บทนำ
ภาพเลือนรางราวมีเมฆหมอกมาบดบังแต่เขายังจำความรู้สึกวันนั้นได้เป็นอย่างดีไม่เคยลืม บนเตียงกว้างภายในคอนโดสุดหรูซึ่งผู้เป็นพ่อยกให้มาพักอาศัยระหว่างเรียนมหาวิทยาลัย บางครั้งเขาก็นอนอยู่ที่นี่เมื่อเลิกเรียนดึก แต่บางครั้งก็กลับบ้านเพราะทนคิดถึงมารดาไม่ไหว แต่วันนั้น..เขากลับมาห้องด้วยสภาพเมามายข้างกายมีผู้หญิงที่รักพยุงไม่ห่าง เธอทิ้งเขาไว้บนเตียงกว้างก่อนจะจากไป
ความหนาวเหน็บจากเครื่องปรับอากาศและหัวใจที่ถูกเหยียบย่ำแทบไม่เหลือชิ้นดีทำให้ร่างสูงอยากใช้โอกาสครั้งนี้เพื่อรั้งคนรักเอาไว้แม้เธอคนนั้นจะไม่ยอมทำตามก็ขอลองดูอีกครั้งแล้วกัน
“อย่าไปได้ไหม อยู่ด้วยกันก่อนนะ” เพราะหัวใจที่เจ็บปวดและด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้ภาพตรงหน้าพร่าเลือนแทบมองไม่เห็นใบหน้าหวาน เขาคว้าข้อมือเล็กเอาไว้พยายามลุกขึ้นนั่งใช้แรงน้อยนิดดึงตัวเธอเข้ามากอด“อย่าไปเลยนะ เลือกผมไม่ได้เหรอ เป็นผมไม่ได้เหรอ” ขอร้องอ้อนวอนโดยไม่สนใจว่าแรงกอดรัดจะทำร้ายคนในอ้อมแขนมากเพียงไร
ร่างเล็กตัวสั่นจากการกลั้นสะอื้น เธอเงียบไม่ตอบกลับและไม่ปฏิเสธในสิ่งที่เขาร้องขอราวกับเป็นหุ่นยนต์ไร้หัวใจ
“ผมรักคุณจริงๆ นะ ได้ยินไหมปลาย ผมรักคุณ ฮึก รักผมได้ไหม ได้โปรด” น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาช้าๆ ก่อนที่เขาจะซบลงบนไหล่เล็กดึงเธอขึ้นมานั่งบนตักกอดจากข้างหลังด้วยแรงทั้งหมดที่มี
ภาพเหตุการณ์เมื่อเย็นยังคงแจ่มชัดในความรู้สึก ภาพที่เขากลายเป็นผู้แพ้โดยสมบูรณ์แบบ
“ปล่อย ฮือ” คนในอ้อมกอดก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน เธอพยายามดิ้นให้หลุดพ้นจากอ้อมกอดที่กำลังทิ่มแทงใจอยู่ในขณะนี้ อยากบอกเหลือเกินว่าไม่ใช่ผู้หญิงที่เขากำลังบอกรัก
คนเจ็บปวดทั้งสองนั่งกอดกันภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องเข้ามา ห้องนอนสุดหรูไม่ได้เปิดไฟมีเพียงผ้าม่านที่ถูกเปิดเอาไว้ตั้งแต่เช้าทำให้มีแสงธรรมชาติลอดผ่านและมองเห็นทุกอย่างเลือนราง
กองทัพรับรู้ได้ถึงแรงสะอื้นของคนในอ้อมกอด
เธอร้องไห้..ร้องทำไม
..หรือว่าเธอยังรักเขาอยู่เหมือนกัน
ความคิดนั้นจุดประกายให้ห้ามน้ำตาที่กำลังคลอเบ้าไม่ให้รินไหลออกมา เขายกคนตัวเล็กให้หันมาเผชิญหน้ากับตนเองอย่างง่ายดาย
..เธอตัวเบาอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ
เกิดความสงสัยแต่ความคิดนั้นก็ถูกปัดไปทันทีเมื่อได้รับรู้ถึงน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตากลมโตที่คุ้นเคย
ทำไม รู้สึกแปลกแบบนี้..
“หยุดร้องนะคนดี” มือหนาเอื้อมไปเช็ดน้ำตาให้ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปจูบซับน้ำตา
คนตัวเล็กหลับตาลงยินยอมให้เขากระทำตามที่ใจคิด ริมฝีปากได้รูปจุมพิตที่เปลือกตาของเธออย่างแผ่วเบาแล้วไล่ลงมาที่แก้ม รสน้ำตาไม่ได้หวานปานน้ำผึ้งแต่เขาก็ยินดีที่จะซับให้อย่างไม่รังเกียจ
“ถ้ายอมเป็นผู้หญิงคนนั้น คุณจะรักฉันใช่ไหมคะ” ค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นเสหลบตาเขาเพราะกลัวว่าอีกไม่กี่วินาทีชายหนุ่มจะจำได้ว่าดวงตาคู่นี้เป็นคู่ที่เขาแสนรำคาญมาโดยตลอด
“รักสิ รักอยู่แล้ว รักมาโดยตลอด” คำตอบนั้นเป็นการสิ้นสุดความอดทน แม้จะโดนตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงหน้าด้าน ไร้ยางอาย ยอมแลกได้แม้กระทั่งศักดิ์ศรีเพื่อผู้ชายเพียงคนเดียวที่ไม่เคยแลเหลียวเลยสักครั้ง ได้แต่วิ่งตามความรักโดยไม่มีวันรู้ว่าจะได้กลับมาหรือเปล่า
..แค่ได้รักก็พอแล้ว
พอแล้วจริงใช่ไหม..
ใบหน้าหวานยื่นเข้าไปจุมพิตเขาก่อนจะหยุดนิ่งแบบนั้น เพราะความไม่เคยทำให้ทุกอย่างดูประดักประเดิดไปหมด
จนในที่สุดร่างสูงก็ทนไม่ไหวคว้าใบหน้าหวานมาบดจูบอย่างเร่าร้อนดังที่เคยทำด้วยกัน บทรักที่เธอเป็นคนสอนเขาวันนี้เขาจะสอนเธอกลับบ้าง ชายหนุ่มดูดกลืนริมฝีปากบางจนบวมเปล่ง
เธอพยายามผลักเขาออกเพราะรู้สึกเหมือนกำลังจะจมน้ำ
ร่างสูงยอมผละออกแล้วเลื่อนไปซุกไซ้ซอกคอขาวแทน ความเนียนนุ่มที่น่าหลงใหลทำให้อารมณ์เขาติดได้โดยง่าย เสื้อยืดตัวเล็กที่หญิงสาวใส่ถูกถอดออกอย่างรวดเร็วเมื่อความรู้สึกแห่งราคะถูกจุดขึ้น
กองทัพในชุดเสื้อเชิ้ตก็ไม่รอช้าเขาปลดกระดุมของตนเอง ริมฝีปากก็ไม่ยอมผละจากใบหน้าหวานพรมจูบไปทั่วอย่างโหยหา
ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้สาวน้อยไร้อาภรณ์ต้องคว้าร่างหนาเอาไว้ กายสาวที่ไม่เคยเปลือยเปล่าต่อหน้าใครกลับอยู่ในสายตาของเขาภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามา เธอเหมือนนางบุษบายามที่ถูกอิเหนาเฝ้ามองเมื่อไฟดับ งดงามเสียเหลือเกินจนอยากเก็บเอาไว้เชยชมเพียงคนเดียว กายหนาเคลื่อนลงชิมความหวานจากดอกบัวตูมไม่ลืมเคล้นคลึงอย่างมันมือ
..ขนาดของเธอใหญ่ขึ้นหรือเปล่านะ
ผมยาวถูกปล่อยสยายกลางแผ่นหลัง เธอนั่งแอ่นอกรับสัมผัสแปลกใหม่แม้ในใจจะเจ็บปวดก็ตาม
..เธอไม่ใช่คนที่เขาต้องการ แค่ยอมพลีกายให้ก็ถือว่าไร้ศักดิ์ศรีมากพอแล้ว ไม่เป็นไรหรอก เขาจะไม่มีวันรู้ว่าเป็นเธอเพราะอีกไม่นานเราก็จะไม่เจอกันอีก เขาจะกลายเป็นเพียงความทรงจำที่เจ็บปวดของผู้หญิงคนนี้เพราะฉะนั้นหากจะเก็บเกี่ยวความสุขครั้งสุดท้ายก็ไม่เป็นไรใช่ไหม
..ไม่โกรธกันใช่ไหมคะพี่ทัพ
เมื่ออารมณ์พุ่งทะยานชายหนุ่มก็กลืนกินหญิงสาวโดยลืมแม้กระทั่งการป้องกัน ความสุขที่ไม่เคยพานพบทำเอาร่างบางรู้สึกเหมือนมีพลุจุดขึ้นมันสวยงามแต่ก็แฝงไปด้วยความน่ากลัว หลงระเริงในความสุขจนกระทั่งเขาเอ่ยบอกรัก
ชื่อที่ไม่ใช่ชื่อเธอ
“รักปลาย ทัพรักปลาย”
น้ำตาเม็ดโตไหลออกมา เธอนอนบนเตียงหันหลังให้เขาแต่ร่างสูงไม่ยอมปล่อยดึงร่างบางเข้าไปกอดด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
ทั้งสองไม่ได้ชำระกายและนอนทั้งที่ห้องมีกลิ่นน้ำแห่งรักอบอวลไปทั่ว ใบหน้าหวานพยายามกลั้นสะอื้นหลับตาลงเพราะเหนื่อยอ่อนจากกิจกรรมเมื่อสักครู่ หัวใจดวงน้อยถูกบีบรัดอีกครั้งเมื่อเขายังละเมอไม่หยุด
“อยู่ด้วยกันตลอดไปนะปลาย ผมรักคุณ อย่าจากผมไปไหนอีกนะ”
เธอมันโง่เองที่เคยคิดว่าจะไม่มีผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้หัวใจของชายหนุ่มได้ จะไม่มีใครได้ครอบครองเขานอกจากเธอ ความจริงไม่ใกล้เคียงกับสิ่งที่คิดแม้แต่น้อย พี่ทัพเปิดหัวใจให้ผู้หญิงอีกคนเข้ามาและปิดตายไม่ให้ใครได้เข้าใกล้อีก
สายตารำคาญทุกครั้งที่มองมายังเธอทำให้เจ็บปวดได้เสมอแต่ก็ใช้ความสดใสเข้าช่วยถึงภายในจะร้าวรานเพียงใดก็ตาม อยากเลิกรักเขา อยากหนีให้ห่างแต่เพราะรักมากเกินไปเธอจึงไปไหนไม่ได้ ยังคงอยู่ใกล้เกาะติดให้เขารำคาญใจ แต่ต่อจากนี้คงไม่มีอีกแล้ว
แสงอาทิตย์ขึ้นเมื่อใดคงหมดเวลาของเธอ..
เสียงเคาะประตูยามเช้าและเสียงมารดายามเอ่ยเรียก
“ตาทัพตื่นได้แล้วนะลูก”
ปลุกร่างสูงให้ตื่นจากฝันที่ตามหลอกหลอนมานาน เหงื่อโซมกายก่อนจะลูบใบหน้าสลัดฝันเมื่อคืนออกไป ใบหน้าคมชัดขึ้นตามอายุกลายเป็นหนุ่มหล่อที่สาวหลายคนหมายปอง จากเด็กอ้วนกลายเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์อย่างร้ายกาจนักธุรกิจน่าจับตามอง
“ครับแม่” ตะโกนตอบกลับลุกจากเตียงแล้วเดินเข้าห้องน้ำ ถอดเสื้อและกางเกงออกเหลือเพียงตัวเปล่าเปลือยเข้าไปยืนใต้ฝักบัว น้ำไหลลงมารดศีรษะทำให้โล่งขึ้น
คืนนั้นยังจำได้ไม่ลืมแม้จะผ่านมาแล้วหกปีก็ตาม คืนที่เขาจำได้เพียงกลิ่นและสัมผัสแห่งความสุขราวกับตนเองคือคนที่แสนพิเศษ เคยคิดว่าคนคนนั้นคือปลายฟ้าแต่จุดสีแดงบนที่นอนทำให้รู้ว่าไม่ใช่..ผู้หญิงที่มอบความสุขให้เขาทั้งคืนไม่ใช่ปลายฟ้า
แล้วเธอคือใคร..
ความสงสัยยังติดค้างในใจ แววตากลมโตฉายแววแห่งความเศร้าแต่ก็เอ่อล้นไปด้วยความสุข
..มันหมายความว่ายังไง
อาบน้ำเสร็จก็เดินออกมาแต่งตัว จัดทรงผม ไม่ลืมแต่งหน้าเพียงเล็กน้อยกลบเกลื่อนความเมื่อยล้า ผู้ชายใช่ว่าจะต้องหน้าสดเสมอไป อะไรที่พรางได้ก็ต้องพรางเพื่อหน้าตาของตนเองและบริษัท จัดการตนเองเรียบร้อยก็ลงไปข้างล่าง
บรรยากาศของวันนี้น่านอนจนไม่อยากออกไปทำงาน แต่เพราะหน้าที่ค้ำคอจึงต้องลงมารับประทานอาหารเช้าพร้อมหน้าพ่อแม่ลูก บิดาของเขา คุณภราดร วิจิตรประภาในวัยห้าสิบเก้าปียังคงดูสง่าน่าเกรงขามไม่เปลี่ยน
“ไม่เป็นไรหรอกเปรม ปล่อยลูกบ้างเถอะ”
ได้ยินเสียงท่านคุยกันก่อนที่จะนั่งลงฝั่งขวาตรงข้ามมารดาที่ทำหน้าไม่สบายใจ คุณเปมิกา วิจิตรประภา อดีตดาราดังของเมืองไทยแม้จะอยู่ในวัยห้าสิบหกปีแต่หุ่นก็ยังดีเหมือนสาววัยรุ่น ใบหน้าสวยหวานเช่นเดิมติดจะเหี่ยวตามกาลเวลาแต่ก็ไม่สามารถบดบังความงดงามได้
“แต่ตารบไม่กลับบ้าน ไม่โทรมาบอกด้วยนะคะ เปรมเป็นห่วงกลัวว่าจะเป็นอันตราย” คนที่กลายเป็นประเด็นสนทนาคือนักรบ วิจิตรประภา น้องชายที่ห่างจากเขาถึงหกปีกำลังเรียนมหาวิทยาลัย คณะวิศวกรรมศาสตร์ชั้นปีที่สาม มีเรื่องชกต่อยไม่เว้นวันจนบางครั้งต้องไปประกันตัวถึงโรงพัก อารมณ์ร้อนไม่มีใครเกิน
“ถ้าลูกมีปัญหาก็โทรมาบอกแล้ว” ปลอบใจภรรยาก่อนจะชวนรับประทานอาหารเช้า
ลูกชายคนโตของบ้านนั่งเงียบไม่พูดจากินข้าวต้มที่มารดาทำโดยไม่ปริปาก จากเด็กที่เคยร่าเริงเหมือนมีคนมาพรากเสียงหัวเราะลูกชายไป เขากลายเป็นอีกคนที่เงียบขรึมเหมือนบิดาครั้งยังเป็นหนุ่มไม่มีผิด
“ทัพ น้าลิซบอกแม่ว่ามะรืนหนูป้อนจะกลับไทย ถ้าว่างไปหาน้องกันนะลูก” เอ่ยชวนเพราะเห็นว่าชายหนุ่มเอ็นดูป้อนข้าวหรือณชา พิบูลกนก ตั้งแต่ยังเด็ก ตัวติดกันอย่างกับฝาแฝดเพิ่งจะห่างกันไปเมื่อกองทัพโตขึ้น
ดวงตาเรียวจ้องมารดาแต่ดวงตากลับว่างเปล่า
ป้อนข้าวกำลังจะกลับมาอย่างนั้นหรือ..
“ขอดูก่อนนะครับ ช่วงนี้งานยุ่ง” แบ่งรับแบ่งสู้ก้มหน้ากินข้าวก่อนจะขอตัวออกไปทำงาน
ทุกวันนี้เขาเหมือนมีร่างกายแต่ไร้วิญญาณเพราะมันถูกกระชากไปเมื่อหลายปีก่อน ผู้หญิงที่รักกลับทิ้งอย่างไม่ไยดี ความรู้สึกที่เขามอบให้เธอกลายเป็นเพียงของไร้ค่าที่ไม่เคยได้รับการเหลียวแล เจ็บจนทานทนแทบไม่ได้
เขาคิดเพียงเรื่องของตัวเองจนลืมเลือนเรื่องของน้องสาวแสนดีไป ลืมว่าเธอจากเขาไปไม่มีแม้คำกล่าวลา ลืมว่าเธอไม่เข้ามาในครรลองสายตาหลายปี ลืมรอยยิ้มแสนหวาน ลืมคำพูดออดอ้อน ลืมหมดทุกอย่างที่เกี่ยวกับ ณชา พิบูลกนก
๑ไม่อยากเจอรถยนต์คันหรูสัญชาติยุโรปสีเข้มขับเข้ามาภายในรั้วอัลลอย บ้านทรงยุโรปสีไข่มุกตั้งตระหง่านท่ามกลางสวนสวยทั้งสองฝั่ง ลานตรงหน้าเป็นบ่อน้ำพุนางเงือกนั่งจับผมอยู่ตรงกลางก่อนจะมีน้ำพุ่งออกมาจากโขดหินที่เงือกสาวนั่ง สีสันสวยงามจนผู้พบเห็นอดจะถ่ายรูปเอาไว้ไม่ได้ เสียงเครื่องยนต์รถดับลงเมื่อถึงหน้าประตูทางเข้าบ้านเรียวขาสวยก้าวลงจากรถก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูง เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์สีซีด ผมยาวดัดลอนถูกมัดรวบนำมาไว้ข้างเดียว หุ่นเพรียวราวนางแบบยิ่งท่วงท่าการก้าวเดินน่ามองยิ่งนัก ใบหน้าหวานมีรอยยิ้มประดับกระทั่งขึ้นบันไดเดินไปถอดรองเท้าส้นสูงสีครีมใส่ตู้เปลี่ยนเป็นสลิปเปอร์สำหรับใส่ในบ้าน ดวงตากลมโตมองไปโดยรอบพลางคิดในใจ‘ไม่เปลี่ยนไปเลย’เดินเข้ามาถึงโถงกลางบ้านเป็นแท่นแจกันมีดอกไม้สีสันสวยงามและส่งกลิ่นหอมไปทั่วบ้านก่อนจะมีบันไดวนเดินขึ้นไปบนห้อง ด้านซ้ายเป็นห้องรับแขกมีขนาดใหญ่โต ถัดไปเป็นห้องสังสรรค์ของบิดาและบรรดาเพื่อนของท่าน ส่วนปีกขวาทำไว้เป็นห้องนั่งเล่นสำหรับครอบครัว โทนสีอบอุ่น ทุกคนมักจะมารวมกันเมื่อถึงวันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันประเพณีต่างๆ เช่นสงกรานต์ วันแม่ วันพ่อ
๒สบตา‘Magic time’ ร้านขนมชื่อดังที่มีทั้งขนมไทยและขนมจากแต่ละประเทศให้เลือกซื้อ มีทั้งลูกค้าขาประจำและลูกค้าขาจรซึ่งล้วนแต่สร้างกำไรให้ร้านทั้งนั้นคุณศลิษาดูแลร้านมาหลายสิบปีหวังให้ลูกสาวเป็นผู้สืบทอดแต่ก็ดูท่าจะยากเสียเหลือเกิน ลูกสาวคนนี้มักไม่อยู่กับที่ชอบล่องไปลอยมาเอาแต่ใจตนเองเป็นที่หนึ่ง แต่ละสาขามีเอกลักษณ์แตกต่างกันไปตามผู้อยู่อาศัยในชุมชนแถบนั้น สาขาหนึ่งจะดูเรียบหรูมีระดับเพราะเจาะกลุ่มนักธุรกิจและพนักงานบริษัทส่วนราคาก็ไม่แพงเกินไปอยู่ในระดับที่ทุกคนมีกำลังพอจะซื้อ แต่รสชาตินั้นดีจนขายหมดวันต่อวันไม่เหลือเลยสักชิ้น คุณศลิษาเข้ามาดูแลเองทั้งสี่สาขาแต่ก็จ้างผู้จัดการไว้เผื่อตนเองยุ่งจนไม่มีเวลามาร้านร่างบางเดินเข้ามาภายในร้านก็ได้ยินเสียงต้อนรับอันเป็นเอกลักษณ์ของพนักงาน“ขอต้อนรับเข้าสู่เวลามหัศจรรย์ค่ะ”..คุณแม่เทรนเองทุกคนว่าลูกค้าเข้าร้านต้องพูดอย่างไรและโทนเสียงประมาณไหนใบหน้าหวานยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจะเดินไปหน้าเคาน์เตอร์“ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าสนใจขนมอะไรคะ”..ไม่ได้มานานแล้วทุกอย่างดูแปลกตาไปหมดสาขาหนึ่งเป็นจุดเริ่มต้นธุรกิจของมารดา ครั้งแรกท่านทำเพื่อคลายเครียดใค
๓ช้าไปไหมเวลาเย็นอย่างนี้คุณผู้หญิงของบ้านวิจิตรประภามักจะเข้าครัวเพื่อดูแลอาหารเย็นสำหรับสามีและลูกชายคนโต โดยไม่ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ของนักรบซึ่งขับเข้ามาภายในบ้านเสียงดังร่างสูงอยู่ในชุดนักศึกษาซึ่งผิดจากระเบียบของทางมหาวิทยาลัยกำหนดเอาไว้ เสื้อสีขาวแขนสั้นปล่อยชายเสื้อออกจากกางเกงไหนจะกางเกงยีนส์สีดำจนมองแล้วไม่แน่ใจว่าได้ผ่านการซักมาบ้างหรือเปล่านักรบไม่ได้มาคนเดียวแต่เขายังพาเพื่อนสนิทอีกคนมาด้วย อีกฝ่ายมีใบหน้าพิมพ์นิยมที่สาวชอบไม่ว่าจะเป็นใบหน้าตี๋ที่ค่อนไปทางน่ารัก ผิวขาวสว่าง รูปร่างสูงโปร่งไม่ค่อยมีมัดกล้ามเพราะไม่ได้ออกกำลังกายเหมือนเพื่อน นักรบกอดคออีกฝ่ายเดินเข้ามาภายในบ้านพอเห็นไร้คนก็ชวนเพื่อนขึ้นบนห้องทันทีสองหนุ่มมาเพื่อเอาของสำคัญก่อนจะรีบกลับไปช่วยกันปั่นงานที่ได้รับมอบหมายต่อหลังกำกับแม่ครัวเพื่อให้ทำอาหารเย็นเสร็จ เปมิกาออกเดินออกมาที่โถงกลางบ้านพบรถมอเตอร์ไซค์ของพ่อลูกชายตัวดีก็นึกเอะใจ“เอ๊ะ รถตารบ”‘มาตั้งแต่เมื่อไหร่’ไม่เห็นพ่อตัวดีกลับบ้านมากว่าหนึ่งสัปดาห์ครั้นจะกลับมาก็ไม่ได้บอกกล่าวก่อนเลย ไปขลุกอยู่แต่คอนโดไม่ก็หอพักของเพื่อนจนแทบลืมหน้าลูกชายเ
๔สัญญาณเตือนร่างบางเงยหน้าขึ้นมองตึกสูงระฟ้าอันเป็นที่ทำงานใหม่ของตนเอง บริษัท วิจิตร จำกัด (มหาชน) มีสำนักงานใหญ่อยู่ใจกลางกรุงและมีสาขาย่อย อยู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศครอบคลุมทุกการก่อสร้าง ใบหน้าหวานถอนหายใจอย่างหนักหน่วง เธอไม่อยากเข้าไปใกล้กองทัพ ไม่อยากโคจรมาเจอเขาแต่ก็เป็นไปได้ยากไหนแม่จะสนิทกันอีกทั้งตอนนี้ยังสร้างพันธะให้เกิดขึ้นด้วยคำว่าเจ้านาย-เลขานุการณชาจำต้องสูดลมหายใจเรียกพลังในตัวก่อนเดินเข้าไปภายในตึก เวลาเช้าแบบนี้ทำให้มีพนักงานไม่มากนัก ลิฟต์ก็ไม่แออัดอย่างที่ควรเธอจึงครองแต่เพียงผู้เดียว ร่างบางหันไปสำรวจตนเองในกระจกอีกครั้งเพื่อตรวจตราความเรียบร้อยผมยาวถูกถักเปียอย่างสวยงามโดยมารดาที่เข้ามาดูแลการแต่งตัว เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนแขนยาวสวมทับด้วยกระโปรงสีขาวเข้ารูปแนบไปกับลำตัว นางสาวณชาตรงหน้าแตกต่างจากณชาโดยสิ้นเชิง เธอไม่คิดว่าตนเองจะดูภูมิฐานขนาดนี้มาก่อนเมื่อถึงชั้นที่ต้องการประตูลิฟต์เปิดออกทำให้พบกับเหล่าผู้มาสมัครกว่าห้าชีวิตซึ่งนั่งรอก่อนหน้าเธอแล้ว..ให้ตายเถอะ ไหนบอกว่าทำชั่วคราวไง ทำไมคนเยอะขนาดนี้คิดในใจแต่ก็เดินไปหยิบใบสมัครมากรอกประวัติ มีอย่างที่ไหนสมั
๕วันคืนหวนมาวันนี้เป็นวันแรกที่ณชาต้องมาทำงานในฐานะเลขาชั่วคราวของหัวหน้าฝ่ายการตลาดอย่างกองทัพร่างโปร่งบางราวนางแบบอยู่ในชุดเดรสยาวเพียงเข่าสีครีมสวมทับด้วยสูทเข้ารูปสีเข้ม ผมยาวถูกปล่อยสยายกลางแผ่นหลังยามก้าวเดินเหมือนมีผีเสื้อโบยบินรอบตัวเธอก้าวเข้ามาภายในแผนกทุกคนให้การทักทายและต้อนรับอย่างเป็นกันเอง กว่าจะปลีกตัวมาที่โต๊ะประจำหน้าห้องหัวหน้าได้ก็ใช้เวลาพอสมควร เธอมองเอกสารตรงหน้าแล้วถอนหายใจ ไม่ชอบการทำงานเอกสารเอาเสียเลยแต่จะขัดมารดาได้อย่างไรท่านย้ำนักย้ำหนาให้เรียนรู้งานเพื่อจะได้เป็นประสบการณ์ติดตัวบ้าง ชีวิตเธอได้อะไรมาง่ายเกินไปไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องเงินแต่ที่ยากก็เห็นจะมีเพียงเรื่องความรัก..ไล่ตามมาหลายปีก็ยังไม่ได้เสียที“ค่ะพี่ตฤณ ป้อนถึงที่ทำงานแล้วค่ะ” รับสายจากแฟนหนุ่มที่โทรมาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง เมื่อวานที่เห็นเขารอข้างล่างตกใจจนเกือบทำกระเป๋าตก จำได้ว่าไม่เคยบอกเรื่องที่ทำงานแล้วเขารู้ได้อย่างไรกระทั่งกลับไปบ้านถึงได้รู้ว่ามารดาเป็นคนบอกคุณหมอคนหล่อเอง‘พี่ก็ถึงแล้วเหมือนกัน ไว้เจอกันตอนเย็นนะ’ณชาคงไม่รู้ว่าตอนนี้ปลายสายฉีกยิ้มอย่างมีความสุขมากเพียงใดที
๖เตือนความจำณชาขึ้นบนบ้านโดยไม่รับประทานอาหารเย็นเพราะเลยเวลามามากแล้วอีกอย่างคือเธอกินอะไรไม่ลงหลังผ่านเหตุการณ์เมื่อสักครู่มา..กองทัพจูบเธอ..เขาทำแบบนี้ทำไม ระหว่างทางก็นึกมาตลอดแต่ไม่สามารถหาเหตุผลมารองรับได้เขาเห็นเธอเป็นของตายที่อยากทำอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ..เธอเป็นคนไม่มีชีวิตจิตใจหรือไง..บางครั้งก็ทำเย็นชาไม่สนใจ บางครั้งก็เข้าหาอย่างไม่มีเหตุผลราวต้องการล้อเล่นกับความรู้สึกสับสนจนคิดอะไรไม่ออกจึงไปชำระร่างกายตนเองแต่งชุดนอนออกมายืนที่ระเบียงของห้องเหม่อมองท้องฟ้าที่มืดสนิทเห็นเพียงพระจันทร์เสี้ยวก๊อก ก๊อก ก๊อก“เข้ามาเลยค่ะไม่ได้ล็อก” เสียงประตูเปิดโดยที่ณชาไม่ได้หันไปมอง เธอยังคงนั่งเล่นอยู่ที่ระเบียงคนเข้ามาใหม่จึงเดินมานั่งด้วย“วันนี้กลับดึกนะ”หันมามองพี่ชายแล้วถอนหายใจทันที เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้เจอกันนักหรอกเพราะพี่เปเปอร์ หรือนายนนกุล พิบูลกนกกลายเป็นผู้ช่วยผู้กำกับควบด้วยตำแหน่งผู้จัดละครงานหนักจนแทบไม่มีเวลาพัก ยิ่งบิดามีค่ายสร้างละครเป็นของตนเองก็ไม่ค่อยได้กลับบ้าน“คิดถึงจังเลย ขอน้องกอดหน่อย” เข้าไปกอดพี่ชายที่เต็มใจรับอ้อมกอดจากน้องสาวดูจากหน้าก็รู้ว่าณชามี
๗คือเธอวันเสาร์อาทิตย์ที่หยุดไปยังไม่อาจทำให้ณชาลืมเลือนเรื่องวันนั้นได้ เธอตื่นมาด้วยความคิดอยากลาออกจากงานอีกครั้งทั้งที่ยังทำได้ไม่ถึงเดือน หากบอกมารดาท่านจะต้องเทศน์เป็นการใหญ่แน่เพราะฉะนั้นเงียบไว้ดีที่สุด แค่ทนไปอีกไม่นานหน้าที่นี้ก็คงจบลงแล้ว คิดดังนั้นก็พอจะงัดตนเองขึ้นจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำได้บ้าง“ทำไมวันนี้ลงมาช้ากว่าปกติ” คุณศลิษาเอ่ยถามบุตรสาวเพราะเห็นว่าลงมาสายกว่าปกติถึงสิบห้านาที ร่างบางถอนหายใจอยากเอ่ยเรื่องคับอกแต่จำต้องเก็บเอาไว้“เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับเลยตื่นสายค่ะ” ข้อแก้ตัวฟังขึ้นแต่มารดาไม่ค่อยเชื่อจึงหรี่ตามองบุตรสาวตนเองพยายามจับผิด“ไม่ใช่ขี้เกียจไปทำงานนะ” ดูเหมือนว่าณชาจะทำอะไรคนเป็นแม่ก็รู้ไปหมดทุกอย่างร่างบางรีบส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธทั้งที่ในใจตอบรับไปแล้ว ใบหน้าหวานแสร้งยิ้มหวานหยดย้อยเกินความจำเป็นก่อนพูดปดให้คุณศลิษาฟัง“ใครจะไปขี้เกียจได้คะ งานดีเจ้านายดีเงินเดือนดีขนาดนี้ อยากทำงานทุกวันเลยค่ะ”พูดเกินจริงแบบนี้คนแก่กว่าก็ตกลงใจว่าลูกสาวคงขี้เกียจจริงดังที่คิดจึงได้แต่ส่ายหน้ารับประทานอาหารเช้าไปเงียบๆ บนโต๊ะยาวที่มีเก้าอี้กว่าสิบตัวแต่ถูกจับจอง
๘แย่งชิงกองทัพเดาะลิ้นมองตฤณแล้วแสยะยิ้มราวกับไม่สนใจในสิ่งที่คนตรงหน้าต้องการจะสื่อทั้งที่ในใจก็รู้สึกผิด คำพูดของน้องชายแวบเข้ามา‘คนที่ใช่ถ้ามาในเวลาที่ไม่ใช่ มันก็ไม่ใช่เคยได้ยินไหมพี่’เขาคือคนที่ใช่ซึ่งมาผิดเวลา..แต่แล้วยังไงล่ะ เขาจะทำให้ทุกอย่างมันใช่เองแหละ“เลิกยุ่งกับป้อนเถอะครับ ระหว่างคุณสองคนขอให้อยู่ในสถานะเจ้านายกับลูกน้อง”หนุ่มนักบริหารยกกาแฟขึ้นจิบทำท่ากวนจนคุณหมอต้องข่มอารมณ์โกรธเอาไว้“แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าผมกับป้อนมีอะไรเกินเจ้านายลูกน้อง คิดไปเองหรือเปล่าครับคุณหมอ” วางแก้วกาแฟลงแล้วยกมือกอดอกอีกครั้งราวต้องการปกปิดความรู้สึกบางอย่างตฤณกำมือแน่น เขารักณชาจนไม่อาจทนเสียเธอไปได้จึงยอมทิ้งศักดิ์ศรีมาขอร้องผู้ชายคนนี้ที่กำลังจะเข้ามาทำลายความสัมพันธ์ที่เขาพยายามรักษาเอาไว้“หรือว่าป้อนบอกคุณแล้ว” ทำท่าตกใจเกินจริงราวกับต้องการยั่วให้หมอโมโห“ว่าที่จริงคนที่ป้อนรักคือผมไม่ใช่คุณ”ตฤณตบโต๊ะเสียงดังลุกขึ้นจ้องมองกองทัพอย่างหาเรื่อง อยากตรงเข้าไปคว้าคอเสื้อคนตรงหน้าไว้แล้วชกสักหมัดแต่ก็ต้องห้ามใจหันมองโดยรอบผู้คนเริ่มแตกตื่น ทั้งพนักงานที่ทำเหมือนจะเข้ามาช่วยไกล่เกล
ตอนพิเศษ...หนีเที่ยวงานแต่งระหว่างกองทัพและณชาจัดขึ้นอย่างใหญ่โตขัดกับความต้องการของทั้งสองที่อยากได้แบบเรียบง่าย ทว่าหน้าที่การงานไม่เอื้ออำนวยในเมื่อเจ้าบ่าวเป็นถึงคณะกรรมการของบริษัทมีคนนับหน้าถือตา ทั้งยังคู่ค้าที่ติดต่อกันมานานหากจะไม่เชิญก็กระไรอยู่“เฮ้ยไอ้เอิร์ธ มึงกลับมาแล้วเหรอวะ” ขณะที่ยืนรอต้อนรับแขกที่ด้านหน้างานดวงตาคมก็เห็นเพื่อนสนิทใส่สูทผูกไทด์ผมที่เคยรุงรังหรือหนวดเคราครึ้มก็ถูกจัดการจนกลับมาหล่อเกินหน้าเกินเจ้าของงาน สองหนุ่มก่อนกันเนื่องจากไม่พบกันเกือบสามปีครึ่ง“กูแค่มางานแต่งมึง เดี๋ยวก็บินกลับแล้ว” กองทัพแทบจะปรบมือให้ในความทุ่มเทของอีกฝ่ายเพราะขนาดน้องแท้ๆ ยังปฏิเสธจะมาร่วมงานแต่งของพี่มันเลย“ดีใจที่มึงมา งานนี้ขอซองหนักๆ” ตบบ่าหนาเต็มแรงไปหนึ่งที“ได้ เดี๋ยวกูขอไปซื้อหินมาใส่ซองก่อนแล้วกัน” รั้งไว้แทบไม่ทันเพราะดูเหมือนสัตวแพทย์หนุ่มจะทำจริงอย่างที่ว่า ณชามองพี่ชายทั้งสองพลางอมยิ้มมีความสุข กระทั่งพณณกรหันมาหาน้องสาวคนสนิท“ลงเอยกับมันสักทีนะเรา หลังจากร้องไห้มานาน” จะเอื้อมมือขึ้นไปลูบศีรษะเจ้าสาวก็โดนเจ้าบ่าวจับมือเอาไว้ก่อน“ตามองมืออย่าต้องครับ เจ้าสาวก
สุขสันต์วันปีใหม่ เทศกาลที่หลายคนรอคอยมาถึงอีกครั้งแม้ประเทศจะไม่ใช่เมืองหนาวทว่าประชาชนส่วนใหญ่ก็ทำตัวให้กลมกลืนได้อย่างไม่น่าเชื่อเมื่อออกมาจากบ้านแล้วเจอผู้คนสวมเสื้อแขนยาวท่ามกลางแดดร้อนกว่าสามสิบสามองศา การคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาไม่น่าเชื่อถืออีกครั้ง เมื่อประกาศว่าจะหนาวจนปากสั่นแต่สิ่งที่ได้รับคือร้อนตับแทบแตก ยิ่งทำงานกลางแดดด้วยแล้วแม้จะโบกครีมกันแดดทับด้วยสเปรย์มาหนามากแค่ไหน เพียงเหงื่อไหลก็ดูเหมือนว่ามันจะหลุดออกโดยง่ายไม่เหมือนกับที่โฆษณาเอาไว้สักนิด “พักกองค่ะ” เสียงช่างภาพดังขึ้นพร้อมปาดเหงื่อที่ไหลออกมาตามไรผม วันนี้ออกมาถ่ายรูปพรีเวดดิงที่สวนสาธารณะในยามที่พระอาทิตย์ตรงศีรษะเหตุผลเพราะคุณเจ้าสาวและคุณเจ้าบ่าวมีเวลาจำกัด เสร็จจากนี่ก็ต้องไปแจกการ์ด ไหนจะต้องบินไปต่างประเทศเพื่อเชิญบรรดาเพื่อนสนิทแทบหาเวลาให้ช่างภาพไม่ได้ จนต้องเลือกเอายามพระอาทิตย์ส่องแสงแรงกล้าที่สุด “แค่สิบนาทีได้ไหมคะ บ่ายสองพวกเราต้องไปจิบน้ำชากับท่านผู้ว่าจังหวัดสุพรรณ” ฝ่ายเจ้าสาวในชุดกระโปรงยาวเฟื้อยตะโกนบอกจนต้องกัดฟันตอบรับ “ได้ค่
ตอนพิเศษ...หวานใจของนายไข่ตุ๋น เคยคิดหลายครั้งว่าหากวันนี้มาถึงเธอจะเป็นอย่างไร วันที่เพื่อนคนสนิทอย่างตฤณ..แต่งงาน ณัชชาเดินเข้ามาภายในโรงแรมด้วยหัวใจหนักอึ้งขาทั้งสองแทบก้าวไม่ออกอันที่จริงมันเป็นมานานนับตั้งแต่วันที่ได้รับการ์ดจากเจ้าบ่าวแล้ว ใบหน้าคมมีรอยยิ้มประดับดวงตาก็ส่องประกายเจิดจ้าอย่างน่าอิจฉา วันนี้เธออยู่ในชุดเดรสแขนตุ๊กตาสีชมพูยาวเพียงเข่า เพราะไม่ค่อยมีเวลาไปซื้อชุดจึงต้องขอยืมจากน้องสาวมาใส่ก่อน ใบหน้าหวานยังคงมีแว่นตาบดบังและผมยาวก็ปล่อยสยายกลางหลัง ริมฝีปากอวบอิ่มเคลือบด้วยลิปกลอสสีชมพูวาว ใบหน้าที่เคยไร้สีดูสดใสขึ้นมาเล็กน้อยเพราะได้น้องสาวช่วยเพิ่มสีสันให้ทว่าก็ยังคงจืดจางเมื่อรวมกับคนหมู่มาก มือเล็กเซ็นในสมุดอวยพรบ่าวสาวแล้วหย่อนซองลงในกล่องก่อนหยิบของชำร่วยเป็นพวงกุญแจรูปหัวใจสองดวงคล้องกัน เก็บมันลงกระเป๋าทันทีแล้วก้าวเข้าไปภายในงานพยายามสูดลมหายใจเรียกกำลังให้ตนแต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อเห็นคู่บ่าวสาวยืนอยู่หน้าแบ๊กดร็อปในจังหวะที่เจ้าบ่าวช่วยเช็ดเหงื่อให้เจ้าสาวด้วยความอ่อนโยน หัวใจสั่นไหวจนอยากจะหันหลังออก
ตอนพิเศษหมอตฤณกับต้นหนาว นาฬิกาบ่งบอกเวลาตีสามทว่าชายหนุ่มที่อยู่ภายในผับยังคงนั่งดื่มเหล้าราวเป็นน้ำเปล่าไม่รู้สึกระคายคอสักนิด พนักงานหันมองหน้ากันไปมาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรจนกระทั่งผู้จัดการเดินไปแจ้งลูกค้าหน้าใหม่ให้รู้ว่าร้านปิดแล้วเขาจึงวางเงินเอาไว้พร้อมเดินเซออกไปทางประตู “รถอยู่ไหน” ร่างสูงพยายามเพ่งมองรถยนต์ของตนเอง หลับตาลืมตาอยู่หลายครั้งเพราะดูอย่างไรก็มองอะไรไม่ชัดสักอย่าง แถมรู้สึกเหมือนศีรษะเอนไปเอียงมาพยายามทำให้หัวตั้งตรงด้วยการเอนไปทางด้านขวาก่อนจะพบว่าไม่ตรงเลยสักนิด เขาจึงลองเอนหัวมาทางด้านซ้ายแทน ก็ไม่ตรงอีกถ้าอย่างนั้นควรทำอย่างไรดีถึงจะมองตรงได้ คุณหมอหนุ่มตัดสินใจล้มตัวลงนอนบนพื้นเพราะทนความหนักของศีรษะไม่ไหว “อ่า ตรงแล้ว” ใบหน้าคมยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะรู้สึกพะอืดพะอมจนต้องรีบลุกขึ้นนั่งแล้วโก่งคออาเจียนเต็มที่โดยไม่รู้เลยว่าตอนนี้กำลังนั่งอยู่หน้าลานจอดรถของผับที่ตนเองมาตั้งแต่สามทุ่ม เมื่อรู้สึกโล่งจึงล้มตัวนอนที่เดิมมือหนาคว้าสะเปะสะปะก่อนจะสัมผัสได้ถึงขนนุ่มนิ่มก็คว้าเข้าไปกอดคลายหนาวทันที ไม่รู้ส
ตอนพิเศษ...รักเธอได้ยินไหมเด็กหญิงหุ่นอวบเดินเข้ามาภายในโรงเรียนด้วยท่าทีมั่นอกมั่นใจ เธอรวบรวมกำลังใจเพื่อที่วันนี้จะได้ทำภารกิจอันสำคัญอากาศยามเช้าแสนจะสดใสราวทุกอย่างเปิดสว่างให้กับความรักของเธอ ณชารู้จักความรักครั้งแรกคือสิ่งที่เรียกว่า ‘ขนม’ เธอหลงรักมันอย่างถอนตัวไม่ขึ้นแต่ก็มักจะโดนเพื่อนล้อว่าตัวอ้วน กินแต่ของหวานฟันผุ กระทั่งได้รู้จัก ‘พี่ทัพ’ ผู้ชายที่ทำให้คำว่ารักของเธอเปลี่ยนไป‘อร่อยก็กินสิ เดี๋ยวพี่กินเป็นเพื่อน’จากที่เคยคิดจะลดของหวานณชาก็ยิ้มร่าหยิบเค้กชิ้นโตขึ้นมากินอย่างมีความสุข ผู้ชายตรงหน้าเธอมีหุ่นที่ไม่ต่างกันมากนัก แววตาของเขาทอประกายความสุขและนั่นเองทำให้เด็กหญิงที่ไม่ประสาเรื่องความรักหัวใจเต้นแรงจนต้องเดินไปถามมารดา“แม่ขา ป้อนหัวใจเต้นเร็วมากเลย แม่จับดู ป้อนจะตายไหมคะ” จับมือคุณแม่มาไว้ที่หัวใจเพื่อรับรู้อัตราการเต้นคุณศลิษาหัวเราะบุตรสาวก่อนจะลูบศีรษะน้อยๆ“ไม่ตายหรอกค่ะ อาการแบบนี้เขาเรียกว่าตกหลุมรัก”ตอนนั้นเธอไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร แต่มักจะเกิดขึ้นเมื่อได้สบตากับพี่กองทัพเสมอและเมื่อโตขึ้นเธอจึงได้เข้าใจคำว่าตกหลุมรักที่คุณแม่บอกเด็กหญิงชวนพี่ชาย
ตอนพิเศษ...เมื่ออดีตมือหนาเลื่อนขึ้นไปปิดน้ำที่ไหลรดกายก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวพันบริเวณเอวไม่ลืมหยิบผ้าขนหนูพื้นเล็กเช็ดศีรษะที่ชุ่มไปด้วยน้ำ ใบหน้าคมเข้มหล่อเกินวัยทำเอาสาวหลายคนใจละลายมานักต่อนัก ดวงตาเรียวยาวเพียงแค่ปรายตามองก็พานให้หัวใจสั่นไหว จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากเรียวราวอิสตรีเพียงเท่านี้ก็ทำให้กองทัพ วิจิตรประภากลายเป็นหนุ่มหล่อที่ถูกกล่าวขานไปทั่วมหาวิทยาลัย“อื้อ ทัพ ตื่นเร็วจัง” สาวสวยหุ่นเพรียวลุกขึ้นจากที่นอนคว้าเสื้อคลุมมาสวมทับปกปิดร่างกายของตนเองจากสายตาคมกริบที่ทำให้หัวใจสั่นไหวทุกครั้งที่มอง“ผมมีเรียนเช้า คุณนอนต่อเถอะ” คนตัวเล็กกว่าเดินเข้ามากอดเขย่งปลายเท้าขึ้นจุมพิตปลายคางอย่างน่ารักจนอดใจไม่ไหวต้องคว้ามากอด เธอน่ารักขี้อ้อนจนเขายอมทำทุกอย่างขอแค่ได้มาครอบครอง ยอมแม้กระทั่ง..เป็นชู้..“อือ ตอนเย็นเจอกันนะคะ” ใบหน้าหวานยิ้มจนตาเป็นสระอิ ความน่ารักนี้ที่เขาหลงใหล รอยยิ้มแสนหวานที่มักมอบให้ ชอบเหลือเกิน ชอบจนไม่อาจจะตัดใจได้ทั้งที่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนของเพื่อนสนิท เพื่อนที่เป็นทั้งญาติไม่อาจจะตัดกันขาด“เดี๋ยวเราจะทำของที่ทัพอยากกินไว้รอ” เธอเดินมาส่งเขาท
ตอนพิเศษ...วันฮาโลวีนเทศกาลส่งท้ายเดือนตุลาคมที่กำลังฮิตในประเทศคือวันฮาโลวีน เด็กนักเรียนวัยอนุบาลและประถมต่างจัดเต็มมาในชุดผีน้อยแสนน่ารักหรือบางคนพ่อแม่ก็จัดให้เกินคำว่าน่ารักจนเพื่อนร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวและวันฮาโลวีนก็กำลังเป็นประเด็นฮอตให้หมู่นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ถกเถียงกัน นักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งต้องไปเข้าค่ายที่ต่างจังหวัดซึ่งงบประมาณที่เขียนขอไปกับทางคณะไม่เพียงพอ จึงต้องช่วยกันเปิดหมวกหาเงินโดยใช้เทศกาลของต่างประเทศให้เป็นประโยชน์โดยการจับเพื่อนในคณะมาแต่งชุดผีเพื่อขอรับบริจาคกระจายไปตามจุดต่างๆ ที่มีคนพลุกพล่านกองทัพเดินลงจากอาคารเรียนด้วยใบหน้าราบเรียบ เขาไม่มีแผนจะไปที่ไหนต่อนอกจากบ้านของตนเอง ง่วงเกินกว่าจะออกไปกินลมชมวิวข้างนอกตามคำชักชวนของเพื่อนร่วมคณะ เมื่อคืนเขานั่งอ่านรายงานเพื่อจะมาพรีเซนต์จะแทบไม่ได้นอนขณะเดินไปที่รถกลับมีผู้หญิงนุ่งชุดไทยวิ่งตัดหน้าจนคนตัวสูงสะดุ้ง“แฮ่!” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ ทำเอาจากความหวาดกลัวแปรเปลี่ยนเป็นความรำคาญทันทีเมื่อรู้ว่าเธอคือใคร“เล่นบ้าอะไร สนุกมากเหรอ” ไม่ได้ตวาดเสียงดังแต่ประโยคนั้นก็ทำร้ายจิตใ
๒๘รักจะอยู่กับเราไปนิรันดร์ย้อนกลับไปสามชั่วโมงที่แล้วณชาเดินเข้ามาภายในสนามบินสุวรรณภูมิด้วยใบหน้าเรียบเฉย เธอต้องบินไปอิตาลีอันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนหรอกเพราะขอวีซ่าไว้ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วเพียงแค่ไม่ได้บอกใครเท่านั้น เธอมีกำหนดไปแค่หนึ่งสัปดาห์เพราะต้องไปถ่ายรูปงานแต่งให้เพื่อนสนิทถือโอกาสไปเที่ยวเพื่อพักผ่อนจิตใจหลังต้องทำงานหนักเพราะกองทัพมาหลายเดือนห้าเดือนที่เธอกลับมาอยู่ประเทศไทยเขาสม่ำเสมอตลอด เช้ามาหาเย็นมารับประทานอาหารด้วยบางครั้งก็ไปนั่งเฝ้าที่ร้านขนมของแม่ยามเธอไปทำงาน หรือหากออกกองกับพ่อกองทัพก็จะแวะไปหาอ้างว่าซื้อของมาให้คุณพิชาภพแต่ทุกคนก็รู้ดีว่าแท้จริงแล้วเป็นของใครเขาแสนดีขนาดนี้จนเธอเริ่มอ่อนไหว ใครจะไปทานทนได้ไหนจะมารดาที่เล่าเรื่องชายหนุ่มให้ฟังว่าซื่อสัตย์เพียงใดใจดวงนี้ก็อ่อนยวบลงทันที ทว่าเมื่อคิดถึงเรื่องที่เขาเคยทำก็อดใจแข็งขึ้นมาไม่ได้ อยู่คนเดียวก็มีความสุขดีอยู่แล้วจึงเลิกคิดเรื่องของกองทัพร่างบางเช็กอินเสร็จก็เดินไปยังร้านกาแฟเดี๋ยวนี้เธอค่อนข้างเสพติดคาเฟอีนต้องดื่มทุกวันไม่อย่างนั้นจะรู้สึกไม่สดชื่น ระหว่างที่เดินออกจากร้านสายตาก็บังเอิญเ
๒๗ไม่ยอมแพ้ณชานั่งทำงานอยู่ภายในร้านกาแฟของมารดา ยกแก้วคาปูชิโนขึ้นจิบแล้วเร่งแต่งรูปภาพให้ทางผู้ว่าจ้างอย่างขะมักเขม้นแต่แล้วก็นึกถึงเรื่องที่เพิ่งได้รู้จากปากของต้นหนาวน้องสาวของปลายฟ้า..จริงแค่ไหนกันนะใบหน้าหวานครุ่นคิดอย่างสับสนจำได้ว่ายามค่ำคืนกองทัพมักจะออกไปข้างนอกโดยอ้างเหตุผลร้อยแปดจนเธอหลงเชื่ออย่างสนิทใจว่าเขามีธุระและเพิ่งได้รู้ทีหลังว่าธุระของเขาก็คือการไปอยู่กับปลายฟ้า หัวใจของเธอแทบจะขาดออกจากกัน มันปวดหนึบหายใจแทบไม่ออกเมื่อได้รู้ความจริงจากที่เคยคิดว่าเขารักความรู้สึกก็แปรเปลี่ยนไป ทุกวันที่อยู่ด้วยกันณชาต้องแสร้งทำเหมือนไม่เจ็บทั้งที่อดระแวงไม่ได้ว่าชายหนุ่มจะไปหาอดีตคนรักอีกเมื่อไหร่ แม้จะบอกตัวเองว่าเวลาที่เหลือขอเก็บเกี่ยวความสุขครั้งสุดท้ายเอาไว้แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันไม่ได้มีเพียงความสุขเท่านั้นทว่ามันแฝงไปด้วยความเจ็บปวดที่บาดลึกลงไปในใจทุกวันณชาเลือกจะเดินออกมาจากชีวิตของเขาตัดขาดการติดต่อทุกช่องทางบินไปรักษาแผลใจไกลถึงต่างประเทศ ไปยังสถานที่เรียน ไปเจอเพื่อน รู้จักคนใหม่ๆ หญิงสาวลงเรียนถ่ายภาพอย่างจริงจังตามความชอบของตน รู้สึกสนุกจนลืมเรื่องทุกข์ใจเปิดโ