๕
วันคืนหวนมา
วันนี้เป็นวันแรกที่ณชาต้องมาทำงานในฐานะเลขาชั่วคราวของหัวหน้าฝ่ายการตลาดอย่างกองทัพ
ร่างโปร่งบางราวนางแบบอยู่ในชุดเดรสยาวเพียงเข่าสีครีมสวมทับด้วยสูทเข้ารูปสีเข้ม ผมยาวถูกปล่อยสยายกลางแผ่นหลังยามก้าวเดินเหมือนมีผีเสื้อโบยบินรอบตัวเธอ
ก้าวเข้ามาภายในแผนกทุกคนให้การทักทายและต้อนรับอย่างเป็นกันเอง กว่าจะปลีกตัวมาที่โต๊ะประจำหน้าห้องหัวหน้าได้ก็ใช้เวลาพอสมควร เธอมองเอกสารตรงหน้าแล้วถอนหายใจ ไม่ชอบการทำงานเอกสารเอาเสียเลยแต่จะขัดมารดาได้อย่างไรท่านย้ำนักย้ำหนาให้เรียนรู้งานเพื่อจะได้เป็นประสบการณ์ติดตัวบ้าง ชีวิตเธอได้อะไรมาง่ายเกินไปไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องเงินแต่ที่ยากก็เห็นจะมีเพียงเรื่องความรัก
..ไล่ตามมาหลายปีก็ยังไม่ได้เสียที
“ค่ะพี่ตฤณ ป้อนถึงที่ทำงานแล้วค่ะ” รับสายจากแฟนหนุ่มที่โทรมาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง เมื่อวานที่เห็นเขารอข้างล่างตกใจจนเกือบทำกระเป๋าตก จำได้ว่าไม่เคยบอกเรื่องที่ทำงานแล้วเขารู้ได้อย่างไรกระทั่งกลับไปบ้านถึงได้รู้ว่ามารดาเป็นคนบอกคุณหมอคนหล่อเอง
‘พี่ก็ถึงแล้วเหมือนกัน ไว้เจอกันตอนเย็นนะ’
ณชาคงไม่รู้ว่าตอนนี้ปลายสายฉีกยิ้มอย่างมีความสุขมากเพียงใดที่เธอเรียกเขาว่าพี่ตฤณตามคำขอ คนเป็นหมอไม่อยากให้แฟนเรียกอาชีพของตนเองแทนชื่อ เขาเคยขอร้องณชาแล้วแต่เธอก็ตีเนียนเรียกหมอเหมือนเดิมกระทั่งเมื่อวานเอ่ยเรื่องนี้อีกครั้ง และก็ได้ผลเธอยอมเรียกเขาว่าพี่ตฤณแล้ว
“ค่ะ” ต่อจากนี้คุณหมอบอกว่าจะมารับเธอทุกเย็น อีกไม่นานก็จะพาเข้าไปสวัสดีคุณพ่อคุณแม่ของเขาซึ่งณชารู้สึกเครียดเรื่องนี้อยู่พอสมควร เธอไม่อยากทำร้ายเขาอีกต่อไปแล้วแต่ก็ไม่กล้าพอจะเอ่ยปากบอกเลิก
มันยากเกินไปที่จะทำร้ายผู้ชายแสนดีอย่างตฤณ
ก๊อกๆๆ
“ขอกาแฟดำหนึ่งแก้ว” มือหนาเคาะลงบนโต๊ะของเลขานุการชั่วคราวแล้วสั่งเสียงเข้ม
เธอเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขาเห็นแววหงุดหงิดจึงไม่ได้ถามอะไรอีกลุกขึ้นเดินไปห้องชงกาแฟตามคำสั่งของท่านผู้บริหารซึ่งมีอำนาจสูงสุดในแผนก
ณชามองเครื่องชงกาแฟตรงหน้าเหมือนเจอของประหลาด มารดาเปิดร้านคาเฟ่มีทั้งขนมและกาแฟขายแต่ลูกสาวกลับทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง
ร่างบางหันซ้ายแลขวาต้องการผู้ช่วยกระทั่งมีสาวร่างเล็กเดินเข้ามาพอดีใบหน้าหวานจึงยิ้มอย่างดีใจ
“พี่อ้อยคะ คุณทัพอยากดื่มกาแฟแต่ว่าป้อนทำไม่เป็น พี่อ้อยสอนหน่อยสิ” ปกติที่เห็นก็จะมีแค่กาน้ำร้อนแต่เครื่องตรงหน้าคือเครื่องชงกาแฟสดที่วิธีการทำอาจไม่ยุ่งยากสำหรับคนที่คุ้นเคยแต่ไม่ใช่กับณชาแน่นอน
“คุณทัพชอบกินกาแฟดำสูตรเข้มมากๆ เพราะฉะนั้นใช้แค่ผงกาแฟกับน้ำร้อนก็พอ เดี๋ยวพี่ทำให้เอง”
หญิงสาวพยักหน้าอย่างดีใจมองวิธีการทำกาแฟให้หัวหน้าต่อไปเวลาเขาใช้เธอจะได้ไม่ต้องให้คนอื่นมาช่วยอีก การทำก็แสนง่ายแค่ใส่ผงกาแฟสำเร็จรูปสามช้อนชาใส่น้ำร้อนพอประมาณก่อนคนให้เข้ากันเป็นอันเรียบร้อย
“ง่ายจังเลยค่ะ” หยิบถ้วยกาแฟมาวางบนจานรอง
“คุณทัพเขาไม่เรื่องมาก” คนมาช่วยยิ้มให้รุ่นน้องก่อนจะจัดการชงกาแฟใส่ฟองนมของตนเอง
ณชาเดินไปเคาะประตูหัวหน้าได้ยินอีกฝ่ายอนุญาตจึงเปิดเข้าไป
ตอนนี้กองทัพนั่งอยู่ท่ามกลางกองเอกสารมากมาย ช่วงบ่ายเขาต้องประชุมกับทีมนักวิจัยการตลาดถึงความต้องการผู้บริโภคจึงต้องนั่งศึกษาเอกสาร
“กาแฟร้อนๆ ค่ะ” วางไว้ใกล้มือเขาเพื่อให้สะดวกต่อการจับ
ในขณะที่หญิงสาวจะเดินออกไปใบหน้าคมที่เมื่อสักครู่ก้มมองเอกสารก็เงยขึ้นเรียกหญิงสาวเอาไว้
“เมื่อกี้คุยกับใคร” ร่างบางหยุดชะงักหันมามองเจ้านายที่เอ่ยถามด้วยใบหน้าเคร่งเครียดราวกับว่าเป็นคำถามระดับชาติที่ต้องการคำตอบอย่างเร่งด่วนไม่เช่นนั้นอาจทำให้เกิดภัยพิบัติต่อโลกก็เป็นได้
“แฟนค่ะ” ตอบเสียงฉะฉาน
และคำตอบนั้นสร้างความหงุดหงิดแก่กองทัพเป็นอย่างมาก
“แต่มันเวลางานป้อนไม่ควรคุยกับแฟน” เตือนโดยที่ใช้อารมณ์เหนือเหตุผล
“ขอประทานโทษนะคะคุณกองทัพ เวลาที่ป้อนคุยคือแปดนาฬิกาห้าสิบสามนาทีซึ่งเวลาเข้างานคือเก้านาฬิกา เพราะฉะนั้นหมายความว่ายังไม่ถึงเวลางานป้อนก็มีสิทธิที่จะคุยโทรศัพท์ไม่ใช่เหรอคะ” ณชาเตือนตนเองไม่ให้ระเบิดอารมณ์เพียงเพราะอีกฝ่ายกำลังหาเรื่อง ใบหน้าหวานบูดบึ้งไม่อาจเก็บสีหน้าเอาไว้ได้
..จงใจหาเรื่องกันชัดๆ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ขอตัวค่ะ” ก้มศีรษะเล็กน้อยหมุนตัวแล้วเดินออกจากห้องปล่อยให้กองทัพอารมณ์เสียแต่เพียงผู้เดียว
เขาหยิบกาแฟที่เธอเอามาให้ขึ้นดื่มก่อนจะคายทิ้งแทบไม่ทันเพราะร้อนจนลวกลิ้น
“โอ๊ยร้อน”
..ฝากไว้ก่อนเถอะป้อนข้าว
ฝ่ายหญิงสาวก็กระแทกตัวนั่งบนเก้าอี้ด้วยอารมณ์ขุ่นมัว เขาชวนทะเลาะแต่เช้าเป็นการเริ่มทำงานที่ไม่สดใสเลยไม่รู้ทั้งวันจะต้องรองรับอารมณ์อะไรของท่านผู้บริหารอีกหรือเปล่า
ณชาหยิบแฟ้มงานสำหรับเสนอให้กองทัพเซ็นมาอ่านแล้วแยกประเภทอย่างชัดเจน
อาจจะบ่นว่าไม่ชอบแต่ว่าหากทำอะไรก็ต้องทำให้เต็มที่ที่สุด เช้านั้นหญิงสาวจึงยุ่งกับงานจนแทบไม่ได้เงยหน้ามองใครเลย พักเที่ยงเพื่อนในแผนกก็เข้ามาชวนไปกินข้าวที่ร้านอาหารใกล้บริษัท เธอไม่ปฏิเสธเพราะต้องการผูกมิตรเอาไว้ถึงจะมาทำงานชั่วคราวก็ตาม
“พี่ถามจริงๆ นะ ป้อนรู้จักกับคุณทัพใช่ไหม” สามสาวนั่งล้อมวงกินข้าวเที่ยงคืออาหารอีสานและเมนูที่สั่งเพียงแค่มองก็รู้สึกแสบท้องแล้ว ทั้งส้มตำปูปลาร้า ลาบหมู ต้มไก่บ้าน เสือร้องไห้ ไม่น่าเชื่อว่าหญิงสาวร่างเล็กทั้งสามคนจะจัดการอาหารตรงหน้าหมด
“ค่ะ แม่ของป้อนเป็นเพื่อนกับแม่พี่ทัพ”
พี่อ้อยหรืออัญชิสาตบเข่าฉาดใหญ่เพราะที่คิดไว้เป็นจริง เธอเคยเห็นน้องสาวคนนี้ตามหน้าหนังสือพิมพ์กรอบไฮโซกระซิบ
“นั้นไง ฉันบอกแล้วว่าฉันวงใน” อัญชิสาหันไปหาเพื่อนแล้วตบบ่าอีกฝ่าย
“จ้า แม่วงใน” จุ๋มหรือสจีวรรณส่ายหัวเอือมระอาเพื่อนแล้วตักน้ำต้มไก่มาซดเสียงดังอย่างเอร็ดอร่อย
“พี่ถามจริงๆ นะ”
“แกถามจริงๆ มาหลายรอบแล้ว ไม่ต้องพูดประโยคนั้นเขาก็รู้แล้วไหมว่าแกอยากเผือก” สจีวรรณทนไม่ไหวจึงเอ่ยจิกกัดเล็กน้อยตามประสาเพื่อนสนิท
“เออ แกอย่าขัดฉันสิ พี่แค่อยากรู้ว่าคุณทัพเขาไม่มีแฟนเหรอ ตั้งแต่ที่เขามาทำงานก็ไม่เห็นควงสาวที่ไหนเลย ข่าวในวงสังคมเรื่องผู้หญิงก็ไม่มี เหมือนอยากจะครองโสดตลอดไป หรือว่าเขาจะบวช” คิดไปต่างๆ นานา
จนณชาหัวเราะเพราะขำในความช่างคิดของรุ่นพี่
“เรื่องผู้หญิงป้อนไม่รู้นะคะ แต่พี่ทัพเขาไม่บวชหรอก” มั่นใจแน่เพราะได้ข่าวว่าอีกฝ่ายบวชไปแล้วเมื่ออายุครบ25ปี และบวชนานถึงหนึ่งเดือนซึ้งรสพระธรรมเลยทีเดียว เสียดายที่เธอไม่ได้มางานบวชเขาเนื่องจากติดสอบ แต่หากไม่ติดสอบก็คงไม่มาหรอกยังไม่สามารถมองหน้ากองทัพได้
“แกจะอยากรู้ทำไม ถึงเขาไม่มีใครก็ไม่เอาแกหรอก อย่างคุณทัพเขาก็ต้องมองระดับเดียวกัน น้องป้อนก็เข้าเค้านะพี่ว่า สวย มีเสน่ห์ มีระดับ มีสมอง” ประโยคสุดท้ายสจีวรรณหันมาย้ำกับเพื่อน
จนอัญชิสาถลึงต
าใส่
“ฉันมีสมองย่ะ” สองสาวเพื่อนซี้จึงทะเลาะกันโดยมีณชาคอยหัวเราะคำพูดที่ดูเหมือนจะจิกกัดแต่ก็ไม่ได้จริงจัง และเธอยังได้รู้เรื่องราวของกองทัพมากมายอีกด้วย
กองทัพเข้ามาทำงานบริษัทแห่งนี้โดยยื่นใบสมัครเหมือนคนทั่วไป เขาเริ่มงานที่ฝ่ายการตลาดคอยเป็นเบ้รับใช้ทุกคนและปิดบังว่าเป็นใครทำให้เห็นจุดบกพร่องของการบริหาร ไม่นานเขาก็สามารถไต่ขั้นขึ้นเป็นหัวหน้าแผนกได้ด้วยอายุที่ยังไม่ถึงสามสิบปี วันที่รายชื่อประกาศตำแหน่งทุกคนก็อ้าปากค้างกับนามสกุลของกองทัพ เพราะไม่ใช่นายกองทัพ สุริยจักรแต่เป็นถึงนายกองทัพ วิจิตรประภาลูกชายคนโตของท่านประธานบริษัทอย่างคุณภราดร วิจิตรประภา
“วันนั้นพี่ขนลุกเลยนะ เคยด่าพ่อเขาไว้เยอะ” พูดแล้วก็ลูบแขนตัวเอง
วันนั้นทุกคนหน้าเสียอย่างเห็นได้ชัดแต่ที่ชัดสุดคงเป็นหัวหน้าคนเก่าที่แทบล้มทั้งยืนโดนย้ายไปประจำสาขาที่ต่างจังหวัดเนื่องจากละเลยหน้าที่แถมยังลางานบ่อยอีกด้วย
“ฉันก็ไม่ต่างกับเธอหรอก ใช้เขาตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ ขนาดผ้าอนามัยยังให้เขาไปซื้อให้เลย”
แม้กองทัพจะหน้านิ่งเหมือนไม่อยากทำอะไรดูเป็นคนขวางโลกแต่หากใช้ก็ทำไม่ขัด วันนั้นสจีวรรณปวดท้องประจำเดือนวันแรก ผ้าอนามัยก็ไม่มีเลยไหว้วานเด็กใหม่ไปซื้อให้ กองทัพก็ไม่อิดออดไปซื้อให้ทั้งยังได้แผ่นประคบร้อนมาอีกด้วย
“ว้ายๆ จะบ่ายโมงแล้วรีบไปกันเถอะ” อัญชิสามองนาฬิกาที่ข้อมือแล้วกระวีกระวาดเรียกแม่ค้ามาคิดเงิน ทั้งสามเดินแกมวิ่งไปที่ตึกก่อนจะถึงแผนกในเวลาฉิวเฉียด
ณชาถอนหายใจเดินไปที่โต๊ะกำลังจะนั่งลงหัวหน้าคนหล่อก็เปิดประตูออกมาเรียกเธอ
“ป้อนไปชงกาแฟมาให้หน่อย”
ก้นยังไม่ทันจะแตะเก้าอี้จำต้องเดินไปชงกาแฟตามคำสั่ง คราวนี้เธอจำวิธีทำได้จึงลงมือจัดการเองแล้วนำไปเสิร์ฟเขาในห้อง
“กาแฟค่ะ” วางไว้ที่เดิมพลางบ่นในใจ
‘คนอะไรกินกาแฟเช้ากลางวัน จะนอนหลับเหรอ’
“ขอบใจ” ยกกาแฟขึ้นจะดื่มก่อนชะงักเป่าเล็กน้อย ประสบการณ์ตอนเช้าสอนให้เขารู้ว่าลิ้นชาไม่ใช่เรื่องตลก ต้องระวังให้มากขึ้นเพราะณชาชงแบบน้ำร้อนชนิดที่สามารถลวกจนลิ้นละลายได้เลยละ
“ขอตัวนะคะ” ไม่ได้รับคำตอบจากเขาเธอจึงย่นจมูกใส่คนขี้เก๊ก ทีเมื่อวานยิ้มเรี่ยราดให้มาวันนี้กลับบึ้งตึงราวไปกินรังแตนมา ไม่พูดก็ไม่พูดเธอไม่เห็นจะสนใจเลย
ร่างบางเดินไปนั่งที่ประจำแล้วเริ่มงานตอนบ่าย เพียงแค่เปิดเอกสารหน้าแรกก็หาวเสียแล้ว
“จะรอดไหมเนี่ย” หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนแต่จำต้องฝืนทำงาน
..ตอนไหนจะเลิกงานสักทีนะเธออยากกลับไปนอนเต็มทีแล้ว
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็วแต่ในความรู้สึกของณชามันกลับนานราวพันปี แต่ละวันผ่านไปอย่างเชื่องช้ายิ่งช่วงบ่ายต้องหากิจกรรมทำเพื่อไม่ให้ตนเองง่วง บางวันก็ออกไปกับกองทัพเพื่อคุยกับลูกค้า หรือบางวันนั่งอ่านเอกสาร แปลเอกสาร ประชุมงาน
..ทำไมมันน่าเบื่อแบบนี้รู้อย่างนี้ไปช่วยพ่อกับพี่ชายเสียก็ดี
“ค่ะพี่ตฤณ” ทุกเช้าเมื่อมาถึงที่ทำงานแฟนหนุ่มก็จะโทรหาเวลาเดิมราวกับเป็นความเคยชินไปเสียแล้ว
‘วันนี้พี่ไปรับไม่ได้นะครับ มีเคสผ่าตัดต้องเข้าไปเป็นผู้ช่วยอาจารย์หมอ’
ณชาพยักหน้าทั้งที่รู้ว่าปลายสายคงไม่เห็น
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวป้อนกลับเอง”
นั่งแท็กซี่กลับไม่นานก็ถึงบ้าน อันที่จริงไม่อยากรบกวนเขาสักนิดรู้ว่ากว่าจะเลิกงานตฤณก็เหนื่อยอยู่แล้วยังต้องมารับเธอไปส่งบ้านอีก แต่ขัดใจได้ที่ไหนอีกฝ่ายดื้อเงียบจะตาย
‘ถึงบ้านโทรหาพี่ด้วยนะ’
หญิงสาวรับคำก่อนวางโทรศัพท์พอดีกับที่กองทัพเดินเข้าห้องโดยไม่ทักทายอะไรสักคำ คุ้มดีคุ้มร้ายจนตามไม่ทัน สัปดาห์ที่ผ่านมาก็แทบไม่ได้คุยอะไรกันเลยนอกจากเรื่องงาน
“ทำไมไม่มีกาแฟ” เข้าห้องไปได้สักพักเขาก็เดินออกมาถามเสียงเข้มราวเธอทำความผิดใหญ่หลวง
“ป้อนลืมค่ะ เดี๋ยวทำมาให้นะคะ”
ในขณะที่กำลังจะลุกขึ้นไปชงกาแฟกองทัพก็เอ่ยขึ้นลอยๆ
“คราวหลังก็ใส่ใจเรื่องนี้ให้เท่ากับที่ใส่ใจแฟนด้วยนะ” พูดจบหัวหน้าสุดหล่อก็เดินเข้าห้อง
ปล่อยให้ณชายืนอ้าปากค้างด้วยความโมโห
..เขากำลังหาเรื่องเธอชัดๆ ไปโกรธใครมาทำไมต้องมาลงที่คนอื่นด้วยเล่า!
คิดอย่างขัดใจก่อนจะไปชงกาแฟมาให้เขา
..คอยดูจะแกล้งใส่เกลือให้เป็นโรคไตเลย!
ช่วงบ่ายการทำงานราบรื่นดีไม่มีติดขัดจนกระทั่งกองทัพเรียกเลขาเข้าไปหาพร้อมทั้งสั่งให้แปลเอกสารภาษาอังกฤษเป็นปึกใหญ่ ใบหน้าหวานเหลือบมองนาฬิกาข้างผนังห้องบอกเวลาบ่ายสามแล้ว ทำไมเขาต้องมาสั่งงานตอนที่ใกล้เลิกงานด้วย
“พี่ต้องการเร็วที่สุดนะ” กำชับท้ายประโยคหลังสั่งงานซึ่งลูกน้องอย่างเธอก็ทำได้เพียงก้มหน้ารับคำหอบเอกสารปึกหนาออกไปข้างนอก
ไม่ทันได้เห็นร่างสูงยกยิ้มมุมปาก
ภายในออฟฟิศคนเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ เพราะถึงเวลาเลิกงาน ณชาได้แต่มองตามตาละห้อยทั้งที่ใจอยากกลับบ้าน หอบไปทำที่บ้านดีไหมนะ..ไม่เอาดีกว่าทำให้เสร็จที่นี่แหละ สูดลมหายใจเข้าลึกเรียกกำลังใจให้ตนเองก่อนจะเริ่มงาน แต่ทำไปได้เพียงครู่เดียวก็รู้สึกห่อเหี่ยวอีกครั้ง หางตาเหลือบไปมองประตูบานหนาซึ่งปิดไม่ให้เห็นคนข้างในก็ก่นด่าเขาในใจ
..เผด็จการที่สุด เอกสารก็ไม่เห็นจะสำคัญทำไมต้องสั่งเร่งทำด้วย
ณชาทำงานให้เขาไม่ได้สนใจรอบข้างเลยว่าไฟเริ่มปิดไปทีละดวงกระทั่งเธอทำงานทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยจึงเงยหน้าขึ้นมองพบว่าออฟฟิศที่เคยมีคนเต็มห้องกลับเหลือเพียงเธอคนเดียว อยู่ดีๆ ขนแขนก็ลุกชันด้วยจินตนาการของตนเอง
“อยู่ไม่ได้แล้ว” มองเวลาที่หน้าจอคอมพึ่งรู้ว่าทำงานถึงสองทุ่ม ไม่ใช่แค่ข้างมืดภายในห้องก็มืดด้วย เธอเก็บของบนโต๊ะจัดเรียบร้อยก่อนจะหยิบกระเป๋าลุกขึ้น
“ป้อน”
“ว้าย!” คนตัวเล็กตกใจแทบสิ้นสติเมื่อกำลังจะลุกขึ้นก็มีคนมาเรียก ดวงตากลมโตมองตามเสียงเห็นเป็นกองทัพก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก“พี่ทัพเล่นอะไรคะ มาไม่ให้ซุ่มให้เสียงตกใจหมดเลย” แหวใส่เสียงดังพลางจับหัวใจรับรู้ได้ถึงอัตราการเต้นที่เร็วกว่าปกติ
..เกือบหัวใจวายตายแล้วไหมล่ะ
“ยังกลัวผีไม่หายอีกเหรอ” ถามเสียงกลั้วหัวเราะ เขารู้ว่าณชาค่อนข้างที่จะกลัวผีแต่ก็ยังชอบดูหนังผีฟังเรื่องเล่าผีจนเก็บเอาไปคิดมากนอนไม่หลับลำบากคนอื่นต้องไปนอนเป็นเพื่อน หรือบางครั้งแค่ความมืดก็ทำให้เธอเริ่มจินตนาการถึงเรื่องราวอีกโลกไปไกลแล้ว
“ใครว่าป้อนกลัว ไม่ได้กลัวสักหน่อยแค่ตกใจ ตกใจเท่านั้นเองค่ะ” ย้ำให้เขารู้พลางเชิดหน้าขึ้นก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงของตก ร่างบางผวาเข้าไปเกาะแขนคนตัวสูงซึ่งเป็นที่พึ่งเดียวของตนในตอนนี้ บดเบียดร่างกายให้ใกล้ชิดเขามากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“มือพี่ปัดไปโดนกล่องปากกาตกน่ะ” เมื่อทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบกองทัพจึงกระซิบแผ่วเบาข้างหูเธอที่หลับตาปี๋ ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองเขาในระยะประชิดแล้วรีบออกห่างทันที
“พี่ทัพแกล้งป้อนใช่ไหม” กล่าวหาเขาด้วยใบหน้าบึ้งตึง
“เปล่า พี่จะไปแกล้งป้อนทำไมไม่กลัวผีไม่ใช่เหรอ” ใบหน้าคมอมยิ้มอย่างมีความสุขซึ่งไม่ได้เห็นตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
คนตัวเล็กส่งสายตาค้อนใส่เขาแล้วเดินนำออกไปข้างนอกก่อนจะนึกได้จึงรีบกลับมาเดินข้างกองทัพ
“อ้าว ไม่ไปก่อนเหรอ” หันไปเย้าแม้จะรู้เหตุผลที่ณชาเดินเคียงข้างตน
“ไม่ค่ะ” อยากกอดแขนเขาด้วยซ้ำแต่ไม่อยากเสียฟอร์มไปมากกว่านี้จึงทำเพียงเดินใกล้กองทัพแทน มองซ้ายขวาเพื่อดูความผิดปกติก็ไม่เห็นมีอะไร ไฟในแผนกถูกปิดจนหมดเหลือเพียงไฟตามทางเดินเท่านั้น ทั้งสองรอลิฟต์ด้วยกันไม่นานประตูลิฟต์ก็เปิดออก
“เข้ามาเร็วสิคะ” ร่างบางก้าวเข้าไปก่อนแต่กองทัพเหมือนจะรีรอกระทั่งตัดสินใจเดินเข้าไป ใบหน้าคมมีแววครุ่นคิดแล้วกดชั้นหนึ่ง
ณชาถอนหายใจด้วยความโล่งอกคิดว่ารอดแล้ว
“กลับค่ำแบบนี้แฟนไม่รอแย่แล้วเหรอ” ร่างสูงหันไปถามเสียงเรียบ
“ไม่ค่ะ พี่ตฤณติดเคสมารับไม่ได้” แล้วทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ ณชามองเลขชั้นก่อนจะขมวดคิ้วเพราะลิฟต์ไม่เคลื่อนไปไหน
“พี่ทัพทำไมลิฟต์ไม่ไป” ถามเขายังไม่ทันได้คำตอบไฟในลิฟต์ก็ดับรับรู้ได้ถึงแรงสั่นหนึ่งครั้งก่อนทุกอย่างจะเงียบลง ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นคว้าแขนหนากอดเข้าทันที หัวใจเต้นระรัวด้วยความกลัวหลับตาแน่นพร้อมทั้งสวดมนต์ในใจ
“พี่ทัพลิฟต์ค้าง ทำไงดี พี่ทัพ” เขย่าแขนเขาทั้งที่ตนเองยังไม่ลืมตาในขณะที่คนตัวสูงมีสติจึงกดปุ่มฉุกเฉินภายในลิฟต์ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูสัญญาณก็พบว่าไม่สามารถโทรออกได้ สัญญาณอินเตอร์เน็ตก็ไม่มีคงต้องรอเวลาอย่างเดียว
“ใจเย็นก่อนนะ” เพราะไฟดับทุกอย่างจึงไม่สามารถติดต่อคนข้างนอกได้เลย สงสัยต้องรอไฟมา ก่อนเข้าลิฟต์ก็นึกเอะใจว่ามีการแจ้งเตือนจะซ่อมไฟในเวลาสองทุ่มถึงสองทุ่มครึ่ง ยกมือถือขึ้นมาดูเวลาเหลืออีกตั้งยี่สิบนาที
..หวังว่าณชาคงไม่เป็นลมไปก่อนนะ
“ป้อนกลัว” บอกเสียงสั่นเหมือนคนร้องไห้
เขาพาเธอมาชิดผนังแล้วให้คนตัวเล็กนั่งลงมือหนาโอบไหล่บางเอาไว้ซึ่งหญิงสาวก็เบียดตัวเข้าใกล้ร่างสูงด้วยความกลัว เธอยังคงหลับตาไม่กล้ามองฝ่าความมืด
“เดี๋ยวพี่เล่านิทานให้ฟัง”
เหมือนย้อนไปครั้งยังเป็นเด็ก เด็กชายกองทัพชวนเด็กหญิงณชาเล่นซ่อนแอบ สาวน้อยเข้าไปหลบในห้องเก็บของจนพี่ชายตามมาเจอแต่ก็เพราะประตูเสียจึงไม่สามารถออกไปไหนได้กระทั่งตะวันตกดิน
เด็กหญิงณชาร้องไห้งอแงโดยมีพี่ชายปลอบไม่ห่าง เขาเล่านิทานให้เธอฟังจนน้องน้อยนอนหลับและมีคนมาเจอพาทั้งสองออกจากห้องนั้น ต่อมาห้องเก็บของจึงถูกปิดตายกลัวเด็กเข้าไปเล่นอีก
“ไม่เอาเด็กเลี้ยงแกะแล้วนะ”
ใบหน้าคมหลุดยิ้มเพราะนิทานเรื่องนี้เป็นเรื่องหากินของเขา ใช้ได้กับทุกสถานการณ์
“ถ้าไม่เอาเรื่องนี้พี่ก็ไม่รู้จะเล่าอะไรแล้วนะ มีอยู่เรื่องเดียว”
ณชาขำเสียงดังเพราะตั้งแต่เล่นมาด้วยกันก็เห็นกองทัพมีนิทานในใจก็แค่เรื่องนี้เท่านั้น สงสัยชอบเด็กเลี้ยงแกะ ใบหน้าหวานลืมตาและเงยหน้าขึ้นไปมองเขาพลันทั้งสองก็สบตากันในความมืด
ทุกอย่างเหมือนเดจาวูในคืนนั้น..คืนที่เขาเมาไม่ได้สติ
มือหนาจับที่ใบหน้าหวานก่อนจะโน้มตัวไปจุมพิตเธออย่างรวดเร็ว เขาดันตัวณชาให้ติดผนังจนไม่สามารถหลีกหนีสถานการณ์ตรงหน้าได้ ริมฝีปากหนาดูดดึงริมฝีปากบางในขณะที่ดวงตาคมก็จ้องมองอีกฝ่ายในความมืดมิด
ณชารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะขาดอากาศหายใจจริงๆ หัวใจเต้นรัวเพราะไม่เข้าใจกับสิ่งที่กองทัพทำ มือเล็กทุบอกเขาแรงแน่นอนว่าร่างหนาเจ็บแต่ไม่อาจผละไปได้
“อื้อ” ประท้วงเขาเพราะเริ่มหายใจไม่ออก
ชายหนุ่มจึงผละออกเพื่อให้เธอได้สูดอากาศที่มีน้อยเข้าไปแต่ไม่ปล่อยให้ห่างนานเขาก็เลื่อนใบหน้าเข้าไปจูบอีกครั้งและครั้งนี้เนิ่นนานกว่าเมื่อครู่ราวกับต้องการย้ำเตือนบางสิ่งให้กระจ่าง
พรึบ
ไฟสว่างขึ้นก่อนตัวลิฟต์จะเคลื่อนลงไปข้างล่าง ณชาใช้แรงผลักเขาออกไปทันทีแล้วรีบลุกขึ้น ดวงตากลมโตแดงก่ำเพราะกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา
เพียะ
ใบหน้าคมหันตามแรงตบก่อนที่ประตูลิฟต์จะถูกเปิด ร่างบางวิ่งหนีเขาอย่างไร้ทิศทางออกมานอกตึกก็เห็นช่างไฟยืนกันเต็มจึงเดินเลี่ยงหนีไปอีกทางโดยมีร่างสูงเดินแกมวิ่งตามออกมา
“เดี๋ยวก่อนป้อน” ตะโกนเรียกเธอไม่ได้ดูทางจนชนเข้ากับช่างไฟทำให้เห็นร่างเล็กวิ่งไปโบกรถแท็กซี่แล้วหายลับไม่อาจตามทัน
เขาสบถอย่างขัดใจแล้ววิ่งไปที่รถยนต์ของตนเองหวังจะตามอีกฝ่ายทว่าก็ไม่กล้าไปบ้านของณชา
“โธ่เว๊ย”
เขาเป็นพี่ชายจะให้เอาเหตุผลอะไรขอพบลูกสาวคุณศลิษา หากบอกว่าจูบลูกสาวท่านคงถูกไล่ตะเพิดออกจากบ้านแทบไม่ทัน อีกทั้งป้อนข้าวมีแฟนอยู่แล้วด้วย
กองทัพทุบพวงมาลัยอย่างขัดใจก่อนจะนึกได้ว่าควรไปที่ไหน..
คอนโดของตนเองเพื่อพิสูจน์บางเรื่อง
โรงพยาบาลยามค่ำคืนช่างเงียบเหงาและดูอ้างว้างเหลือเกิน คุณหมอตฤณเดินออกจากห้องทำงานหลังเปลี่ยนชุดเรียบร้อย เขาโทรหาแฟนสาวแต่เธอก็ไม่รับสายไม่รู้ว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ชายหนุ่มยิ้มให้คุณพยาบาลที่อยู่เวรทักทายเพียงเล็กน้อย
“อ้าวหวานยังไม่กลับเหรอ” คนตัวเล็กในชุดเสื้อกาวน์เดินออกมาจากห้องตรวจเจอกับเพื่อนชายคนสนิทก็ส่ายหน้า
“เรามีเคสเลยต้องศึกษาข้อมูลไว้ก่อน”
หวานใจหรือคุณหมอณัชชา ศรีส่องกังวานเป็นสูตินรีแพทย์และยังเป็นแพทย์หญิงเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของตฤณอีกด้วย รู้จักกันตั้งแต่เรียนคณะแพทย์ศาสตร์ปีหนึ่ง หญิงสาวเป็นคนเงียบ ตัวก็เล็กผิวขาวซีดราวไม่เคยโดนแดด ใส่แว่นตาหนาเตอะจนโดนล้อบ่อยครั้งซึ่งณัชชาก็ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ เย็นชาแต่จริงใจ
“สู้ๆ นะครับ” เอื้อมมือไปยีผมสวย
“เราไม่ได้สระผมมาสามวันแล้วนะ”
ชายหนุ่มรีบชักมือกลับทันทีจนณัชชาอมยิ้ม
“ล้อเล่น”
ตฤณยิ้มออกมารู้สึกเอ็นดูเพื่อนเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ณัชชาชอบทำงานจนลืมเวลาหรือบางครั้งก็อ่านหนังสือหนักจนลืมกินข้าวลำบากเขาต้องพาไปโรงพยาบาลเพราะโรคกระเพาะกำเริบ
“ถ้าอย่างนั้นเรากลับแล้วนะ”
โบกมือลากันเรียบร้อยร่างบางก็มองตามหลังของเพื่อนชายก่อนจะถอนหายใจแผ่วเบา ตฤณก็ยังคงเป็นตฤณวันยังค่ำ แม้เธอจะบอกความในใจกับเขาแล้วอีกฝ่ายก็ให้ได้เพียงสถานะเพื่อน ทุกอย่างยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
เขาที่คิดแค่เพื่อนและเธอที่คิดมากกว่าเพื่อน
ตฤณขับรถพลางฟังเพลงอย่างมีความสุข ณชาโทรกลับมาหาเขาบอกว่าถึงบ้านเรียบร้อยแล้วที่ไม่ได้รับเพราะปิดเสียงโทรศัพท์เอาไว้ เพียงเท่านี้จากอารมณ์กระวนกระวายก็มลายราวไม่เคยเกิดขึ้น
..เท่านี้ก็ถือเป็นสัญญาณอันดีว่าไม่นานหญิงสาวอาจมีใจให้เขาบ้าง เธอจะไม่หวั่นไหวกับคนดีๆ อย่างเขาเลยหรือ
คิดอย่างเข้าข้างตนเองกระทั่งผ่านสะพานแห่งหนึ่งดวงตาคมเหลือบไปมองเห็นผู้หญิงกำลังจะกระโดดน้ำเขารีบมองรถข้างหลังแล้วตีไฟเลี้ยวทันที จอดรถเสร็จรีบวิ่งไปหาร่างบางแล้วคว้าเอวบางเอาไว้
“ว้าย” หญิงสาวร้องตกใจที่มีผู้ชายมาคว้าเอวแล้วยกตัวเธอให้ลงมายืนที่พื้นจากราวสะพาน“ทำบ้าอะไรของคุณ” คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วตะคอกใส่เสียงดัง ใบหน้ามีแววหงุดหงิดแล้วถอยห่างจากชายแปลกหน้า
“คุณนั้นแหละทำบ้าอะไร” คุณหมอถามกลับเสียงดังไม่แพ้กัน เขาหายใจเข้าออกระงับความโกรธเอาไว้ ไม่ชอบสักนิดที่มีคนเห็นชีวิตเป็นของเล่น
“ฉันทำอะไร”
“คุณกำลังจะฆ่าตัวตายไง” ระเบิดอารมณ์ใส่เธอจนคนที่โดนเข้าใจว่าคิดสั้นสะดุ้ง มองดวงตาคมที่แดงก่ำของเขาก็เริ่มรู้สึกผิดทั้งที่ไม่รู้ว่าทำถึงรู้สึกแบบนั้น
“ฉันไม่ได้จะฆ่าตัวตาย แค่มีอะไรให้คิดนิดหน่อยเลยมานั่งเล่น” ตอบเสียงแผ่ว
แต่ตฤณกลับหัวเราะเสียงขึ้นจมูก ร่างสูงเข้าไปจับไหล่เล็กเอาไว้เธอจึงเงยหน้าขึ้นจ้องเขา
“อย่าทำแบบนี้อีก ชีวิตคุณมีค่าอย่าคิดว่าไม่มีใคร อย่าแบกรับความทุกข์ไว้คนเดียว หรือถ้าจะฆ่าตัวตายอีกก็นึกหน้าผมไว้ ถ้าคุณตายผมจะสาปแช่งไม่ให้คุณไปผุดไปเกิด”
ร่างบางนิ่งอึ้งก่อนจะผลักชายหนุ่มออกห่างตนเอง
“ไอ้บ้า ฉันไม่ได้จะฆ่าตัวตายอยู่ดีๆ มาสาปแช่งกันบ้าหรือเปล่า!” ว่าจบก็หันหลังกลับเดินไปที่รถของตนเองขับออกไปทันที
ฝ่ายหมอหนุ่มก็ทรุดลงนั่งบนพื้นสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ เขาคิดถึงภาพวันนั้น วันที่เห็นศพของน้องชายขึ้นมาจากน้ำ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานกี่ปีก็ไม่เคยลืมภาพนั้นได้เลย
กลายเป็นความทรงจำที่เลวร้ายในชีวิตของเขา
๖เตือนความจำณชาขึ้นบนบ้านโดยไม่รับประทานอาหารเย็นเพราะเลยเวลามามากแล้วอีกอย่างคือเธอกินอะไรไม่ลงหลังผ่านเหตุการณ์เมื่อสักครู่มา..กองทัพจูบเธอ..เขาทำแบบนี้ทำไม ระหว่างทางก็นึกมาตลอดแต่ไม่สามารถหาเหตุผลมารองรับได้เขาเห็นเธอเป็นของตายที่อยากทำอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ..เธอเป็นคนไม่มีชีวิตจิตใจหรือไง..บางครั้งก็ทำเย็นชาไม่สนใจ บางครั้งก็เข้าหาอย่างไม่มีเหตุผลราวต้องการล้อเล่นกับความรู้สึกสับสนจนคิดอะไรไม่ออกจึงไปชำระร่างกายตนเองแต่งชุดนอนออกมายืนที่ระเบียงของห้องเหม่อมองท้องฟ้าที่มืดสนิทเห็นเพียงพระจันทร์เสี้ยวก๊อก ก๊อก ก๊อก“เข้ามาเลยค่ะไม่ได้ล็อก” เสียงประตูเปิดโดยที่ณชาไม่ได้หันไปมอง เธอยังคงนั่งเล่นอยู่ที่ระเบียงคนเข้ามาใหม่จึงเดินมานั่งด้วย“วันนี้กลับดึกนะ”หันมามองพี่ชายแล้วถอนหายใจทันที เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้เจอกันนักหรอกเพราะพี่เปเปอร์ หรือนายนนกุล พิบูลกนกกลายเป็นผู้ช่วยผู้กำกับควบด้วยตำแหน่งผู้จัดละครงานหนักจนแทบไม่มีเวลาพัก ยิ่งบิดามีค่ายสร้างละครเป็นของตนเองก็ไม่ค่อยได้กลับบ้าน“คิดถึงจังเลย ขอน้องกอดหน่อย” เข้าไปกอดพี่ชายที่เต็มใจรับอ้อมกอดจากน้องสาวดูจากหน้าก็รู้ว่าณชามี
๗คือเธอวันเสาร์อาทิตย์ที่หยุดไปยังไม่อาจทำให้ณชาลืมเลือนเรื่องวันนั้นได้ เธอตื่นมาด้วยความคิดอยากลาออกจากงานอีกครั้งทั้งที่ยังทำได้ไม่ถึงเดือน หากบอกมารดาท่านจะต้องเทศน์เป็นการใหญ่แน่เพราะฉะนั้นเงียบไว้ดีที่สุด แค่ทนไปอีกไม่นานหน้าที่นี้ก็คงจบลงแล้ว คิดดังนั้นก็พอจะงัดตนเองขึ้นจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำได้บ้าง“ทำไมวันนี้ลงมาช้ากว่าปกติ” คุณศลิษาเอ่ยถามบุตรสาวเพราะเห็นว่าลงมาสายกว่าปกติถึงสิบห้านาที ร่างบางถอนหายใจอยากเอ่ยเรื่องคับอกแต่จำต้องเก็บเอาไว้“เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับเลยตื่นสายค่ะ” ข้อแก้ตัวฟังขึ้นแต่มารดาไม่ค่อยเชื่อจึงหรี่ตามองบุตรสาวตนเองพยายามจับผิด“ไม่ใช่ขี้เกียจไปทำงานนะ” ดูเหมือนว่าณชาจะทำอะไรคนเป็นแม่ก็รู้ไปหมดทุกอย่างร่างบางรีบส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธทั้งที่ในใจตอบรับไปแล้ว ใบหน้าหวานแสร้งยิ้มหวานหยดย้อยเกินความจำเป็นก่อนพูดปดให้คุณศลิษาฟัง“ใครจะไปขี้เกียจได้คะ งานดีเจ้านายดีเงินเดือนดีขนาดนี้ อยากทำงานทุกวันเลยค่ะ”พูดเกินจริงแบบนี้คนแก่กว่าก็ตกลงใจว่าลูกสาวคงขี้เกียจจริงดังที่คิดจึงได้แต่ส่ายหน้ารับประทานอาหารเช้าไปเงียบๆ บนโต๊ะยาวที่มีเก้าอี้กว่าสิบตัวแต่ถูกจับจอง
๘แย่งชิงกองทัพเดาะลิ้นมองตฤณแล้วแสยะยิ้มราวกับไม่สนใจในสิ่งที่คนตรงหน้าต้องการจะสื่อทั้งที่ในใจก็รู้สึกผิด คำพูดของน้องชายแวบเข้ามา‘คนที่ใช่ถ้ามาในเวลาที่ไม่ใช่ มันก็ไม่ใช่เคยได้ยินไหมพี่’เขาคือคนที่ใช่ซึ่งมาผิดเวลา..แต่แล้วยังไงล่ะ เขาจะทำให้ทุกอย่างมันใช่เองแหละ“เลิกยุ่งกับป้อนเถอะครับ ระหว่างคุณสองคนขอให้อยู่ในสถานะเจ้านายกับลูกน้อง”หนุ่มนักบริหารยกกาแฟขึ้นจิบทำท่ากวนจนคุณหมอต้องข่มอารมณ์โกรธเอาไว้“แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าผมกับป้อนมีอะไรเกินเจ้านายลูกน้อง คิดไปเองหรือเปล่าครับคุณหมอ” วางแก้วกาแฟลงแล้วยกมือกอดอกอีกครั้งราวต้องการปกปิดความรู้สึกบางอย่างตฤณกำมือแน่น เขารักณชาจนไม่อาจทนเสียเธอไปได้จึงยอมทิ้งศักดิ์ศรีมาขอร้องผู้ชายคนนี้ที่กำลังจะเข้ามาทำลายความสัมพันธ์ที่เขาพยายามรักษาเอาไว้“หรือว่าป้อนบอกคุณแล้ว” ทำท่าตกใจเกินจริงราวกับต้องการยั่วให้หมอโมโห“ว่าที่จริงคนที่ป้อนรักคือผมไม่ใช่คุณ”ตฤณตบโต๊ะเสียงดังลุกขึ้นจ้องมองกองทัพอย่างหาเรื่อง อยากตรงเข้าไปคว้าคอเสื้อคนตรงหน้าไว้แล้วชกสักหมัดแต่ก็ต้องห้ามใจหันมองโดยรอบผู้คนเริ่มแตกตื่น ทั้งพนักงานที่ทำเหมือนจะเข้ามาช่วยไกล่เกล
๙เธอจะดีหรือร้ายตั้งแต่วันนั้นก็ผ่านมากว่าหนึ่งสัปดาห์ทว่ากองทัพยังไม่ได้เดินหน้าอย่างที่บอกกับหมอตฤณเหตุก็เนื่องมาจากงานเยอะแทบไม่มีเวลากระดิกตัวณชาเองก็ไม่ต่างกันเธอต้องจัดเตรียมเอกสารทั้งนัดลูกค้าให้เจ้านายไหนจะติดต่องานกับแผนกอื่น วันเสาร์อาทิตย์ที่เคยได้หยุดอยู่บ้านก็จำต้องลุกจากที่นอนเพื่อมาทำงานกระทั่งวันนี้ที่งานทั้งหมดสิ้นสุดลงผ่านสัปดาห์นรกไปแล้วร่างบางก็ถอนหายใจด้วยความเหนื่อย อยากลาออกใจจะขาดแต่ก็ทำไม่ได้เพราะมีมารดาถือแส้ยืนรออยู่บ้านไหนจะเงินที่ต้องกินต้องใช้อีก คนเราอยู่ได้เพราะเงินจริงๆช่วงที่ผ่านมาณชายุ่งจนแทบไม่ได้คุยกับคุณหมอแต่เขาก็ขยันโทรหาไม่มีขาดจนรู้สึกผิดกับชายหนุ่ม ครั้งนี้ก็เช่นกันที่โทรมาแต่เช้า“ค่ะพี่ตฤณ”‘ถึงที่ทำงานรึยังครับ’มองนาฬิกาก็โคลงศีรษะเล็กน้อยก่อนจะอมยิ้ม โทรมาเวลาเดิมเหมือนทุกวันราวกับว่าตั้งเวลาสำหรับโทรหาเธอไว้อย่างนั้นแหละ“ถึงแล้วค่ะ พี่ตฤณถึงรึยังคะ” ณชาคงไม่รู้ว่าคำถามเพียงประโยคเดียวก็สามารถทำให้คุณหมอสุดฮอตของโรงพยาบาลยิ้มออกมาได้‘ถึงนานแล้วครับ พี่กำลังจะไปตรวจคนไข้’ “อ๋อ ถ้าอย่างนั้นพี่ตฤณตรวจคนไข้เถอะค่ะ ป้อนไม่กวนแล้ว” ขณะ
๑๐ทวงคืนบนรถยนต์คันหรูมีเพียงความอึดอัด ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาอีกหลังจบประโยคของปลายฟ้าณชาเหม่อมองข้างนอกแต่ใจกลับล่องลอยกลับไปยังอดีตที่ขื่นขม ในขณะที่เธอเป็นนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งคณะนิเทศศาสตร์มหาวิทยาลัยแห่งเดียวกับกองทัพและปลายฟ้าทว่าแทบไม่เคยเห็นสองคนนั้นเลย หากไม่ใช่ตนพยายามเข้าไปในวงโคจรของกองทัพเอง“เสียดายถ้าเราว่างจะชวนทัพไปกินข้าวด้วยกันสักหน่อย” คนข้างหลังเขยิบไปใกล้กองทัพมากขึ้นพลางถามด้วยใบหน้าแสนเสียดายณชาแอบมองแล้วเบ้ปากไม่ให้ทั้งสองคนเห็น“เอาไว้คราวหน้าดีไหม เราจะไปหาทัพถึงที่ทำงานเลย”ร่างบางที่เงียบมานานก็ได้โอกาสเปิดปากพูดด้วยใบหน้าเหนือกว่า“ช่วงนี้พี่ทัพงานยุ่งมากเลยค่ะคงไม่ค่อยมีเวลาให้พี่ปลายเท่าไหร่ หรือถ้าจะมาก็โทรถามป้อนก่อนนะคะจะได้ดูตารางงานพี่ทัพให้ว่าว่างหรือเปล่า”ปลายฟ้าหันมามองแววตาสงสัยแต่ไม่ได้ถามออกไปจนณชาต้องไขความกระจ่าง“ตายแล้ว พี่ปลายคงยังไม่รู้ว่าตอนนี้ป้อนเป็นเลขาให้พี่ทัพน่ะค่ะ”กองทัพมองสองสาวที่แม้น้ำเสียงจะราบเรียบแต่วาจากลับเชือดเฉือนกันจนกลัวว่าจะมีการฆาตกรรมเกิดขึ้นบนรถคันนี้“อ๋อ จริงเหรอคะ ดีใจด้วยแล้วกันนะแต่ก็แค่เลขาแหละค่ะคงไ
๑๑อย่าไปได้ไหมกองทัพมาถึงที่ทำงานแต่เช้าทว่าไม่ทันเลขาสาวซึ่งนั่งที่ประจำหัวหมุนกับงานจนไม่ได้เอ่ยทักทายเจ้านาย เข้ามาภายในห้องร่างสูงก็เห็นแซนด์วิชขนาดเล็กสี่ชิ้นวางไว้บนจาน ข้างกันนั้นมีกาแฟดำของโปรดทำเอาใบหน้าคมหลุดยิ้มออกมาคาดว่าคงไม่ใช่ฝีมือของณชาแน่นอนเธอทำอาหารเป็นเสียที่ไหน เข้าครัวทีไรก็สร้างความพินาศเมื่อนั้นจึงโดนขอร้องให้นั่งรออยู่เฉยๆร่างสูงหยิบแซนด์วิชขึ้นมากินอย่างเอร็ดอร่อย ที่เขาไม่ร่วมโต๊ะกับครอบครัวก็เพราะจำได้ว่าหญิงสาวจะนำแซนด์วิชมาให้นั่นแหละ มีแววเชื่อฟังตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นอะไรกันด้วยซ้ำ ชายหนุ่มนั่งกินจนหมดดื่มด่ำความอร่อยกระทั่งถึงเวลางานจึงเร่งมือเพื่อให้ทันเวลาไม่ต่างกับณชาที่ต้องไปประชุมกับฝ่ายอื่นแล้วนำสรุปมาให้กองทัพอ่าน จากเคยคิดว่าผ่านสัปดาห์วุ่นวายมาแล้วกลับไม่เป็นอย่างที่คิดเพราะสัปดาห์นี้ก็วุ่นวายไม่แพ้กัน แต่ดีหน่อยวันเสาร์อาทิตย์ได้หยุดจึงตั้งหน้าตั้งตารอจนอยากไปหมุนพระอาทิตย์ให้เดินเร็วกว่านี้หลังประชุมเสร็จเลขาสาวก็เดินกลับมาประจำโต๊ะตัวเองพลางถอนหายใจด้วยความเหนื่อย การประชุมเป็นไปอย่างเคร่งเครียดจนเธอกดดันไปด้วยดีที่ผ่านไปอย่างราบรื่นไม่
๑๒วันวานยังหวานอยู่จริงหรือแสงตะวันทาบทับขอบฟ้าทว่ากลับส่องไม่ถึงห้องพักภายในคอนโดหรูเพราะมีผ้าม่านทึบบดบังแสงแดดจนไม่อาจสาดเข้าไปรบกวนบุคคลที่กำลังนอนบนเตียงได้ ร่างบางพลิกตัวมาอีกทางเพราะรู้สึกเมื่อยก่อนจะสัมผัสได้ถึงลมหายใจซึ่งเป่ารดหน้าผากอยู่ สติที่หายไปเริ่มกลับมาอีกครั้ง..หรือว่าจะเป็นดวงตากลมโตลืมขึ้นด้วยความดีใจทว่าต้องเศร้าสลดเมื่อคนที่คิดกับคนในความจริงเป็นคนละคนกัน“ทัพ”ไม่ใช่เตชิตกลับเป็นกองทัพที่นอนอยู่บนเตียงกับเธอตั้งแต่เมื่อคืน..เมื่อได้อยู่ใกล้กันขนาดนี้จึงอดสำรวจใบหน้าคมอีกครั้งไม่ได้ หากถามว่ารู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็คงตอบว่านานมาแล้ว ครั้งยังเป็นเด็กอนุบาล ตอนนั้นผู้ชายคนนี้อ้วนกลมหน้าเต็มมักจะมีขนมอยู่ติดมือเสมอ เขามีรอยยิ้มน่ามองแต่ไม่ได้ครอบครองใจของเธอเพราะชายหนุ่มผู้เป็นดังรักแรกคือพณณกรเพื่อนสนิทของกองทัพปลายฟ้าพยายามเข้าหารักแรกก่อนจะได้เขามาครอบครอง โลกทุกอย่างเป็นสีชมพูกระทั่งเกิดปัญหาครอบครัวขึ้นชีวิตของเธอพังครืนภายในคืนเดียว รีบสะบัดหัวไล่ความคิดในอดีตก่อนจะฉีกยิ้มยกมือขึ้นมาสัมผัสใบหน้าคมที่หล่อบาดใจใครจะคิดว่าโตขึ้นจะหล่อเหลาขนาดนี้ หล่อ รว
๑๓เราและนายการทำงานไม่ใช่เรื่องน่าอึดอัดสำหรับกองทัพแต่คนที่ทำให้บรรยากาศเป็นแบบนั้นคือณชา เขาเพียรง้อด้วยคำพูดก็แล้ว ทั้งสั่งดอกไม้มาให้ถึงโต๊ะทำงานผู้คนเห็นต่างฮือฮาแต่ร่างบางกลับไม่สนใจ เธอนำดอกไม้จัดใส่แจกันเอามาไว้ในห้องของเขาแทน ใจแข็งจนหมดมุกจะง้อแล้วในขณะที่ร่างสูงเอาแต่มองแผ่นหลังบางของเลขาโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเรียกความสนใจ เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์บ้านจึงต้องรับอย่างเสียไม่ได้“ครับ” ดวงตาคมเลื่อนจากณชามองเอกสารตรงหน้า‘วันนี้รีบกลับนะลูก อย่าลืมนะว่ามีงานวันเกิดพ่อ’กลัวว่าลูกชายตัวดีจะทำงานจนลืมวันลืมคืนจึงต้องโทรมาย้ำอีกรอบกองทัพตอบรับมารดาเสียงนุ่ม“รับทราบครับไม่ลืมแน่นอน”เพียงเท่านั้นคุณเปมิกาก็บอกลูกให้ตั้งใจทำงานแล้ววางสายปล่อยให้กองทัพทำงานต่อไปแต่ท่านไม่รู้เลยว่างานไม่เข้าหัวผู้บริหารหนุ่มสักนิดเพราะเอาแต่จ้องคุณเลขาทั้งวันจนไม่เป็นอันทำอะไร ด้วยความอัดอั้นใจทนไม่ไหวอีกทั้งพรุ่งนี้ก็วันเสาร์แล้วคงไม่ได้เจอหน้าต้องรีบเคลียร์ให้จบ“ป้อนเอาเอกสารประชุมครั้งที่แล้วมาให้พี่หน่อย” กดโทรศัพท์สั่งงานให้คนข้างนอกเข้ามาหาตนซึ่งณชาก็สามารถแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ เธอหย
ตอนพิเศษ...หนีเที่ยวงานแต่งระหว่างกองทัพและณชาจัดขึ้นอย่างใหญ่โตขัดกับความต้องการของทั้งสองที่อยากได้แบบเรียบง่าย ทว่าหน้าที่การงานไม่เอื้ออำนวยในเมื่อเจ้าบ่าวเป็นถึงคณะกรรมการของบริษัทมีคนนับหน้าถือตา ทั้งยังคู่ค้าที่ติดต่อกันมานานหากจะไม่เชิญก็กระไรอยู่“เฮ้ยไอ้เอิร์ธ มึงกลับมาแล้วเหรอวะ” ขณะที่ยืนรอต้อนรับแขกที่ด้านหน้างานดวงตาคมก็เห็นเพื่อนสนิทใส่สูทผูกไทด์ผมที่เคยรุงรังหรือหนวดเคราครึ้มก็ถูกจัดการจนกลับมาหล่อเกินหน้าเกินเจ้าของงาน สองหนุ่มก่อนกันเนื่องจากไม่พบกันเกือบสามปีครึ่ง“กูแค่มางานแต่งมึง เดี๋ยวก็บินกลับแล้ว” กองทัพแทบจะปรบมือให้ในความทุ่มเทของอีกฝ่ายเพราะขนาดน้องแท้ๆ ยังปฏิเสธจะมาร่วมงานแต่งของพี่มันเลย“ดีใจที่มึงมา งานนี้ขอซองหนักๆ” ตบบ่าหนาเต็มแรงไปหนึ่งที“ได้ เดี๋ยวกูขอไปซื้อหินมาใส่ซองก่อนแล้วกัน” รั้งไว้แทบไม่ทันเพราะดูเหมือนสัตวแพทย์หนุ่มจะทำจริงอย่างที่ว่า ณชามองพี่ชายทั้งสองพลางอมยิ้มมีความสุข กระทั่งพณณกรหันมาหาน้องสาวคนสนิท“ลงเอยกับมันสักทีนะเรา หลังจากร้องไห้มานาน” จะเอื้อมมือขึ้นไปลูบศีรษะเจ้าสาวก็โดนเจ้าบ่าวจับมือเอาไว้ก่อน“ตามองมืออย่าต้องครับ เจ้าสาวก
สุขสันต์วันปีใหม่ เทศกาลที่หลายคนรอคอยมาถึงอีกครั้งแม้ประเทศจะไม่ใช่เมืองหนาวทว่าประชาชนส่วนใหญ่ก็ทำตัวให้กลมกลืนได้อย่างไม่น่าเชื่อเมื่อออกมาจากบ้านแล้วเจอผู้คนสวมเสื้อแขนยาวท่ามกลางแดดร้อนกว่าสามสิบสามองศา การคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาไม่น่าเชื่อถืออีกครั้ง เมื่อประกาศว่าจะหนาวจนปากสั่นแต่สิ่งที่ได้รับคือร้อนตับแทบแตก ยิ่งทำงานกลางแดดด้วยแล้วแม้จะโบกครีมกันแดดทับด้วยสเปรย์มาหนามากแค่ไหน เพียงเหงื่อไหลก็ดูเหมือนว่ามันจะหลุดออกโดยง่ายไม่เหมือนกับที่โฆษณาเอาไว้สักนิด “พักกองค่ะ” เสียงช่างภาพดังขึ้นพร้อมปาดเหงื่อที่ไหลออกมาตามไรผม วันนี้ออกมาถ่ายรูปพรีเวดดิงที่สวนสาธารณะในยามที่พระอาทิตย์ตรงศีรษะเหตุผลเพราะคุณเจ้าสาวและคุณเจ้าบ่าวมีเวลาจำกัด เสร็จจากนี่ก็ต้องไปแจกการ์ด ไหนจะต้องบินไปต่างประเทศเพื่อเชิญบรรดาเพื่อนสนิทแทบหาเวลาให้ช่างภาพไม่ได้ จนต้องเลือกเอายามพระอาทิตย์ส่องแสงแรงกล้าที่สุด “แค่สิบนาทีได้ไหมคะ บ่ายสองพวกเราต้องไปจิบน้ำชากับท่านผู้ว่าจังหวัดสุพรรณ” ฝ่ายเจ้าสาวในชุดกระโปรงยาวเฟื้อยตะโกนบอกจนต้องกัดฟันตอบรับ “ได้ค่
ตอนพิเศษ...หวานใจของนายไข่ตุ๋น เคยคิดหลายครั้งว่าหากวันนี้มาถึงเธอจะเป็นอย่างไร วันที่เพื่อนคนสนิทอย่างตฤณ..แต่งงาน ณัชชาเดินเข้ามาภายในโรงแรมด้วยหัวใจหนักอึ้งขาทั้งสองแทบก้าวไม่ออกอันที่จริงมันเป็นมานานนับตั้งแต่วันที่ได้รับการ์ดจากเจ้าบ่าวแล้ว ใบหน้าคมมีรอยยิ้มประดับดวงตาก็ส่องประกายเจิดจ้าอย่างน่าอิจฉา วันนี้เธออยู่ในชุดเดรสแขนตุ๊กตาสีชมพูยาวเพียงเข่า เพราะไม่ค่อยมีเวลาไปซื้อชุดจึงต้องขอยืมจากน้องสาวมาใส่ก่อน ใบหน้าหวานยังคงมีแว่นตาบดบังและผมยาวก็ปล่อยสยายกลางหลัง ริมฝีปากอวบอิ่มเคลือบด้วยลิปกลอสสีชมพูวาว ใบหน้าที่เคยไร้สีดูสดใสขึ้นมาเล็กน้อยเพราะได้น้องสาวช่วยเพิ่มสีสันให้ทว่าก็ยังคงจืดจางเมื่อรวมกับคนหมู่มาก มือเล็กเซ็นในสมุดอวยพรบ่าวสาวแล้วหย่อนซองลงในกล่องก่อนหยิบของชำร่วยเป็นพวงกุญแจรูปหัวใจสองดวงคล้องกัน เก็บมันลงกระเป๋าทันทีแล้วก้าวเข้าไปภายในงานพยายามสูดลมหายใจเรียกกำลังให้ตนแต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อเห็นคู่บ่าวสาวยืนอยู่หน้าแบ๊กดร็อปในจังหวะที่เจ้าบ่าวช่วยเช็ดเหงื่อให้เจ้าสาวด้วยความอ่อนโยน หัวใจสั่นไหวจนอยากจะหันหลังออก
ตอนพิเศษหมอตฤณกับต้นหนาว นาฬิกาบ่งบอกเวลาตีสามทว่าชายหนุ่มที่อยู่ภายในผับยังคงนั่งดื่มเหล้าราวเป็นน้ำเปล่าไม่รู้สึกระคายคอสักนิด พนักงานหันมองหน้ากันไปมาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรจนกระทั่งผู้จัดการเดินไปแจ้งลูกค้าหน้าใหม่ให้รู้ว่าร้านปิดแล้วเขาจึงวางเงินเอาไว้พร้อมเดินเซออกไปทางประตู “รถอยู่ไหน” ร่างสูงพยายามเพ่งมองรถยนต์ของตนเอง หลับตาลืมตาอยู่หลายครั้งเพราะดูอย่างไรก็มองอะไรไม่ชัดสักอย่าง แถมรู้สึกเหมือนศีรษะเอนไปเอียงมาพยายามทำให้หัวตั้งตรงด้วยการเอนไปทางด้านขวาก่อนจะพบว่าไม่ตรงเลยสักนิด เขาจึงลองเอนหัวมาทางด้านซ้ายแทน ก็ไม่ตรงอีกถ้าอย่างนั้นควรทำอย่างไรดีถึงจะมองตรงได้ คุณหมอหนุ่มตัดสินใจล้มตัวลงนอนบนพื้นเพราะทนความหนักของศีรษะไม่ไหว “อ่า ตรงแล้ว” ใบหน้าคมยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะรู้สึกพะอืดพะอมจนต้องรีบลุกขึ้นนั่งแล้วโก่งคออาเจียนเต็มที่โดยไม่รู้เลยว่าตอนนี้กำลังนั่งอยู่หน้าลานจอดรถของผับที่ตนเองมาตั้งแต่สามทุ่ม เมื่อรู้สึกโล่งจึงล้มตัวนอนที่เดิมมือหนาคว้าสะเปะสะปะก่อนจะสัมผัสได้ถึงขนนุ่มนิ่มก็คว้าเข้าไปกอดคลายหนาวทันที ไม่รู้ส
ตอนพิเศษ...รักเธอได้ยินไหมเด็กหญิงหุ่นอวบเดินเข้ามาภายในโรงเรียนด้วยท่าทีมั่นอกมั่นใจ เธอรวบรวมกำลังใจเพื่อที่วันนี้จะได้ทำภารกิจอันสำคัญอากาศยามเช้าแสนจะสดใสราวทุกอย่างเปิดสว่างให้กับความรักของเธอ ณชารู้จักความรักครั้งแรกคือสิ่งที่เรียกว่า ‘ขนม’ เธอหลงรักมันอย่างถอนตัวไม่ขึ้นแต่ก็มักจะโดนเพื่อนล้อว่าตัวอ้วน กินแต่ของหวานฟันผุ กระทั่งได้รู้จัก ‘พี่ทัพ’ ผู้ชายที่ทำให้คำว่ารักของเธอเปลี่ยนไป‘อร่อยก็กินสิ เดี๋ยวพี่กินเป็นเพื่อน’จากที่เคยคิดจะลดของหวานณชาก็ยิ้มร่าหยิบเค้กชิ้นโตขึ้นมากินอย่างมีความสุข ผู้ชายตรงหน้าเธอมีหุ่นที่ไม่ต่างกันมากนัก แววตาของเขาทอประกายความสุขและนั่นเองทำให้เด็กหญิงที่ไม่ประสาเรื่องความรักหัวใจเต้นแรงจนต้องเดินไปถามมารดา“แม่ขา ป้อนหัวใจเต้นเร็วมากเลย แม่จับดู ป้อนจะตายไหมคะ” จับมือคุณแม่มาไว้ที่หัวใจเพื่อรับรู้อัตราการเต้นคุณศลิษาหัวเราะบุตรสาวก่อนจะลูบศีรษะน้อยๆ“ไม่ตายหรอกค่ะ อาการแบบนี้เขาเรียกว่าตกหลุมรัก”ตอนนั้นเธอไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร แต่มักจะเกิดขึ้นเมื่อได้สบตากับพี่กองทัพเสมอและเมื่อโตขึ้นเธอจึงได้เข้าใจคำว่าตกหลุมรักที่คุณแม่บอกเด็กหญิงชวนพี่ชาย
ตอนพิเศษ...เมื่ออดีตมือหนาเลื่อนขึ้นไปปิดน้ำที่ไหลรดกายก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวพันบริเวณเอวไม่ลืมหยิบผ้าขนหนูพื้นเล็กเช็ดศีรษะที่ชุ่มไปด้วยน้ำ ใบหน้าคมเข้มหล่อเกินวัยทำเอาสาวหลายคนใจละลายมานักต่อนัก ดวงตาเรียวยาวเพียงแค่ปรายตามองก็พานให้หัวใจสั่นไหว จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากเรียวราวอิสตรีเพียงเท่านี้ก็ทำให้กองทัพ วิจิตรประภากลายเป็นหนุ่มหล่อที่ถูกกล่าวขานไปทั่วมหาวิทยาลัย“อื้อ ทัพ ตื่นเร็วจัง” สาวสวยหุ่นเพรียวลุกขึ้นจากที่นอนคว้าเสื้อคลุมมาสวมทับปกปิดร่างกายของตนเองจากสายตาคมกริบที่ทำให้หัวใจสั่นไหวทุกครั้งที่มอง“ผมมีเรียนเช้า คุณนอนต่อเถอะ” คนตัวเล็กกว่าเดินเข้ามากอดเขย่งปลายเท้าขึ้นจุมพิตปลายคางอย่างน่ารักจนอดใจไม่ไหวต้องคว้ามากอด เธอน่ารักขี้อ้อนจนเขายอมทำทุกอย่างขอแค่ได้มาครอบครอง ยอมแม้กระทั่ง..เป็นชู้..“อือ ตอนเย็นเจอกันนะคะ” ใบหน้าหวานยิ้มจนตาเป็นสระอิ ความน่ารักนี้ที่เขาหลงใหล รอยยิ้มแสนหวานที่มักมอบให้ ชอบเหลือเกิน ชอบจนไม่อาจจะตัดใจได้ทั้งที่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนของเพื่อนสนิท เพื่อนที่เป็นทั้งญาติไม่อาจจะตัดกันขาด“เดี๋ยวเราจะทำของที่ทัพอยากกินไว้รอ” เธอเดินมาส่งเขาท
ตอนพิเศษ...วันฮาโลวีนเทศกาลส่งท้ายเดือนตุลาคมที่กำลังฮิตในประเทศคือวันฮาโลวีน เด็กนักเรียนวัยอนุบาลและประถมต่างจัดเต็มมาในชุดผีน้อยแสนน่ารักหรือบางคนพ่อแม่ก็จัดให้เกินคำว่าน่ารักจนเพื่อนร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวและวันฮาโลวีนก็กำลังเป็นประเด็นฮอตให้หมู่นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ถกเถียงกัน นักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งต้องไปเข้าค่ายที่ต่างจังหวัดซึ่งงบประมาณที่เขียนขอไปกับทางคณะไม่เพียงพอ จึงต้องช่วยกันเปิดหมวกหาเงินโดยใช้เทศกาลของต่างประเทศให้เป็นประโยชน์โดยการจับเพื่อนในคณะมาแต่งชุดผีเพื่อขอรับบริจาคกระจายไปตามจุดต่างๆ ที่มีคนพลุกพล่านกองทัพเดินลงจากอาคารเรียนด้วยใบหน้าราบเรียบ เขาไม่มีแผนจะไปที่ไหนต่อนอกจากบ้านของตนเอง ง่วงเกินกว่าจะออกไปกินลมชมวิวข้างนอกตามคำชักชวนของเพื่อนร่วมคณะ เมื่อคืนเขานั่งอ่านรายงานเพื่อจะมาพรีเซนต์จะแทบไม่ได้นอนขณะเดินไปที่รถกลับมีผู้หญิงนุ่งชุดไทยวิ่งตัดหน้าจนคนตัวสูงสะดุ้ง“แฮ่!” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ ทำเอาจากความหวาดกลัวแปรเปลี่ยนเป็นความรำคาญทันทีเมื่อรู้ว่าเธอคือใคร“เล่นบ้าอะไร สนุกมากเหรอ” ไม่ได้ตวาดเสียงดังแต่ประโยคนั้นก็ทำร้ายจิตใ
๒๘รักจะอยู่กับเราไปนิรันดร์ย้อนกลับไปสามชั่วโมงที่แล้วณชาเดินเข้ามาภายในสนามบินสุวรรณภูมิด้วยใบหน้าเรียบเฉย เธอต้องบินไปอิตาลีอันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนหรอกเพราะขอวีซ่าไว้ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วเพียงแค่ไม่ได้บอกใครเท่านั้น เธอมีกำหนดไปแค่หนึ่งสัปดาห์เพราะต้องไปถ่ายรูปงานแต่งให้เพื่อนสนิทถือโอกาสไปเที่ยวเพื่อพักผ่อนจิตใจหลังต้องทำงานหนักเพราะกองทัพมาหลายเดือนห้าเดือนที่เธอกลับมาอยู่ประเทศไทยเขาสม่ำเสมอตลอด เช้ามาหาเย็นมารับประทานอาหารด้วยบางครั้งก็ไปนั่งเฝ้าที่ร้านขนมของแม่ยามเธอไปทำงาน หรือหากออกกองกับพ่อกองทัพก็จะแวะไปหาอ้างว่าซื้อของมาให้คุณพิชาภพแต่ทุกคนก็รู้ดีว่าแท้จริงแล้วเป็นของใครเขาแสนดีขนาดนี้จนเธอเริ่มอ่อนไหว ใครจะไปทานทนได้ไหนจะมารดาที่เล่าเรื่องชายหนุ่มให้ฟังว่าซื่อสัตย์เพียงใดใจดวงนี้ก็อ่อนยวบลงทันที ทว่าเมื่อคิดถึงเรื่องที่เขาเคยทำก็อดใจแข็งขึ้นมาไม่ได้ อยู่คนเดียวก็มีความสุขดีอยู่แล้วจึงเลิกคิดเรื่องของกองทัพร่างบางเช็กอินเสร็จก็เดินไปยังร้านกาแฟเดี๋ยวนี้เธอค่อนข้างเสพติดคาเฟอีนต้องดื่มทุกวันไม่อย่างนั้นจะรู้สึกไม่สดชื่น ระหว่างที่เดินออกจากร้านสายตาก็บังเอิญเ
๒๗ไม่ยอมแพ้ณชานั่งทำงานอยู่ภายในร้านกาแฟของมารดา ยกแก้วคาปูชิโนขึ้นจิบแล้วเร่งแต่งรูปภาพให้ทางผู้ว่าจ้างอย่างขะมักเขม้นแต่แล้วก็นึกถึงเรื่องที่เพิ่งได้รู้จากปากของต้นหนาวน้องสาวของปลายฟ้า..จริงแค่ไหนกันนะใบหน้าหวานครุ่นคิดอย่างสับสนจำได้ว่ายามค่ำคืนกองทัพมักจะออกไปข้างนอกโดยอ้างเหตุผลร้อยแปดจนเธอหลงเชื่ออย่างสนิทใจว่าเขามีธุระและเพิ่งได้รู้ทีหลังว่าธุระของเขาก็คือการไปอยู่กับปลายฟ้า หัวใจของเธอแทบจะขาดออกจากกัน มันปวดหนึบหายใจแทบไม่ออกเมื่อได้รู้ความจริงจากที่เคยคิดว่าเขารักความรู้สึกก็แปรเปลี่ยนไป ทุกวันที่อยู่ด้วยกันณชาต้องแสร้งทำเหมือนไม่เจ็บทั้งที่อดระแวงไม่ได้ว่าชายหนุ่มจะไปหาอดีตคนรักอีกเมื่อไหร่ แม้จะบอกตัวเองว่าเวลาที่เหลือขอเก็บเกี่ยวความสุขครั้งสุดท้ายเอาไว้แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันไม่ได้มีเพียงความสุขเท่านั้นทว่ามันแฝงไปด้วยความเจ็บปวดที่บาดลึกลงไปในใจทุกวันณชาเลือกจะเดินออกมาจากชีวิตของเขาตัดขาดการติดต่อทุกช่องทางบินไปรักษาแผลใจไกลถึงต่างประเทศ ไปยังสถานที่เรียน ไปเจอเพื่อน รู้จักคนใหม่ๆ หญิงสาวลงเรียนถ่ายภาพอย่างจริงจังตามความชอบของตน รู้สึกสนุกจนลืมเรื่องทุกข์ใจเปิดโ