“ใช่…นายเป็นโจร ที่จะเข้ามาขโมยของในบ้านฉันกลางวันแสกๆ กล้ามาก ไม่กลัวตายเลยใช่ไหม” ขณะถามก็ทำท่าจะฟาดไม้ เบสบอลใส่ฟาโรห์อีกครั้ง “ไอไม่ได้เป็นโจร” คนถูกฟาดสะดุ้งหลบหลีกแทบไม่ทัน ปากก็แก้ต่างให้ตนเอง นี่ถ้าเป็นพี่สะใภ้จริงโหดขนาดนี้ พี่ชายเขาจะเป็นยังไงบ้างนะ“ไม่ได้เป็นโจร แล้วปีนเข้าบ้านคนอื่นแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ ไหนตอบมาสิ” เจ้าของบ้านคาดคั้นอย่างหาเรื่อง“นี่บ้านยูเหรอ” ชายหนุ่มมองอย่างไม่มั่นใจ เริ่มเชื่อแล้วว่าเธออาจจะเป็นแฟนกับพี่ชายจริงๆ ไม่งั้นจะอยู่บ้านหลังนี้ได้ยังไง“ใช่” คำตอบของหญิงสาวตรงหน้าทำให้ฟาโรห์นิ่ง หรือว่าพี่ชายเขาจะไม่ได้อยู่ที่เมืองไทยคนเดียวเสียแล้ว มิน่า...ติดต่อหาเท่าไหร่ก็เงียบ หรือเธอคนนี้จะใช่คนที่เฟร์เรบอกว่าจะมาตามหาฟาโรห์กวาดสายตามองผู้หญิงตรงหน้า แม้จะสวย แต่เขาฟันธงว่าเธอไม่ใช่สเปคแน่นอน เขาไม่ชอบผู้หญิงที่ดุเป็นเสือแบบนี้ เขาอยากมีเมีย ไม่ใช่ผู้คุม “ยูเป็นอะไรกับพี่ชายไอ” เมื่อสงสัยจึงถามออกไป ดูยังไงก็ไม่เหมือนสาวในฝันที่พี่ชายตามหาอยู่ดี เธอคนนั้นดูหวานกว่านี้ ไม่โหดร้ายทารุณ“พี่ชาย...ใคร นี่อย่ามานอกเรื่อง” เจ้าของบ้านชี้หน้ามองโจร รูปห
หลังจากจบภารกิจจับผู้ชายที่เธอคิดว่าเขาคือโจรเสร็จ เพลงพิณก็ขับรถไปทำงานที่โรงพยาบาลจนกระทั่งออกเวร จึงไปทำงานที่คลินิกทำฟันที่เธอสร้างมาเองกับมือ คลินิกเล็กๆ แต่เธอก็แสนจะภูมิใจ นั่งทำงานได้สักพัก เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น มือเรียวคว้าขึ้นมาดู ก่อนจะเห็นใบหน้าน้องสาวคนเดียวโชว์อยู่บนหน้าจอ นั่นทำให้เพลงพิณกดรับสายแล้วเอ่ยทักทายไป“ว่าไงพร้าว” ความที่อายุห่างกันเพียงสามปี เพลงพิณกับแพรวพราวหรือมะพร้าว จึงค่อนข้างที่จะสนิทกัน แม้นิสัยใจคอของสองพี่น้องจะแตกต่างกันไปบ้างก็เถอะ แพรวพราวนั้นมุ้งมิ้งน่ารักเวลาอยู่กับพี่ แต่ต่อหน้าคนอื่นก็ห้าวไม่แพ้ใครส่วนพี่สาวอย่างเพลงพิณนั้น หึ…รายนี้เรียกได้ว่า ห้าวเสมอต้น เสมอปลาย “คิดถึงนะพี่พิณ” แพรวพราวหยอดคำหวานออกไปก่อน แอบอมยิ้มกลั้นหัวเราะอย่างเต็มกำลัง“ปากหวานแบบนี้ต้องมีอะไรแน่ๆ” คนรู้ทันก็ตอบกลับทันที น้องสาวเป็นแบบนี้เสมอเวลาที่อยากจะเอาแต่ใจ“แหม…นี่ก็รู้ใจอีก” คนถูกรู้ใจยิ้มหวานกับตัวเอง ทำท่าทางเขินอายเดินไปเดินมารอบห้องราวกับคุยกับคนรัก ก็อ้อนพี่สาวทั้งทีต้องจัดใหญ่สักหน่อย“มีอะไรว่ามา” เพลงพิณไม่หวานตาม ถามตรงประเด็นอย่างไม่รอช้
แต่…ทว่าความใกล้ชิด ในจังหวะที่ทันตแพทย์สาวโน้มตัวลงไปตรวจภายในช่องปากนั้น กลิ่นหอมๆ ที่ลอยออกมาจากตัวเธอก็ทำให้หัวใจของเฟร์เรเต้นไม่เป็นส่ำ ขณะที่ปากก็อ้ากว้างออกเพื่อให้เธอได้ตรวจอย่างถนัด เขาก็เพ่งมองใบหน้าเนียนที่อยู่ห่างไม่ถึงคืบ แม้เธอจะมีหน้ากากอนามัยปิดปากและจมูกไว้ แต่ดวงตาและคิ้วสวยๆ ของเธอกลับเด่นจนน่ามอง“ถ้าเจ็บแล้วบอกนะคะ” เสียงทันตแพทย์สาวดังขึ้น นั่นเพราะเธอเห็นก้างปลาที่ติดอยู่ตรงร่องระหว่างฟันกรามของชายหนุ่มแล้ว เธอขออุปกรณ์จากผู้ช่วย ก่อนจะคีบเจ้าก้างปลาที่เห็นออกมา ก่อนจะเอ่ยบอก“เสร็จแล้วค่ะ” “เสร็จแล้ว” เฟร์เรเอ่ยทวนประโยคที่ได้ยิน เพราะเขาแค่นอนนิ่งๆ แทบจะไม่ได้รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำไป จู่ๆ ทันตแพทย์สาวก็บอกว่าเสร็จแล้ว“อื้อ…นี่ไง หลักฐาน” เพลงพิณคีบก้างปลามาให้เฟร์เรเห็น นั่นทำให้ชายหนุ่มถึงกับถอนหายใจออกมาดังเฮือกที่เห็นว่าก้างปลามันหลุดออกไปจากฟันเขาแล้ว เพราะเขาไม่สนุกที่มีก้างปลาติดฟันแบบนี้“ขอบคุณครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น และเพราะเขาไม่มีก้างปลาชิ้นที่สองให้เพลงพิณเอาออก นั่นทำให้เฟร์เรต้องกลับออกไปจากห้องทำงานของเธอยืนมาอ่านป้ายชื่อที่ติดอยู่หน้าห้อง “ท
แต่…ทว่าความใกล้ชิด ในจังหวะที่ทันตแพทย์สาวโน้มตัวลงไปตรวจภายในช่องปากนั้น กลิ่นหอมๆ ที่ลอยออกมาจากตัวเธอก็ทำให้หัวใจของเฟร์เรเต้นไม่เป็นส่ำ ขณะที่ปากก็อ้ากว้างออกเพื่อให้เธอได้ตรวจอย่างถนัด เขาก็เพ่งมองใบหน้าเนียนที่อยู่ห่างไม่ถึงคืบ แม้เธอจะมีหน้ากากอนามัยปิดปากและจมูกไว้ แต่ดวงตาและคิ้วสวยๆ ของเธอกลับเด่นจนน่ามอง“ถ้าเจ็บแล้วบอกนะคะ” เสียงทันตแพทย์สาวดังขึ้น นั่นเพราะเธอเห็นก้างปลาที่ติดอยู่ตรงร่องระหว่างฟันกรามของชายหนุ่มแล้ว เธอขออุปกรณ์จากผู้ช่วย ก่อนจะคีบเจ้าก้างปลาที่เห็นออกมา ก่อนจะเอ่ยบอก“เสร็จแล้วค่ะ” “เสร็จแล้ว” เฟร์เรเอ่ยทวนประโยคที่ได้ยิน เพราะเขาแค่นอนนิ่งๆ แทบจะไม่ได้รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำไป จู่ๆ ทันตแพทย์สาวก็บอกว่าเสร็จแล้ว“อื้อ…นี่ไง หลักฐาน” เพลงพิณคีบก้างปลามาให้เฟร์เรเห็น นั่นทำให้ชายหนุ่มถึงกับถอนหายใจออกมาดังเฮือกที่เห็นว่าก้างปลามันหลุดออกไปจากฟันเขาแล้ว เพราะเขาไม่สนุกที่มีก้างปลาติดฟันแบบนี้“ขอบคุณครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น และเพราะเขาไม่มีก้างปลาชิ้นที่สองให้เพลงพิณเอาออก นั่นทำให้เฟร์เรต้องกลับออกไปจากห้องทำงานของเธอยืนมาอ่านป้ายชื่อที่ติดอยู่หน้าห้อง “ท
“เออๆ ไม่ต้องพูด ฉันเดาได้” เพลงพิณรีบยกมือขึ้นห้าม “งั้นพรุ่งนี้ผมจะมาถามอาการมันแต่เช้า” เฟร์เรเอ่ยขึ้นบ้าง แม้ลุคเขาจะออกเถื่อนๆ แต่ใครจะรู้ว่าเขาอ่อนโยนกับสัตว์มากเหมือนกัน “ได้ครับ” เสียงทุ้มของสัตวแพทย์โปรดตอบกลับไป ก่อนจะพินิจมองใบหน้าของชายหนุ่มตรงหน้า แล้วหันมากระซิบกระซาบถามเพื่อนสาวที่ยืนตัวเตี้ยอยู่ข้างๆ “พิณ…ใครวะ แฟนแกเหรอ” น้ำเสียงของโปรดนั้นฟังดูตื่นเต้น จนเพลงพิณค้อนให้อย่างหมั่นไส้ “แฟนที่ไหน เพื่อนบ้าน รั้วติดกันเลย เขาชื่อ…” พอจะตอบคำถามโปรด เพลงพิณก็ชะงัก นั่นสิ…ผู้ชายข้างๆ เธอนี่ชื่อว่าอะไร ถ้าจำไม่ผิด เขาน่าจะชื่อว่าเฟร์เรใช่ไหม แต่เพราะฟอร์ม เพลงพิณจึงแสร้งทำเป็นจำชื่อหนุ่มตรงหน้าไม่ได้ เธอหันกลับมามองหน้าเฟร์เร แล้วเอ่ยถามชื่อเขาออกไป “ว่าแต่คุณชื่ออะไรนะ”“เฟร์เร ผมชื่อเฟร์เรหรือจะเรียกผมว่าเบคก็ได้” เมื่อได้ยินแบบนี้ เพลงพิณก็หันมาคุยกับโปรด“แกได้ยินแล้วใช่ไหม เขาชื่อเบค” “ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมโปรด เป็นเจ้าของคลินิก” เอ่ยทักทายเสร็จก็ยื่นมือไปรอสัมผัส เฟร์เรไม่ลังเลที่จะสัมผัสมือของโปรดกลับมา“ส่วนคนข้างๆ นี่พิณ” โปรดแนะนำเพลงพิณเสร็จสรรพ “ยินดีท
“อื้อ…คนที่ฟาดนายด้วยไม้เบสบอลนั่นแหละ เธอยังเข้าใจผิดว่าฉันคือนาย” พูดไปแล้วก็รู้สึกแปลกๆ แม้ก่อนหน้านี้จะมีเหตุการณ์เข้าใจผิดว่าคนไหนคือเขา คนไหนคือน้องชายฝาแฝด แต่เฟร์เรกลับไม่รู้สึกอะไร แต่ครั้งนี้ทำไมเขาถึงไม่ชอบก็ไม่รู้ “เอ้า! แล้วนายได้บอกไปมั้ย ว่านายเป็นใคร” งานนี้น้องชายแปลกใจ ปกติเฟร์เรจะออกตัวว่าตนมีฝาแฝดป้องกันการเข้าใจผิด“ไม่ได้บอก”“อืม…อีกหน่อยเธอก็คงรู้เองว่าเราเป็นฝาแฝดกัน” ฟาโรห์เลิกคิ้วสูง ในเมื่อดูเหมือนพี่ชายไม่อยากบอก ไม่มีเหตุผลอะไรที่ตนจะต้องไปออกตัว“แต่ฉันกลับไม่อยากให้เธอรู้” เฟร์เรเอ่ยกับตัวเอง เขามีเหตุผลส่วนตัวที่ไม่อยากให้ผู้หญิงบ้านข้างๆ รู้ว่าเขานั้นมีฝาแฝด เพราะถ้ารู้ก็กลัวว่าเธอจะหลงความหล่อของฟาโรห์จนไม่มีใจมองมาที่เขา แต่ทว่า…ความคิดนี้ก็ต้องหยุดลง เพราะเหตุผลหลักๆ ที่เฟร์เรมาที่นี่คือการมาตามหาหญิงสาวในภาพถ่ายคนนั้นให้พบ คนที่เขาหลงรักอยู่ฝ่ายเดียว ไม่ใช่แบ่งใจไปรักผู้หญิงอื่น แต่ก็ไม่วายที่จะมองไปยังบ้านหลังที่อยู่ติดกัน“จะไม่เข้าบ้านเหรอ” พอเห็นว่าพี่ชายเอาแต่ยืนนิ่ง ฟาโรห์ก็เอ่ยขึ้น“อืม” เสียงทุ้มเอ่ยรับในลำคอ ก่อนจะเดินผ่านน้องชาย และเสี
“แล้วใครจะได้สิทธิ์เลี้ยงก่อน” คำถามของเพลงพิณทำเอาโปรดคิ้วขมวด เพราะกำลังหาทางออกให้“เอางี้ เล่นกับดวงเลยแล้วกัน ถ้ารถที่เลี้ยวเข้ามาคลินิกทะเบียนลงท้ายด้วยเลขคู่ พิณเอาไปเลี้ยงก่อน แต่ถ้าลงท้ายด้วยเลขคี่ เบคเอาไปเลี้ยง โอเคนะ” “โอเค” เพลงพิณเอ่ยรับ ใครมันจะไปกล้าขัดสัตวแพทย์โปรดได้...หืม “ครับ” เฟร์เรเอ่ยรับเช่นกัน ก่อนจะภาวนาให้รถที่เล่นเข้ามาภายในคลินิกคันต่อไปทะเบียนลงท้ายด้วยเลขคี่ ส่วนเพลงพิณก็ภาวนาตรงกันข้าม เลขคู่ เลขคู่ เลขคู๊!!! เสียงแอคโค่เธอดังกึกก้องอยู่ในโสตประสาท แต่ทว่าโชคกลับไม่เข้าข้างคนสวยอยากเลี้ยวแมว“เลขที่ออก...เจ็ด…จบข่าว อาทิตย์แรกเบคได้เลี้ยงเจ้าลัคกี้ก่อน ส่วนอาทิตย์ต่อไปก็แกพิณ” โปรดเอ่ยสรุปให้เสร็จสรรพ ก่อนจะได้ยินเสียงคนผิดหวังเบาๆ “อื้อ” เมื่อตกลงเรื่องใครจะเลี้ยงก่อนเลี้ยงหลังลงตัว เฟร์เรและเพลงพิณจึงเข้าไปดูอาการของเจ้าแมวน้อยใกล้ๆ และคนที่ขอตัวก่อนคนแรกคือเพลงพิณ เพราะใกล้ได้เวลาทำงานแล้ว ตามด้วยเฟร์เรโปรดยืนกอดอกมองรถสองคันที่กำลังขับออกไปจากคลินิก อยู่ๆ เขาก็รู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลแปลกๆ หรือทั้งคู่กำลังชอบพอกันอยู่“ไม่จริงมั้ง” โปรดส่าย
“บ้า…มาจูบสิ รสปลาร้าเต็มๆ” พี่ใหญ่ของกลุ่มค้อนควักให้คนแซวเรื่องปาก ที่มาแซวอะไรเอาตอนนี้ เดี๋ยวตบด้วยข้าวเหนียวในมือซะเลย “เผ็ดเหรอเจ้” สีหน้าของลลินดานั้นแสดงออกว่าห่วงเจ้ของเธอแบบสุดๆ “อื้อ…วันนี้ป้าแกโกรธอะไรเจ้เปล่า ใส่พริกซะเยอะซะแยะ เคี้ยวคำไหนเจอแต่พริก”“ไม่ได้โกรธหรอก คงเป็นพริกค้างครกมากกว่า เอ้า...น้ำๆ จะได้แก้เผ็ด” เอ่ยเสร็จ ลลินดาก็ส่งน้ำเย็นๆ ให้เพลงพิณดื่มดับเผ็ด“ขอบใจจ้ะ”“นี่เจ้…เค้ากำลังจะแต่งงานแหละ” ประโยคนี้ของลลินดาทำเอาเพลงพิณแทบจะบ้วนน้ำเย็นๆ ลงแก้วที่ถืออยู่ ก่อนจะหันมามองหน้าเพื่อนรุ่นน้องตาปริบๆ “นี่เจ้เผ็ดจนหูแว่วไปเลยเหรอที่ได้ยินมิ้นบอกว่าจะแต่งงาน” เพลงพิณยิ้มแห้งๆ ให้ เพราะคิดว่าตัวเองหูฟาด “ไม่ได้หูแว่ว เค้ากำลังจะแต่งงานจริงๆ” ลลินดาย้ำให้ได้ยินอีกครั้ง ส่วนบุหลันนั้นก็ดูจะอึ้งไปอีกคน อึ้งจนข้าวเหนียวที่เพิ่งส่งเข้าปากหล่นมากองบนโต๊ะอย่างไม่รู้ตัว “แต่งกับใคร” คนที่เอ่ยถามถึงว่าที่เจ้าบ่าวของลลินดาคือเพลงพิณ เพราะดูท่าเธอจะตั้งสติได้แล้ว “ก็มีอยู่คนเดียวนั่นแหละเจ้ก็” ท่าทางของว่าที่เจ้าสาวดูขัดเขินอย่างเห็นได้ชัด เพราะผักบุ้งที่อยู่ในมือตอนน