินเท่าไหร่เลย” เพลงพิณเหมือนจะร้องไห้ นั่นเพราะเธอยังไม่ชินกับบ้านใหม่ แต่เธอก็ต้องเติบโต แพรวพราวเองก็ด้วย จะให้อยู่ด้วยกันไปตลอดได้ยังไง 

“อีกหน่อยก็ชินน่า เอาเป็นว่าเสาร์นี้เจอกันนะจ๊ะพี่สาวคนงามของน้อง” ใช่ว่าเพลงพิณจะเป็นคนเดียว เพราะลึกๆ แล้วแพรวพราวก็เป็น เธอยังไม่ชินกับการอยู่คอนโดมิเนียมคนเดียว แต่อีกหน่อยก็คงชินไปเอง ชีวิตมันต้องมีการเปลี่ยนแปลง ไม่อย่างนั้นจะสนุกได้ยังไง จริงไหม?

“อืม…งั้นแค่นี้นะ พี่ทำงานก่อน”

 “จ้ะ” น้ำเสียงหวานๆ ในบางอารมณ์เอ่ยรับ เพลงพิณส่ายหน้าให้น้องสาว เธออมยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะปั้นหน้าให้นิ่ง เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้องทำงาน ก่อนที่บานประตูจะถูกเปิดให้แยกออกจากกัน 

แค่เห็นรองเท้าหนัง เพลงพิณก็รู้ได้ทันทีว่าคนไข้หรือเรียกอีกอย่างว่าลูกค้าคนต่อไปคือผู้ชาย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและนั่นก็ทำให้ทันตแพทย์สาวกะพริบตาปริบๆ

“เอ้า! คุณ” 

“คุณทักยังกับรู้จักผม” สีหน้าของเฟร์เรดูจะงุนงงกับท่าทางที่ทันตแพทย์สาวมาดทอมบอยแสดงออก แต่ภายใต้ลุคแมนๆ นั้น เขากลับรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างน่าสนใจ แต่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าคืออะไร

“นี่ถูกฉันตีจนความจำเสื่อมไปเลยเหรอคะ”

“ผมเหรอถูกคุณตี” คนถามก็ยังคงทำหน้างงเหมือนเดิม เพลงพิณส่ายหน้าให้คนความจำเสื่อมเล็กๆ 

“อื้อ…เมื่อเช้านี้ไง ที่คุณเข้าบ้านผิดแล้วฉันเข้าใจว่าคุณเป็นโจรเออีซี ก็เลยหยิบไม้เบสบอลฟาดคุณไปตั้งหลายที” ขณะเอ่ยตอบ เพลงพิณก็มองหน้าเฟร์เรอย่างสงสัย ถ้าจำไม่ผิดเมื่อเช้าเขาผมสั้นไม่ใช่เหรอ แต่พอตกเย็นทำไมถึงได้เปลี่ยนลุคจากหนุ่มสำอาง มาไว้ผมยาว ยาวจนมัดจุกได้แบบนี้ หรือสมัยนี้ผู้ชายเขานิยมต่อผมกัน 

แต่ลุคผู้ชายมาดเซอร์ผมยาวมัดจุกก็ทำเอาเพลงพิณใจสั่นได้เหมือนกัน น่าแปลกที่ทำไมมาสั่นเอาตอนนี้ สงสัยความรู้สึกเธอจะช้าไปหน่อย 

“อ๋อ…ที่แท้ก็คุณนี่เอง” เฟร์เรถึงบางอ้อ เขาไม่ได้จำเหตุการณ์ถูกตีอะไรได้ทั้งนั้น ที่ร้องอ๋อขึ้นมาก็เพราะเธอคือคนที่ฟาดฟาโรห์จนไหล่ช้ำต่างหาก 

“เอ้า! นี่สรุปคุณความจำเสื่อมจริงหรือเนี่ย ช่างเถอะๆ ว่าแต่มาที่นี่ให้ฉันช่วยอะไรคะ คุณเฟร์เร” ทันตแพทย์สาวตัดเรื่องส่วนตัวออกไปก่อน แล้วเอ่ยชื่อเขาบนเอกสารประจำตัวคนไข้ ซึ่งระบุไว้ว่าเขาชื่อเฟร์เร 

“คือก้างปลาติดฟัน คุณช่วยเอามันออกให้ผมทีได้มั้ยครับ” เฟร์เรตอบอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียงนัก เขาเป็นคนชอบทานปลามาก แต่ที่ไม่ชอบคือก้างของปลา ทั้งๆ ที่ระวังอย่างถึงที่สุด แต่สุดท้ายก็เกิดเหตุ จนต้องโร่มาหาหมอฟันแบบนี้ 

“งั้นเชิญค่ะ” เพลงพิณผายมือให้ชายหนุ่มลงไปนอนบนเก้าอี้ทำฟัน โดยไม่นานผู้ช่วยของเธอก็เข้ามาช่วยอีกแรง อุปกรณ์ เครื่องไม้เครื่องมือของคลินิกเธอนั้นทันสมัย จนเฟร์เรรู้สึกมั่นใจที่จะเข้ามาใช้บริการ 

ทันทีที่ชายหนุ่มนั่งลงบนเก้าอี้ทำฟัน เพลงพิณก็ปรับระดับให้เก้าอี้ราบกับพื้น ยกเท้าชายหนุ่มให้สูงขึ้น เมื่อได้ระดับที่ต้องการเธอก็เริ่มตรวจภายในช่องปากของเฟร์เรเพื่อหาก้างปลาเจ้าปัญหา

 

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status