๑
ไม่อยากเจอ
รถยนต์คันหรูสัญชาติยุโรปสีเข้มขับเข้ามาภายในรั้วอัลลอย บ้านทรงยุโรปสีไข่มุกตั้งตระหง่านท่ามกลางสวนสวยทั้งสองฝั่ง ลานตรงหน้าเป็นบ่อน้ำพุนางเงือกนั่งจับผมอยู่ตรงกลางก่อนจะมีน้ำพุ่งออกมาจากโขดหินที่เงือกสาวนั่ง สีสันสวยงามจนผู้พบเห็นอดจะถ่ายรูปเอาไว้ไม่ได้ เสียงเครื่องยนต์รถดับลงเมื่อถึงหน้าประตูทางเข้าบ้าน
เรียวขาสวยก้าวลงจากรถก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูง เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์สีซีด ผมยาวดัดลอนถูกมัดรวบนำมาไว้ข้างเดียว หุ่นเพรียวราวนางแบบยิ่งท่วงท่าการก้าวเดินน่ามองยิ่งนัก ใบหน้าหวานมีรอยยิ้มประดับกระทั่งขึ้นบันไดเดินไปถอดรองเท้าส้นสูงสีครีมใส่ตู้เปลี่ยนเป็นสลิปเปอร์สำหรับใส่ในบ้าน ดวงตากลมโตมองไปโดยรอบพลางคิดในใจ
‘ไม่เปลี่ยนไปเลย’
เดินเข้ามาถึงโถงกลางบ้านเป็นแท่นแจกันมีดอกไม้สีสันสวยงามและส่งกลิ่นหอมไปทั่วบ้านก่อนจะมีบันไดวนเดินขึ้นไปบนห้อง ด้านซ้ายเป็นห้องรับแขกมีขนาดใหญ่โต ถัดไปเป็นห้องสังสรรค์ของบิดาและบรรดาเพื่อนของท่าน ส่วนปีกขวาทำไว้เป็นห้องนั่งเล่นสำหรับครอบครัว โทนสีอบอุ่น ทุกคนมักจะมารวมกันเมื่อถึงวันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันประเพณีต่างๆ เช่นสงกรานต์ วันแม่ วันพ่อ วันปีใหม่
มองรอบบ้านยังไม่ทันรอบก็ได้ยินเสียงเรียกดังมาจากบนบ้าน
“ป้อนข้าว!”
เธอเงยหน้าขึ้นไปมองก่อนจะฉีกยิ้ม
“แม่ขา” ใครจะเชื่อว่ามารดาของเธออายุห้าสิบกว่าแล้วในเมื่อท่านยังดูแข็งแรงขนาดนี้ ดูสิรีบเดินลงมาหาลูกสาวจนเป็นเธอต้องเดินขึ้นมารับมารดาลงมาข้างล่างแทน นึกว่าจะไม่มีใครอยู่บ้านเสียแล้ว
สองแม่ลูกกอดกันแน่นเมื่อคุณศลิษาลงมาข้างล่าง ท่านลูบหลังบุตรสาวที่สูงนำตนไปหลายเซนติเมตรทั้งที่แต่ก่อนตัวเล็กนิดเดียวแท้ๆ ใครจะเชื่อว่าจากเด็กน้อยที่ร้องหาเพียงมารดาจะเติบโตมาเป็นหญิงสาวที่หน้าตาสวยหวานจับใจขนาดนี้ น่าจับลูกส่งประกวดนางงามเสียจริง
“ไหนบอกว่าจะมาพรุ่งนี้ โกหกแม่เหรอ” ผละออกจากกันก็จ้องใบหน้าสาวน้อยวัย 23 ปี ไม่เจอกันตั้งหลายปีลูกสาวเธอโตขึ้นมากเหลือเกิน ไม่มีเค้าของเด็กหญิงณชาจอมตะกละเหมือนที่เคยโดนล้อไว้เลย จากเด็กน้อยตัวอ้วนกลมเป็นที่รักของพี่ๆ กลายร่างเป็นหญิงสาวรูปร่างงดงาม ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ
“ป้อนไม่ได้โกหกนะ ก็ที่จริงว่าจะมาพรุ่งนี้ แต่พอดี๊พอดีมีไฟลต์ว่างวันนี้เลยเปลี่ยนกะทันหัน เป็นไงคะลูกแม่เก่งไหม” คนช่างพูดช่างเจรจาออดอ้อนมารดา
คุณศลิษามองบุตรสาวพลางส่ายหน้ากับความลื่นไหลจับไม่เคยได้เสียที สงสัยครั้งนี้ก็คงอยากมาเซอร์ไพรส์อีกตามเคย จับจูงมือลูกไปยังห้องนั่งเล่นในขณะที่ลูกสาวก็มองหาผู้คน
“ทำไมบ้านดูเงียบจังคะแม่ แล้วพ่อ พี่เป๊ป คุณยายหายไปไหนกันหมด ตั้งแต่มายังไม่เห็นใครเลยนะคะ แต่ว่าทุกคนไม่อยู่บ้านก็เป็นเรื่องปกติอยู่เพราะต้องทำงาน แต่ทำไมแม่ไม่ทำงานล่ะ แม่ว่างงานเหรอคะ” บุตรสาวเย้ามารดาเล่นเป็นประจำเรื่องว่างงานทั้งที่จริงท่านต้องดูแลร้านขนมถึงสี่สาขาด้วยกัน เคยขอให้ลูกสาวมาช่วยก็บอกไม่มีทักษะเรื่องอาหารหรือของหวาน หากให้สร้างเรือหรือตกปลาก็พอจะเข้าที
..ลูกคนนี้ได้พ่อมาหมดจริงๆ
แต่ดีหน่อยที่เลือกเรียนคณะบริหารธุรกิจตามมารดาขอร้องทั้งที่จริงลูกเลือกเรียนคณะนิเทศศาสตร์ตอนที่อยู่ไทยแท้ๆ ดันกลับลำครั้งที่ขอไปเรียนไกลถึงเมืองนอกเมืองนา ครั้นจะขัดลูกก็ไม่กล้าเพราะใบหน้าบุตรสาวเศร้าจนกลัวว่าจะคิดสั้นจำต้องตามใจส่งไปเรียนไกลหูไกลตา
“จ้ะ แม่เป็นคนว่างงานที่ส่งลูกสาวไปเรียนเมืองนอกเมืองนา กลับมาแล้วก็มาใช้ทุนคืนแม่ด้วยนะจ๊ะ”
ได้ยินอย่างนั้นร่างบางก็แสร้งโอดครวญทันที
“โอ๊ยคุณแม่ขา ลูกล้อเล่นนิดเดียวเองถึงขนาดต้องทวงกันเลยเหรอคะ ขอผลัดไปก่อนนะเดี๋ยวจะใช้คืนถ้าหาผู้ชายมาสู่ขอสักร้อยล้านได้” คนปากดีแกล้งแซวเล่น
จนคุณศลิษาต้องตีแขนเรียวไปหนึ่งที
“ดูพูดจาเข้าสิ ชักจะแก่นขึ้นไปทุกวันแล้วนะเรา แล้วดูท่าทางเหมือนลิงเหมือนค่างแบบนี้จะมีผู้ชายที่ไหนมาชอบคะคุณลูกสาว ไม่รู้ว่าจะขายออกหรือเปล่า บางทีแม่อาจจะต้องยกให้เขาฟรีๆ ซะแล้ว”
สองแม่ลูกเอ่ยล้อกันไปมาจนกระทั่งเสียงโทรศัพท์คุณผู้หญิงของบ้านดังขึ้น
“ว้ายตายแล้ว ฮัลโหลเปรม ฉันกำลังจะออกไป พอดีลูกสาวตัวดีมาก่อนน่ะสิเลยคุยกันยาว อุ๊ยไม่ต้องยกเลิกหรอกฉันไม่ได้เจอเธอนานแล้วนะส่วนลูกสาวปล่อยไว้แบบนี้แหละ โตแล้วหาอะไรกินเองได้ จ้า เจอกัน”
..ดูมารดาพูดเข้าสิ ลูกกลับมาจากอเมริกายังไม่สำคัญเท่าเพื่อนเลย เฮ้อ เกิดเป็นณชาช่างน่าเศร้าเสียจริง
“แม่จะไปบ้านน้าเปรมนะ อะจริงสิ ลูกจะไปด้วยไหมจะได้ไปสวัสดีน้าเปรม”
คำชวนนั้นทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าหวานชะงักก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธโดยฉับพลัน
..ยังไม่ใช่เวลานี้ เธอยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับเขา
“เดินทางมาเหนื่อยๆ ขอพักแล้วกันนะคะ” กอดแขนมารดาแล้วออดอ้อนท่านอย่างที่เคยทำ
“อะไรกันลูกคนนี้ แม่ดูแล้วก็ไม่เห็นจะเหนื่อยตรงไหน ไปไหว้น้าเขาหน่อยสิ เผื่อเจอพี่ทัพด้วยไง เมื่อก่อนตัวติดกับเขาอย่างกับตังเม”
ชื่อที่ไม่ได้ยินมานานถูกกล่าวขานถึง ณชาตัวแข็งทื่อหัวใจเต้นรัวอีกครั้งยามนึกถึงภาพเหตุการณ์สุดท้ายระหว่างกันและกัน
เขาอาจจะจำไม่ได้แต่สำหรับเธอ
ไม่มีวันลืม..
“ป้อนไม่ไปนะแม่ ช่วงนี้ยุ่งมากเลยแม่ไปบ้านน้าเปรมคนเดียวได้ใช่ไหม”
มารดาขมวดคิ้วหันมามองบุตรสาว
“ยุ่งอะไรแม่ตัวดี พึ่งกลับมาก็ยุ่งแล้วเหรอ”
พยักหน้าอย่างแข็งขัน
“ก็ต้องไปดูแลกิจการให้คุณแม่ ไหนจะไปช่วยคุณพ่อที่บริษัทอีก ก็ต้องยุ่งเป็นธรรมดาสิคะ”
มีลูกเล่นจนแม้กระทั่งคุณศลิษาเองยังต้องยอมแพ้ ท่านส่ายหน้าอ่อนใจก่อนจะพูดคุยอีกครู่หนึ่งจึงค่อยออกไปหาเพื่อนสนิท
คล้อยหลังมารดาใบหน้าหวานหุบยิ้มลงทันทีราวกับเมื่อสักครู่ต้องใช้พลังงานในการแสดงนักหนา
กระเป๋าใบใหญ่ถูกนำมาไว้บนห้องนอนชั้นสองของบุตรสาวคนเดียว ห้องนอนของเธออยู่ปีกขวาของตึกค่อนข้างเป็นส่วนตัว มีระเบียงที่เห็นสวนดอกกล้วยไม้ของบิดาและได้กลิ่นต้นดอกแก้วของคุณยาย
ร่างบางมองเตียงนอนที่ตั้งติดผนังมีตุ๊กตาอยู่สามสี่ตัวเพราะตอนนั้นติดการกอดตุ๊กตามาก ปลายเตียงเป็นโต๊ะอ่านหนังสือข้างกันนั้นมีชั้นวางหนังสือทั้งตำราเรียนและนิยายวัยรุ่นหลายเรื่อง
มีโต๊ะคอมพิวเตอร์สำหรับใช้งานทั้งพิมพ์รายงานหรือตัดต่อวิดีโอส่งอาจารย์ หวนคิดถึงช่วงเวลาแห่งอดีตก็รีบสลัดความรู้สึกนั้นออกไปแล้วเปิดประตูห้องแต่งตัวเผยให้เห็นห้องบิลต์อินขนาดใหญ่กว้างขวาง เธอเป็นคนชอบแต่งตัวจึงมีเสื้อผ้าหลากหลายแนวทั้งสายหวาน เปรี้ยว เซ็กซี่ ดูขี้เล่นทำให้ณชากลายเป็นคนน่าค้นหา
ร่างบางก้าวเข้าห้องน้ำล้างหน้าให้สดชื่นก่อนออกมาเปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้าน
..คงต้องขอนอนสักตื่นเพราะเหนื่อยจากการเดินทางเกือบยี่สิบชั่วโมง
ตืด ตืด ตืด
ถึงเตียงนอนโทรศัพท์ที่ใส่ไว้ในกระเป๋าถือก็ดังขึ้น เดินไปเปิดแล้วกดรับทันที
“สวัสดีค่ะพี่หมอ” ทักทายเสียงหวานพลางเดินไปห้องแต่งตัวนั่งหน้าโต๊ะเครื่องสำอางใช้คลีนซิ่งเพื่อเช็ดใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางออกจนสะอาด
‘ถึงไทยแล้วใช่ไหมครับ’
เสียงทุ้มมีแววอบอุ่นเอ่ยถามจนคนพึ่งเหยียบบ้านตนเองอมยิ้ม เขามักจะเป็นห่วงเธอเสมอและคอยโทรเช็กตลอดเวลากระทั่งมาถึงเมืองไทย
“ถึงแล้วค่ะ ตอนนี้นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งบนห้อง เช็ดหน้าเช็ดตาแล้วกลังจากนั้นก็ว่าจะนอนสักหน่อย” รายงานอย่างละเอียด
จนปลายสายหัวเราะออกมาราวอารมณ์ดีนักหนาทั้งที่งานตรงหน้าไม่ได้เบาเลยสักนิด
‘ดีแล้ว พักผ่อนนะครับ พี่ก็คงไม่ได้โทรหาสักหกชั่วโมงมีเคสผ่าตัด ถ้ายังไงตอนเย็นพี่จะไปหานะถือโอกาสสวัสดีพ่อแม่ของป้อนด้วย’
อันที่จริงณชาก็ไม่ได้เสพติดการพูดคุยกันขนาดนั้น เธอเว้นช่องว่างให้พื้นที่ส่วนตัวกับอีกฝ่ายเสมอ
“ได้ค่ะ พี่หมอเองก็พักผ่อนบ้างนะ ไม่ใช่โหมงานหนักจนไม่สบายนะคะ” บอกกล่าวด้วยความเป็นห่วง อีกฝ่ายมักจะทำงานหนักเสมอเหมือนครั้งที่ไปเรียนแพทย์เฉพาะทางอยู่อเมริกา ชายหนุ่มโหมอ่านหนังสือหนักจนไม่สบายแต่ดีหน่อยที่ไม่หนักถึงขนาดต้องส่งโรงพยาบาล
‘รับทราบครับผม’
บอกลากันก่อนที่จะวางโทรศัพท์ลง คนตัวเล็กเหม่อลอยทันทีจ้องมองเครื่องมือสื่อสารสีดำพลางขอโทษนับพันครั้งที่ดึงชายหนุ่มเข้ามาในชีวิตทั้งที่คิดกับเขาเพียงพี่น้อง
พี่หมอ หรือนายแพทย์ตฤณ ศิลาชัย แฟนหนุ่มของเธอที่คบหากันได้เพียงสามเดือนแต่รู้จักกันมาแล้วกว่าสองปี เขาเพียรตามจีบจนกระทั่งณชาใจอ่อนตกลงคบหาก่อนที่ตฤณจะบินกลับเมืองไทย หากให้พูดตามความรู้สึกในตอนนี้เขาเป็นเหมือนพี่ชายอีกคนที่เธอไม่เคยคิดเกินเลยแต่เพราะความสงสารจึงไม่อาจปฏิเสธได้ รู้ว่าตัวเองเป็นคนไม่ดีที่ทำแบบนี้แต่ไม่รู้ว่าควรจะแก้ไขอย่างไรดีในเมื่อเรื่องเลยเถิดไปขนาดนี้แล้ว
“เฮ้อ”
ถอนหายใจตัดความคิดวุ่นวายออกไป ร่างบางล้มตัวลงบนเตียงนอนห่มผ้าหนาเปิดแอร์อุณหภูมิต่ำก่อนจะผล็อยหลับไปในที่สุด
ความฝันล่องลอยไปยังอดีตที่ราวกับติดในสมองไม่มีลืม เด็กหญิงตัวอวบที่โดนเพื่อนรังแกกลับมีพี่ชายหุ่นหนามาปกป้องเอาไว้ คอยคุ้มกันไม่ให้น้องน้อยโดนใครกระทำ ชักชวนมากินขนมด้วยกันสัญญาว่าจะพาไปกินขนมอร่อยๆ ทุกวัน
“โตขึ้นเราแต่งงานกันนะพี่ทัพ” เด็กน้อยไม่รู้ประสาเอ่ยชวนพี่แต่งงานหลังจากนั่งเล่นชิงช้าอยู่ที่สนามเด็กเล่นของหมู่บ้าน
“ได้สิ โตขึ้นแต่งงานกัน” พี่ชายหันมาพยักหน้าให้น้องก่อนเช็ดไอศกรีมที่เลอะปากเล็กอย่างอ่อนโยน
เธอยึดถือคำมั่นนั้นมาตลอด เกาะติดเขาไม่ปล่อยจนกระทั่งทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อชายหนุ่มโตขึ้น เขาแสดงท่าทีรำคาญอย่างเห็นได้ชัดแต่ณชาก็สู้ไม่ถอยพยายามตื้อเพราะถือคติเหมือนที่เคยได้ยินว่าตื้อเท่านั้นที่ครองโลก
แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นไปอย่างที่คิด กองทัพถอยห่างออกไปเรื่อยๆ ก่อนจะไปพบรักกับผู้หญิงคนอื่น ที่แย่ไปกว่านั้นคือผู้ญิงคนนั้นมีแฟนแล้ว และแฟนของเธอยังเป็นเพื่อนสนิทของกองทัพอีกด้วย..ปลายฟ้าเป็นแฟนของพณณกรเจ็บจนแทบขาดใจนอนร้องไห้หลายคืน เรียนไม่รู้เรื่อง พึ่งเคยรับรู้ความรู้สึกแบบนี้เป็นครั้งแรก
ณชาตัดสินใจไปเรียนต่อเมืองนอกแต่ก่อนไปก็เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นก่อนและคืนนั้น..เธอยอมพลีกายให้เขาเชยชมอย่างผู้หญิงไม่อาย ก่อนฟ้าสว่างณชารีบตื่นมามองใบหน้าคมที่ยังหลับใหลไม่ได้สติ
“ลาก่อนนะคะ ความรักของป้อน” น้ำตาไหลกระทบเปลือกตาของชายหนุ่มก่อนที่เธอจะหายออกไปจากชีวิตของเขา..
“กลับมาบ้านได้แล้วเหรอพ่อตัวดี” ลูกชายคนเล็กโผล่มากินข้าวเย็นพร้อมหน้าครอบครัวคนเป็นมารดาจึงเอ่ยขึ้น
นักรบ วิจิตรประภา น้องเล็กของตระกูลที่โดนพี่ๆ ตามใจตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะอยากได้อะไรทุกคนมักหามาให้จนเสียนิสัย
ใบหน้าคมยิ้มให้มารดาก่อนจะเดินมากอดเอวท่านพร้อมหอมแก้มเสียงดัง
“อยากมาบ้านทุกวันแหละครับแต่ว่าช่วงนี้ติดสอบ ยากมากเลยนะแม่”
ความขี้อ้อนขอให้บอก เคยอ้อนจะเอารถยนต์ตั้งแต่มัธยมศึกษาปีที่ห้าคุณแม่แพ้ทางยอมซื้อให้แต่ขับได้ไม่กี่วันก็เบื่อจนตอนนี้จอดทิ้งไว้ที่โรงรถเพราะพ่อเจ้าประคุณเห่อรถมอเตอร์ไซค์คันใหม่แทน
“จริงหรือเปล่า ไม่ใช่ไปติดสาวที่ไหนนะ”
นักรบยืนขึ้นเดินไปนั่งกับพี่ชายคนโตพลางส่ายหน้าปฏิเสธ
“สาวที่ไหนแม่ ไม่มีหรอก โสดสนิทครับ แม่มีลูกสาวเพื่อนแนะนำไหม” คนอารมณ์ดีเอ่ยถามเสียงร่าเริง
เวลาจะดีก็ดีใจหายเวลาร้ายมาใครก็เอาไม่อยู่ อย่างเรื่องชกต่อยมีบ่อยแทบจะเดือนละครั้งจนคุณเปมิกาคุมเข้มบุตรชายช่วงหนึ่ง
“แนะนำก็ไม่เอาสักคนหรอก”
นักรบอมยิ้มให้คำพูดของมารดา
..ก็ลูกสาวของเพื่อนแม่แต่ละคนไม่มีใครน่าสนใจสักนิด
“จริงสิ พี่ดลคะ วันนี้ลิซมาหาเปรมเลยชวนกันไปพักผ่อนที่ลำปางเห็นว่าบรรยากาศดีมากเลย เดี๋ยวเราไปด้วยกันทั้งครอบครัวเลยนะ” หันไปถามสามีที่มีสีหน้ากระอักกระอ่วน
“จะไปวันไหนล่ะ พี่จะได้เคลียร์งานให้เสร็จ” ไม่อยากขัดใจภรรยาจึงเอ่ยถาม
“เดือนหน้าค่ะ ทัพกับรบก็ไปด้วยกันนะ ไปสูดอากาศบริสุทธิ์สักหน่อย”
ลูกชายคนเล็กส่ายหน้าทันที
“รบไม่ว่างครับ เดือนหน้ายังสอบไม่เสร็จเลยแม่ ให้พี่ทัพไปแล้วกัน”
คนโดนน้องโยนมาให้อย่างกองทัพรีบหันไปมองอีกฝ่ายแล้วด่าแบบไม่มีเสียง
‘ไอ้เลว’
ทำเอานักรบยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี
“มหา’ลัยเขาไม่สอบเป็นเดือนหรอก” คนพี่รีบหาเหตุผลเพื่อไม่ให้นักรบเอาตัวรอดแต่เพียงผู้เดียว หากเขาได้ไปหนุ่มนักศึกษาก็ต้องได้ไปด้วย
แต่มีหรือที่น้องชายคนสุดท้ายจะยอมให้พี่ชายเอาคืนได้จึงรีบหาเหตุผลต่างๆ
“ต้องเตรียมเอกสารฝึกงานอีก ยุ่งมากเลยแม่ ไม่มีเวลา ไม่ว่างและไม่ไปนะครับ”
เจอเหตุผลร้อยแปดแบบนี้เปมิกาก็คร้านจะบังคับบุตรชายคนเล็กจึงหันไปมองกองทัพที่นั่งรับประทานอาหารด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไหร่
..พักนี้ลูกชายคนโตดูจะทำงานหนักจนแทบไม่ได้พักผ่อน ชวนลูกไปก็ดีเหมือนกัน
“ถ้าน้องยุ่ง ทัพไปกับแม่นะลูก”
น้ำเสียงนุ่มนวลกึ่งอ้อนวอนของมารดาเป็นไม้ตายที่ทำให้กองทัพยอมโอนอ่อนตลอด
..เขาไม่อยากไปเลยสักนิด ไม่มีสิ่งน่าอภิรมย์เท่าไหร่นักในความรู้สึกไหนจะมีณชาน้องสาวช่างตื้ออีกด้วย ผ่านไปหลายปีหวังว่านิสัยนั้นอาจจะหายไป บางทีเธออาจจะเลิกชอบเขาแล้วก็ได้
“ขอดูก่อนนะครับ”
แบ่งรับแบ่งสู้จนเปมิกาถอนหายใจเอ่ยตัดพ้อสามหนุ่มซึ่งดูท่าจะไม่อยากไปสักคน
“ไม่เป็นไร แม่ไปคนเดียวก็ได้ พ่อลูกก็เฝ้าบ้านแล้วกัน”
ใครจะเชื่อว่าจากผู้หญิงพูดน้อยเมื่อแก่ตัวลงคุณแม่จะขี้งอนขนาดนี้ ภราดรที่เห็นภรรยาทำท่าน้อยใจก็หันไปมองลูกชายพลางส่งสายตาคาดโทษที่ทำให้มารดาเสียใจ
“ไม่หรอก พี่ก็ไปกับเปรมนั่นแหละ ทัพก็ด้วยงานช่างมันก่อน” คนที่เอาใจเมียหันมาบอกลูกชายคนโต
ส่วนนักรบก็แอบยิ้มมุมปากที่ตนเองรอดพ้น ใบหน้าหวานที่มีริ้วรอยแห่งวัยยิ้มให้สามีที่คอยตามใจเธอตลอดไม่มีขัด
“ต้องอย่างนี้สิคะ”
หลังจากนั้นทุกคนก็ลงมือรับประทานอาหารอีกครั้ง แต่ดูเหมือนอาหารตรงหน้าจะไม่อร่อยสำหรับกองทัพแล้ว ไม่นานชายหนุ่มก็ขอตัวขึ้นไปเคลียร์งานบนห้อง
ทุกวันนี้หายใจเข้าออกก็เป็นงานจนมารดาเริ่มเป็นห่วงมองตามแผ่นหลังหนาที่ขาดรอยยิ้มไปหลายปี ลูกชายเปลี่ยนไปตั้งแต่วันนั้น..
ขณะที่ทุกคนบนโต๊ะทานอาหารอิ่มนักรบก็เอ่ยถามมารดา
“แม่ครับ ถ้าผมทำผู้หญิงท้องแม่จะว่าไหม”
ทำเอาคุณผู้หญิงของบ้านตกอกตกใจยกใหญ่
“อะไรตารบ ไปทำผู้หญิงที่ไหนท้อง บอกแม่สิ”
ถามเสียงดังจนสามีต้องลุกขึ้นมาจับไหล่เอาไว้ก่อนมองลูกชายเช่นเดียวกัน
“เปล่าทำครับ แค่ถามเฉยๆ” ปฏิเสธแบบนั้นยิ่งสร้างความสงสัยให้มากขึ้นไปอีก “โธ่แม่ ผมล้อเล่นแค่นั้นเอง ทำหน้าซีเรียสไปได้ หาว ง่วงแล้ว ขอตัวไปนอนก่อนนะครับ” ไม่รอให้ได้ซักไซ้ไล่ความนักรบก็หนีเอาตัวรอดด้วยการรีบวิ่งขึ้นบนห้..
ปล่อยให้เปมิกานั่งหน้าเครียดอยู่โต๊ะอาหาร
“”มีลูกแต่ละคนไม่ได้ดั่งใจสักคน
“เปรมอย่าคิดมากเลย เจ้ารบก็ชอบกวนแบบนี้แหละ ไม่มีอะไรหรอก” สามีบีบนวดให้ภรรยาคลายความเครียด
“จะไม่ให้คิดมากได้ไงคะ ตารบเรียนอยู่ปีสามเองนะพี่ดล ถ้าเกิดทำผู้หญิงท้องขึ้นมา..” ไม่อยากจะคิดต่อไปเลย ถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้มไม่รู้ว่าคืนนี้จะนอนหลับหรือเปล่า
ส่วนคนต้นเหตุก็ยิ้มร่าเคาะห้องพี่ชายเพียงสองครั้งก่อนเปิดเข้าไป
“เฮ้ย ไอ้รบ ก่อนเข้ามาเคาะหลายครั้งก่อนได้ไหมวะ” เจ้าของห้องอยู่ในชุดเตรียมพร้อมอาบน้ำที่มีเพียงผ้าขนหนูพันท่อนล่าง
..เห็นหุ่นพี่ชายแล้วอิจฉาชะมัดเลย หุ่นสูงร่างหนาทั้งยังมีซิกซ์แพ็กเป็นลอนสวยงาม ไหนบอกว่าทำงานหนักแต่ก็ยังมีเวลาไปออกกำลังกายอีก ผิวออกสีเข้มเพราะเล่นกีฬากลางแจ้งดูรวมๆ แล้วมีเสน่ห์จนหญิงสาวต้องหลงใหล
“อายทำไมพี่ แต่ก่อนผมก็เห็นหมดแล้ว หรือว่าตอนนี้กลายเป็นมังกรยักษ์เลยอยากหวงไว้ให้สาวดูว่างั้น” น้องชายเอ่ยแซวเดินไปนั่งบนเตียงกว้าง
นักรบเหมือนได้นิสัยของพ่อและอาพสุธารวมกัน ทั้งได้ความขี้เล่นเป็นกันเองจากอาหนุ่มและความเงียบขรึมใจร้อนในบางครั้งจากบิดา เป็นส่วนผสมที่ช่างลงตัวเสียเหลือเกิน
“เฮ้อ เหนื่อยใจกับแกจริงๆ แล้วเข้ามาหาฉันมีอะไร” ยักไหล่พลางมองรอบห้อง มองไปทางไหนก็มีแต่สีเทา
..ไม่น่าอภิรมย์สักนิด
วิเคราะห์ห้องนอนของพี่ชายโดยลืมไปเสียสนิทว่าห้องของตนเองเป็นสีดำ เข้มกว่าห้องนี้เป็นไหนๆ
“พรุ่งนี้ไปเอาผลตรวจที่โรงพยาบาลให้ผมหน่อยสิ”
ร่างสูงชะงักมองน้องชายที่นั่งทำหน้าเครียด จากคนร่าเริงเมื่อสักครู่กลายเป็นอีกบุคลิกทันที เขาเข้าไปนั่งข้างน้องชายคาดว่าคงเป็นเรื่องหนักหนาพอสมควร
“แกไปตรวจอะไร”
ความเงียบเข้าครอบงำก่อนที่นักรบจะบอกพี่ชาย
“ตรวจเลือด”
หลังจากนั้นได้ยินเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศ สองหนุ่มมองหน้ากันนิ่งความกลัวเกาะกินใจคนเป็นพี่ชายไม่แพ้นักรบที่กินไม่ได้นอนไม่หลับมาหลายคืน
“ผมนอนกับผู้หญิงคนหนึ่ง คราวนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเขามาบอกผมว่าไปตรวจเลือดผลเลือดเป็นบวก”
กองทัพตบบ่าน้องชายพลางถอนหายใจไม่รู้จะปลอบว่าอย่างไรดี เขาไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้แต่คาดว่ามันคงจะหนักหนาพอสมควร
“โคตรเครียดเลยพี่ ถ้าผมเป็น..” พูดไม่ทันจบก็เงียบเหมือนมีอะไรมาจุกที่คอ
“ผลยังไม่ออกอย่าตีตนไปก่อน แกใส่ถุงยางทุกครั้งไม่ใช่เหรอ” เขาเตือนน้องเสมอเรื่องความปลอดภัยระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะมั่วแค่ไหนก็ห้ามลืมป้องกันเพราะยังอยู่ในวัยเรียน
“ทุกครั้ง แต่มันก็กังวลเหมือนเดิม”
น้องหน้าหงอยลง
“อย่าพึ่งตีตนไปก่อนไข้ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ไปเอาผลตรวจให้เอง”
พยักหน้าแล้วหันไปกอดพี่ชายจนอีกฝ่ายหน้าเหวอ
“ขอบคุณมากนะพี่ ผมมีเรียนทั้งวันเลย โคตรซาบซึ้งที่มีพี่ชายแสนดีขนาดนี้”
รู้ว่าอีกฝ่ายทำเป็นพูดจาตลกกลบเกลื่อนแต่ก็กอดตอบพลางตบหลังนักรบเสียงดังจนเจ็บไปหมดทั่วแผ่นหลัง
“อึก พอแล้วมั้งพี่ ตบขนาดนี้ช้ำในตายพอดี”
สองหนุ่มผละออกจากกันก่อนที่นักรบจะพูดคุยเกี่ยวกับชีวิตในช่วงนี้ซึ่งร่างสูงของนักบริหารหนุ่มก็เดินไปยังโซฟาใกล้ระเบียงห้องหยิบเอกสารออกมานั่งอ่านระหว่างคุย หลังจากนั้นห้องก็ต้องอยู่ในความเงียบเพราะคนเป็นพี่ไม่ได้สนใจจะสนทนากับนักศึกษาคณะวิศวกรรมแม้แต่น้อยจนอีกฝ่ายต้องล่าถอยเดินกลับห้องทว่าก่อนออกก็ไปก็ยังมองไปที่คนพี่พลางถอนหายใจด้วยความเสียดาย คิดถึงพี่ชายที่มีแต่รอยยิ้ม เขาไม่รู้ตื้นลึกหนาบางว่าทำไมพี่ชายถึงเปลี่ยนไป
“จ๊ะเอ๋”เสียงใสเอ่ยขึ้นพร้อมโผล่เพียงใบหน้าเข้ามาภายในห้องพักของแพทย์ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง
คุณหมอที่นั่งหลับบนเก้าอี้ทำงานลืมตาขึ้นทันทีเพราะได้ยินเสียงคุ้นเคย ร่างโปร่งเดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มอ่อนหวานทำเอาความเหนื่อยที่สะสมทั้งวันมลายไปทันที ร่างสูงลุกขึ้นยืนเดินไปหาอีกฝ่ายจับจูงมือเล็กมานั่งที่โซฟายาว
คุณหมอพึ่งผ่าตัดคนไข้เสร็จก็เข้ามาพักที่ห้องพักรวมของแพทย์ ห้องขนาดสี่เหลี่ยมมีความสะดวกครบครันทั้งเตียงนอนสองชั้นขนาดสามเตียง มีห้องน้ำและห้องอาบน้ำพร้อมทั้งตู้เสื้อผ้าและโซฟาขนาดกว้างสำหรับพักผ่อน มีโต๊ะเก้าอี้ยาวไว้เพื่อประชุมหรือรับประทานอาหารเที่ยงร่วมกัน
“มาได้ยังไงครับ”
เมื่อคืนจากที่จะไปสวัสดีพ่อแม่ของหญิงสาวก็ต้องล้มเลิกเพราะมีงานด่วนเข้าแถมปฏิเสธไม่ได้เสียด้วย เอ่ยขอโทษหญิงสาวหลายครั้งด้วยรู้สึกผิด
“มารถยนต์ค่ะ กลัวคุณหมอคิดมากว่าจะทำให้ป้อนโกรธ แล้วก็เอาอาหารเที่ยงมาให้ด้วยค่ะ” ชูปิ่นโตที่ฝากแม่บ้านทำมาให้คุณหมอตฤณ
ร่างสูงยิ้มทันทีไม่คิดว่าเธอจะมาหาเขาถึงที่แบบนี้
“ขอบคุณมากนะ พี่หิวพอดีเลย”
ณชาลุกขึ้นจัดการเทอาหารใส่ถ้วยให้เขาแล้วนั่งคุยระหว่างหมอหนุ่มรับประทานอาหาร ระหว่างนั้นก็มีแพทย์บางคนเข้ามาแต่ไม่นานก็ออกไปเพราะงานแต่ละวอร์ดยุ่งเกินกว่าจะมีเวลาพัก
“อิ่มไหมคะ” มองดูอาหารที่หมดเกลี้ยงก็เอ่ยถามแกมเย้า
..คิดไม่ผิดจริงๆ ที่บอกให้แม่ครัวทำอาหารมาด้วยคาดว่าอีกฝ่ายคงไม่ห่วงเรื่องปากท้องไหนจะทำงานหามรุ่งหามค่ำอีก
มองใบหน้าคมมีแววสดใสขึ้นก็ยิ้มให้เขา
“อิ่มมากเลย ต้องขอบคุณป้อนที่เอาอาหารมาส่ง แบบนี้คงต้องรีบให้แม่ไปขอเสียแล้ว” แววตากรุ่มกริ่มส่งไปให้แฟนสาวก่อนจะเลื่อนมือไปกอบกุมมือเธอเอาไว้
“เอ่อ เร็วไปไหมคะ”
..เพิ่งคบกันได้ไม่กี่เดือนหากจะให้แม่มาขอเธอว่ามันเร็วเกินไป อย่างน้อยก็น่าจะยืดเวลาไปสักปีหรือสองปี
“สำหรับพี่ช้าเกินไปด้วยซ้ำ พี่อยากจะแต่งงานกับป้อนเสียวันนี้พรุ่งนี้”
ไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับสถานการณ์ตอนนี้อย่างไรพอดีกับที่มารดาโทรเข้าเครื่องณชาจึงสบโอกาสขอออกไปรับสายข้างนอก ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกทันที
..ไม่รู้ว่าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้อีกทีตอนไหน แต่ก็ขอให้ไม่ใช่เร็วๆ นี้ก็แล้วกัน
“ค่ะแม่ ป้อนกำลังจะกลับแล้วแต่จะแวะไปร้านขนมของแม่ที่สาขาหนึ่งก่อน ค่ะ แล้วเจอกันค่ะ”
กลับมาไทยยังไม่มีงานเป็นหลักแหล่งจึงลอยไปลอยมาช่วยงานมารดาไปก่อน บางทีอาจจะไปสมัครบริษัทใหญ่โตสักแห่งหรือไม่ก็ช่วยงานที่บ้านเพราะธุรกิจของบิดาก็เติบโตมากขึ้นพอสมควร
ร่างบางเข้าไปหาคุณหมอในห้องขณะที่อีกฝ่ายกำลังเก็บถ้วยชามไว้ซิงก์ล้างจาน
“ป้อนคงต้องกลับแล้วคุณแม่โทรตาม ไว้โอกาสหน้าจะมาหาใหม่นะคะ” หยิบกระเป๋าเตรียมลาแฟนหนุ่ม
“เดี๋ยวพี่ไปส่งนะครับ” ร่างสูงเดินลงไปส่งแฟนสาว
ในขณะที่พยาบาลต่างมองตามก่อนหันไปพูดคุยกันอย่างเสียดาย หล่อขนาดนี้ไม่น่ามีแฟนเร็วเลยแม้ว่าหญิงสาวจะสวยมากก็ตามควรจะหล่อให้คนได้ชื่นชมนานกว่านี้เสียหน่อย
สองร่างเดินเคียงข้างกันก่อนที่ใบหน้าหวานจะซีดเผือดแล้วรีบหลบข้างหลังคุณหมอสุดหล่อในชุดกาวน์
“เป็นอะไรครับ ทำเหมือนหลบใครอย่างนั้นแหละ”
ณชาไม่ได้ตอบแต่ในใจกลับเต้นรัว หลายปีที่ไม่พบกันอีกฝ่ายไม่เปลี่ยนไปเลย อาจจะดูภูมิฐานมากขึ้นด้วยชุดที่ใส่หรือใบหน้าคมเข้มแต่สำหรับเธอพี่ชายคนนั้นไม่ต่างจากเดิมเลย
กองทัพเดินผ่านเธอไปด้วยความเร่งรีบไม่แม้แต่จะชายตามองในขณะที่คนหลบก็หันหน้าหนีเขาทันที ใกล้กันชนิดได้กลิ่นกายแต่กลับไม่แม้จะหันหน้ามอง
ณชาเม้มปากหลับตาแน่นกระทั่งรับรู้ว่าเขาคงเดินผ่านไปไกลแล้ว เพราะอะไรกันร่างสูงจึงได้เร่งรีบขนาดนี้
“ว่าไงครับ หลบใครเหรอ” มองซ้ายขวาก็ไม่เห็นใครน่าสงสัย
ก่อนที่ร่างบางจะได้สติ รีบออกมายืนเคียงกายแล้วส่ายหน้าพลางฝืนยิ้มให้
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร ป้อนกลับก่อนนะคะ” โบกมือลาอย่างรวดเร็วพลางเดินแกมวิ่งไปข้างนอกโดยมีคนขับรถจอดรถรออยู่
ร่างบางขึ้นไปนั่งด้วยหัวใจตุ๊มๆ ต่อมๆ แม้รถจะเคลื่อนตัวไกลแต่ใบหน้าหวานก็อดหันไปมองไม่ได้เผื่อร่างสูงจะออกมาหากก็ไม่พบ
..เธอกำลังหวังอะไรอยู่กันนะ ต้องการให้เขาเห็นแล้วเดินเข้ามาหาอย่างนั้นเหรอ ฝันลมๆ แล้งๆ นะป้อนข้าว
..พอได้แล้ว หยุดแค่นี้ เธอมีแฟนแล้วนะอีกทั้งเขาคนนั้นยังเป็นคนดีจนไม่กล้าจะทำร้ายจิตใจเสียด้วย
๒สบตา‘Magic time’ ร้านขนมชื่อดังที่มีทั้งขนมไทยและขนมจากแต่ละประเทศให้เลือกซื้อ มีทั้งลูกค้าขาประจำและลูกค้าขาจรซึ่งล้วนแต่สร้างกำไรให้ร้านทั้งนั้นคุณศลิษาดูแลร้านมาหลายสิบปีหวังให้ลูกสาวเป็นผู้สืบทอดแต่ก็ดูท่าจะยากเสียเหลือเกิน ลูกสาวคนนี้มักไม่อยู่กับที่ชอบล่องไปลอยมาเอาแต่ใจตนเองเป็นที่หนึ่ง แต่ละสาขามีเอกลักษณ์แตกต่างกันไปตามผู้อยู่อาศัยในชุมชนแถบนั้น สาขาหนึ่งจะดูเรียบหรูมีระดับเพราะเจาะกลุ่มนักธุรกิจและพนักงานบริษัทส่วนราคาก็ไม่แพงเกินไปอยู่ในระดับที่ทุกคนมีกำลังพอจะซื้อ แต่รสชาตินั้นดีจนขายหมดวันต่อวันไม่เหลือเลยสักชิ้น คุณศลิษาเข้ามาดูแลเองทั้งสี่สาขาแต่ก็จ้างผู้จัดการไว้เผื่อตนเองยุ่งจนไม่มีเวลามาร้านร่างบางเดินเข้ามาภายในร้านก็ได้ยินเสียงต้อนรับอันเป็นเอกลักษณ์ของพนักงาน“ขอต้อนรับเข้าสู่เวลามหัศจรรย์ค่ะ”..คุณแม่เทรนเองทุกคนว่าลูกค้าเข้าร้านต้องพูดอย่างไรและโทนเสียงประมาณไหนใบหน้าหวานยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจะเดินไปหน้าเคาน์เตอร์“ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าสนใจขนมอะไรคะ”..ไม่ได้มานานแล้วทุกอย่างดูแปลกตาไปหมดสาขาหนึ่งเป็นจุดเริ่มต้นธุรกิจของมารดา ครั้งแรกท่านทำเพื่อคลายเครียดใค
๓ช้าไปไหมเวลาเย็นอย่างนี้คุณผู้หญิงของบ้านวิจิตรประภามักจะเข้าครัวเพื่อดูแลอาหารเย็นสำหรับสามีและลูกชายคนโต โดยไม่ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ของนักรบซึ่งขับเข้ามาภายในบ้านเสียงดังร่างสูงอยู่ในชุดนักศึกษาซึ่งผิดจากระเบียบของทางมหาวิทยาลัยกำหนดเอาไว้ เสื้อสีขาวแขนสั้นปล่อยชายเสื้อออกจากกางเกงไหนจะกางเกงยีนส์สีดำจนมองแล้วไม่แน่ใจว่าได้ผ่านการซักมาบ้างหรือเปล่านักรบไม่ได้มาคนเดียวแต่เขายังพาเพื่อนสนิทอีกคนมาด้วย อีกฝ่ายมีใบหน้าพิมพ์นิยมที่สาวชอบไม่ว่าจะเป็นใบหน้าตี๋ที่ค่อนไปทางน่ารัก ผิวขาวสว่าง รูปร่างสูงโปร่งไม่ค่อยมีมัดกล้ามเพราะไม่ได้ออกกำลังกายเหมือนเพื่อน นักรบกอดคออีกฝ่ายเดินเข้ามาภายในบ้านพอเห็นไร้คนก็ชวนเพื่อนขึ้นบนห้องทันทีสองหนุ่มมาเพื่อเอาของสำคัญก่อนจะรีบกลับไปช่วยกันปั่นงานที่ได้รับมอบหมายต่อหลังกำกับแม่ครัวเพื่อให้ทำอาหารเย็นเสร็จ เปมิกาออกเดินออกมาที่โถงกลางบ้านพบรถมอเตอร์ไซค์ของพ่อลูกชายตัวดีก็นึกเอะใจ“เอ๊ะ รถตารบ”‘มาตั้งแต่เมื่อไหร่’ไม่เห็นพ่อตัวดีกลับบ้านมากว่าหนึ่งสัปดาห์ครั้นจะกลับมาก็ไม่ได้บอกกล่าวก่อนเลย ไปขลุกอยู่แต่คอนโดไม่ก็หอพักของเพื่อนจนแทบลืมหน้าลูกชายเ
๔สัญญาณเตือนร่างบางเงยหน้าขึ้นมองตึกสูงระฟ้าอันเป็นที่ทำงานใหม่ของตนเอง บริษัท วิจิตร จำกัด (มหาชน) มีสำนักงานใหญ่อยู่ใจกลางกรุงและมีสาขาย่อย อยู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศครอบคลุมทุกการก่อสร้าง ใบหน้าหวานถอนหายใจอย่างหนักหน่วง เธอไม่อยากเข้าไปใกล้กองทัพ ไม่อยากโคจรมาเจอเขาแต่ก็เป็นไปได้ยากไหนแม่จะสนิทกันอีกทั้งตอนนี้ยังสร้างพันธะให้เกิดขึ้นด้วยคำว่าเจ้านาย-เลขานุการณชาจำต้องสูดลมหายใจเรียกพลังในตัวก่อนเดินเข้าไปภายในตึก เวลาเช้าแบบนี้ทำให้มีพนักงานไม่มากนัก ลิฟต์ก็ไม่แออัดอย่างที่ควรเธอจึงครองแต่เพียงผู้เดียว ร่างบางหันไปสำรวจตนเองในกระจกอีกครั้งเพื่อตรวจตราความเรียบร้อยผมยาวถูกถักเปียอย่างสวยงามโดยมารดาที่เข้ามาดูแลการแต่งตัว เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนแขนยาวสวมทับด้วยกระโปรงสีขาวเข้ารูปแนบไปกับลำตัว นางสาวณชาตรงหน้าแตกต่างจากณชาโดยสิ้นเชิง เธอไม่คิดว่าตนเองจะดูภูมิฐานขนาดนี้มาก่อนเมื่อถึงชั้นที่ต้องการประตูลิฟต์เปิดออกทำให้พบกับเหล่าผู้มาสมัครกว่าห้าชีวิตซึ่งนั่งรอก่อนหน้าเธอแล้ว..ให้ตายเถอะ ไหนบอกว่าทำชั่วคราวไง ทำไมคนเยอะขนาดนี้คิดในใจแต่ก็เดินไปหยิบใบสมัครมากรอกประวัติ มีอย่างที่ไหนสมั
๕วันคืนหวนมาวันนี้เป็นวันแรกที่ณชาต้องมาทำงานในฐานะเลขาชั่วคราวของหัวหน้าฝ่ายการตลาดอย่างกองทัพร่างโปร่งบางราวนางแบบอยู่ในชุดเดรสยาวเพียงเข่าสีครีมสวมทับด้วยสูทเข้ารูปสีเข้ม ผมยาวถูกปล่อยสยายกลางแผ่นหลังยามก้าวเดินเหมือนมีผีเสื้อโบยบินรอบตัวเธอก้าวเข้ามาภายในแผนกทุกคนให้การทักทายและต้อนรับอย่างเป็นกันเอง กว่าจะปลีกตัวมาที่โต๊ะประจำหน้าห้องหัวหน้าได้ก็ใช้เวลาพอสมควร เธอมองเอกสารตรงหน้าแล้วถอนหายใจ ไม่ชอบการทำงานเอกสารเอาเสียเลยแต่จะขัดมารดาได้อย่างไรท่านย้ำนักย้ำหนาให้เรียนรู้งานเพื่อจะได้เป็นประสบการณ์ติดตัวบ้าง ชีวิตเธอได้อะไรมาง่ายเกินไปไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องเงินแต่ที่ยากก็เห็นจะมีเพียงเรื่องความรัก..ไล่ตามมาหลายปีก็ยังไม่ได้เสียที“ค่ะพี่ตฤณ ป้อนถึงที่ทำงานแล้วค่ะ” รับสายจากแฟนหนุ่มที่โทรมาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง เมื่อวานที่เห็นเขารอข้างล่างตกใจจนเกือบทำกระเป๋าตก จำได้ว่าไม่เคยบอกเรื่องที่ทำงานแล้วเขารู้ได้อย่างไรกระทั่งกลับไปบ้านถึงได้รู้ว่ามารดาเป็นคนบอกคุณหมอคนหล่อเอง‘พี่ก็ถึงแล้วเหมือนกัน ไว้เจอกันตอนเย็นนะ’ณชาคงไม่รู้ว่าตอนนี้ปลายสายฉีกยิ้มอย่างมีความสุขมากเพียงใดที
๖เตือนความจำณชาขึ้นบนบ้านโดยไม่รับประทานอาหารเย็นเพราะเลยเวลามามากแล้วอีกอย่างคือเธอกินอะไรไม่ลงหลังผ่านเหตุการณ์เมื่อสักครู่มา..กองทัพจูบเธอ..เขาทำแบบนี้ทำไม ระหว่างทางก็นึกมาตลอดแต่ไม่สามารถหาเหตุผลมารองรับได้เขาเห็นเธอเป็นของตายที่อยากทำอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ..เธอเป็นคนไม่มีชีวิตจิตใจหรือไง..บางครั้งก็ทำเย็นชาไม่สนใจ บางครั้งก็เข้าหาอย่างไม่มีเหตุผลราวต้องการล้อเล่นกับความรู้สึกสับสนจนคิดอะไรไม่ออกจึงไปชำระร่างกายตนเองแต่งชุดนอนออกมายืนที่ระเบียงของห้องเหม่อมองท้องฟ้าที่มืดสนิทเห็นเพียงพระจันทร์เสี้ยวก๊อก ก๊อก ก๊อก“เข้ามาเลยค่ะไม่ได้ล็อก” เสียงประตูเปิดโดยที่ณชาไม่ได้หันไปมอง เธอยังคงนั่งเล่นอยู่ที่ระเบียงคนเข้ามาใหม่จึงเดินมานั่งด้วย“วันนี้กลับดึกนะ”หันมามองพี่ชายแล้วถอนหายใจทันที เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้เจอกันนักหรอกเพราะพี่เปเปอร์ หรือนายนนกุล พิบูลกนกกลายเป็นผู้ช่วยผู้กำกับควบด้วยตำแหน่งผู้จัดละครงานหนักจนแทบไม่มีเวลาพัก ยิ่งบิดามีค่ายสร้างละครเป็นของตนเองก็ไม่ค่อยได้กลับบ้าน“คิดถึงจังเลย ขอน้องกอดหน่อย” เข้าไปกอดพี่ชายที่เต็มใจรับอ้อมกอดจากน้องสาวดูจากหน้าก็รู้ว่าณชามี
๗คือเธอวันเสาร์อาทิตย์ที่หยุดไปยังไม่อาจทำให้ณชาลืมเลือนเรื่องวันนั้นได้ เธอตื่นมาด้วยความคิดอยากลาออกจากงานอีกครั้งทั้งที่ยังทำได้ไม่ถึงเดือน หากบอกมารดาท่านจะต้องเทศน์เป็นการใหญ่แน่เพราะฉะนั้นเงียบไว้ดีที่สุด แค่ทนไปอีกไม่นานหน้าที่นี้ก็คงจบลงแล้ว คิดดังนั้นก็พอจะงัดตนเองขึ้นจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำได้บ้าง“ทำไมวันนี้ลงมาช้ากว่าปกติ” คุณศลิษาเอ่ยถามบุตรสาวเพราะเห็นว่าลงมาสายกว่าปกติถึงสิบห้านาที ร่างบางถอนหายใจอยากเอ่ยเรื่องคับอกแต่จำต้องเก็บเอาไว้“เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับเลยตื่นสายค่ะ” ข้อแก้ตัวฟังขึ้นแต่มารดาไม่ค่อยเชื่อจึงหรี่ตามองบุตรสาวตนเองพยายามจับผิด“ไม่ใช่ขี้เกียจไปทำงานนะ” ดูเหมือนว่าณชาจะทำอะไรคนเป็นแม่ก็รู้ไปหมดทุกอย่างร่างบางรีบส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธทั้งที่ในใจตอบรับไปแล้ว ใบหน้าหวานแสร้งยิ้มหวานหยดย้อยเกินความจำเป็นก่อนพูดปดให้คุณศลิษาฟัง“ใครจะไปขี้เกียจได้คะ งานดีเจ้านายดีเงินเดือนดีขนาดนี้ อยากทำงานทุกวันเลยค่ะ”พูดเกินจริงแบบนี้คนแก่กว่าก็ตกลงใจว่าลูกสาวคงขี้เกียจจริงดังที่คิดจึงได้แต่ส่ายหน้ารับประทานอาหารเช้าไปเงียบๆ บนโต๊ะยาวที่มีเก้าอี้กว่าสิบตัวแต่ถูกจับจอง
๘แย่งชิงกองทัพเดาะลิ้นมองตฤณแล้วแสยะยิ้มราวกับไม่สนใจในสิ่งที่คนตรงหน้าต้องการจะสื่อทั้งที่ในใจก็รู้สึกผิด คำพูดของน้องชายแวบเข้ามา‘คนที่ใช่ถ้ามาในเวลาที่ไม่ใช่ มันก็ไม่ใช่เคยได้ยินไหมพี่’เขาคือคนที่ใช่ซึ่งมาผิดเวลา..แต่แล้วยังไงล่ะ เขาจะทำให้ทุกอย่างมันใช่เองแหละ“เลิกยุ่งกับป้อนเถอะครับ ระหว่างคุณสองคนขอให้อยู่ในสถานะเจ้านายกับลูกน้อง”หนุ่มนักบริหารยกกาแฟขึ้นจิบทำท่ากวนจนคุณหมอต้องข่มอารมณ์โกรธเอาไว้“แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าผมกับป้อนมีอะไรเกินเจ้านายลูกน้อง คิดไปเองหรือเปล่าครับคุณหมอ” วางแก้วกาแฟลงแล้วยกมือกอดอกอีกครั้งราวต้องการปกปิดความรู้สึกบางอย่างตฤณกำมือแน่น เขารักณชาจนไม่อาจทนเสียเธอไปได้จึงยอมทิ้งศักดิ์ศรีมาขอร้องผู้ชายคนนี้ที่กำลังจะเข้ามาทำลายความสัมพันธ์ที่เขาพยายามรักษาเอาไว้“หรือว่าป้อนบอกคุณแล้ว” ทำท่าตกใจเกินจริงราวกับต้องการยั่วให้หมอโมโห“ว่าที่จริงคนที่ป้อนรักคือผมไม่ใช่คุณ”ตฤณตบโต๊ะเสียงดังลุกขึ้นจ้องมองกองทัพอย่างหาเรื่อง อยากตรงเข้าไปคว้าคอเสื้อคนตรงหน้าไว้แล้วชกสักหมัดแต่ก็ต้องห้ามใจหันมองโดยรอบผู้คนเริ่มแตกตื่น ทั้งพนักงานที่ทำเหมือนจะเข้ามาช่วยไกล่เกล
๙เธอจะดีหรือร้ายตั้งแต่วันนั้นก็ผ่านมากว่าหนึ่งสัปดาห์ทว่ากองทัพยังไม่ได้เดินหน้าอย่างที่บอกกับหมอตฤณเหตุก็เนื่องมาจากงานเยอะแทบไม่มีเวลากระดิกตัวณชาเองก็ไม่ต่างกันเธอต้องจัดเตรียมเอกสารทั้งนัดลูกค้าให้เจ้านายไหนจะติดต่องานกับแผนกอื่น วันเสาร์อาทิตย์ที่เคยได้หยุดอยู่บ้านก็จำต้องลุกจากที่นอนเพื่อมาทำงานกระทั่งวันนี้ที่งานทั้งหมดสิ้นสุดลงผ่านสัปดาห์นรกไปแล้วร่างบางก็ถอนหายใจด้วยความเหนื่อย อยากลาออกใจจะขาดแต่ก็ทำไม่ได้เพราะมีมารดาถือแส้ยืนรออยู่บ้านไหนจะเงินที่ต้องกินต้องใช้อีก คนเราอยู่ได้เพราะเงินจริงๆช่วงที่ผ่านมาณชายุ่งจนแทบไม่ได้คุยกับคุณหมอแต่เขาก็ขยันโทรหาไม่มีขาดจนรู้สึกผิดกับชายหนุ่ม ครั้งนี้ก็เช่นกันที่โทรมาแต่เช้า“ค่ะพี่ตฤณ”‘ถึงที่ทำงานรึยังครับ’มองนาฬิกาก็โคลงศีรษะเล็กน้อยก่อนจะอมยิ้ม โทรมาเวลาเดิมเหมือนทุกวันราวกับว่าตั้งเวลาสำหรับโทรหาเธอไว้อย่างนั้นแหละ“ถึงแล้วค่ะ พี่ตฤณถึงรึยังคะ” ณชาคงไม่รู้ว่าคำถามเพียงประโยคเดียวก็สามารถทำให้คุณหมอสุดฮอตของโรงพยาบาลยิ้มออกมาได้‘ถึงนานแล้วครับ พี่กำลังจะไปตรวจคนไข้’ “อ๋อ ถ้าอย่างนั้นพี่ตฤณตรวจคนไข้เถอะค่ะ ป้อนไม่กวนแล้ว” ขณะ
ตอนพิเศษ...หนีเที่ยวงานแต่งระหว่างกองทัพและณชาจัดขึ้นอย่างใหญ่โตขัดกับความต้องการของทั้งสองที่อยากได้แบบเรียบง่าย ทว่าหน้าที่การงานไม่เอื้ออำนวยในเมื่อเจ้าบ่าวเป็นถึงคณะกรรมการของบริษัทมีคนนับหน้าถือตา ทั้งยังคู่ค้าที่ติดต่อกันมานานหากจะไม่เชิญก็กระไรอยู่“เฮ้ยไอ้เอิร์ธ มึงกลับมาแล้วเหรอวะ” ขณะที่ยืนรอต้อนรับแขกที่ด้านหน้างานดวงตาคมก็เห็นเพื่อนสนิทใส่สูทผูกไทด์ผมที่เคยรุงรังหรือหนวดเคราครึ้มก็ถูกจัดการจนกลับมาหล่อเกินหน้าเกินเจ้าของงาน สองหนุ่มก่อนกันเนื่องจากไม่พบกันเกือบสามปีครึ่ง“กูแค่มางานแต่งมึง เดี๋ยวก็บินกลับแล้ว” กองทัพแทบจะปรบมือให้ในความทุ่มเทของอีกฝ่ายเพราะขนาดน้องแท้ๆ ยังปฏิเสธจะมาร่วมงานแต่งของพี่มันเลย“ดีใจที่มึงมา งานนี้ขอซองหนักๆ” ตบบ่าหนาเต็มแรงไปหนึ่งที“ได้ เดี๋ยวกูขอไปซื้อหินมาใส่ซองก่อนแล้วกัน” รั้งไว้แทบไม่ทันเพราะดูเหมือนสัตวแพทย์หนุ่มจะทำจริงอย่างที่ว่า ณชามองพี่ชายทั้งสองพลางอมยิ้มมีความสุข กระทั่งพณณกรหันมาหาน้องสาวคนสนิท“ลงเอยกับมันสักทีนะเรา หลังจากร้องไห้มานาน” จะเอื้อมมือขึ้นไปลูบศีรษะเจ้าสาวก็โดนเจ้าบ่าวจับมือเอาไว้ก่อน“ตามองมืออย่าต้องครับ เจ้าสาวก
สุขสันต์วันปีใหม่ เทศกาลที่หลายคนรอคอยมาถึงอีกครั้งแม้ประเทศจะไม่ใช่เมืองหนาวทว่าประชาชนส่วนใหญ่ก็ทำตัวให้กลมกลืนได้อย่างไม่น่าเชื่อเมื่อออกมาจากบ้านแล้วเจอผู้คนสวมเสื้อแขนยาวท่ามกลางแดดร้อนกว่าสามสิบสามองศา การคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาไม่น่าเชื่อถืออีกครั้ง เมื่อประกาศว่าจะหนาวจนปากสั่นแต่สิ่งที่ได้รับคือร้อนตับแทบแตก ยิ่งทำงานกลางแดดด้วยแล้วแม้จะโบกครีมกันแดดทับด้วยสเปรย์มาหนามากแค่ไหน เพียงเหงื่อไหลก็ดูเหมือนว่ามันจะหลุดออกโดยง่ายไม่เหมือนกับที่โฆษณาเอาไว้สักนิด “พักกองค่ะ” เสียงช่างภาพดังขึ้นพร้อมปาดเหงื่อที่ไหลออกมาตามไรผม วันนี้ออกมาถ่ายรูปพรีเวดดิงที่สวนสาธารณะในยามที่พระอาทิตย์ตรงศีรษะเหตุผลเพราะคุณเจ้าสาวและคุณเจ้าบ่าวมีเวลาจำกัด เสร็จจากนี่ก็ต้องไปแจกการ์ด ไหนจะต้องบินไปต่างประเทศเพื่อเชิญบรรดาเพื่อนสนิทแทบหาเวลาให้ช่างภาพไม่ได้ จนต้องเลือกเอายามพระอาทิตย์ส่องแสงแรงกล้าที่สุด “แค่สิบนาทีได้ไหมคะ บ่ายสองพวกเราต้องไปจิบน้ำชากับท่านผู้ว่าจังหวัดสุพรรณ” ฝ่ายเจ้าสาวในชุดกระโปรงยาวเฟื้อยตะโกนบอกจนต้องกัดฟันตอบรับ “ได้ค่
ตอนพิเศษ...หวานใจของนายไข่ตุ๋น เคยคิดหลายครั้งว่าหากวันนี้มาถึงเธอจะเป็นอย่างไร วันที่เพื่อนคนสนิทอย่างตฤณ..แต่งงาน ณัชชาเดินเข้ามาภายในโรงแรมด้วยหัวใจหนักอึ้งขาทั้งสองแทบก้าวไม่ออกอันที่จริงมันเป็นมานานนับตั้งแต่วันที่ได้รับการ์ดจากเจ้าบ่าวแล้ว ใบหน้าคมมีรอยยิ้มประดับดวงตาก็ส่องประกายเจิดจ้าอย่างน่าอิจฉา วันนี้เธออยู่ในชุดเดรสแขนตุ๊กตาสีชมพูยาวเพียงเข่า เพราะไม่ค่อยมีเวลาไปซื้อชุดจึงต้องขอยืมจากน้องสาวมาใส่ก่อน ใบหน้าหวานยังคงมีแว่นตาบดบังและผมยาวก็ปล่อยสยายกลางหลัง ริมฝีปากอวบอิ่มเคลือบด้วยลิปกลอสสีชมพูวาว ใบหน้าที่เคยไร้สีดูสดใสขึ้นมาเล็กน้อยเพราะได้น้องสาวช่วยเพิ่มสีสันให้ทว่าก็ยังคงจืดจางเมื่อรวมกับคนหมู่มาก มือเล็กเซ็นในสมุดอวยพรบ่าวสาวแล้วหย่อนซองลงในกล่องก่อนหยิบของชำร่วยเป็นพวงกุญแจรูปหัวใจสองดวงคล้องกัน เก็บมันลงกระเป๋าทันทีแล้วก้าวเข้าไปภายในงานพยายามสูดลมหายใจเรียกกำลังให้ตนแต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อเห็นคู่บ่าวสาวยืนอยู่หน้าแบ๊กดร็อปในจังหวะที่เจ้าบ่าวช่วยเช็ดเหงื่อให้เจ้าสาวด้วยความอ่อนโยน หัวใจสั่นไหวจนอยากจะหันหลังออก
ตอนพิเศษหมอตฤณกับต้นหนาว นาฬิกาบ่งบอกเวลาตีสามทว่าชายหนุ่มที่อยู่ภายในผับยังคงนั่งดื่มเหล้าราวเป็นน้ำเปล่าไม่รู้สึกระคายคอสักนิด พนักงานหันมองหน้ากันไปมาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรจนกระทั่งผู้จัดการเดินไปแจ้งลูกค้าหน้าใหม่ให้รู้ว่าร้านปิดแล้วเขาจึงวางเงินเอาไว้พร้อมเดินเซออกไปทางประตู “รถอยู่ไหน” ร่างสูงพยายามเพ่งมองรถยนต์ของตนเอง หลับตาลืมตาอยู่หลายครั้งเพราะดูอย่างไรก็มองอะไรไม่ชัดสักอย่าง แถมรู้สึกเหมือนศีรษะเอนไปเอียงมาพยายามทำให้หัวตั้งตรงด้วยการเอนไปทางด้านขวาก่อนจะพบว่าไม่ตรงเลยสักนิด เขาจึงลองเอนหัวมาทางด้านซ้ายแทน ก็ไม่ตรงอีกถ้าอย่างนั้นควรทำอย่างไรดีถึงจะมองตรงได้ คุณหมอหนุ่มตัดสินใจล้มตัวลงนอนบนพื้นเพราะทนความหนักของศีรษะไม่ไหว “อ่า ตรงแล้ว” ใบหน้าคมยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะรู้สึกพะอืดพะอมจนต้องรีบลุกขึ้นนั่งแล้วโก่งคออาเจียนเต็มที่โดยไม่รู้เลยว่าตอนนี้กำลังนั่งอยู่หน้าลานจอดรถของผับที่ตนเองมาตั้งแต่สามทุ่ม เมื่อรู้สึกโล่งจึงล้มตัวนอนที่เดิมมือหนาคว้าสะเปะสะปะก่อนจะสัมผัสได้ถึงขนนุ่มนิ่มก็คว้าเข้าไปกอดคลายหนาวทันที ไม่รู้ส
ตอนพิเศษ...รักเธอได้ยินไหมเด็กหญิงหุ่นอวบเดินเข้ามาภายในโรงเรียนด้วยท่าทีมั่นอกมั่นใจ เธอรวบรวมกำลังใจเพื่อที่วันนี้จะได้ทำภารกิจอันสำคัญอากาศยามเช้าแสนจะสดใสราวทุกอย่างเปิดสว่างให้กับความรักของเธอ ณชารู้จักความรักครั้งแรกคือสิ่งที่เรียกว่า ‘ขนม’ เธอหลงรักมันอย่างถอนตัวไม่ขึ้นแต่ก็มักจะโดนเพื่อนล้อว่าตัวอ้วน กินแต่ของหวานฟันผุ กระทั่งได้รู้จัก ‘พี่ทัพ’ ผู้ชายที่ทำให้คำว่ารักของเธอเปลี่ยนไป‘อร่อยก็กินสิ เดี๋ยวพี่กินเป็นเพื่อน’จากที่เคยคิดจะลดของหวานณชาก็ยิ้มร่าหยิบเค้กชิ้นโตขึ้นมากินอย่างมีความสุข ผู้ชายตรงหน้าเธอมีหุ่นที่ไม่ต่างกันมากนัก แววตาของเขาทอประกายความสุขและนั่นเองทำให้เด็กหญิงที่ไม่ประสาเรื่องความรักหัวใจเต้นแรงจนต้องเดินไปถามมารดา“แม่ขา ป้อนหัวใจเต้นเร็วมากเลย แม่จับดู ป้อนจะตายไหมคะ” จับมือคุณแม่มาไว้ที่หัวใจเพื่อรับรู้อัตราการเต้นคุณศลิษาหัวเราะบุตรสาวก่อนจะลูบศีรษะน้อยๆ“ไม่ตายหรอกค่ะ อาการแบบนี้เขาเรียกว่าตกหลุมรัก”ตอนนั้นเธอไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร แต่มักจะเกิดขึ้นเมื่อได้สบตากับพี่กองทัพเสมอและเมื่อโตขึ้นเธอจึงได้เข้าใจคำว่าตกหลุมรักที่คุณแม่บอกเด็กหญิงชวนพี่ชาย
ตอนพิเศษ...เมื่ออดีตมือหนาเลื่อนขึ้นไปปิดน้ำที่ไหลรดกายก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวพันบริเวณเอวไม่ลืมหยิบผ้าขนหนูพื้นเล็กเช็ดศีรษะที่ชุ่มไปด้วยน้ำ ใบหน้าคมเข้มหล่อเกินวัยทำเอาสาวหลายคนใจละลายมานักต่อนัก ดวงตาเรียวยาวเพียงแค่ปรายตามองก็พานให้หัวใจสั่นไหว จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากเรียวราวอิสตรีเพียงเท่านี้ก็ทำให้กองทัพ วิจิตรประภากลายเป็นหนุ่มหล่อที่ถูกกล่าวขานไปทั่วมหาวิทยาลัย“อื้อ ทัพ ตื่นเร็วจัง” สาวสวยหุ่นเพรียวลุกขึ้นจากที่นอนคว้าเสื้อคลุมมาสวมทับปกปิดร่างกายของตนเองจากสายตาคมกริบที่ทำให้หัวใจสั่นไหวทุกครั้งที่มอง“ผมมีเรียนเช้า คุณนอนต่อเถอะ” คนตัวเล็กกว่าเดินเข้ามากอดเขย่งปลายเท้าขึ้นจุมพิตปลายคางอย่างน่ารักจนอดใจไม่ไหวต้องคว้ามากอด เธอน่ารักขี้อ้อนจนเขายอมทำทุกอย่างขอแค่ได้มาครอบครอง ยอมแม้กระทั่ง..เป็นชู้..“อือ ตอนเย็นเจอกันนะคะ” ใบหน้าหวานยิ้มจนตาเป็นสระอิ ความน่ารักนี้ที่เขาหลงใหล รอยยิ้มแสนหวานที่มักมอบให้ ชอบเหลือเกิน ชอบจนไม่อาจจะตัดใจได้ทั้งที่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนของเพื่อนสนิท เพื่อนที่เป็นทั้งญาติไม่อาจจะตัดกันขาด“เดี๋ยวเราจะทำของที่ทัพอยากกินไว้รอ” เธอเดินมาส่งเขาท
ตอนพิเศษ...วันฮาโลวีนเทศกาลส่งท้ายเดือนตุลาคมที่กำลังฮิตในประเทศคือวันฮาโลวีน เด็กนักเรียนวัยอนุบาลและประถมต่างจัดเต็มมาในชุดผีน้อยแสนน่ารักหรือบางคนพ่อแม่ก็จัดให้เกินคำว่าน่ารักจนเพื่อนร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวและวันฮาโลวีนก็กำลังเป็นประเด็นฮอตให้หมู่นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ถกเถียงกัน นักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งต้องไปเข้าค่ายที่ต่างจังหวัดซึ่งงบประมาณที่เขียนขอไปกับทางคณะไม่เพียงพอ จึงต้องช่วยกันเปิดหมวกหาเงินโดยใช้เทศกาลของต่างประเทศให้เป็นประโยชน์โดยการจับเพื่อนในคณะมาแต่งชุดผีเพื่อขอรับบริจาคกระจายไปตามจุดต่างๆ ที่มีคนพลุกพล่านกองทัพเดินลงจากอาคารเรียนด้วยใบหน้าราบเรียบ เขาไม่มีแผนจะไปที่ไหนต่อนอกจากบ้านของตนเอง ง่วงเกินกว่าจะออกไปกินลมชมวิวข้างนอกตามคำชักชวนของเพื่อนร่วมคณะ เมื่อคืนเขานั่งอ่านรายงานเพื่อจะมาพรีเซนต์จะแทบไม่ได้นอนขณะเดินไปที่รถกลับมีผู้หญิงนุ่งชุดไทยวิ่งตัดหน้าจนคนตัวสูงสะดุ้ง“แฮ่!” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ ทำเอาจากความหวาดกลัวแปรเปลี่ยนเป็นความรำคาญทันทีเมื่อรู้ว่าเธอคือใคร“เล่นบ้าอะไร สนุกมากเหรอ” ไม่ได้ตวาดเสียงดังแต่ประโยคนั้นก็ทำร้ายจิตใ
๒๘รักจะอยู่กับเราไปนิรันดร์ย้อนกลับไปสามชั่วโมงที่แล้วณชาเดินเข้ามาภายในสนามบินสุวรรณภูมิด้วยใบหน้าเรียบเฉย เธอต้องบินไปอิตาลีอันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนหรอกเพราะขอวีซ่าไว้ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วเพียงแค่ไม่ได้บอกใครเท่านั้น เธอมีกำหนดไปแค่หนึ่งสัปดาห์เพราะต้องไปถ่ายรูปงานแต่งให้เพื่อนสนิทถือโอกาสไปเที่ยวเพื่อพักผ่อนจิตใจหลังต้องทำงานหนักเพราะกองทัพมาหลายเดือนห้าเดือนที่เธอกลับมาอยู่ประเทศไทยเขาสม่ำเสมอตลอด เช้ามาหาเย็นมารับประทานอาหารด้วยบางครั้งก็ไปนั่งเฝ้าที่ร้านขนมของแม่ยามเธอไปทำงาน หรือหากออกกองกับพ่อกองทัพก็จะแวะไปหาอ้างว่าซื้อของมาให้คุณพิชาภพแต่ทุกคนก็รู้ดีว่าแท้จริงแล้วเป็นของใครเขาแสนดีขนาดนี้จนเธอเริ่มอ่อนไหว ใครจะไปทานทนได้ไหนจะมารดาที่เล่าเรื่องชายหนุ่มให้ฟังว่าซื่อสัตย์เพียงใดใจดวงนี้ก็อ่อนยวบลงทันที ทว่าเมื่อคิดถึงเรื่องที่เขาเคยทำก็อดใจแข็งขึ้นมาไม่ได้ อยู่คนเดียวก็มีความสุขดีอยู่แล้วจึงเลิกคิดเรื่องของกองทัพร่างบางเช็กอินเสร็จก็เดินไปยังร้านกาแฟเดี๋ยวนี้เธอค่อนข้างเสพติดคาเฟอีนต้องดื่มทุกวันไม่อย่างนั้นจะรู้สึกไม่สดชื่น ระหว่างที่เดินออกจากร้านสายตาก็บังเอิญเ
๒๗ไม่ยอมแพ้ณชานั่งทำงานอยู่ภายในร้านกาแฟของมารดา ยกแก้วคาปูชิโนขึ้นจิบแล้วเร่งแต่งรูปภาพให้ทางผู้ว่าจ้างอย่างขะมักเขม้นแต่แล้วก็นึกถึงเรื่องที่เพิ่งได้รู้จากปากของต้นหนาวน้องสาวของปลายฟ้า..จริงแค่ไหนกันนะใบหน้าหวานครุ่นคิดอย่างสับสนจำได้ว่ายามค่ำคืนกองทัพมักจะออกไปข้างนอกโดยอ้างเหตุผลร้อยแปดจนเธอหลงเชื่ออย่างสนิทใจว่าเขามีธุระและเพิ่งได้รู้ทีหลังว่าธุระของเขาก็คือการไปอยู่กับปลายฟ้า หัวใจของเธอแทบจะขาดออกจากกัน มันปวดหนึบหายใจแทบไม่ออกเมื่อได้รู้ความจริงจากที่เคยคิดว่าเขารักความรู้สึกก็แปรเปลี่ยนไป ทุกวันที่อยู่ด้วยกันณชาต้องแสร้งทำเหมือนไม่เจ็บทั้งที่อดระแวงไม่ได้ว่าชายหนุ่มจะไปหาอดีตคนรักอีกเมื่อไหร่ แม้จะบอกตัวเองว่าเวลาที่เหลือขอเก็บเกี่ยวความสุขครั้งสุดท้ายเอาไว้แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันไม่ได้มีเพียงความสุขเท่านั้นทว่ามันแฝงไปด้วยความเจ็บปวดที่บาดลึกลงไปในใจทุกวันณชาเลือกจะเดินออกมาจากชีวิตของเขาตัดขาดการติดต่อทุกช่องทางบินไปรักษาแผลใจไกลถึงต่างประเทศ ไปยังสถานที่เรียน ไปเจอเพื่อน รู้จักคนใหม่ๆ หญิงสาวลงเรียนถ่ายภาพอย่างจริงจังตามความชอบของตน รู้สึกสนุกจนลืมเรื่องทุกข์ใจเปิดโ