กลิ่นยาฆ่าเชื้อพุ่งเข้าจมูกฉันฉันได้ยินเสียงคลุมเครือ"นายน้อยเซี่ย คุณสวี่เป็นมะเร็งกระเพาะอาหารระยะสุดท้ายครับ""ท่านถามความปรารถนาของเธอดีกว่าครับ?""มะเร็งกระเพาะอาหาร?" เสียงเซี่ยสือแหบห้าว"เธอยังอายุน้อยขนาดนี้ เธอจะเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารได้ยังไง?"หมอถอนหายใจ "คุณสวี่เป็นโรคซึมเศร้ามาเป็นเวลานานครับ อารมณ์ก็คือยาพิษที่ร้ายแรงที่สุด!"ฉันค่อยๆ ลืมตาและหัวเราะอย่างเย็นชาโอ้ พระเจ้าช่วยฉันจริงๆคุณพ่อคุณแม่ รออีกนิดนะคะ เดี๋ยวเราก็จะได้เจอกันแล้วค่ะพอเห็นฉันตื่นขึ้นมา เซี่ยสือก็รีบมาที่ข้างเตียงเขามองมาที่ฉัน ดวงตาเปล่งประกายความหวังอย่างควบคุมไม่ได้"เซี่ยสือ ท่าทางแบบนี้ของคุณ ต่ำทรามจริงๆ""โยโย..."ฉันยังคงเยาะเย้ยต่อไป "ดูสิ แม้แต่พระเจ้าก็ยังไม่อยากให้ฉันอยู่กับคุณต่อไป"ใบหน้าของเขาซีดเผือดดวงตาเป็นสีแดง ในสายตาเหลือแต่ความเศร้าโศก"โยโย ผมแค่อยาก... พยายามชดใช้ให้คุณ...""ไม่จำเป็น!" ฉันตะคอกขัดจังหวะเขา "พ่อฉัน แม่ฉัน เราทำอะไรผิด?"ความเกลียดชังที่มีต่อเขาแผ่ซ่านไปจากตัวฉัน ทำให้เขาพูดไม่ออกสักพัก เขาก็ดึงแขนเสื้อของฉันเขาค่อยๆ ย่อเข่าลงและคุกเข่าอยู่หน้าเตียงของฉ
ฉันตายแล้ววิญญาณของฉันลอยอยู่ในท้องฟ้ามองดูตำรวจที่บุกเข้าไปในห้องผู้ป่วยแล้วจับเซี่ยสือไว้ครั้งที่แล้ว ก่อนกลืนยานอนหลับฆ่าตัวตาย ฉันได้ส่งอีเมลไปหาเมิ่งซินข้างในเป็นหลักฐานบางอย่างที่ฉันรวบรวมได้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเกี่ยวกับอาชญากรรมเซี่ยสือในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ธุรกิจของเขาเติบโตขึ้นเรื่อยๆ หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะใช้วิธีการที่ผิดกฎหมายบางอย่างเซี่ยสือถูกตัดสินจำคุกสามปีแต่ที่แปลกคือฉันไม่สามารถไปเกิดได้วิญญาณถูกดึงดูดอยู่ข้างๆ เซี่ยสือตลอดเวลายมทูตกล่าวว่าเขายึดเหนี่ยวมากเกินไปดังนั้นในวันที่เซี่ยสืออยู่ที่โรงพยาบาล ฉันจึงลอยอยู่ข้างๆ เซี่ยสือตลอดฉันมองดูเขาผอมลงเรื่อยๆ เฝ้าดูเขาคิดถึงอดีตของเราครั้งแล้วครั้งเล่า"อ๊า!" เซี่ยสืองอขา สองมือกอดหัวแน่นน้ำตาปรากฏขึ้นทีละหยด เส้นเลือดบนขมับและคอของเขาโป่ง ใบหน้าก็แดงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากสติแตกเย็นวันนั้น เซี่ยสืออยู่ในห้องขังคนเดียวเขาตะโกนเรียกชื่อฉันอย่างรู้สึกผิด"โยโย คุณรอผมก่อน ผมมาหาคุณแล้ว""คุณต้องรอผมนะ..."ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ด้วยความงุนงง ฉันลอยอยู่ข้างๆ ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างตกพื้นที่พื้นมีมีดอยู่เล่มหน
งานเลี้ยงวันเกิดเซี่ยสือคุณชายไฮโซแห่งวงการจัดขึ้นที่ริมอ่างเก็บน้ำเมืองอันแวดวงคนดังมาร่วมงานกันไม่น้อยตอนที่ฉันไปถึง ดาราหน้าใหม่สวีลู่ลู่กำลังออดอ้อนอยู่ในอ้อมกอดของเซี่ยสือเซี่ยสือก็ไม่ได้มองเธอ นั่งแบบไม่สนใจใยดี มือหนึ่งถือแก้วเหล้า อีกมือหนึ่งกอดอยู่บนเอวสวีลู่ลู่สวีลู่ลู่มองมาที่ฉันอย่างเหยียดหยาม"นี่ใครคะ ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย?""ก็แค่เลขา ไม่ต้องสนใจหรอก"ใช่สิ ฉันเป็นแค่เลขาผู้บริหารภายใต้เซี่ยกรุ๊ปเท่านั้น ย่อมไม่เข้ากับวงการนี้อยู่แล้วถ้าไม่ใช่เกาะคนอย่างเซี่ยสือได้ ก็จะไม่มีโอกาสได้เจอคนดังในวงการธุรกิจเหล่านี้เลยเซี่ยสือยิ้มอีกครั้ง "และก็เป็นของเล่นด้วย"ฉันไม่ได้ปฏิเสธสามปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยยอมรับว่าฉันเป็นแฟนของเขา แม้แต่สถานะหวานใจก็ยังไม่ให้เขาพูดว่า "สวี่โยก็เป็นแบบนี้แหละ ผมจะทำยังไงกับเธอ เธอก็จะไม่มีวันทิ้งผมไป"เสียงโห่ดังขึ้นสวีลู่ลู่ปิดปากแอบหัวเราะ จากนั้นอ้อนกับเซี่ยสือว่า"ประธานเซี่ยคะ เธอชอบคุณหรือเปล่าคะ? ไม่งั้นคุณให้โอกาสเธอเปลี่ยนสถานะหน่อยดีไหมคะ?"เซี่ยสือเลิกคิ้วและมองมาที่ฉันอีกครั้ง หยิบกระเป๋าของฉันที่อยู่ข้างๆ โยนลงไปใ
ฉันกลั้นหายใจแล้วว่ายลงไปที่ก้นอ่างเก็บน้ำวันนี้ตอนที่ฉันออกจากบ้านได้เอากำไลอันนั้นใส่ไว้ในกระเป๋า ดังนั้นฉันจึงต้องไปเอามันมาให้ได้ต่างบอกว่าฉันเป็นคนข้างเซี่ยสือที่ประจบสอพลอมากที่สุด ทั้งๆ ที่เป็นแค่เลขา แต่ก็ยังมีความคิดที่ไม่เหมาะสมอยากเปลี่ยนลูกเป็ดขี้เหร่ให้กลายเป็นหงส์แต่ไม่มีใครรู้ว่าสามปีที่ผ่านมาไม่มีวันไหนที่ฉันไม่อยากจากไปว่ายลงไปสักพัก ฉันก็เห็นกำไลอันนั้นที่ล่วงออกมาจากกระเป๋าและกระแทกหักเป็นสองท่อนในทันทีฉันเม้มริมฝีปากเล็กน้อย มันหักแล้วจริงๆฉันเอื้อมมือไปหยิบกำไลสองท่อนขึ้นมาแต่ตอนที่ฉันหันหลังจะว่ายกลับ ต้นขากลับถูกหญ้าในน้ำที่มีหนามเกี่ยวไว้ฉันกระชากออกอย่างแรง จนบาดเป็นแผลยาวที่ต้นขา เลือดออกในทันทีฉันยิ้มเบาๆขอแค่สามารถเอากำไลที่หักกลับมาได้ ความเจ็บปวดแค่นี้ไม่เป็นอะไรเลยฉันอดทนต่อความเจ็บปวด กัดฟันออกแรงว่ายกลับไปอย่างสุดกำลังตอนที่ฉันออกมา ข้างนอกเต็มไปด้วยคนมุงดูมีคนล้อเซี่ยสือว่า "นายน้อยเซี่ย วันนี้จะเลิกเป็นโสดแล้วใช่ไหม?"เซี่ยสือไม่ตอบ เขามองมาที่ฉัน เสียงแหบนิดหน่อย"สวี่โย ผมไม่คิดจริงๆ ว่าคุณจะ..."จนกระทั่งเขาเห็นฉันนั่งย
ฉันกับเซี่ยสือรู้จักกันในสมัยวัยรุ่นคบกันมาเจ็ดปี ความสัมพันธ์มั่นคงมากฉันคิดว่าเราจะหมั้นหมายกันตามขั้นตอนและอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตเขาเป็นนักธุรกิจหน้าใหม่ ฉันเป็นลูกสาวคนเดียวของตระกูลสวี่แต่ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะเป็นงูเห่าตัวหนึ่งเขาใกล้ชิดฉัน ทุกอย่างระหว่างเรา ล้วนเป็นกลอุบายที่เขาวางแผนมาเป็นอย่างดีเพื่อที่จะแก้แค้นเขาอาศัยเส้นสายของพ่อฉันและค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นไปทีละขั้นแต่หันกลับมาเขาก็ผลักพ่อฉันลงเหวเซี่ยสือเป็นคนที่โหดร้ายมากๆโหดร้ายมากๆวันนั้นฝนตกหนัก เขาโยนข้าวของของฉันออกจากคฤหาสต์ทีละชิ้น"คุณรู้อะไรไหม? วันที่พ่อคุณทำให้บ้านผมล้มละลายเป็นวันเกิดผม พ่อผมสัญญาว่าจะพาผมไปสวนสนุก แต่เขาก็ไม่เคยได้กลับมาอีกเลย""สวี่โย คุณควรขอบคุณผมจริงๆ ที่ผมโตได้ไม่เร็วมาก ปล่อยให้ครอบครัวของคุณมีชีวิตที่ดีมาตั้งหลายปีขนาดนี้""ต่อไป คุณก็ควรสัมผัสกับความรู้สึกที่ผมเคยสัมผัสมา!"ความรู้สึกอะไรน่ะเหรอ?ความรู้สึกของการที่ครอบครัวแตกสลายวันที่พ่อฉันฆ่าตัวตาย แม่ฉันอยู่ที่ชั้นล่างมองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเธอสุขภาพไม่ดีอยู่แล้ว ทนต่อความกระทบกระเทือนทางจิตใจไม่ได้นอ
ตอนนี้ได้ยินฉันพูดแบบนี้มีคนกระซิบกระซาบว่า"อะไรกัน หวานใจของเซี่ยสือคนนั้นไม่ได้ชอบเขาเลย คิดอยากจะจากไปอยู่ตลอด?""หุบปาก!" จู่ๆ เซี่ยสือก็ตะคอกเขามองมาที่ฉัน สายตาดุร้ายและมุ่งมั่น"สวี่โย แล้วถ้าผมไม่รักษาคำพูดล่ะ?"ฉันถอยหลังไปหนึ่งก้าว ไม่ได้พูดอะไรเซี่ยสือหลับตา ตอนที่ลืมตามาอีกครั้ง เขาก็ถอนหายใจอย่างแรงราวกับกำลังโน้มน้าวใจตัวเองให้ตัดสินใจ"สวี่โย คุณไม่ได้ชนะ" เขากลับมามีท่าทางเอ้อระเหยลอยชาย พูดพลางจุดบุหรี่มวนหนึ่ง"เพราะคุณเป็นแค่ของเล่นของผม และเป็นเพียงหนึ่งในของเล่นจำนวนมากที่ไม่มีค่าเลย""ผมอยากจะทิ้งก็ทิ้ง อยากจะเปลี่ยนก็เปลี่ยน"ขณะพูด เขาก็โอบดาราหน้าใหม่ที่ยืนอยู่ข้างๆ คนนั้นสวีลู่ลู่คนที่เพิ่งหัวเราะเยาะฉันสวีลู่ลู่อุทานและกระแทกเข้าใส่อ้อมกอดเขา"ต้องขอโทษด้วยนะคุณสวี่ ครั้งนี้ผมต้องการผิดคำพูด ผมไม่อยากทิ้งของเล่นอย่างคุณแล้วสิ"สวีลู่ลู่ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของเซี่ยสือ มองมาที่ฉันอย่างยั่วยุตะคอกอย่างแอ๊บแบ๊วว่า "ยังอยู่ที่นี่ทำอะไร ของเล่นก็ไปที่ที่ของเล่นควรอยู่นู่น"ฉันมองไปที่เซี่ยสือ "กำไลหักแล้ว จากนี้ไปคุณกับฉันก็ตัดขาดกันแล้ว"
ช่างเป็นใบหน้าที่สมบูรณ์แบบจริงๆ ราวกับผลงานที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของผู้สร้าง ทุกตารางนิ้วของโครงร่างนั้นวิจิตรบรรจงจนถึงขีดสุดเมื่อก่อนฉันเคยใจเต้นแรง หลังจากเกิดเรื่องราวมากมายหลายอย่าง ตอนนี้มองหน้านี้อีกครั้ง รู้สึกแค่ว่าเย็นชาและโหดร้ายแต่ขอแค่สามารถหนีไปจากเขาได้ ฉันยอมทำทุกอย่างฉันกัดฟัน คุกเข่าลงกับพื้น ใช้มือหยิบอาหารบนพื้นขึ้นมาข้างหูมีคำเตือนที่เย็นชาของเซี่ยสือดังมา "สวี่โย อย่าทำให้ตัวเองสกปรกจนเกินไป"ฉันทำเป็นไม่ได้ยิน หยิบอาหารยัดเข้าไปในปากสกปรกคืออะไร? แบบไหนถึงเรียกว่าสะอาด?ฉันไม่เคยสกปรกเสียงหัวเราะที่อยู่ข้างๆ ดังชัดจนแสบหู"สวี่โยคนนี้ แม้แต่ขยะก็ยังกิน เธอบ้าไปแล้วเหรอ?""เธอผีเข้าแล้ว คนทั้งเมืองอันใครไม่รู้ว่าเธอรักนายน้อยเซี่ยจนหัวปักหัวปำ นี่ถึงกับกินขยะเพื่อจะจากไป""นี่เธอแสร้งปล่อยเพื่อจับหรือเปล่า?"จู่ๆ ฉันก็ถูกดึงขึ้นมาอย่างแรงคือเซี่ยสือเสียงเย็นชาดังขึ้น "ไสหัวไป!"ฉันไม่กล้าที่จะมองเขาอีกเลย ไม่สนใจสายตาแปลกๆ ของทุกคน หันหลังแล้วก็วิ่งตอนนี้ฉันแค่อยากจากไปเดี๋ยวนี้ ไปให้ไกลๆ!ฉันกลับเข้าเมืองโดยเร็วที่สุด โดยไม่สนใจเรื่องการเปลี่ยนเสื้อผ้าที
"ฆ่าผมเหรอ?" เซี่ยสือหัวเราะเยาะ "สวี่โย คุณมักจะมองตัวเองสูงไปเสมอ"ฉันจ้องมองปล่องบันไดที่โล่งกว้างอย่างว่างเปล่าใช่สิ ฉันจะทำอะไรได้?ฉันได้แต่บังคับตัวเองให้ทำท่าทางที่เขาชอบครั้งแล้วครั้งเล่า ถ่อมตัวและประจบประแจงเหมือนนักโทษ"ขอร้องคุณล่ะ... ฉันจะเชื่อฟังคุณ..."การต่อต้านไม่มีประโยชน์แต่คราวนี้ เซี่ยสือดูเหมือนจะเบื่อหน่ายกับลูกเล่นแบบเดิมๆรถที่มิดชิดพาฉันไปที่บ้านเขาจนมาถึงที่นี่ ในที่สุดฉันก็โทรหาแม่ติดเธอบอกฉันว่าเมื่อกี้แค่ออกไปเดินเล่นกับคนอื่น ตอนนี้กลับมาถึงโรงพยาบาลแล้วจู่ๆ ฉันก็รู้สึกหมดแรง พยุงโซฟาอย่างอ่อนแรงถึงจะยืนอยู่ได้เซี่ยสือกำข้อมือของฉัน ดึงฉันไปไว้ในอ้อมกอดจูบของเขามีกลิ่นอายของความก้าวร้าวและดุดันบ้าจริงๆ!ฉันกัดลิ้นของเขาเขาเจ็บ แต่กลับไม่ยอมปล่อยฉันกลิ่นเลือดเริ่มแรงขึ้นฉันผลักเขาออกอย่างแรง แล้วสะบัดมือตบเขามีเสียง "เพียะ"ทั้งห้องเงียบกริบเกรงว่าจะเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เขาโดนตบเซี่ยสือใช้ปลายลิ้นดันแก้มเขาจ้องมองฉันอย่างเงียบๆ อยู่แบบนี้ ดวงตามืดมนเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ฉันไม่สามารถแยกแยะได้หัวใจเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและความขี้ขลาดจู่