๖
เตือนความจำ
ณชาขึ้นบนบ้านโดยไม่รับประทานอาหารเย็นเพราะเลยเวลามามากแล้วอีกอย่างคือเธอกินอะไรไม่ลงหลังผ่านเหตุการณ์เมื่อสักครู่มา
..กองทัพจูบเธอ..เขาทำแบบนี้ทำไม ระหว่างทางก็นึกมาตลอดแต่ไม่สามารถหาเหตุผลมารองรับได้
เขาเห็นเธอเป็นของตายที่อยากทำอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ..
เธอเป็นคนไม่มีชีวิตจิตใจหรือไง..บางครั้งก็ทำเย็นชาไม่สนใจ บางครั้งก็เข้าหาอย่างไม่มีเหตุผลราวต้องการล้อเล่นกับความรู้สึก
สับสนจนคิดอะไรไม่ออกจึงไปชำระร่างกายตนเองแต่งชุดนอนออกมายืนที่ระเบียงของห้องเหม่อมองท้องฟ้าที่มืดสนิทเห็นเพียงพระจันทร์เสี้ยว
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เข้ามาเลยค่ะไม่ได้ล็อก” เสียงประตูเปิดโดยที่ณชาไม่ได้หันไปมอง เธอยังคงนั่งเล่นอยู่ที่ระเบียง
คนเข้ามาใหม่จึงเดินมานั่งด้วย
“วันนี้กลับดึกนะ”
หันมามองพี่ชายแล้วถอนหายใจทันที เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้เจอกันนักหรอกเพราะพี่เปเปอร์ หรือนายนนกุล พิบูลกนกกลายเป็นผู้ช่วยผู้กำกับควบด้วยตำแหน่งผู้จัดละครงานหนักจนแทบไม่มีเวลาพัก ยิ่งบิดามีค่ายสร้างละครเป็นของตนเองก็ไม่ค่อยได้กลับบ้าน
“คิดถึงจังเลย ขอน้องกอดหน่อย” เข้าไปกอดพี่ชายที่เต็มใจรับอ้อมกอดจากน้องสาว
ดูจากหน้าก็รู้ว่าณชามีเรื่องไม่สบายใจ ลมพัดหอบเอากลิ่นดอกไม้ที่สวนขึ้นมาทำให้รู้สึกสดชื่นคลายความทุกข์ไปได้บ้าง
“ได้ข่าวว่าพาแฟนมาบ้าน พี่ยังไม่เห็นเลย แม่บอกว่าเป็นหมอซะด้วย เลือกเก่งไม่เบา”
ณชาผละจากพี่แล้วทำหน้าราวภูมิอกภูมิใจนักหนา
“แน่นอนอยู่แล้ว”
นนกุลส่ายหน้าแล้วยกมือขึ้นโคลงศีรษะน้องเบาๆ
“อย่าทำให้เขาเสียใจล่ะ”
สองพี่น้องมองตากันนิ่งรับรู้ถึงเรื่องราวในอดีต พี่ชายอย่างเขาทำไมจะไม่รู้ว่าน้องสาวมีใครอีกคนอยู่ในใจตลอด ครั้งที่ไปเรียนเมืองนอกทั้งที่ไม่เคยอยากไปสาเหตุคงไม่พ้นชายผู้กุมดวงใจของณชาเอาไว้ อยากเข้าไปชกหน้าหลายครั้งแต่ก็ต้องห้ามตนเองไว้เพราะคำขอของน้องสาว
“ถ้าไม่ชอบก็บอกเขา ยิ่งยื้อเวลาแบบนี้มันก็ไม่ดีกับทั้งป้อนและหมอเข้าใจใช่ไหม” นนกุลมองน้องสาวทะลุปรุโปร่งแม้จะไม่เจอกันมานาน แค่มองตาก็รู้ใจว่าหญิงสาวคิดอย่างไร
“ป้อนสงสารพี่ตฤณ” ก้มมองมือตนเองไม่กล้าสบตาพี่ชาย
นนกุลรู้จากมารดาว่าณชาไปทำงานกับกองทัพแน่นอนการได้ใกล้ชิดกับคนที่อยู่ในใจไม่ใช่เรื่องดีนัก น้องสาวของเขาจิตใจยังไม่เข้มแข็งพอแม้จะใช้เวลาทำใจนานถึงสี่ปีก็ตาม
เธอยังไม่ลืมกองทัพ..
“ถ้าอย่างนั้นมีสองทางให้เลือก ตัดใจจากพี่ทัพแล้วเดินหน้ากับหมอหรือบอกเลิกหมอแล้วเดินตามทางของหัวใจ”
..ชอยซ์ง่ายๆ แต่การตัดสินใจยากเหลือเกิน
เธอคิดเรื่องนี้นับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่คบกับหมอตฤณไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ได้คำตอบเสียที เธอไม่กล้าที่จะบอกเลิกเขาทั้งที่คบกันได้เพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น จึงเหลืออีกทางเลือกคือตัดกองทัพออกจากใจซะ
“ใช้สมองและหัวใจให้ทำงานร่วมกัน พี่ไปแล้วพรุ่งนี้ต้องออกกองแต่เช้า” ยีหัวน้องเบาๆ ก่อนลุกขึ้นเดินออกจากห้องไม่ลืมล็อกประตูให้ด้วย
ณชาถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้มไม่รู้ว่าทำไมตนเองต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ หากใจแข็งอีกสักนิดกองทัพคงไม่ได้เข้ามาอยู่ในใจของเธอหรือถ้าเขาทำเป็นรำคาญเหมือนเมื่อก่อนก็คงดีจะได้ไม่ต้องคิดเข้าข้างตนเองว่าอีกฝ่ายมีใจให้ตนอย่างตอนนี้
ความรู้สึกแรกที่ลืมตามองเพดานหลังจากนาฬิกาปลุกคือไม่อยากไปทำงาน ไม่พร้อมจะเจอหน้ากองทัพ
..หากพบกันเธอจะทำอย่างไร จะพูดอะไรกับเขา เรื่องเมื่อวานไม่มีทางลืมแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยถึงเช่นเดียวกัน
“โอ๊ย เครียด!” ยีผมตัวเองจนฟูไม่เป็นทรง เรียกกำลังใจก่อนลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำชำระร่างกายแล้วเลือกชุดใส่ไปทำงาน
..ต่อจากนี้จะต้องแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันให้ได้
หมายมั่นอย่างนั้นแต่พอมาถึงที่ทำงานก็เริ่มกังวลอีกครั้ง
..เจอหน้ากันต้องทำอย่างไรนะ
คิดไม่ตกจึงเดินไปชงกาแฟมาไว้ในห้องให้กองทัพระหว่างนั้นก็ทำงานที่ได้รับมอบหมายกระทั่งเห็นร่างสูงคุ้นตาเดินมาทางนี้ หัวใจจากเคยเต้นสงบกลับเต้นเร็วขึ้นจนกลัวว่าจะมีคนได้ยิน ใบหน้าหวานก้มมองแป้นคีย์บอร์ดพิมพ์ตัวหนังสือภาษาไทยที่แม้แต่ตนเองก็ไม่เข้าใจประโยคที่พิมพ์ลงสักนิด
ชายหนุ่มเดินเข้าห้องโดยไม่ได้ทักทายคนที่อยู่ข้างนอกเลยราวกับเธอไม่มีตัวตน จากความกลัวแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ มือเล็กที่เคยพิมพ์แป้นคีย์บอร์ดชะงักก่อนใบหน้าหวานจะมองประตูซึ่งปิดสนิทราวมีเปลวไฟในดวงตาคู่นั้น
เขาเห็นเธอเป็นตัวอะไร!
ร่างบางลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปห้องน้ำปิดประตูแล้วนั่งลงบนชักโครก อยากกรีดร้องดังๆ สักครั้งเพราะไม่เข้าใจว่ากำลังรู้สึกอะไรกันแน่ เสียใจที่เขาเมิน โกรธที่เขาทำเหมือนล้อเล่นกับความรู้สึกของเธอหรือน้อยใจที่เป็นได้เพียงแค่คนแก้เหงา
เหนื่อยเหลือเกินกับความรู้สึกตอนนี้ อยากหนีไปไกลๆ แต่ไม่อาจละทิ้งหน้าที่ตรงนี้ได้พลางคิดถึงหน้าหมอตฤณความรู้สึกผิดก็เกาะกินหัวใจมากกว่าเดิม หากวันนั้นไม่ตอบรับพัฒนาสัมพันธ์ที่มากเกินพี่น้องคงไม่ต้องมานั่งรู้สึกผิดแบบนี้ เขาจะได้ไปเจอคนที่ดีกว่าเธอแต่ในเมื่อทุกอย่างดำเนินมาไกลเกินจะถอยกลับไปแก้ไขได้สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ก็คงเป็นการซื่อสัตย์ต่อแฟนหนุ่ม
หักห้ามใจตนเองให้ได้
“อ้าวป้อน ไม่ไปกินข้าวเที่ยงเหรอ” คนที่มัวแต่ทำงานเงยหน้าขึ้นสบตารุ่นพี่ก่อนจะมองเวลาที่หน้าจอคอม
..เที่ยงแล้วเหรอเนี่ย
“ไปค่ะพี่อ้อย”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปด้วยกัน”
ทุกเที่ยงก็จะมีอัญชิสาและสจีวรรณมาชวนน้องน้อยไปกินข้าวเที่ยงด้วยซึ่งร้านประจำคืออาหารอีสานข้างตึก บางวันก็ร้านอาหารตามสั่งที่ใช้เวลาทำแต่ละเมนูนานกว่าสิบห้านาทีพวกเธอจึงไม่ค่อยไปกินร้านนั้น
“วันนี้พี่รู้สึกถึงบรรยากาศอึมครึมระหว่างป้อนกับคุณทัพ” สจีวรรณเอ่ยขึ้นขณะที่นั่งกินส้มตำปูปลาร้าของโปรด
ส่วนหญิงสาวที่ถูกถามก็มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“พี่สังเกตได้ขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
สองสาวพยักหน้าพร้อมกัน
“คุณทัพพอเข้าห้องก็ไม่ออกมาอีกเลย ปกตินะถึงงานจะเยอะแต่ก็แวบมาสูดอากาศข้างนอก พูดคุยถามไถ่งานบ้าง แต่วันนี้เดินหน้าตึงเข้าห้องอารมณ์ประมาณหมาคาบรองเท้าคู่โปรดไปทิ้งถังขยะเลย” อัญชิสาเปรียบก่อนหันไปหัวเราะกับเพื่อน
ณชาไม่เคยสังเกตจึงไม่รู้ว่าคนอื่นคิดอย่างไร แต่หากให้ย้อนคิดก็จริงว่ากองทัพเป็นหัวหน้าที่ให้ความสนิทสนมกับลูกน้อง มีเวลาเล่นหัวเราะบ้างแต่ถ้าทำงานก็จริงจัง เขาจะชอบออกมาเดินดูพนักงานถึงบางวันจะงานเยอะแค่ไหนก็ตาม
..คนบ้า! จูบคนอื่นแล้วทำเมินเฉยไม่รู้ถึงความผิดตัวเอง ยังทำให้เธอเครียดจนนอนไม่หลับอีก!
รุ่นพี่ต่างทยอยกลับบ้านกันหมดเหลือเพียงเลขานุการคนเดียวและเธอจะไม่ปล่อยให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยรีบทำงานให้เสร็จแล้วถอนหายใจโล่งอกเพราะเป็นเวลาห้าโมงครึ่ง ถือว่าไม่ค่ำมาก เก็บของเสร็จเธอก็ลุกขึ้นเลื่อนเก้าอี้เข้าไปใต้โต๊ะ
“ป้อนเข้ามาหาพี่หน่อย” คนข้างในห้องที่ไม่คุยกับเธอทั้งวันเปิดประตูออกมาแล้วเรียกเสียงเครียดโดยที่ไม่รอฟังคำตอบรับเลยสักนิด
..เผด็จการไม่มีใครเกินเลย
ณชาเดินเข้าห้องหัวหน้าฝ่ายการตลาดด้วยใบหน้าบึ้งตึง
..มีอย่างที่ไหนคนจะกลับบ้านดันเรียกมารับงานอย่างนี้มันแกล้งกันชัดๆ
เธอก้มมองพื้นจึงไม่เห็นว่าคนตัวสูงไม่ได้เดินไปนั่งที่เก้าอี้หากแต่ยืนกลางห้องจึงทำให้ร่างบางเดินชนเขาเข้าอย่างจัง
“อะ” เงยหน้าขึ้นมองแผ่นหลังหนาก่อนที่อีกฝ่ายจะหันมาสบตา
แววตาชายหนุ่มดูสับสนก่อนจะตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่คาดคิดอีกครั้งซึ่งแน่นอนว่าครั้งนี้เขาตั้งใจเพราะนึกไตร่ตรองอย่างดีมาทั้งวันแล้วเพื่อต้องการพิสูจน์บางสิ่ง
ริมฝีปากหยักทาบทับลงบนกลีบปากนุ่มของหญิงสาว เขาใช้ความชำนาญไล่ต้อนเธอแม้ว่าหญิงสาวจะเม้มปากแน่นทั้งยังพยายามผลักร่างหนาออกห่างก็ไม่อาจห้ามเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นได้
กลิ่นหอมที่เหมือนอยู่ท่ามกลางขุนเขา สัมผัสแสนหวานราวกำลังชิมผลไม้จากสวนเอเดนที่ถึงแม้จะอันตรายแต่ก็เย้ายวนจนไม่อาจห้ามใจ ทุกการกระทำของเขาราวกับมีผีเสื้อบินอยู่รอบกายก่อนมันจะพากันแทรกเข้าไปในกายของเธอบินวนรอบท้องจนรู้สึกมวนไปหมด
ความรัญจวนที่ได้รับทำให้หญิงสาวเผยอริมฝีปากเปิดโอกาสให้เสือหนุ่มเข้าไปชิมความหวานภายในซึ่งหวานหอมจนไม่อาจผละออกได้ เขากอดเธอให้ร่างกายแนบชิดกันมากขึ้นแล้วนึกถึงคืนนั้น..
..ไม่ต่างกันเลย
ร่างหนาดันคนตัวเล็กให้ชิดผนังโดยที่คนไร้ประสบการณ์โอนอ่อนผ่อนตามเพราะสมองขาวโพลนไม่อาจต่อต้าน ลืมความผิดชอบชั่วดีไปเสียสนิท ใบหน้าคมเลื่อนลงมาสูดดมที่ซอกคอขาวเม้มริมฝีปากจนเกิดรอยสีจาง
Rrrrrr
เฮือก!
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นปลุกณชาตื่นจากความรู้สึกที่กองทัพสร้างให้ตน หญิงสาวผลักเขาออกทันทีก่อนจะตบหน้าอีกฝ่ายเสียงดัง
เพียะ เพียะ
“ป้อนเกลียดพี่” พูดจบก็หันหลังออกจากห้องหยิบกระเป๋ารีบวิ่งไปยังลิฟต์
โดยมีกองทัพวิ่งตามมาไม่ห่าง เธอเข้าไปข้างในรีบกดชั้นที่ต้องการแล้วปิดประตูทันที หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำแล้วทรุดตัวนั่งบนพื้นปล่อยน้ำตาไหลลงมาด้วยความรู้สึกเสียใจ
..สำหรับกองทัพเธอก็เป็นแค่ผู้หญิงใกล้มือจะคว้าตอนไหนก็ได้ ไม่ได้มีความสำคัญอะไรสักนิด
เสียงร้องไห้ดังระงมไปทั่วห้องโดยสารดีที่มีเธอเพียงคนเดียวเพราะไม่รู้ว่าหากมีคนอื่นอยู่ด้วยจะสามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้หรือไม่ น้ำตาไหลจากใบหน้าหวานรินรดกลางใจจนรู้สึกห่อเหี่ยวไม่ได้ยินแม้แต่เสียงเรียกจากโทรศัพท์พอดีกับที่ประตูลิฟต์เปิดร่างบางจึงเดินออกมาก็พบกับชายคนหนึ่ง
“ป้อน”
ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยคราบน้ำตาจนคนมาใหม่ต้องเดินมาหาอย่างคนร้อนใจ
“พี่ตฤณ”
ณชาเดินเข้าไปกอดเขาเอาไว้ราวต้องการที่พึ่ง ไม่สนใจคนที่เดินผ่านไปผ่านมาสักนิดเพราะเสียใจเกินกว่าจะใส่ใจคนอื่น
เจ็บที่เขากระทำย่ำยีราวเธอเป็นผู้หญิงริมทาง อยากทำเมื่อไหร่หรือเวลาไหนก็ได้ ยิ่งคิดก็เจ็บใจตนเองยอมโอนอ่อนตามอารมณ์ที่อีกฝ่ายใช้ความช่ำชองฉุดรั้งให้เดินตามความเย้ายวนนั้น เธอซึ่งไม่ประสาทั้งหัวใจก็มอบให้ชายหนุ่มจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะตกหลุมที่กองทัพขุดขึ้นล่อตน
“พาป้อนกลับบ้านนะคะ” หากลงมาไม่เจอตฤณก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
ร่างสูงประคองแฟนสาวไปที่รถยนต์หน้าบริษัทโดยไม่เห็นเลยว่ามีอีกร่างกำลังหอบตัวโยนเนื่องจากวิ่งลงบันไดกลัวไม่ทันได้คุยกับณชา และเขาก็มาช้าไปจริงๆ เธอเดินไปกับเจ้าของตัวจริงเสียแล้ว
ไม่..เขาต่างหากคือตัวจริงของเธอ
เหตุการณ์เมื่อสักครู่ไขความสงสัยให้กระจ่าง ภาพที่เคยเรือนลางชัดขึ้นในความทรงจำ จากผู้หญิงที่เขาจำได้เพียงสัมผัสกลายเป็นเห็นใบหน้าหวานชัดเจน
กองทัพจะไม่ยอมปล่อยเวลาทิ้งอีกแล้ว ต่อให้ถูกตราหน้าว่าเป็นชู้อีกครั้งก็ยอม
ระหว่างทางก่อนถึงบ้านณชาไม่บอกอะไรให้คุณหมอหนุ่มรับรู้และเขาก็ไม่ถามถามอะไรรอให้แฟนสาวพร้อมที่จะเล่าเอง มือเล็กเช็ดน้ำตาออกจนตอนนี้เหือดแห้งไปหมดคงไว้ซึ่งร่องรอยที่บ่งบอกให้รู้ว่าผ่านการร้องไห้มา
“พี่หมอจะกินข้าวเย็นด้วยกันไหมคะ” ถึงซอยเข้าบ้านจึงหันมาถามร่างสูง
เขาส่ายหน้ายิ้มๆ
“พี่ติดธุระกับอาหมอคงอยู่กินข้าวเย็นด้วยไม่ได้ เสียดายอยากอยู่กับป้อนนานกว่านี้” หยอดเล็กน้อยหวังให้ร่างบางอารมณ์ดีก็ได้รับยิ้มหวานๆ จากเธอเป็นการตอบแทน
..คุณหมอดีแสนดีขนาดนี้ทำไมถึงไม่ชอบนะป้อน
รถยนต์จอดหน้าบ้านไม่ได้เข้าไปภายในรั้วบ้านเพราะดูเวลาแล้วกลัวไปไม่ทันนัด
“พี่ตฤณคะ ป้อนขอโทษนะ”
แต่ประโยคของณชาก็สร้างความสงสัยให้แก่ร่างสูงไม่น้อย คิ้วหนาขมวดเข้าหากันทันทีก่อนลางสังหรณ์บางอย่างจะเอ่ยเตือนว่าควรตัดบทสนทนาที่กำลังจะเกิดขึ้น
ก้มมองมือตนเองรวบรวมความกล้าที่จะบอกตัดขาดสถานะคนรักกับเขา
“ป้อนไม่อยากทำร้ายพี่อีกแล้ว”
ใบหน้าหวานเงยขึ้นสบดวงตาคมที่เสหลบทันทีเมื่อได้มองเธอ เขารีบยกข้อมือขึ้นดูเวลาแสร้งทำทีเหมือนรีบนักหนาทั้งที่คาดคะเนไว้แล้วว่าไปทันนัดแน่นอน
“พี่ต้องรีบไปแล้ว ขอโทษด้วยนะไม่ได้อยู่คุยกับป้อน” มือหนายกขึ้นลูบผมเธออย่างนึกเอ็นดู
เพียงเท่านั้นสาวนักเรียนนอกก็รู้ว่าไม่ใช่เวลานี้จึงพยักหน้าลงจากรถโดยโบกมือลาแฟนหนุ่มที่ส่งยิ้มหวานมาให้ก่อนรถยนต์จะขับเคลื่อนออกไป
ใบหน้าคมค่อยๆ หุบยิ้มก่อนจะเกิดอาการเคร่งเครียด เขาจะยื้อเวลาไปได้อีกนานแค่ไหนเพราะใจของเธอไม่มีเขาอยู่ในนั้นเลยแม้ว่าหลายปีที่ผ่านมาตฤณจะมีเพียงณชาคนเดียวก็ตาม
บ้านวิจิตรประภาเปิดไฟสว่างพร้อมหน้ากันร่วมรับประทานอาหารเย็น ประมุขของบ้านอย่างคุณภราดรมองลูกชายคนเล็กมีสีหน้าเบิกบานเกินเหตุก็นึกหมั่นไส้จนอยากหาเรื่องให้นักรบมีอาการเดือดเนื้อร้อนใจกับเขาบ้าง
“เดี๋ยววันเสาร์ไปตีกอล์ฟเป็นเพื่อนพ่อหน่อยนะรบ”
จากที่กินข้าวด้วยความอร่อยหนุ่มน้อยก็ชะงักหันมามองบิดาที่เอ่ยขึ้นไม่มีปี่มีขลุ่ย
“อะไรพ่อ รบไม่ถนัดตีกอล์ฟไม่ไปหรอก น่าเบื่อจะตายคุยแต่เรื่องธุรกิจ ไม่ใช่แนวเลยนะ” ปฏิเสธทันทีตามนิสัยของตน
..หากเป็นกีฬาอื่นพอไหวแต่การตีกอล์ฟไม่ใช่ทางของเขาเลยจริงๆ การเดินกลางแดดตามลูกกลมๆ ที่มีขนาดเล็กเท่าตาแมวไม่เห็นจะสุนทรีย์ตรงไหน
“ถ้าอย่างนั้นก็เข้าไปเรียนรู้งาน” คำว่าเรียนรู้งานของบิดาคือเป็นเด็กฝึกงานที่ต้องไม่ให้คนรู้ว่าเป็นลูกหลานของผู้บริหารระดับใหญ่ซึ่งกองทัพเคยผ่านมาแล้ว โดนใช้งานหนักยังกับเบ้นักรบเห็นยังเคยแซวพี่ชายอยู่เลยไม่นึกว่าวันของตนจะมาถึงเร็วขนาดนี้
“อยู่ดีๆ ก็รู้สึกอิ่มขึ้นมา ขอตัวก่อนนะครับมีงานต้องทำ” รีบดื่มน้ำก่อนจะลุกขึ้นวิ่งออกจากครัวจนมองไม่เห็นหลัง
ภราดรมองตามลูกชายคนเล็กพลางส่ายหน้า สงสัยอยู่กับพสุธามากเกินไปจึงติดนิสัยอีกฝ่ายมา กวนไม่มีใครเกิน
“ผมก็อิ่มแล้ว ขอตัวนะครับ”
เปมิกามองบุตรชายคนโตที่ทำเหมือนมีเรื่องให้ครุ่นคิดตลอดเวลา สองหนุ่มออกจากห้องอาหารไปแล้วคนเป็นพ่อแม่จึงมองหน้ากัน
“พี่ดลว่าทัพแปลกไปไหมคะ เดี๋ยวนี้ลูกเหมือนมีเรื่องให้คิด พี่ใช้งานลูกหนักไปหรือเปล่า” หันไปคาดคั้นสามีที่อยู่ดีๆ ก็โดนสายตาจับผิดเสียอย่างนั้น
ความกลัวเมียจึงรีบส่ายหน้าปฏิเสธ
“เปล่านะ งานก็ปกติพี่ไม่ได้ให้เจ้าทัพเยอะเลย ลูกชอบทำงานเอง”
เปมิกาจึงละความสนใจจากสามี คงไม่มีอะไรร้ายแรงหรอกเพราะไม่อย่างนั้นกองทัพคงมาปรึกษาแล้ว เหลือก็แต่เรื่องของนักรบเท่านั้นที่เธอต้องจัดการขั้นเด็ดขาดเสียที
ลูกชายคนโตของคุณภราดรเดินเข้าห้องนอนก่อนเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำชำระกายโดยภายในหัวก็คิดเรื่องเมื่อเย็น ต่อจากนี้เขาจะเดินหน้าแต่ว่าก็ติดที่ใบหน้าของพณณกรโผล่ขึ้นมา เขาเคยทำผิดกับเพื่อนด้วยการเป็นชู้กับแฟนของอีกฝ่าย แล้วครั้งนี้เขาก็จะทำผิดแบบนั้นอีกหรือ
..มันไม่เหมือนกัน ครั้งนั้นเขาอาจจะเรียกว่าแย่งคนรักของเพื่อน แต่ครั้งนี้เขาแค่ต้องการทวงผู้หญิงที่เป็นของตนเองกลับมา
มือหนาเอื้อมไปหมุนปิดก๊อกน้ำแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันช่วงล่างหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดผมที่เปียกจากการสระผม เดินออกมาข้างนอกก็ตกใจหัวใจแทบหล่นไปอยู่ตาตุ่มเมื่อพบน้องชายมายืนรอหน้าประตูห้องน้ำ
“เฮ้ย!” นักรบปิดไฟทั้งห้องแล้วหยิบไฟฉายมาส่องก่อนแลบลิ้นใส่พี่ชายและการแกล้งครั้งนี้ก็ได้ผลเกินคาดใบหน้าที่เคยหล่อตกใจจนสิ้นความหล่อเหลา
“ฮ่าๆ หน้าพี่โคตรตลกเลย”
คนพี่เอื้อมมือไปตบศีรษะน้องชายแล้วเดินไปเปิดไฟ ลูบหน้าอกตัวเองบรรเทาอาการตกใจเมื่อครู่โดยที่นักรบไม่ได้สะทกสะท้านสักนิด แค่ได้แกล้งก็มีความสุขแล้วการโดนตบนั้นเป็นเครื่องการันตีว่าแผนเขาสำเร็จ
“เล่นบ้าอะไรของแก ไหนว่าจะไปทำงาน” เจ้าของห้องหยิบชุดเสื้อยืดกับกางเกงเอวยืดมาเปลี่ยน ขณะที่น้องชายเดินไปนั่งบนเตียงกว้างอย่างถือวิสาสะ
“ไม่มีงานหรอก แค่อยากหนีพ่อเฉยๆ”
..ก็ไม่ผิดจากที่คาดเดาเอาไว้
กองทัพส่ายศีรษะลงมือเช็ดผมให้แห้งแล้วเอาเท้าเขี่ยน้องชายก่อนจะใช้สายตาบอกว่าไปนั่งที่โซฟาปลายเตียง
นักรบทำหน้ายุ่งแต่ก็ลุกขึ้นไปนั่งบนโซฟา
“แล้วเข้ามามีอะไร”
นักรบส่ายหน้าช้าๆ
“เหงา โทรหาเพื่อนก็ไม่ว่างเลยมาหาพี่ชาย มีอะไรอัพเดทบ้างไหม”
ถามเสียงตื่นเต้นจนคนพี่นึกระอาน้องชายที่ชอบจะอยากรู้อยากเห็นเรื่องของคนอื่นเหลือเกิน กองทัพกำลังจะปฏิเสธว่าไม่มีเรื่องอะไรก่อนจะนึกขึ้นมาได้
“ไอ้รบฉันถามแกสักอย่างหน่อยสิ” คนน้องได้ยินก็กระตือรือร้นตาโตรีบหันมาหาพี่ชายทันที
“สมมตินะ ถ้ามีผู้หญิงมาชอบแกจะชอบเขาตอบไหม”
นักรบรีบถามกลับอย่างรวดเร็ว
“เขาสวยไหม”
“ก็ไม่ได้ขี้เหร่”
เกิดความเงียบระหว่างสองพี่น้อง
“ถ้าตัดเรื่องหน้าตาออกไปก็ต้องถามว่านิสัยเข้ากันได้ไหม เอาจริงผมก็ไม่ได้ซีเรียสว่าสวยไม่สวย รวยหรือไม่รวยนะ ขอแค่ไม่งี่เง่าเจ้าบงการก็พอแล้ว” หนุ่มนักรักที่มีแฟนมาแล้วไม่ต่ำกว่าสามคนแสดงความคิดเห็น ซึ่งสามคนที่คบกันนั้นก็เลิกด้วยเหตุผลที่ว่าพวกเธองี่เง่าตามติดเขามากเกินไป
“แล้วถ้าเกิดแกก็ชอบเขาล่ะ”
น้องชายตบเข่าฉาดใหญ่ตอบเสียงดังฟังชัด
“ก็คบสิครับจะไปยากอะไร เขาชอบเรา เราชอบเขา มันก็รู้สึกเหมือนกันจะเหนียมอายรอพระอินทร์มาเชื้อเชิญให้สมสู่กันเหรอ”
..ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่ถามน้อง ดูคำพูดคำจาแต่ละอย่างไม่ค่อยจะพึ่งพาได้เท่าไหร่เลย
กองทัพเงียบไปอย่างครุ่นคิดก่อนจะถามคำถามสุดท้าย
“แล้วถ้าใจตรงกันแต่เขาดันมีแฟน แกจะทำยังไง”
นักรบเองเมื่อเจอคำถามนี้ก็เงียบไปเช่นเดียวกัน นักศึกษารูปหล่อยกมือขึ้นลูบคางอย่างใช้ความคิด
“ไม่เอาหรอกพี่ ถึงเขาจะชอบเราแต่ว่าเขามีแฟนแล้วนะ คนมีเจ้าของผมไม่ยุ่งมันบาป ทางศาสนาท่านสอนไม่ควรผิดลูกผิดเมียใคร”
“แต่แกกินเหล้า”
นักรบโบกมือทันที
“อันนั้นไม่นับสิ ถือเป็นปัจจัยที่ห้าขาดไม่ได้” หนุ่มวิศวที่รวบรวมคนเถื่อนเอาไว้ถือว่าเหล้าเป็นสิ่งสำคัญมาก คิดงานไม่ออกแค่น้ำสีอำพันเข้าปากมือก็ไหลลื่นสมองปลอดโปร่งไม่นานงานก็เสร็จพร้อมเฝ้าพระอินทร์
“ถ้าถามผมก็เลิกยุ่งนั่นแหละ มันเป็นทางที่ดีสุดแล้วถึงเรารักเขา เขารักเราแต่ตัวแปรสำคัญคือเขามีแฟนไง นั่นก็เท่ากับว่าทั้งเราและเขากำลังทรยศคนคนหนึ่งซึ่งไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย ถามจริงไม่สงสารเขาเหรอวะ”
กองทัพไม่ตอบน้องเพราะในใจก็รู้สึกผิดต่อตฤณเช่นกัน
“คนที่ใช่ถ้ามาในเวลาที่ไม่ใช่ มันก็ไม่ใช่เคยได้ยินไหมพี่”
..หลายคนก็บอกแบบนั้นแต่การทำตามคำพูดสวยหรูมันยาก จิตใจมนุษย์มีกิเลสตัณหาและคนส่วนมากมักทำตามความต้องการของตนเอง
“ง่วงแล้ว แกไปนอนเถอะ”
“อ้าว ทำไมไล่กันอย่างนี้ล่ะ ไม่ถามต่อแล้วเหรอ”
พี่ชายส่ายหน้าแล้วลุกขึ้นไปทิ้งผ้าขนหนูลงตะกร้า
“เลือกเอาแล้วกันว่าจะลงนรกหรือขึ้นสวรรค์ คิดให้ดีนะครับคุณกองทัพ” ก่อนออกไปไม่วายหันมาพูดใส่พี่ชาย
ซึ่งกองทัพก็โบกมือไล่เดินไปปิดประตูใส่หน้าหนุ่มหล่อนามนักรบทันที ถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม
..สุดท้ายแล้วเขาควรจะเลือกทางไหนดี หากณชาไม่มีพันธะคงไม่ยากที่จะเข้าหาแต่เพราะตอนนี้เธอไม่ใช่คนไร้คู่อย่างที่ผ่านมาแล้วใจเจ้ากรรมที่เคยนึกรำคาญก็ดันคิดถึงแต่เธอ
เขาควรเลือกสวรรค์หรือนรกดีล่ะคราวนี้
ตฤณออกจากห้องของคุณอาหมอด้วยใบหน้าเหนื่อยล้าที่ไม่อาจปิดมิด โรงพยาบาลยามค่ำคืนเงียบเชียบอย่างน่ากลัวแต่เพราะคุ้นชินจึงไม่มีอาการเหล่านั้นเกิดขึ้นกับชายหนุ่ม ไฟบางดวงถูกปิดเหลือเพียงส่วนกลางสำหรับพยาบาล
โรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้เปิดมานานจึงเป็นที่ไว้ใจของบุคคลภายนอก ทั้งคนฐานะปานกลางถึงระดับเจ้าของธุรกิจต่างไว้ใจเข้ามารักษาด้วยมีแพทย์ฝีมือดีหลายคน ปีหนึ่งมีนายแพทย์ยื่นใบสมัครเข้าทำงานหลายสิบคนแต่ถูกคัดเลือกให้เข้าทำงานที่นี่เพียงไม่กี่คนและตฤณคือหนึ่งในนั้น
เขาไม่ได้เก่งมากมายแต่เพราะบิดามีหุ้นอยู่ที่นี่ จะบอกว่าเขาใช้เส้นก็ไม่ผิดมากนักในเมื่อนายแพทย์ตฤณเป็นลูกชายคนรองของผู้บริหารระดับสูงอย่างนายแพทย์ไตรภพ ศิลาชัย แต่นั่นก็แค่ส่วนหนึ่งเพราะฝีมือของชายหนุ่มก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร
“ทำไมยังไม่กลับบ้านอีก” คุณหมอณัชชาเดินผ่านร่างสูงจึงหยุดทัก
ตฤณรีบยิ้มให้สลัดความเหนื่อยบนใบหน้าออกทันทีไม่อยากให้เพื่อนเป็นห่วง
“เรามาคุยกับอาหมอเรื่องโครงการของโรงพยาบาลน่ะ”
ดวงหน้าหวานพยักหน้าเล็กน้อย พอรู้มาบ้างว่าโรงพยาบาลกำลังมีโครงการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรแต่เธอไม่เห็นว่าจะสำคัญเท่าไหร่ก็แค่โครงการที่ต้องการดึงงบประมาณเพื่อหมุนเวียนให้ตนเองเท่านั้น ใครว่ามีแค่โรงพยาบาลรัฐที่ทำแม้แต่เอกชนก็แบ่งฝ่ายกันชัดเจนจนคร้านจะสนใจ
“แล้วทำไมวันนี้กลับดึกอีกแล้วล่ะ โหมงานหนักเกินไปไหมครับคุณหมอ” มองใบหน้าหวานที่ซีดเซียวไร้สีเลือดก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา
“ปกตินั่นแหละไม่ได้หนัก”
“แล้วกินข้าวเย็นหรือยัง” ส่ายหน้าช้าๆ พลางก้มหน้าหนีความผิด
ตฤณถอนหายใจยาวก่อนลุกขึ้นยืนคว้าข้อมือเล็กเอาไว้แล้วจูงให้เดินไปด้วยกัน
“จะพาเราไปไหน”
“ไปกินข้าวไง ร้านบะหมี่หน้าโรงพยาบาลนี่แหละ” บอกจุดหมาย
คนตัวเล็กก็เอ่ยจะคัดค้าน
“แต่เรา” ยังพูดไม่จบดวงตาคมก็หันมาทำให้คำพูดทั้งมวลหายไปในทันที เธอถอนหายใจยอมทำตามคำสั่งของเขา “ก็ได้ กินก็กิน” คุณหมอหวานใจไม่ชอบกินอะไรที่เป็นเส้นเพราะมันค่อนข้างกินยาก แต่ตอนนี้คงไม่สามารถปฏิเสธความหวังดีของเพื่อนได้
เธอลอบมองมือเขาที่จับมือตนเองเอาไว้ก็พยายามเม้มปากไม่ให้เผยรอยยิ้มออกมา
..เขาแสนดีขนาดนี้จะให้ตัดใจได้อย่างไร ขอแอบรักอยู่ในมุมของตนเองก็พอแล้ว
๗คือเธอวันเสาร์อาทิตย์ที่หยุดไปยังไม่อาจทำให้ณชาลืมเลือนเรื่องวันนั้นได้ เธอตื่นมาด้วยความคิดอยากลาออกจากงานอีกครั้งทั้งที่ยังทำได้ไม่ถึงเดือน หากบอกมารดาท่านจะต้องเทศน์เป็นการใหญ่แน่เพราะฉะนั้นเงียบไว้ดีที่สุด แค่ทนไปอีกไม่นานหน้าที่นี้ก็คงจบลงแล้ว คิดดังนั้นก็พอจะงัดตนเองขึ้นจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำได้บ้าง“ทำไมวันนี้ลงมาช้ากว่าปกติ” คุณศลิษาเอ่ยถามบุตรสาวเพราะเห็นว่าลงมาสายกว่าปกติถึงสิบห้านาที ร่างบางถอนหายใจอยากเอ่ยเรื่องคับอกแต่จำต้องเก็บเอาไว้“เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับเลยตื่นสายค่ะ” ข้อแก้ตัวฟังขึ้นแต่มารดาไม่ค่อยเชื่อจึงหรี่ตามองบุตรสาวตนเองพยายามจับผิด“ไม่ใช่ขี้เกียจไปทำงานนะ” ดูเหมือนว่าณชาจะทำอะไรคนเป็นแม่ก็รู้ไปหมดทุกอย่างร่างบางรีบส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธทั้งที่ในใจตอบรับไปแล้ว ใบหน้าหวานแสร้งยิ้มหวานหยดย้อยเกินความจำเป็นก่อนพูดปดให้คุณศลิษาฟัง“ใครจะไปขี้เกียจได้คะ งานดีเจ้านายดีเงินเดือนดีขนาดนี้ อยากทำงานทุกวันเลยค่ะ”พูดเกินจริงแบบนี้คนแก่กว่าก็ตกลงใจว่าลูกสาวคงขี้เกียจจริงดังที่คิดจึงได้แต่ส่ายหน้ารับประทานอาหารเช้าไปเงียบๆ บนโต๊ะยาวที่มีเก้าอี้กว่าสิบตัวแต่ถูกจับจอง
๘แย่งชิงกองทัพเดาะลิ้นมองตฤณแล้วแสยะยิ้มราวกับไม่สนใจในสิ่งที่คนตรงหน้าต้องการจะสื่อทั้งที่ในใจก็รู้สึกผิด คำพูดของน้องชายแวบเข้ามา‘คนที่ใช่ถ้ามาในเวลาที่ไม่ใช่ มันก็ไม่ใช่เคยได้ยินไหมพี่’เขาคือคนที่ใช่ซึ่งมาผิดเวลา..แต่แล้วยังไงล่ะ เขาจะทำให้ทุกอย่างมันใช่เองแหละ“เลิกยุ่งกับป้อนเถอะครับ ระหว่างคุณสองคนขอให้อยู่ในสถานะเจ้านายกับลูกน้อง”หนุ่มนักบริหารยกกาแฟขึ้นจิบทำท่ากวนจนคุณหมอต้องข่มอารมณ์โกรธเอาไว้“แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าผมกับป้อนมีอะไรเกินเจ้านายลูกน้อง คิดไปเองหรือเปล่าครับคุณหมอ” วางแก้วกาแฟลงแล้วยกมือกอดอกอีกครั้งราวต้องการปกปิดความรู้สึกบางอย่างตฤณกำมือแน่น เขารักณชาจนไม่อาจทนเสียเธอไปได้จึงยอมทิ้งศักดิ์ศรีมาขอร้องผู้ชายคนนี้ที่กำลังจะเข้ามาทำลายความสัมพันธ์ที่เขาพยายามรักษาเอาไว้“หรือว่าป้อนบอกคุณแล้ว” ทำท่าตกใจเกินจริงราวกับต้องการยั่วให้หมอโมโห“ว่าที่จริงคนที่ป้อนรักคือผมไม่ใช่คุณ”ตฤณตบโต๊ะเสียงดังลุกขึ้นจ้องมองกองทัพอย่างหาเรื่อง อยากตรงเข้าไปคว้าคอเสื้อคนตรงหน้าไว้แล้วชกสักหมัดแต่ก็ต้องห้ามใจหันมองโดยรอบผู้คนเริ่มแตกตื่น ทั้งพนักงานที่ทำเหมือนจะเข้ามาช่วยไกล่เกล
๙เธอจะดีหรือร้ายตั้งแต่วันนั้นก็ผ่านมากว่าหนึ่งสัปดาห์ทว่ากองทัพยังไม่ได้เดินหน้าอย่างที่บอกกับหมอตฤณเหตุก็เนื่องมาจากงานเยอะแทบไม่มีเวลากระดิกตัวณชาเองก็ไม่ต่างกันเธอต้องจัดเตรียมเอกสารทั้งนัดลูกค้าให้เจ้านายไหนจะติดต่องานกับแผนกอื่น วันเสาร์อาทิตย์ที่เคยได้หยุดอยู่บ้านก็จำต้องลุกจากที่นอนเพื่อมาทำงานกระทั่งวันนี้ที่งานทั้งหมดสิ้นสุดลงผ่านสัปดาห์นรกไปแล้วร่างบางก็ถอนหายใจด้วยความเหนื่อย อยากลาออกใจจะขาดแต่ก็ทำไม่ได้เพราะมีมารดาถือแส้ยืนรออยู่บ้านไหนจะเงินที่ต้องกินต้องใช้อีก คนเราอยู่ได้เพราะเงินจริงๆช่วงที่ผ่านมาณชายุ่งจนแทบไม่ได้คุยกับคุณหมอแต่เขาก็ขยันโทรหาไม่มีขาดจนรู้สึกผิดกับชายหนุ่ม ครั้งนี้ก็เช่นกันที่โทรมาแต่เช้า“ค่ะพี่ตฤณ”‘ถึงที่ทำงานรึยังครับ’มองนาฬิกาก็โคลงศีรษะเล็กน้อยก่อนจะอมยิ้ม โทรมาเวลาเดิมเหมือนทุกวันราวกับว่าตั้งเวลาสำหรับโทรหาเธอไว้อย่างนั้นแหละ“ถึงแล้วค่ะ พี่ตฤณถึงรึยังคะ” ณชาคงไม่รู้ว่าคำถามเพียงประโยคเดียวก็สามารถทำให้คุณหมอสุดฮอตของโรงพยาบาลยิ้มออกมาได้‘ถึงนานแล้วครับ พี่กำลังจะไปตรวจคนไข้’ “อ๋อ ถ้าอย่างนั้นพี่ตฤณตรวจคนไข้เถอะค่ะ ป้อนไม่กวนแล้ว” ขณะ
๑๐ทวงคืนบนรถยนต์คันหรูมีเพียงความอึดอัด ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาอีกหลังจบประโยคของปลายฟ้าณชาเหม่อมองข้างนอกแต่ใจกลับล่องลอยกลับไปยังอดีตที่ขื่นขม ในขณะที่เธอเป็นนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งคณะนิเทศศาสตร์มหาวิทยาลัยแห่งเดียวกับกองทัพและปลายฟ้าทว่าแทบไม่เคยเห็นสองคนนั้นเลย หากไม่ใช่ตนพยายามเข้าไปในวงโคจรของกองทัพเอง“เสียดายถ้าเราว่างจะชวนทัพไปกินข้าวด้วยกันสักหน่อย” คนข้างหลังเขยิบไปใกล้กองทัพมากขึ้นพลางถามด้วยใบหน้าแสนเสียดายณชาแอบมองแล้วเบ้ปากไม่ให้ทั้งสองคนเห็น“เอาไว้คราวหน้าดีไหม เราจะไปหาทัพถึงที่ทำงานเลย”ร่างบางที่เงียบมานานก็ได้โอกาสเปิดปากพูดด้วยใบหน้าเหนือกว่า“ช่วงนี้พี่ทัพงานยุ่งมากเลยค่ะคงไม่ค่อยมีเวลาให้พี่ปลายเท่าไหร่ หรือถ้าจะมาก็โทรถามป้อนก่อนนะคะจะได้ดูตารางงานพี่ทัพให้ว่าว่างหรือเปล่า”ปลายฟ้าหันมามองแววตาสงสัยแต่ไม่ได้ถามออกไปจนณชาต้องไขความกระจ่าง“ตายแล้ว พี่ปลายคงยังไม่รู้ว่าตอนนี้ป้อนเป็นเลขาให้พี่ทัพน่ะค่ะ”กองทัพมองสองสาวที่แม้น้ำเสียงจะราบเรียบแต่วาจากลับเชือดเฉือนกันจนกลัวว่าจะมีการฆาตกรรมเกิดขึ้นบนรถคันนี้“อ๋อ จริงเหรอคะ ดีใจด้วยแล้วกันนะแต่ก็แค่เลขาแหละค่ะคงไ
๑๑อย่าไปได้ไหมกองทัพมาถึงที่ทำงานแต่เช้าทว่าไม่ทันเลขาสาวซึ่งนั่งที่ประจำหัวหมุนกับงานจนไม่ได้เอ่ยทักทายเจ้านาย เข้ามาภายในห้องร่างสูงก็เห็นแซนด์วิชขนาดเล็กสี่ชิ้นวางไว้บนจาน ข้างกันนั้นมีกาแฟดำของโปรดทำเอาใบหน้าคมหลุดยิ้มออกมาคาดว่าคงไม่ใช่ฝีมือของณชาแน่นอนเธอทำอาหารเป็นเสียที่ไหน เข้าครัวทีไรก็สร้างความพินาศเมื่อนั้นจึงโดนขอร้องให้นั่งรออยู่เฉยๆร่างสูงหยิบแซนด์วิชขึ้นมากินอย่างเอร็ดอร่อย ที่เขาไม่ร่วมโต๊ะกับครอบครัวก็เพราะจำได้ว่าหญิงสาวจะนำแซนด์วิชมาให้นั่นแหละ มีแววเชื่อฟังตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นอะไรกันด้วยซ้ำ ชายหนุ่มนั่งกินจนหมดดื่มด่ำความอร่อยกระทั่งถึงเวลางานจึงเร่งมือเพื่อให้ทันเวลาไม่ต่างกับณชาที่ต้องไปประชุมกับฝ่ายอื่นแล้วนำสรุปมาให้กองทัพอ่าน จากเคยคิดว่าผ่านสัปดาห์วุ่นวายมาแล้วกลับไม่เป็นอย่างที่คิดเพราะสัปดาห์นี้ก็วุ่นวายไม่แพ้กัน แต่ดีหน่อยวันเสาร์อาทิตย์ได้หยุดจึงตั้งหน้าตั้งตารอจนอยากไปหมุนพระอาทิตย์ให้เดินเร็วกว่านี้หลังประชุมเสร็จเลขาสาวก็เดินกลับมาประจำโต๊ะตัวเองพลางถอนหายใจด้วยความเหนื่อย การประชุมเป็นไปอย่างเคร่งเครียดจนเธอกดดันไปด้วยดีที่ผ่านไปอย่างราบรื่นไม่
๑๒วันวานยังหวานอยู่จริงหรือแสงตะวันทาบทับขอบฟ้าทว่ากลับส่องไม่ถึงห้องพักภายในคอนโดหรูเพราะมีผ้าม่านทึบบดบังแสงแดดจนไม่อาจสาดเข้าไปรบกวนบุคคลที่กำลังนอนบนเตียงได้ ร่างบางพลิกตัวมาอีกทางเพราะรู้สึกเมื่อยก่อนจะสัมผัสได้ถึงลมหายใจซึ่งเป่ารดหน้าผากอยู่ สติที่หายไปเริ่มกลับมาอีกครั้ง..หรือว่าจะเป็นดวงตากลมโตลืมขึ้นด้วยความดีใจทว่าต้องเศร้าสลดเมื่อคนที่คิดกับคนในความจริงเป็นคนละคนกัน“ทัพ”ไม่ใช่เตชิตกลับเป็นกองทัพที่นอนอยู่บนเตียงกับเธอตั้งแต่เมื่อคืน..เมื่อได้อยู่ใกล้กันขนาดนี้จึงอดสำรวจใบหน้าคมอีกครั้งไม่ได้ หากถามว่ารู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็คงตอบว่านานมาแล้ว ครั้งยังเป็นเด็กอนุบาล ตอนนั้นผู้ชายคนนี้อ้วนกลมหน้าเต็มมักจะมีขนมอยู่ติดมือเสมอ เขามีรอยยิ้มน่ามองแต่ไม่ได้ครอบครองใจของเธอเพราะชายหนุ่มผู้เป็นดังรักแรกคือพณณกรเพื่อนสนิทของกองทัพปลายฟ้าพยายามเข้าหารักแรกก่อนจะได้เขามาครอบครอง โลกทุกอย่างเป็นสีชมพูกระทั่งเกิดปัญหาครอบครัวขึ้นชีวิตของเธอพังครืนภายในคืนเดียว รีบสะบัดหัวไล่ความคิดในอดีตก่อนจะฉีกยิ้มยกมือขึ้นมาสัมผัสใบหน้าคมที่หล่อบาดใจใครจะคิดว่าโตขึ้นจะหล่อเหลาขนาดนี้ หล่อ รว
๑๓เราและนายการทำงานไม่ใช่เรื่องน่าอึดอัดสำหรับกองทัพแต่คนที่ทำให้บรรยากาศเป็นแบบนั้นคือณชา เขาเพียรง้อด้วยคำพูดก็แล้ว ทั้งสั่งดอกไม้มาให้ถึงโต๊ะทำงานผู้คนเห็นต่างฮือฮาแต่ร่างบางกลับไม่สนใจ เธอนำดอกไม้จัดใส่แจกันเอามาไว้ในห้องของเขาแทน ใจแข็งจนหมดมุกจะง้อแล้วในขณะที่ร่างสูงเอาแต่มองแผ่นหลังบางของเลขาโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเรียกความสนใจ เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์บ้านจึงต้องรับอย่างเสียไม่ได้“ครับ” ดวงตาคมเลื่อนจากณชามองเอกสารตรงหน้า‘วันนี้รีบกลับนะลูก อย่าลืมนะว่ามีงานวันเกิดพ่อ’กลัวว่าลูกชายตัวดีจะทำงานจนลืมวันลืมคืนจึงต้องโทรมาย้ำอีกรอบกองทัพตอบรับมารดาเสียงนุ่ม“รับทราบครับไม่ลืมแน่นอน”เพียงเท่านั้นคุณเปมิกาก็บอกลูกให้ตั้งใจทำงานแล้ววางสายปล่อยให้กองทัพทำงานต่อไปแต่ท่านไม่รู้เลยว่างานไม่เข้าหัวผู้บริหารหนุ่มสักนิดเพราะเอาแต่จ้องคุณเลขาทั้งวันจนไม่เป็นอันทำอะไร ด้วยความอัดอั้นใจทนไม่ไหวอีกทั้งพรุ่งนี้ก็วันเสาร์แล้วคงไม่ได้เจอหน้าต้องรีบเคลียร์ให้จบ“ป้อนเอาเอกสารประชุมครั้งที่แล้วมาให้พี่หน่อย” กดโทรศัพท์สั่งงานให้คนข้างนอกเข้ามาหาตนซึ่งณชาก็สามารถแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ เธอหย
๑๔ใกล้ชิดเช้าวันเสาร์ที่แสนสดใสของใครหลายคนกลายเป็นเช้าที่แสนน่าเบื่อของนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์อย่างนักรบ เขาโดนแม่ปลุกแต่เช้าเพื่ออาบน้ำแต่งตัวรอต้อนรับลูกสาวของเพื่อนว่าที่คู่หมั้นในอนาคตอันใกล้ของตน“แม่ไม่ให้ผมใส่ทักซิโดเลยล่ะ” มองคุณเปมิกาที่สาละวนเลือกชุดให้จึงเอ่ยประชดจนโดนสายตาค้อนจำต้องหยิบเสื้อยืดใกล้ตัวมาสวม“ไม่เอาสิรบเสื้อยืดมันธรรมดาไป เอาเป็นเชิ้ตดีไหม”“โหยแม่ ทางการไปรึเปล่าเดี๋ยวเขาก็หาว่าขายลูกหรอก”ไม่ผิดไปจากความจริงเท่าไหร่นัก เธอห่วงนักรบมากกว่าบุตรชายคนโตที่ไม่ค่อยมีข่าวเรื่องผู้หญิงสักเท่าไหร่ต่างจากน้องโดยสิ้นเชิงนักรบถือเป็นเสือตัวพ่อก็ไม่ผิดนัก ผ่านผู้หญิงมาไม่รู้กี่คนต่อกี่คนจนต้องพาไปตรวจเลือดดีที่ลูกชายบอกว่าตรวจก่อนหน้านั้นแล้วผลเลือดปกติไม่มีเชื้อHIVแต่อย่างใดจึงพอโล่งใจได้บ้าง อย่างน้อยก็รู้จักป้องกัน“พูดมากจริง แม่ให้ใส่อะไรก็ใส่เถอะ”..บัญชาขนาดนี้ใครจะกล้าปฏิเสธนักรบถอดเสื้อยืดออกแล้วเปลี่ยนเป็นเชิ้ตแขนยาวสีครีมก่อนพับแขนขึ้นมาถึงศอก‘เหมือนใส่ชุดนักศึกษาไม่มีผิด’บ่นในใจแต่ก็ยิ้มให้มารดากระทั่งท่านจัดแต่งทรงผมให้เรียบร้อย“แม่ ทำไมลูกแม่หล่
ตอนพิเศษ...หนีเที่ยวงานแต่งระหว่างกองทัพและณชาจัดขึ้นอย่างใหญ่โตขัดกับความต้องการของทั้งสองที่อยากได้แบบเรียบง่าย ทว่าหน้าที่การงานไม่เอื้ออำนวยในเมื่อเจ้าบ่าวเป็นถึงคณะกรรมการของบริษัทมีคนนับหน้าถือตา ทั้งยังคู่ค้าที่ติดต่อกันมานานหากจะไม่เชิญก็กระไรอยู่“เฮ้ยไอ้เอิร์ธ มึงกลับมาแล้วเหรอวะ” ขณะที่ยืนรอต้อนรับแขกที่ด้านหน้างานดวงตาคมก็เห็นเพื่อนสนิทใส่สูทผูกไทด์ผมที่เคยรุงรังหรือหนวดเคราครึ้มก็ถูกจัดการจนกลับมาหล่อเกินหน้าเกินเจ้าของงาน สองหนุ่มก่อนกันเนื่องจากไม่พบกันเกือบสามปีครึ่ง“กูแค่มางานแต่งมึง เดี๋ยวก็บินกลับแล้ว” กองทัพแทบจะปรบมือให้ในความทุ่มเทของอีกฝ่ายเพราะขนาดน้องแท้ๆ ยังปฏิเสธจะมาร่วมงานแต่งของพี่มันเลย“ดีใจที่มึงมา งานนี้ขอซองหนักๆ” ตบบ่าหนาเต็มแรงไปหนึ่งที“ได้ เดี๋ยวกูขอไปซื้อหินมาใส่ซองก่อนแล้วกัน” รั้งไว้แทบไม่ทันเพราะดูเหมือนสัตวแพทย์หนุ่มจะทำจริงอย่างที่ว่า ณชามองพี่ชายทั้งสองพลางอมยิ้มมีความสุข กระทั่งพณณกรหันมาหาน้องสาวคนสนิท“ลงเอยกับมันสักทีนะเรา หลังจากร้องไห้มานาน” จะเอื้อมมือขึ้นไปลูบศีรษะเจ้าสาวก็โดนเจ้าบ่าวจับมือเอาไว้ก่อน“ตามองมืออย่าต้องครับ เจ้าสาวก
สุขสันต์วันปีใหม่ เทศกาลที่หลายคนรอคอยมาถึงอีกครั้งแม้ประเทศจะไม่ใช่เมืองหนาวทว่าประชาชนส่วนใหญ่ก็ทำตัวให้กลมกลืนได้อย่างไม่น่าเชื่อเมื่อออกมาจากบ้านแล้วเจอผู้คนสวมเสื้อแขนยาวท่ามกลางแดดร้อนกว่าสามสิบสามองศา การคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาไม่น่าเชื่อถืออีกครั้ง เมื่อประกาศว่าจะหนาวจนปากสั่นแต่สิ่งที่ได้รับคือร้อนตับแทบแตก ยิ่งทำงานกลางแดดด้วยแล้วแม้จะโบกครีมกันแดดทับด้วยสเปรย์มาหนามากแค่ไหน เพียงเหงื่อไหลก็ดูเหมือนว่ามันจะหลุดออกโดยง่ายไม่เหมือนกับที่โฆษณาเอาไว้สักนิด “พักกองค่ะ” เสียงช่างภาพดังขึ้นพร้อมปาดเหงื่อที่ไหลออกมาตามไรผม วันนี้ออกมาถ่ายรูปพรีเวดดิงที่สวนสาธารณะในยามที่พระอาทิตย์ตรงศีรษะเหตุผลเพราะคุณเจ้าสาวและคุณเจ้าบ่าวมีเวลาจำกัด เสร็จจากนี่ก็ต้องไปแจกการ์ด ไหนจะต้องบินไปต่างประเทศเพื่อเชิญบรรดาเพื่อนสนิทแทบหาเวลาให้ช่างภาพไม่ได้ จนต้องเลือกเอายามพระอาทิตย์ส่องแสงแรงกล้าที่สุด “แค่สิบนาทีได้ไหมคะ บ่ายสองพวกเราต้องไปจิบน้ำชากับท่านผู้ว่าจังหวัดสุพรรณ” ฝ่ายเจ้าสาวในชุดกระโปรงยาวเฟื้อยตะโกนบอกจนต้องกัดฟันตอบรับ “ได้ค่
ตอนพิเศษ...หวานใจของนายไข่ตุ๋น เคยคิดหลายครั้งว่าหากวันนี้มาถึงเธอจะเป็นอย่างไร วันที่เพื่อนคนสนิทอย่างตฤณ..แต่งงาน ณัชชาเดินเข้ามาภายในโรงแรมด้วยหัวใจหนักอึ้งขาทั้งสองแทบก้าวไม่ออกอันที่จริงมันเป็นมานานนับตั้งแต่วันที่ได้รับการ์ดจากเจ้าบ่าวแล้ว ใบหน้าคมมีรอยยิ้มประดับดวงตาก็ส่องประกายเจิดจ้าอย่างน่าอิจฉา วันนี้เธออยู่ในชุดเดรสแขนตุ๊กตาสีชมพูยาวเพียงเข่า เพราะไม่ค่อยมีเวลาไปซื้อชุดจึงต้องขอยืมจากน้องสาวมาใส่ก่อน ใบหน้าหวานยังคงมีแว่นตาบดบังและผมยาวก็ปล่อยสยายกลางหลัง ริมฝีปากอวบอิ่มเคลือบด้วยลิปกลอสสีชมพูวาว ใบหน้าที่เคยไร้สีดูสดใสขึ้นมาเล็กน้อยเพราะได้น้องสาวช่วยเพิ่มสีสันให้ทว่าก็ยังคงจืดจางเมื่อรวมกับคนหมู่มาก มือเล็กเซ็นในสมุดอวยพรบ่าวสาวแล้วหย่อนซองลงในกล่องก่อนหยิบของชำร่วยเป็นพวงกุญแจรูปหัวใจสองดวงคล้องกัน เก็บมันลงกระเป๋าทันทีแล้วก้าวเข้าไปภายในงานพยายามสูดลมหายใจเรียกกำลังให้ตนแต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อเห็นคู่บ่าวสาวยืนอยู่หน้าแบ๊กดร็อปในจังหวะที่เจ้าบ่าวช่วยเช็ดเหงื่อให้เจ้าสาวด้วยความอ่อนโยน หัวใจสั่นไหวจนอยากจะหันหลังออก
ตอนพิเศษหมอตฤณกับต้นหนาว นาฬิกาบ่งบอกเวลาตีสามทว่าชายหนุ่มที่อยู่ภายในผับยังคงนั่งดื่มเหล้าราวเป็นน้ำเปล่าไม่รู้สึกระคายคอสักนิด พนักงานหันมองหน้ากันไปมาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรจนกระทั่งผู้จัดการเดินไปแจ้งลูกค้าหน้าใหม่ให้รู้ว่าร้านปิดแล้วเขาจึงวางเงินเอาไว้พร้อมเดินเซออกไปทางประตู “รถอยู่ไหน” ร่างสูงพยายามเพ่งมองรถยนต์ของตนเอง หลับตาลืมตาอยู่หลายครั้งเพราะดูอย่างไรก็มองอะไรไม่ชัดสักอย่าง แถมรู้สึกเหมือนศีรษะเอนไปเอียงมาพยายามทำให้หัวตั้งตรงด้วยการเอนไปทางด้านขวาก่อนจะพบว่าไม่ตรงเลยสักนิด เขาจึงลองเอนหัวมาทางด้านซ้ายแทน ก็ไม่ตรงอีกถ้าอย่างนั้นควรทำอย่างไรดีถึงจะมองตรงได้ คุณหมอหนุ่มตัดสินใจล้มตัวลงนอนบนพื้นเพราะทนความหนักของศีรษะไม่ไหว “อ่า ตรงแล้ว” ใบหน้าคมยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะรู้สึกพะอืดพะอมจนต้องรีบลุกขึ้นนั่งแล้วโก่งคออาเจียนเต็มที่โดยไม่รู้เลยว่าตอนนี้กำลังนั่งอยู่หน้าลานจอดรถของผับที่ตนเองมาตั้งแต่สามทุ่ม เมื่อรู้สึกโล่งจึงล้มตัวนอนที่เดิมมือหนาคว้าสะเปะสะปะก่อนจะสัมผัสได้ถึงขนนุ่มนิ่มก็คว้าเข้าไปกอดคลายหนาวทันที ไม่รู้ส
ตอนพิเศษ...รักเธอได้ยินไหมเด็กหญิงหุ่นอวบเดินเข้ามาภายในโรงเรียนด้วยท่าทีมั่นอกมั่นใจ เธอรวบรวมกำลังใจเพื่อที่วันนี้จะได้ทำภารกิจอันสำคัญอากาศยามเช้าแสนจะสดใสราวทุกอย่างเปิดสว่างให้กับความรักของเธอ ณชารู้จักความรักครั้งแรกคือสิ่งที่เรียกว่า ‘ขนม’ เธอหลงรักมันอย่างถอนตัวไม่ขึ้นแต่ก็มักจะโดนเพื่อนล้อว่าตัวอ้วน กินแต่ของหวานฟันผุ กระทั่งได้รู้จัก ‘พี่ทัพ’ ผู้ชายที่ทำให้คำว่ารักของเธอเปลี่ยนไป‘อร่อยก็กินสิ เดี๋ยวพี่กินเป็นเพื่อน’จากที่เคยคิดจะลดของหวานณชาก็ยิ้มร่าหยิบเค้กชิ้นโตขึ้นมากินอย่างมีความสุข ผู้ชายตรงหน้าเธอมีหุ่นที่ไม่ต่างกันมากนัก แววตาของเขาทอประกายความสุขและนั่นเองทำให้เด็กหญิงที่ไม่ประสาเรื่องความรักหัวใจเต้นแรงจนต้องเดินไปถามมารดา“แม่ขา ป้อนหัวใจเต้นเร็วมากเลย แม่จับดู ป้อนจะตายไหมคะ” จับมือคุณแม่มาไว้ที่หัวใจเพื่อรับรู้อัตราการเต้นคุณศลิษาหัวเราะบุตรสาวก่อนจะลูบศีรษะน้อยๆ“ไม่ตายหรอกค่ะ อาการแบบนี้เขาเรียกว่าตกหลุมรัก”ตอนนั้นเธอไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร แต่มักจะเกิดขึ้นเมื่อได้สบตากับพี่กองทัพเสมอและเมื่อโตขึ้นเธอจึงได้เข้าใจคำว่าตกหลุมรักที่คุณแม่บอกเด็กหญิงชวนพี่ชาย
ตอนพิเศษ...เมื่ออดีตมือหนาเลื่อนขึ้นไปปิดน้ำที่ไหลรดกายก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวพันบริเวณเอวไม่ลืมหยิบผ้าขนหนูพื้นเล็กเช็ดศีรษะที่ชุ่มไปด้วยน้ำ ใบหน้าคมเข้มหล่อเกินวัยทำเอาสาวหลายคนใจละลายมานักต่อนัก ดวงตาเรียวยาวเพียงแค่ปรายตามองก็พานให้หัวใจสั่นไหว จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากเรียวราวอิสตรีเพียงเท่านี้ก็ทำให้กองทัพ วิจิตรประภากลายเป็นหนุ่มหล่อที่ถูกกล่าวขานไปทั่วมหาวิทยาลัย“อื้อ ทัพ ตื่นเร็วจัง” สาวสวยหุ่นเพรียวลุกขึ้นจากที่นอนคว้าเสื้อคลุมมาสวมทับปกปิดร่างกายของตนเองจากสายตาคมกริบที่ทำให้หัวใจสั่นไหวทุกครั้งที่มอง“ผมมีเรียนเช้า คุณนอนต่อเถอะ” คนตัวเล็กกว่าเดินเข้ามากอดเขย่งปลายเท้าขึ้นจุมพิตปลายคางอย่างน่ารักจนอดใจไม่ไหวต้องคว้ามากอด เธอน่ารักขี้อ้อนจนเขายอมทำทุกอย่างขอแค่ได้มาครอบครอง ยอมแม้กระทั่ง..เป็นชู้..“อือ ตอนเย็นเจอกันนะคะ” ใบหน้าหวานยิ้มจนตาเป็นสระอิ ความน่ารักนี้ที่เขาหลงใหล รอยยิ้มแสนหวานที่มักมอบให้ ชอบเหลือเกิน ชอบจนไม่อาจจะตัดใจได้ทั้งที่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนของเพื่อนสนิท เพื่อนที่เป็นทั้งญาติไม่อาจจะตัดกันขาด“เดี๋ยวเราจะทำของที่ทัพอยากกินไว้รอ” เธอเดินมาส่งเขาท
ตอนพิเศษ...วันฮาโลวีนเทศกาลส่งท้ายเดือนตุลาคมที่กำลังฮิตในประเทศคือวันฮาโลวีน เด็กนักเรียนวัยอนุบาลและประถมต่างจัดเต็มมาในชุดผีน้อยแสนน่ารักหรือบางคนพ่อแม่ก็จัดให้เกินคำว่าน่ารักจนเพื่อนร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวและวันฮาโลวีนก็กำลังเป็นประเด็นฮอตให้หมู่นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ถกเถียงกัน นักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งต้องไปเข้าค่ายที่ต่างจังหวัดซึ่งงบประมาณที่เขียนขอไปกับทางคณะไม่เพียงพอ จึงต้องช่วยกันเปิดหมวกหาเงินโดยใช้เทศกาลของต่างประเทศให้เป็นประโยชน์โดยการจับเพื่อนในคณะมาแต่งชุดผีเพื่อขอรับบริจาคกระจายไปตามจุดต่างๆ ที่มีคนพลุกพล่านกองทัพเดินลงจากอาคารเรียนด้วยใบหน้าราบเรียบ เขาไม่มีแผนจะไปที่ไหนต่อนอกจากบ้านของตนเอง ง่วงเกินกว่าจะออกไปกินลมชมวิวข้างนอกตามคำชักชวนของเพื่อนร่วมคณะ เมื่อคืนเขานั่งอ่านรายงานเพื่อจะมาพรีเซนต์จะแทบไม่ได้นอนขณะเดินไปที่รถกลับมีผู้หญิงนุ่งชุดไทยวิ่งตัดหน้าจนคนตัวสูงสะดุ้ง“แฮ่!” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ ทำเอาจากความหวาดกลัวแปรเปลี่ยนเป็นความรำคาญทันทีเมื่อรู้ว่าเธอคือใคร“เล่นบ้าอะไร สนุกมากเหรอ” ไม่ได้ตวาดเสียงดังแต่ประโยคนั้นก็ทำร้ายจิตใ
๒๘รักจะอยู่กับเราไปนิรันดร์ย้อนกลับไปสามชั่วโมงที่แล้วณชาเดินเข้ามาภายในสนามบินสุวรรณภูมิด้วยใบหน้าเรียบเฉย เธอต้องบินไปอิตาลีอันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนหรอกเพราะขอวีซ่าไว้ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วเพียงแค่ไม่ได้บอกใครเท่านั้น เธอมีกำหนดไปแค่หนึ่งสัปดาห์เพราะต้องไปถ่ายรูปงานแต่งให้เพื่อนสนิทถือโอกาสไปเที่ยวเพื่อพักผ่อนจิตใจหลังต้องทำงานหนักเพราะกองทัพมาหลายเดือนห้าเดือนที่เธอกลับมาอยู่ประเทศไทยเขาสม่ำเสมอตลอด เช้ามาหาเย็นมารับประทานอาหารด้วยบางครั้งก็ไปนั่งเฝ้าที่ร้านขนมของแม่ยามเธอไปทำงาน หรือหากออกกองกับพ่อกองทัพก็จะแวะไปหาอ้างว่าซื้อของมาให้คุณพิชาภพแต่ทุกคนก็รู้ดีว่าแท้จริงแล้วเป็นของใครเขาแสนดีขนาดนี้จนเธอเริ่มอ่อนไหว ใครจะไปทานทนได้ไหนจะมารดาที่เล่าเรื่องชายหนุ่มให้ฟังว่าซื่อสัตย์เพียงใดใจดวงนี้ก็อ่อนยวบลงทันที ทว่าเมื่อคิดถึงเรื่องที่เขาเคยทำก็อดใจแข็งขึ้นมาไม่ได้ อยู่คนเดียวก็มีความสุขดีอยู่แล้วจึงเลิกคิดเรื่องของกองทัพร่างบางเช็กอินเสร็จก็เดินไปยังร้านกาแฟเดี๋ยวนี้เธอค่อนข้างเสพติดคาเฟอีนต้องดื่มทุกวันไม่อย่างนั้นจะรู้สึกไม่สดชื่น ระหว่างที่เดินออกจากร้านสายตาก็บังเอิญเ
๒๗ไม่ยอมแพ้ณชานั่งทำงานอยู่ภายในร้านกาแฟของมารดา ยกแก้วคาปูชิโนขึ้นจิบแล้วเร่งแต่งรูปภาพให้ทางผู้ว่าจ้างอย่างขะมักเขม้นแต่แล้วก็นึกถึงเรื่องที่เพิ่งได้รู้จากปากของต้นหนาวน้องสาวของปลายฟ้า..จริงแค่ไหนกันนะใบหน้าหวานครุ่นคิดอย่างสับสนจำได้ว่ายามค่ำคืนกองทัพมักจะออกไปข้างนอกโดยอ้างเหตุผลร้อยแปดจนเธอหลงเชื่ออย่างสนิทใจว่าเขามีธุระและเพิ่งได้รู้ทีหลังว่าธุระของเขาก็คือการไปอยู่กับปลายฟ้า หัวใจของเธอแทบจะขาดออกจากกัน มันปวดหนึบหายใจแทบไม่ออกเมื่อได้รู้ความจริงจากที่เคยคิดว่าเขารักความรู้สึกก็แปรเปลี่ยนไป ทุกวันที่อยู่ด้วยกันณชาต้องแสร้งทำเหมือนไม่เจ็บทั้งที่อดระแวงไม่ได้ว่าชายหนุ่มจะไปหาอดีตคนรักอีกเมื่อไหร่ แม้จะบอกตัวเองว่าเวลาที่เหลือขอเก็บเกี่ยวความสุขครั้งสุดท้ายเอาไว้แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันไม่ได้มีเพียงความสุขเท่านั้นทว่ามันแฝงไปด้วยความเจ็บปวดที่บาดลึกลงไปในใจทุกวันณชาเลือกจะเดินออกมาจากชีวิตของเขาตัดขาดการติดต่อทุกช่องทางบินไปรักษาแผลใจไกลถึงต่างประเทศ ไปยังสถานที่เรียน ไปเจอเพื่อน รู้จักคนใหม่ๆ หญิงสาวลงเรียนถ่ายภาพอย่างจริงจังตามความชอบของตน รู้สึกสนุกจนลืมเรื่องทุกข์ใจเปิดโ