|PART 9|
ผลกระทบจากฟีโรโมน กอริลลาตัวเมียกลายพันธุ์ในร่างของหญิงสาวหุ่นนักกีฬาปีนขึ้นไปบนต้นไม้ที่อยู่สูงเหนือศีรษะของเหอไป๋เหยียน ในมือของมันถือหินก้อนใหญ่เอาไว้เพื่อรอให้เหอไป๋เหยียนมาอยู่ในจุดที่มันตั้งใจไว้ จากนั้นจึงโยนก้อนหินลงไป เหอไป๋เหยียนไม่ทันได้ระวังตัว พอแหงนหน้าขึ้นไปมองก็เห็นหินก้อนใหญ่กำลังหล่นลงมาด้วยความเร็ว คราแรกคิดว่าคงหลบไม่พ้น จู่ ๆ หินก้อนนั้นก็เปลี่ยนทิศทางไปอีกฝั่งโดยปลายเท้าของผู้ที่ติดตามมา "เป็นยังไงบ้าง นายบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า" เซียวเยว่ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง "จะเป็นอะไรล่ะ ถ้านายมาช้ากว่านี้อีกนิด ฉันคงได้ไปนอนคุยกับไส้เดือนกลายพันธุ์ที่อยู่ใต้ดินแล้ว" เพราะกลิ่นฟีโรโมนของเหอไป๋เหยียนทำให้เซียวเยว่ตามหาตัวได้ไม่ยาก พอคิดแบบนี้ จึงรู้ว่าเครื่องติดตามที่สวมอยู่บนคอของเหอไป๋เหยียนกแทบไม่มีประโยชน์อะไร "ขอโทษที พอดีทางนั้นมีเรื่องยุ่งยากนิดหน่อย ตอนนี้อวี่หลางกำลังจัดการอยู่" บริเวณที่ใช้จัดงานโคมลอยมีเซียวอวี่จัดการเคลียร์พื้นที่ก่อนที่ตำรวจจะมาถึง ส่วนเซียวเยว่แยกตัวมาตามเหอไป๋เหยียนโดยอาศัยกลิ่นฟีโรโมนที่ฟุ้งกระจายอยู่ภายในป่า เมื่อมาถึงก็พบลิงกอริลลาตัวเมียกำลังลอบทำร้ายเหอไป๋เหยียนจากที่สูง จึงพุ่งตัวเข้าไปช่วยโดยอาศัยฝีเท้าของหมาป่ากลายพันธุ์ เพียงเสี้ยววินาทีก็มาถึงตัวเหอไป๋เหยียนและปกป้องเอาไว้ได้ "โฮกกก..แกเป็นใคร ถ้าไม่อยากตายก็ทิ้งตัวเมียนั่นไว้และรีบไปซะ!!" ยังไม่ทันได้รับขวัญคนรักก็ถูกขัดจังหวะเข้าเสียก่อน สัตว์กลายพันธุ์ตัวผู้ที่กำลังติดสัดเห็นเซียวเยว่ก็คิดว่าเป็นศัตรูที่เข้ามาแย่งชิงตัวเมีย พวกมันอาศัยจำนวนที่มากกว่าพากันเข้ามารุม หารู้ไม่ว่าหมาป่าหนุ่มกำลังโกรธจัดที่พวกมันคิดจะผสมพันธุ์กับไป๋เหยียนของเขา "หน็อย..คิดจะผสมพันธุ์กับคนของฉันเหรอ แม้แต่ปลายเส้นผมพวกแกก็อย่าหวังจะได้สัมผัสเลย" พูดจบเซียวเยว่ก็คืนร่างเป็นหมาป่าขนสีดำสนิท ดวงตาสีเพลิงปรากฏขึ้นในความมืดก่อนกระโจนเข้าใส่สัตว์กลายพันธุ์เหล่านั้นด้วยความโกรธเกรี้ยว ไม่เปิดโอกาสให้พวกมันได้ตอบโต้ และฆ่าทิ้งโดยไม่ฟังคำอ้อนวอน สัตว์กลายพันธุ์แม้จะกลายร่างเป็นมนุษย์ได้แล้วแต่พวกมันยังไม่ทิ้งสันดานของสัตว์ป่า นับว่ายังห่างไกลจากความเป็นมนุษย์นัก ความตายเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับพวกมันที่สุดแล้ว "ซะ..เซียวเยว่.." เมื่อจัดการกับสัตว์กลายพันธุ์ตัวสุดท้ายแล้ว เสียงเรียกของเหอไป๋เหยียนก็ดังขึ้น ร่างอรชรทรุดลงกับพื้นอย่างคนหมดแรง เห็นแบบนั้นแล้วหมาป่าหนุ่มจึงเข้ามาดูอาการของเหอไป๋เหยียนโดยทันที กลัวว่าจะได้รับบาดเจ็บตอนที่เขาไม่อยู่ "ไป๋เหยียน นายเป็นอะไรไป อุ๊บ!!" "ยังจะมาถามอีก รีบพาฉันกลับปิงเจี๋ยเร็ว!!" เซียวเยว่เข้ามาประคองร่างของเหอไป๋เหยียนและได้กลิ่นฟีโรโมนที่เข้มข้นขึ้นกว่าเดิม จมูกของหมาป่ากลายพันธุ์นั้นไวต่อสัมผัสจนเกือบลืมตัวขย้ำอีกฝ่ายเข้า ฉะนั้น หากมีสัตว์กลายพันธุ์ตัวผู้หลงเหลืออยู่บริเวณนี้เกรงว่าคงไม่ดีกับเหอไป๋เหยียนแน่ และตอนนี้เหอไป๋เหยียนเองก็อ่อนปวกเปียกไปทั้งร่าง เรี่ยวแรงจะยืนด้วยขาของตัวเองยังไม่มี เห็นแบบนั้นแล้วเซียวเยว่จึงช้อนอุ้มร่างอรชรออกจากป่าและพาไปยังรถที่จอดไว้ "นี่ไป๋เหยียน จู่ ๆ ทำไมนายถึงมีอารมณ์ขึ้นมาล่ะ" "ฉันจะไปรู้ได้ยังไงเล่า อย่ามัวแต่พูดมากนักเลย ตั้งใจขับรถไปเถอะน่า!!" เซียวเยว่ถามขึ้นขณะขับรถกลับเรือนปิงเจี๋ย และถูกเหอไป๋เหยียนต่อว่ากลับมา "อ๊ะ! ไป๋เหยียน ใจเย็นก่อนสิ" เมื่อมาถึงเรือนปิงเจี๋ยเหอไป๋เหยียนก็โถมทั้งร่างเข้าใส่เซียวเยว่ทันที หมาป่าหนุ่มวัยเจริญพันธุ์ถูกเล้าโลมเพียงนิดร่างกายก็ตื่นตัวอย่างง่ายดาย ส่วนที่แข็งแกร่งก็ชูชันขึ้น ทั้งคู่แนบริมฝีปากเข้าหากันอย่างหื่นกระหาย พัวพันปลายลิ้นร้อนแรงอยู่ในโพรงปากกันและกัน ขณะถูกอสรพิษรูปงามดูดกลืนความหอมหวาน หมาป่าหนุ่มก็เอาแต่จับจ้องดวงตาสีมรกตอย่างลืมตัว คล้ายโดนล่อลวงให้ลุ่มหลงจนยากจะถอนตัว "อืม..อ๊ะ.." เสียงครางของเหอไป๋เหยียนเปลี่ยนไปจากก่อนหน้าสิ้นเชิง ช่างอ่อนหวานและปลุกเร้าอารมณ์เสียเหลือเกิน ได้ฟังน้ำเสียงที่แสนจะเย้ายวนนั้นแล้วทำให้หมาป่าวัยเจริญพันธุ์หักห้ามใจไม่ขยับเอวเพื่อส่งเหล็กร้อนกลางร่างกายทิ่มแทงเข้าออกช่องทางสีสดไม่ได้ เหอไป๋เหยียนช่างสวยงามและเร่าร้อน ร่างอรชรบิดเร้าอยู่ภายใต้กายแกร่งด้วยความเสียวซ่าน เขาได้รับการปรนเปรอจากหมาป่าหนุ่มอย่างถึงใจและส่งเสียงร้องลั่นทุกครั้งที่แตะฝั่งฝัน จนเมื่อเสร็จสมเหอไป๋เหยียนจึงได้หลั่งน้ำกามออกมาไม่น้อย "นายจัดหนักเกินไปแล้วนะ" เหอไป๋เหยียนบ่นว่าหมาป่าหนุ่มขณะนอนคว่ำหน้าอย่างคนไร้เรี่ยวแรง ดีที่ร่างกายของเขายืดหยุ่นเป็นอย่างดีจึงรับแรงกระแทกที่หนักหน่วงได้โดยไม่มีอาการบาดเจ็บ "นายเป็นคนร้องขอเองนะ จะมาบ่นทำไมกัน" เซียวเยว่ว่าพลางทาบกายลงบนร่างอรชรที่นอนคว่ำหน้าด้วยความเหนื่อยล้า ตั้งใจปลุกเร้าอารมณ์เหอไป๋เหยียนอีกครั้ง "พอเลยและลุกออกไปจากตัวฉันได้แล้ว" ปากว่าแต่ร่างอรชรกลับพลิกมากอดรัดหมาป่าหนุ่มอย่างแนบแน่น อสรพิษมักมากในกามอารมณ์และมีความต้องการผสมพันธุ์สูงแอ่นกายเพื่อรอรับการสอดใส่จากหมาป่าหนุ่มอีกครั้ง "อืมม..เยว่เอ๋อร์ รุนแรงอีกแล้วนะ" เหอไป๋เหยียนกัดฟันแน่นเมื่อเซียวเยว่กระแทกกายเข้ามาจนสุด เสียงครวญครางด้วยความซ่านเสียวดังกลบเสียงรอบตัวจนทำให้ไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของผู้มาเยือนในยามกลางวัน แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ได้ยินแต่แกล้งทำไม่สนใจ ชายหนุ่มร่างกำยำผิวสีเข้มเดินตามเสียงกระเส่านั้นมาด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ มือหนากำแน่นจนสั่นก่อนจะมาหยุดอยู่ที่หน้าประตู หม่าอี้สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนกลั้นใจผลักประตูที่ปิดอยู่ให้เปิดออก ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าไม่ต่างจากที่คิดไว้และดูจะเกินเลยไปเสียอีกเมื่อคนที่เขาเรียกว่าคู่หมั้นกำลังขยับกายอยู่บนร่างของหมาป่าหนุ่มอย่างเร่าร้อน โดยมีเรือนผมสีเงินสยายปกคลุมร่างอรชรไว้ "แกทำอะไรไป๋เหยียน ฮะ!!" หม่าอี้ถามเสียงกร้าวพร้อมพุ่งเข้าไปแย่งตัวเหอไป๋เหยียนคืน แต่ไม่ทันเซียวเยว่ที่ตวัดผ้าห่มมาห่อหุ้มร่างอรชรไว้จนมิดชิดและดันให้ไปอยู่ด้านหลัง ก่อนเข้าประมือกับหม่าอี้ที่กำลังโมโหหึงสุดขีด แม้จะมีอายุน้อยกว่าหม่าอี้แต่ฝีมือการต่อสู้ของเซียวเยว่นั้นไม่เป็นรอง เขามีสายเลือดนักล่าจากผู้เป็นพ่อ และได้รับถ่ายทอดยีนจากการกลายพันธุ์มาอย่างเต็มเปี่ยมจึงรับมือหม่าอี้ได้อย่างสูสี ถึงเซียวเยว่จะไม่ชอบขี้หน้าหม่าอี้ แต่ก็ลงมืออย่างไว้ไมตรี ไม่เคยคิดฆ่าให้ตาย เพราะอย่างน้อยหม่าอี้ก็เคยช่วยชีวิตเหอไป๋เหยียนไว้ครั้งหนึ่ง ทั้งสองต่อสู้กันจนข้าวของภายในห้องแตกหัก จากนั้นจึงได้พุ่งตัวออกไปสู้กันต่อด้านนอก บริเวณลานสวนหินที่ตกแต่งอย่างสวยงามถูกทำลายจนไม่เหลือสภาพเดิม เหอไป๋เหยียนที่ตามออกมาเห็นท่าไม่ดีจึงเข้าห้ามและพลาดถูกเท้าคู่หลังของหม่าอี้ในร่างอาชากึ่งมนุษย์ดีดใส่จนกระเด็น ศีรษะและแผ่นหลังไปกระแทกเข้ากับเสาเรือนอย่างแรง "ไป๋เหยียน!!" เซียวเยว่ใช้กรงเล็บตะปบลงบนร่างของหม่าอี้ จนหัวไหล่เป็นแผลทางยาว จากนั้นจึงกระโจนเข้าไปหาเหอไป๋เหยียนที่กำลังทรุดตัวลงและกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง "ปะ..ไป๋เหยียน นายเป็นยังไงบ้าง!!" "ฉันไม่เป็นไร แค่ก!!" เหอไป๋เหยียนกระอักเลือดออกมาอีก ทำเอาหมาป่าหนุ่มถึงกับสติหลุด ตั้งท่าจะเข้าไปทำร้ายหม่าอี้อีกครั้งแต่ไป๋เหยียนห้ามเอาไว้ก่อน ในขณะที่หม่าอี้ยืนมือไม้สั่นด้วยความตกใจ เขาไม่ได้ตั้งใจทำให้เหอป๋เหยียนบาดเจ็บ ตอนนั้นคิดแต่จะเอาชนะเซียวเยว่เพียงอย่างเดียวและไม่คิดว่าเหอไป๋เหยียนจะเข้ามาขวางไว้ "ผะ..ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ" "ฉันไม่เป็นอะไร นายไม่ต้องคิดมากหรอก" เหอไป๋เหยียนบอกกับหม่าอี้และขอให้เขากลับไปก่อนเพราะกลัวจะมีเรื่องกับเซียวเยว่ขึ้นมาอีก และยังบอกอีกว่าหากเหว่ยหลางซ่อมแซมเสร็จเมื่อไหร่จะกลับไปเอง อีกอย่างเขาก็ชอบอากาศที่ปิงเจี๋ย อยู่ที่นี่แล้วเหมือนร่างกายจะฟื้นฟูได้เร็วกว่า หม่าอี้จำใจกลับเหว่ยหลางแม้จะเป็นห่วงร่างกายของเหอไป๋เหยียนและกังวลเรื่องความสัมพันธ์กับเซียวเยว่ แม้รู้อยู่เต็มอกว่าทั้งคู่ผูกพันกันตั้งแต่ลูกหมาป่าลืมตาขึ้นมาดูโลกแล้วก็ตาม หม่าอี้คิดกังวลไปต่างๆ นานา ขณะขับรถจึงไม่ทันได้สังเกตรอบตัว มาได้สติก็เมื่อเห็นชายรูปร่างสูงยืนอยู่เบื้องหน้า เขาเหยียบเบรกอย่างแรงและบังคับรถให้ไปหยุดอยู่หน้าชายคนนั้นได้ในระยะเผาขน เหลือไม่ถึงฟุตก็จะชนเข้าแล้ว "นี่มันกลางถนนนะ ไม่ใช่ที่ที่คุณจะมายืนแบบนี้ ถ้าอยากตายนักผมแนะนำให้คุณกระโดดลงข้างทางไปซะ!" หม่าอี้ที่กำลังโมโหเปิดประตูลงจากรถตรงเข้าไปต่อว่าชายหนุ่มที่ยืนขวางด้านหน้าและชี้ไปข้างทางที่เป็นหน้าผา เรือนปิงเจี๋ยตั้งอยู่บนภูเขาสูง ถนนที่ใช้สัญจรฝั่งหนึ่งเป็นป่าทึบและอีกฝั่งคือหน้าผาสูงชันที่อันตรายทำให้ไม่ค่อยมีคนใช้เส้นทางนี้ นอกเสียจากคนของสกุลหลิว ชายหนุ่มปริศนาที่ปรากฏตัวขึ้นกะทันหันยกยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ฟังคำพูดของหม่าอี้ สีหน้าไม่ได้แสดงอาการโกรธเคืองแต่อย่างใด "ขอโทษที รถผมเสียอยู่ด้านล่างเลยเดินขึ้นมาเผื่อเจอบ้านคนแต่ไม่มีสักหลัง บังเอิญเห็นรถของคุณผ่านมาก็เลย.." ดวงตาแพรวพราวมองใบหน้าบึ้งตึงของหม่าอี้และไม่ได้พูดต่อ เดาว่าอีกฝ่ายคงไม่ให้ความช่วยเหลือแน่ ๆ และก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เมื่อหม่าอี้ไล่เขาให้พ้นจากหน้ารถโดยไว "ถอยไปได้แล้ว!" หม่าอี้อารมณ์เสียหนักกว่าเก่าและเดินแทรกตัวเพื่อให้ชายคนนั้นถอยห่างจากหน้ารถ จังหวะนั้นเองอีกฝ่ายก็ได้พูดบางอย่างกับหม่าอี้ทำให้หม่าอี้ถึงกับหยุดชะงัก "ถ้าคุณอยากคุยกับผมก็ติดต่อมาตามเบอร์ในนี้นะครับ" ชายหนุ่มปริศนายกยิ้มขึ้นอีกครั้งพร้อมส่งนามบัตรให้หม่าอี้ ไม่รู้เพราะอะไรหม่าอี้ถึงยอมรับนามบัตรนั้นมาและชายคนนั้นก็หลีกทางให้เขา หม่าอี้กลับขึ้นไปบนรถและขับออกไปด้วยความเร็ว ดวงตาคู่คมมองกระจกหลังเห็นชายคนนั้นยืนโบกมือให้ ครั้นพอมองอีกครั้งกลับไม่เห็นแล้ว คิดว่าหมอนั่นคงกระโดดหน้าผมลงไปแล้วละมั้ง ระยะทางร่วมยี่สิบกิโลเมตรกว่าหม่าอี้จะขับรถลงมาถึงเชิงเขา จากนั้นจึงได้ลดความเร็วลงและมองข้างทางเพื่อดูว่ามีรถจอดเสียตามที่ชายคนนั้นอ้างหรือไม่ กลับไม่พบรถจอดเสียสักคัน "หมอนั่นต้องเป็นพวกสิบแปดมงกุฎแน่" หม่าอี้พึมพำก่อนจะขับรถมุ่งหน้ากลับเหว่ยหลาง และตอนนั้นเองที่หางตาของเขาได้เหลือบไปเห็นชายปริศนาคนนั้นอีกครั้ง หม่าอี้ได้หยุดรถและหันกลับไปมองให้แน่ใจก็พบเพียงความว่างเปล่า จึงคิดว่าตนน่าจะตาฝาดไป คฤหาสน์สกุลหลิว ทางด้านหลิวอิงที่กลับมายังคฤหาสน์สกุลหลิวเพื่อพักผ่อน เขาหวนนึกถึงเมื่อตอนที่ได้กลิ่นฟีโรโมนจากจางหลิวซิงและนึกย้อนไปเมื่อห้าปีก่อนเมื่อครั้งจางหลิวซิงได้ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันแรก ๆ มีอยู่คืนหนึ่งที่จางหลิวซิงนอนไม่หลับและเข้ามาพบกับตนในห้องทำงาน หลิวอิงเข้าใจไปเองว่าจางหลิวซิงเกิดอารมณ์จึงได้ให้ยืมอุปกรณ์สำหรับช่วยระบายความใคร่ไป ตอนนั้นเขาได้กลิ่นฟีโรโมนนี้โชยมาจากร่างของจางหลิวซิง แต่กลิ่นนั้นอ่อนมากและไม่มีผลต่อร่างกายของเขา มาคราวนี้กลิ่นนั้นกลับชัดเจนขึ้นและกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ทางเพศ เขาต้องพยายามควบคุมสติเพื่อไม่ให้จู่โจมจางหลิวซิง ดีที่หวังอี้หรงได้พาจางหลิวซิงกลับไปก่อน ก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นก่อนที่หวงหนิงหลงจะเปิดเข้ามา ในมือของเขาถือยาเข้ามาด้วย "อาการเป็นยังไงบ้างครับ" หวงหนิงหลงวางถุงยาลงบนโต๊ะหัวเตียงและช่วยประคองหลิวอิงขึ้นนั่ง จากนั้นจีงหยิบยาส่งให้ ครั้นพอหลิวอิงจะส่งยาเข้าปากจู่ ๆ ก็ร้องห้ามไว้ "เดี๋ยวครับ" "มีอะไรเหรอ?" หลิวอิงถามขึ้น หวงหนิงหลงมีท่าทีแปลกไป เขามองหน้าหลิวอิงสลับกับยาในมือพลางคิดบางอย่างก่อนจะบอกว่าไม่มีอะไร จากนั้นก็มองจนหลิวอิงกลืนยานั้นลงคอไป "นี่หนิงหลง ตรงนั้นของฉันยังรู้สึกอยู่เลย" หลิวอิงเปิดผ้าห่มออก ภายใต้กางเกงมีบางสิ่งกดดันอยู่ภายใน หวงหนิงหลงขมวดคิ้วแน่น ทุกครั้งที่หลิวอิงได้ปลดปล่อยร่างกายก็จะกลับมาปกติ ทำไมคราวนี้ถึงไม่เป็นเช่นนี้นะ "นายช่วยฉันอีกครั้งได้มั้ย" "ผมจะไปเรียกเหม่ยฮวามาให้นะครับ" เหม่ยฮวา คือคำใช้เรียกแทนหญิงสาวที่ให้บริการทางเพศเฉพาะคนของสกุลหลิว ซึ่งสกุลหลิวจะมีการคัดเลือกเหม่ยฮวาที่เป็นหญิงสาวบริสุทธิ์ที่เพียบพร้อมด้วยรูปลักษณ์และคุณสมบัติเพื่อมารองรับอารมณ์ทางเพศให้กับผู้ชายสกุลหลิว โดยมีเงื่อนไขว่าหญิงสาวเหล่านั้นจะต้องสมัครใจและได้รับความยินยอมจากครอบครัวเสียก่อนจึงสามารถเข้าร่วมการคัดเลือกได้ ซึ่งแน่นอนว่าครอบครัวของพวกเธอจะเห็นดีด้วยทั้งยังสนับสนุนให้ลูกสาวมาเป็นเหม่ยฮวาของสกุลหลิว เพราะนอกจากค่าตอบแทนที่สูงแล้วพวกเขายังได้รับการดูแลอย่างเป็นพิเศษจากสกุลหลิวอีกด้วย "ไม่ ฉันอยากให้นายเป็นคนทำ" หลิวอิงไม่เคยเรียกเหม่ยฮวามาปรนนิบัติ ตั้งแต่เริ่มเข้าสู่วัยหนุ่มจะมีเพียงหวงหนิงหลงเท่านั้นที่ได้สัมผัสร่างกายของเขา ตัวหลิวอิงไม่ได้รังเกียจผู้หญิง เพียงแต่สกุลหลิวนั้นยิ่งใหญ่และมีอิทธิพลมากที่สุดในเมืองเฉิงเซิง ทำให้มีทั้งพันธมิตรและศัตรูรอบด้าน ซึ่งหลายครั้งศัตรูมักจะแฝงมาในรูปแบบของสาวงาม หวงหนิงหลงให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เขาถอดกางเกงออกจากร่างของหลิวอิง ใช้มือและปากช่วยปลดปล่อยสิ่งที่อัดอั้นให้ออกมา เพื่อหลิวอิงจะได้สบายตัว เมื่อกลางวันเขาช่วยหลิวอิงปลดปล่อยไปแล้วครั้งหนึ่ง จึงไม่เข้าใจว่าทำไมเมื่อกลับมาบ้านแล้วหลิวอิงถึงเกิดอารมณ์ขึ้นอีก หรือจะเกี่ยวกับยาที่เขาให้หลิวอิงกินไปเมื่อครู่กันนะ "จูบฉันหน่อยสิ" หลิวอิงเรียกร้องมากขึ้น แม้จะหลั่งออกมาแล้วแต่ยังรู้สึกไม่เสร็จสม อารมณ์ยังคงค้างคา "แต่ผมเพิ่งใช้ปากกับตรงนั้นของคุณ.." หวงหนิงหลงมีท่าทีลำบากใจ เกรงว่าหลิวอิงจะรังเกียจ แต่หลิวอิงกลับบอกว่าที่หวงหนิงหลงอมไปนั้นเป็นของเขาเอง จะไปรังเกียจได้อย่างไร ได้ฟังดังนั้นหวงหนิงหลวงจึงเคลื่อนกายขึ้นมาให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับหลิวอิง พลางจับจ้องใบหน้าของหลิวอิงตาไม่กะพริบ เคยคิดมาแต่เด็กแล้วว่าหลิวอิงนั้นมีใบหน้าที่งดงาม พอได้เห็นในระยะใกล้เพียงปลายจมูกเช่นนี้ถึงกับทำให้หัวใจเต้นแรงไม่หยุด "หนิง..อุ๊บ!!" กำลังจะต่อว่าที่ไม่ยอมจูบสักทีหลิวอิงก็ถูกริมฝีปากของหวงหนิงหลงทาบลงมาปิด ทีแรกคิดว่าหวงหนิงหลงคงไม่เท่าไรที่ไหนได้จัดว่าช่ำชองเลยทีเดียว แต่ลำพังแค่จูบของหวงหนิงหลงไม่ช่วยบรรเทาความใคร่ของหลิวอิงให้ลดลงได้ ตรงกันข้ามกลับทำให้เกิดอารมณ์มากยิ่งขึ้น ร่างกายส่วนกลางของหลิวอิงในตอนนี้ทั้งร้อนและแข็ง ชูชันขึ้นต่อหน้าหวงหนิงหลงอย่างไม่กระดากอาย "ทำยังไงดี ฉันรู้สึกไม่พอ" เมื่อไม่เสร็จสมดังใจหวังหลิวอิงจึงมีสีหน้าเคร่งเครียดและเป็นกังวลขึ้น หวงหนิงหลงครุ่นคิดหาวิธีช่วยหลิวอิง ที่ผ่านมาใช้เพียงมือและปากหลิวอิงก็ถึงฝั่งฝันแล้ว หรือว่าครั้งนี้ต้องมีการสอดใส่ถึงจะหาย แต่ปัญหาอยู่ที่เขาสองคนใครจะเป็นฝ่ายถูกสอดใส่กันล่ะ "นายจะใส่ของนายเข้ามาก็ได้นะ แต่อย่าทำฉันเจ็บล่ะ" หลิวอิงเหมือนจะรู้ว่าหนิงหลงกำลังคิดอะไรจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน เขาพลิกตัวโก้งโค้งและยื่นสะโพกออกมาให้หวงหนิงหลง ทีแรกหวงหนิงหลงคิดว่าทำไม่ได้ ครั้นพอถอดกางเกงออกก็พบว่าส่วนนั้นของตนทั้งร้อนและแข็งยิ่งกว่าหลิวอิงเสียอีก ซ้ำยังขยายตัวเต็มที่ หลิวอิงที่ลอบมองพอเห็นมังกรที่หลับใหลตื่นขึ้นก็เริ่มไม่มั่นใจที่จะให้หวงหนิงหลงเป็นฝ่ายสอดใส่เข้ามา หวงหนิงหลงใช้นิ้วสอดใส่เข้าไปในช่องทางของหลิวอิง เพียงสัมผัสแรกก็รู้ว่าตรงส่วนนี้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เขามีสีหน้าที่เคร่งเครียดขึ้นพร้อมมือที่หยุดนิ่ง "เป็นอะไรไป ทำไมไม่ทำต่อล่ะ" หลิวอิงเหลียวหลังมาถาม "มะ..ไม่มีอะไร ผมจะใส่ของผมเข้าไปแล้วนะ" หวงหนิงหลงปรับสีหน้าให้เป็นปกติ จดจ่อแกนกายร้อนผ่าวเข้าที่ช่องทางของหลิวอิงก่อนกดเข้าไปทีเดียวจนมิดด้าม ทำเอาหลิวอิงสั่นสะท้านไปทั้งร่าง "กระบี่ของนายนี่ยาวใช้ได้เลยนะ แทงเข้ามาทีเดียวทำเอาฉันแทบขาดใจตายเลย" นอกจากหวงหนิงหลงแล้วไม่มีใครที่หลิวอิงจะพูดหยอกเย้าด้วยเช่นนี้ แม้แต่เจ้าบ้านสกุลหลิวผู้เป็นบิดาก็ไม่เคย หวงหนิงหลงเอื้อมมือออกไปลูบศีรษะของหลิวอิงอย่างอ่อนโยนและบอกให้เลิกพูดมาก เพราะจากนี้จะเอาจริงแล้ว คืนนั้นหวงหนิงหลงได้นอนค้างที่ห้องของหลิวอิง เพราะกว่าอีกฝ่ายจะเสร็จสมก็ปาไปเกือบเช้า และพวกเขายังมีภารกิจที่ต้องทำอยู่อีกในวันถัดไป นั่นคือการไปพบกับเจ้าบ้านทั้งสี่สกุลที่มีความใกล้ชิดกับสกุลหลิวเป็นพิเศษ คืนนั้นหลังหลิวอิงหลับไปเพราะความเพลีย ส่วนหวงหนิงหลงที่คิดว่าหลับไปพร้อมกันได้ลุกมาหยิบโทรศัพท์บนหัวเตียงและพิมพ์ข้อความบางอย่างลงในนั้น เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจกดส่งมันออกไป ติ๊ง.. เสียงข้อความเข้าดังขึ้นภายในห้องทดลองที่มีแสงสว่างจ้า เจ้าของโทรศัพท์หยิบขึ้นมากดอ่านพร้อมรอยยิ้มแฝงเลศนัยที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าจนคนอยู่ในห้องด้วยกันถึงกับต้องถามขึ้น "มีอะไรหรือคะ?" "หึหึ หวงหนิงหลงส่งข้อความมาบอกว่าตอนนี้ทุกอย่างพร้อมแล้ว พรุ่งนี้เตรียมการทดลองขั้นต่อไปได้เลย"|PART 1| บทนำ ศูนย์วิจัยทางชีววิทยาขนาดใหญ่ได้ถูกลักลอบสร้างขึ้นบนเกาะแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ และถูกค้นพบโดยองค์กรลับแห่งหนึ่ง เกาะแห่งนี้มีสภาพอากาศค่อนข้างแปรปรวนทำให้ยากต่อการค้นหา พวกเขาจึงใช้สถานที่แห่งนี้ทำการทดลองถอดรหัสและปลูกถ่ายพันธุกรรมของมนุษย์ที่มีระดับมันสมองและความสามารถที่แตกต่างกันให้กับสัตว์หลากหลายสายพันธุ์จากทั่วโลกที่ลักลอบจับมาอย่างผิดกฎหมาย ไม่ใช่เพียงแค่สัตว์เท่านั้นที่ถูกจับมาทดลอง แม้แต่มนุษย์ด้วยกันเองก็ไม่ยกเว้น โดยเฉพาะมนุษย์ที่มีความสามารถพิเศษ วัตถุประสงค์ของการทดลองก็เพื่อใช้สำหรับสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ การทดลองได้ดำเนินมาหลายปี จนในวันที่สัตว์กลายพันธุ์ระดับพิเศษตัวหนึ่งที่มนุษย์ไม่สามารถควบคุมมันได้ลืมตาตื่นขึ้นและหลุดจากการคุมขัง สิ่งแรกที่มันทำคือการฆ่าล้างทุกชีวิตที่อยู่บนเกาะนั้น ไม่เว้นแม้แต่สัตว์กลายพันธุ์ด้วยกันเอง เพื่อเอาชีวิตรอดพวกเขาจึงได้พากันอพยพออกจากเกาะโดยเครื่องบินลำเลียงที่มีการเตรียมไว้ล่วงหน้าเผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ขึ้น อย่างไรก็ตามแม้พวกเขาจะออกจากเกาะไปแล้
|PART 2|ดวงตาสีแดงในบึงน้ำ'เฉินเซิน' เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงนับพันกิโลเมตร พื้นที่โดยรอบเป็นภูเขาและมีป่าสนหนาทึบโอบล้อมไว้ ถึงอย่างนั้นกลับมีความเจริญทางด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยีทัดเทียมกับเมืองใหญ่ ดึงดูดบรรดาเหล่านักลงทุนผู้แสวงหาผลประโยชน์ให้มาเยือนยังที่แห่งนี้นอกจากเศรษฐกิจที่เฟื่องฟูแล้วด้านการศึกษาก็ยังขึ้นชื่อ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยเฉินไห่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองเฉินเซินมหาวิทยาลัยเฉินไห่เป็นศูนย์รวมอัจฉริยะแขนงต่าง ๆ ของประเทศไว้มากมาย โดยพวกเขาเหล่านั้นล้วนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือได้รับคัดเลือกให้เข้าทำงานกับศูนย์วิจัยด้านชีววิทยาของเมืองเฉินเซินหลังเรียนจบ นอกจากจะได้รับทุนในการทำวิจัยแล้ว ค่าตอบแทนบุคลากรของที่นี่นั้นยังสูงลิ่วเลยทีเดียวลำพังสถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเฉินไห่นั้นก็กินพื้นที่กว่าห้าร้อยไร่ บริเวณด้านหลังเป็นป่าสนหนาทึบและมีบึงน้ำขนาดใหญ่ไหลผ่าน ซึ่งบึงน้ำแห่งนี้ยังเชื่อมต่อกับแม่น้ำสายหลักของเมืองเฉินเซินอีกด้วยและบริเวณบึงน้ำนั้นอยู่ห่างไกลจากตึกหลักด้านหน้าอย่างมาก ระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ ๆ โดยรอบยังเป็นป่าทึบซึ่งไม่ปลอดภัยสำหรับนักศึกษา
|PART 3|วังหมิงหยวนรถยนต์หรูขับเข้ามาจอดเทียบยังฟุตบาทข้างกำแพงของมหาวิทยาลัยเฉินไห่ ไม่มีใครรู้ว่าผู้ที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยนั้นมิใช่มนุษย์และมีร่างเดิมเป็นอาชาหนุ่มขนสีขาวที่แสนสง่างาม ที่เหว่ยหลางเขามีหน้าที่ขับรถรับส่งคนของสกุลเซียว"เย็นนี้ให้ผมมารับไหมครับ" ชายหนุ่มชุดขาวถามขึ้น"ไม่ต้อง วันนี้ฉันจะไปพบท่านพ่อที่บ้านสกุลหลิว"เซียวเยว่ลูกหมาป่าบอกกับอาชาหนุ่มในร่างมนุษย์ก่อนก้าวลงจากรถ เพียงแค่ปลายเท้าแตะถึงพื้นและยืนเต็มความสูงเท่านั้นก็ดึงดูดสายตาของนักศึกษาที่อยู่บริเวณนั้นมารวมไว้ที่ตนอย่างไม่ตั้งใจ'คนอะไร รูปหล่อราวกับไม่ใช่คนบนโลกนี้ ถ้าได้ใกล้ชิดสักครั้ง ถึงตายก็ไม่เสียดายชีวิตเลย'นั่นคือเสียงที่ลอยมาเข้าหูของเซียวเยว่ ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีถ้อยคำกล่าวสรรเสริญถึงตัวเขาตามมาอีกมากมาย ซึ่งนั่นไม่ได้ทำให้เซียวเยว่รู้สึกว่าตนเองนั้นสูงส่งกว่ามนุษย์ผู้อื่นสักนิด สัตว์กลายพันธุ์อย่างพวกเขาต้องการเพียงการยอมรับและปฏิบัติต่อกันอย่างเท่าเทียมเท่านั้นภายในมหาวิทยาลัยเฉินไห่เวลานี้ค่อนข้างเงียบสงบเพราะนักศึกษาส่วนใหญ่อยู่ในห้องเรียนกันแล้ว เซียวเยว่มองนาฬิกาบนข้อมือเห็นว่ายังมีเ
|PART 4|กัวเจ๋อข่าวว่ามีคนเสียชีวิตและหายสาบสูญไปบริเวณบึงน้ำแม้จะปิดไม่ให้คนภายนอกได้รับรู้ แต่ทางมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้นิ่งนอนใจและพยายามหาทางจับตัวคนร้ายให้ได้ ซึ่งตอนนี้ทุกอย่างยังคงมืดแปดด้านบนโต๊ะประชุมของผู้บริหารระดับสูง เหล่าตัวแทนของห้าสกุลต่างจับจ้องไปยังภาพฉายด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด พวกเขาไม่เข้าใจว่าบึงน้ำที่เงียบสงบและไร้ความเคลื่อนไหวมานาน จู่ ๆ ทำไมถึงมีคนมาเสียชีวิตบริเวณนี้ได้ ซ้ำยังหาศพไม่พบอีกต่างหากจากปากคำของผู้รอดชีวิตได้เล่าให้ฟังว่ามีสัตว์ประหลาดตัวใหญ่อยู่ในบึงน้ำ และมันได้กัดกินร่างเพื่อนของเขาจนเลือดสาดกระเซ็นก่อนจะกลืนลงท้องไปเหล่าแพทย์ได้ฟังดังนั้นจึงได้จับเขาตรวจสมองอีกครั้งหนึ่งและสรุปผลออกมาว่าชายวัยรุ่นคนนี้เสพยาเกินขนาดและดื่มแอลอกฮอล์มากไปจนเกิดอาการประสาทหลอน จึงได้รับชายวัยรุ่นไว้รักษาตัวที่โรงพยายาลในเครือของมหาวิทยาลัยเฉินไห่หลังเหตุการณ์นั้น ทางมหาวิทยาลัยได้มีการคุมเข้มบริเวณบึงน้ำมากขึ้น ทั้งเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงและเพิ่มประสิทธิภาพของกล้องวงจรปิด แต่ก็ยังมีคนไปเสียชีวิตบริเวณนั้นอย่
|PART 5|สิ่งที่อยู่ในใจของหม่าอี้เมื่อรู้ว่าต้องทำอย่างไรกับจระเข้กลายพันธุ์จำนวนมากที่อยู่เบื้องหน้า ทั้งเซียวอวี่และเซียวเยว่ได้หันมาสบตากันครั้งหนึ่งก่อนพุ่งตัวแยกออกไปเพื่อจัดการกับจระเข้ดุร้ายในร่างกึ่งมนุษย์ โดยเน้นไปยังดวงตาและจมูกซึ่งเป็นส่วนที่เปราะบางที่สุดของพวกมันโดยธรรมชาติพวกเขาต้องไม่ปล่อยให้จระเข้กลายพันธุ์เหล่านี้รอดชีวิตไปได้แม้แต่ตัวเดียวเพราะพวกมันอาจเป็นอันตรายต่อมนุษย์ เซียวอวี่และเซียวเยว่จัดการฆ่าจระเข้กลายพันธุ์ได้ทั้งหมด รอบบึงน้ำในตอนนี้จึงคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและศพของจระเข้กระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด"ยอมแพ้ซะเถอะ ยังไงแกสู้พวกฉันไม่ได้หรอก" เซียวเยว่บอกกับกัวเจ๋อ เซียวอวี่และเซี่ยวเยว่ไม่มีความคิดที่จะฆ่ากัวเจ๋อ แต่กัวเจ๋อนั้นโหดร้ายเกินจะอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้ ที่เหว่ยหลางแม้จะมีสัตว์กินเนื้อกลายพันธุ์อาศัยอยู่ไม่น้อย แต่พวกเขาเหล่านั้นสามารถยับยั้งสัญชาตญาณดิบได้ และปรารถนาที่จะอยู่ร่วมกับมนุษย์อย่างสงบสุข"คิดจะฆ่าฉันมันไม่ง่ายนักหรอก"กัวเจ๋อกลายร่างเป็นจระเข้ที่มีขนาดใหญ่และมีผิวหนังที่แข็งแกร่งขนาดที่อาวุธทันสมัยยังไม่สามารถเจาะผ่านร่างของเขาได
|PART 6|เรือนปิงเจี๋ยร่างของเหอไป๋เหยียนบิดส่ายไปมาอย่างเร่าร้อนอยู่ภายใต้กายแกร่งของอาชาหนุ่มผิวสีเข้ม เลือดภายในกายสูบฉีดจนทำให้ผิวขาวราวหิมะแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ เหอไป๋เหยียนยามนี้ไม่อาจต่อต้านแรงอารมณ์ที่มีต่ออาชาหนุ่มได้ ยอมที่จะให้อีกฝ่ายล่วงล้ำเข้ามาภายในช่องทางแห่งบุรุษเพศด้วยความเต็มใจ เพราะถึงอย่างไรสัตว์เลือดเย็นสองเพศเช่นเขาก็สามารถตอบสนองได้ทุกเพศอยู่แล้วหม่าอี้จดจ่อลำท่อนสืบพันธุ์ที่มีขนาดไม่ต่างจากตอนอยู่ในร่างเดิมเข้าที่ช่องทางสำหรับร่วมรัก เพียงออกแรงนิดหน่อยส่วนหัวที่มีขนาดใหญ่โตก็แทบจะผลุบเข้าไปด้านในโดยทันที ราวกับว่าถูกช่องทางนั้นดูดกลืนเข้าไปเสียเอง หม่าอี้ตั้งใจจะยัดเยียดสิ่งที่แข็งแกร่งและร้อนแรงที่สุดเข้าไปในร่างของเหอไป๋เหยียนเพื่อหลอมรวมสองร่างให้เป็นหนึ่งเดียว อีกไม่ช้าเหอไป๋เหยียนก็จะกลายเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์สักที"อ๊ะ!!""ไป๋เหยียน คุณเป็นอะไรไป!!"ยังไม่ทันที่หม่าอี้จะกดดันลำท่อนร้อนเข้าสู่ภายในได้สำเร็จเหอไปเหยียนก็เกิดอาการชักเกร็งขึ้นมาเสียก่อน ตามร่างกายปรากฎเกล็ดสีเงินคล้ายอัญมณีขึ้น หม่าอี้สัมผัสร่างอรชรและถูกถีบกระเด็นออกมา เขาตกใจมากแต่
|PART 7|อาการของหลิวอิงใจกลางเมืองเฉินเซินนั้นเป็นย่านธุรกิจขนาดใหญ่ ตึกสูงจำนวนไม่น้อยปลูกสร้างอยู่ที่นี่ แต่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคงหนีไม่พ้นธุรกิจของสกุลหลิวที่ครอบครองพื้นที่ย่านนี้ไปถึงครึ่งหนึ่งที่แห่งนี้นอกจากจะเป็นศูนย์กลางการค้าแล้วยังเป็นแหล่งรวมสถานบันเทิงและแหล่งอบายมุขขนาดใหญ่ที่ผู้คนมากมายทั้งในและต่างเมืองต่างพากันเข้ามาเพื่อแสวงหาความร่ำรวยเพียงชั่วข้ามคืน ซึ่งมีเพียงธุรกิจสีเทาและธุรกิจมืดเหล่านี้เท่านั้นที่สกุลหลิวเป็นรองสี่ตระกูลใหญ่แม้จะทำงานกับสกุลหลิวมาหลายปีแต่จางหลิวซิงก็ยังไม่ชินกับสายตาของคนที่นี่สักที หลังทุกคนรับรู้ถึงฐานะและความสัมพันธ์ของเขากับหลิวอิงทายาทคนปัจจุบันแล้ว เขาก็ยังตกเป็นที่พูดถึงของคนที่นี่ไม่เลิกในวันทำงาน ขณะที่จางหลิวซิงมารอรับตัวแทนของเหว่ยหลางกรุ๊ปอยู่ด้านล่างยังคงมีเสียงซุบซิบดังมาเข้าหูให้ได้ยินว่าเขาไม่ใช่ลูกเลี้ยงของเจ้าบ้านสกุลหลิวแต่เป็นนายบำเรอที่มีลูกติดถึงสองคนของหลิวอิง เช่นนั้นจางหลิวซิงก็ยังคงยืนนิ่งปล่อยให้พวกเขาพูดกันไปย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนได้มีพนักงานคนหนึ่งพูดถึงเขาในลักษณะเช่นนี้และรู้ถึงหูของหลิวอิงเข้า หลิวอิงโกรธมาก
|PART 8|เทศกาลโคมลอยแห่งเฉินเซิน"คุณอาหนิงหลงมาทำอะไรที่นี่หรือครับ?"เซียวอวี่ถามขึ้นเมื่อเห็นหวงหนิงหลงเดินสวนออกมาจากในลิฟต์เพราะมัวแต่เหม่อทำให้หวงหนิงหลงเผลอใช้ลิฟต์ทั่วไปแทนที่จะใช้ลิฟต์แยกเพื่อหลีกเลี่ยงการพบกับคนรู้จักที่นี่ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเก็บสีหน้าให้เป็นปกติได้ และอีกฝ่ายยังเป็นเซียวอวี่เขาจึงไม่มีอะไรให้กังวล"อามาทำธุระนิดหน่อย แล้วเธอล่ะ""คุณพ่อให้ผมมาดูงานแทนครับ บอกว่าคุณอาหลิวอิงมีแผนจะร่วมลงทุนวิจัยกับที่นี่"เซียวอวี่บอกกับหวงหนิงหลง พวกเขาคุยกันได้ไม่เท่าไรก็มีเจ้าหน้าที่ของศูนย์วิจัยออกมาต้อนรับเซียวอวี่ เห็นดังนั้นหวงหนิงหลงจึงขอตัวกลับ เพราะถึงอย่างไรการร่วมทุนครั้งนี้หลิวอิงและเซียวหลางยังต้องปรึกษากันอีกครั้งหนึ่ง"สวัสดีครับคุณเซียว เชิญทางนี้เลยครับ"เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์วิจัยได้พาเซียวอวี่ไปพบกับผู้ที่มีหน้าที่ดูแลศูนย์วิจัยทั้งหมดของเฉินเซินเพื่อแนะนำให้เขารู้จัก ทันทีที่พบหน้าคนที่รออยู่ในห้องหัวใจของเซียวอวี่ก็เต้นแรงขึ้น"คุณเซียวครับผมขอแนะนำ นี่คุณฉินเทียนกับคุณฉินหลิงที่จะมาทำงานร่วมกับคุณเซียวครับ"เซียวอวี่ไม่ได้สนใจชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าที
|PART 9|ผลกระทบจากฟีโรโมนกอริลลาตัวเมียกลายพันธุ์ในร่างของหญิงสาวหุ่นนักกีฬาปีนขึ้นไปบนต้นไม้ที่อยู่สูงเหนือศีรษะของเหอไป๋เหยียน ในมือของมันถือหินก้อนใหญ่เอาไว้เพื่อรอให้เหอไป๋เหยียนมาอยู่ในจุดที่มันตั้งใจไว้ จากนั้นจึงโยนก้อนหินลงไป เหอไป๋เหยียนไม่ทันได้ระวังตัว พอแหงนหน้าขึ้นไปมองก็เห็นหินก้อนใหญ่กำลังหล่นลงมาด้วยความเร็ว คราแรกคิดว่าคงหลบไม่พ้น จู่ ๆ หินก้อนนั้นก็เปลี่ยนทิศทางไปอีกฝั่งโดยปลายเท้าของผู้ที่ติดตามมา"เป็นยังไงบ้าง นายบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า" เซียวเยว่ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง"จะเป็นอะไรล่ะ ถ้านายมาช้ากว่านี้อีกนิด ฉันคงได้ไปนอนคุยกับไส้เดือนกลายพันธุ์ที่อยู่ใต้ดินแล้ว"เพราะกลิ่นฟีโรโมนของเหอไป๋เหยียนทำให้เซียวเยว่ตามหาตัวได้ไม่ยาก พอคิดแบบนี้ จึงรู้ว่าเครื่องติดตามที่สวมอยู่บนคอของเหอไป๋เหยียนกแทบไม่มีประโยชน์อะไร"ขอโทษที พอดีทางนั้นมีเรื่องยุ่งยากนิดหน่อย ตอนนี้อวี่หลางกำลังจัดการอยู่"บริเวณที่ใช้จัดงานโคมลอยมีเซียวอวี่จัดการเคลียร์พื้นที่ก่อนที่ตำรวจจะมาถึง ส่วนเซียวเยว่แยกตัวมาตามเหอไป๋เหยียนโดยอาศัยกลิ่นฟีโรโมนที่ฟุ้งกระจายอยู่ภายในป่า เมื่อมาถึงก็พบลิงกอริลลา
|PART 8|เทศกาลโคมลอยแห่งเฉินเซิน"คุณอาหนิงหลงมาทำอะไรที่นี่หรือครับ?"เซียวอวี่ถามขึ้นเมื่อเห็นหวงหนิงหลงเดินสวนออกมาจากในลิฟต์เพราะมัวแต่เหม่อทำให้หวงหนิงหลงเผลอใช้ลิฟต์ทั่วไปแทนที่จะใช้ลิฟต์แยกเพื่อหลีกเลี่ยงการพบกับคนรู้จักที่นี่ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเก็บสีหน้าให้เป็นปกติได้ และอีกฝ่ายยังเป็นเซียวอวี่เขาจึงไม่มีอะไรให้กังวล"อามาทำธุระนิดหน่อย แล้วเธอล่ะ""คุณพ่อให้ผมมาดูงานแทนครับ บอกว่าคุณอาหลิวอิงมีแผนจะร่วมลงทุนวิจัยกับที่นี่"เซียวอวี่บอกกับหวงหนิงหลง พวกเขาคุยกันได้ไม่เท่าไรก็มีเจ้าหน้าที่ของศูนย์วิจัยออกมาต้อนรับเซียวอวี่ เห็นดังนั้นหวงหนิงหลงจึงขอตัวกลับ เพราะถึงอย่างไรการร่วมทุนครั้งนี้หลิวอิงและเซียวหลางยังต้องปรึกษากันอีกครั้งหนึ่ง"สวัสดีครับคุณเซียว เชิญทางนี้เลยครับ"เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์วิจัยได้พาเซียวอวี่ไปพบกับผู้ที่มีหน้าที่ดูแลศูนย์วิจัยทั้งหมดของเฉินเซินเพื่อแนะนำให้เขารู้จัก ทันทีที่พบหน้าคนที่รออยู่ในห้องหัวใจของเซียวอวี่ก็เต้นแรงขึ้น"คุณเซียวครับผมขอแนะนำ นี่คุณฉินเทียนกับคุณฉินหลิงที่จะมาทำงานร่วมกับคุณเซียวครับ"เซียวอวี่ไม่ได้สนใจชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าที
|PART 7|อาการของหลิวอิงใจกลางเมืองเฉินเซินนั้นเป็นย่านธุรกิจขนาดใหญ่ ตึกสูงจำนวนไม่น้อยปลูกสร้างอยู่ที่นี่ แต่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคงหนีไม่พ้นธุรกิจของสกุลหลิวที่ครอบครองพื้นที่ย่านนี้ไปถึงครึ่งหนึ่งที่แห่งนี้นอกจากจะเป็นศูนย์กลางการค้าแล้วยังเป็นแหล่งรวมสถานบันเทิงและแหล่งอบายมุขขนาดใหญ่ที่ผู้คนมากมายทั้งในและต่างเมืองต่างพากันเข้ามาเพื่อแสวงหาความร่ำรวยเพียงชั่วข้ามคืน ซึ่งมีเพียงธุรกิจสีเทาและธุรกิจมืดเหล่านี้เท่านั้นที่สกุลหลิวเป็นรองสี่ตระกูลใหญ่แม้จะทำงานกับสกุลหลิวมาหลายปีแต่จางหลิวซิงก็ยังไม่ชินกับสายตาของคนที่นี่สักที หลังทุกคนรับรู้ถึงฐานะและความสัมพันธ์ของเขากับหลิวอิงทายาทคนปัจจุบันแล้ว เขาก็ยังตกเป็นที่พูดถึงของคนที่นี่ไม่เลิกในวันทำงาน ขณะที่จางหลิวซิงมารอรับตัวแทนของเหว่ยหลางกรุ๊ปอยู่ด้านล่างยังคงมีเสียงซุบซิบดังมาเข้าหูให้ได้ยินว่าเขาไม่ใช่ลูกเลี้ยงของเจ้าบ้านสกุลหลิวแต่เป็นนายบำเรอที่มีลูกติดถึงสองคนของหลิวอิง เช่นนั้นจางหลิวซิงก็ยังคงยืนนิ่งปล่อยให้พวกเขาพูดกันไปย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนได้มีพนักงานคนหนึ่งพูดถึงเขาในลักษณะเช่นนี้และรู้ถึงหูของหลิวอิงเข้า หลิวอิงโกรธมาก
|PART 6|เรือนปิงเจี๋ยร่างของเหอไป๋เหยียนบิดส่ายไปมาอย่างเร่าร้อนอยู่ภายใต้กายแกร่งของอาชาหนุ่มผิวสีเข้ม เลือดภายในกายสูบฉีดจนทำให้ผิวขาวราวหิมะแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ เหอไป๋เหยียนยามนี้ไม่อาจต่อต้านแรงอารมณ์ที่มีต่ออาชาหนุ่มได้ ยอมที่จะให้อีกฝ่ายล่วงล้ำเข้ามาภายในช่องทางแห่งบุรุษเพศด้วยความเต็มใจ เพราะถึงอย่างไรสัตว์เลือดเย็นสองเพศเช่นเขาก็สามารถตอบสนองได้ทุกเพศอยู่แล้วหม่าอี้จดจ่อลำท่อนสืบพันธุ์ที่มีขนาดไม่ต่างจากตอนอยู่ในร่างเดิมเข้าที่ช่องทางสำหรับร่วมรัก เพียงออกแรงนิดหน่อยส่วนหัวที่มีขนาดใหญ่โตก็แทบจะผลุบเข้าไปด้านในโดยทันที ราวกับว่าถูกช่องทางนั้นดูดกลืนเข้าไปเสียเอง หม่าอี้ตั้งใจจะยัดเยียดสิ่งที่แข็งแกร่งและร้อนแรงที่สุดเข้าไปในร่างของเหอไป๋เหยียนเพื่อหลอมรวมสองร่างให้เป็นหนึ่งเดียว อีกไม่ช้าเหอไป๋เหยียนก็จะกลายเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์สักที"อ๊ะ!!""ไป๋เหยียน คุณเป็นอะไรไป!!"ยังไม่ทันที่หม่าอี้จะกดดันลำท่อนร้อนเข้าสู่ภายในได้สำเร็จเหอไปเหยียนก็เกิดอาการชักเกร็งขึ้นมาเสียก่อน ตามร่างกายปรากฎเกล็ดสีเงินคล้ายอัญมณีขึ้น หม่าอี้สัมผัสร่างอรชรและถูกถีบกระเด็นออกมา เขาตกใจมากแต่
|PART 5|สิ่งที่อยู่ในใจของหม่าอี้เมื่อรู้ว่าต้องทำอย่างไรกับจระเข้กลายพันธุ์จำนวนมากที่อยู่เบื้องหน้า ทั้งเซียวอวี่และเซียวเยว่ได้หันมาสบตากันครั้งหนึ่งก่อนพุ่งตัวแยกออกไปเพื่อจัดการกับจระเข้ดุร้ายในร่างกึ่งมนุษย์ โดยเน้นไปยังดวงตาและจมูกซึ่งเป็นส่วนที่เปราะบางที่สุดของพวกมันโดยธรรมชาติพวกเขาต้องไม่ปล่อยให้จระเข้กลายพันธุ์เหล่านี้รอดชีวิตไปได้แม้แต่ตัวเดียวเพราะพวกมันอาจเป็นอันตรายต่อมนุษย์ เซียวอวี่และเซียวเยว่จัดการฆ่าจระเข้กลายพันธุ์ได้ทั้งหมด รอบบึงน้ำในตอนนี้จึงคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและศพของจระเข้กระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด"ยอมแพ้ซะเถอะ ยังไงแกสู้พวกฉันไม่ได้หรอก" เซียวเยว่บอกกับกัวเจ๋อ เซียวอวี่และเซี่ยวเยว่ไม่มีความคิดที่จะฆ่ากัวเจ๋อ แต่กัวเจ๋อนั้นโหดร้ายเกินจะอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้ ที่เหว่ยหลางแม้จะมีสัตว์กินเนื้อกลายพันธุ์อาศัยอยู่ไม่น้อย แต่พวกเขาเหล่านั้นสามารถยับยั้งสัญชาตญาณดิบได้ และปรารถนาที่จะอยู่ร่วมกับมนุษย์อย่างสงบสุข"คิดจะฆ่าฉันมันไม่ง่ายนักหรอก"กัวเจ๋อกลายร่างเป็นจระเข้ที่มีขนาดใหญ่และมีผิวหนังที่แข็งแกร่งขนาดที่อาวุธทันสมัยยังไม่สามารถเจาะผ่านร่างของเขาได
|PART 4|กัวเจ๋อข่าวว่ามีคนเสียชีวิตและหายสาบสูญไปบริเวณบึงน้ำแม้จะปิดไม่ให้คนภายนอกได้รับรู้ แต่ทางมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้นิ่งนอนใจและพยายามหาทางจับตัวคนร้ายให้ได้ ซึ่งตอนนี้ทุกอย่างยังคงมืดแปดด้านบนโต๊ะประชุมของผู้บริหารระดับสูง เหล่าตัวแทนของห้าสกุลต่างจับจ้องไปยังภาพฉายด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด พวกเขาไม่เข้าใจว่าบึงน้ำที่เงียบสงบและไร้ความเคลื่อนไหวมานาน จู่ ๆ ทำไมถึงมีคนมาเสียชีวิตบริเวณนี้ได้ ซ้ำยังหาศพไม่พบอีกต่างหากจากปากคำของผู้รอดชีวิตได้เล่าให้ฟังว่ามีสัตว์ประหลาดตัวใหญ่อยู่ในบึงน้ำ และมันได้กัดกินร่างเพื่อนของเขาจนเลือดสาดกระเซ็นก่อนจะกลืนลงท้องไปเหล่าแพทย์ได้ฟังดังนั้นจึงได้จับเขาตรวจสมองอีกครั้งหนึ่งและสรุปผลออกมาว่าชายวัยรุ่นคนนี้เสพยาเกินขนาดและดื่มแอลอกฮอล์มากไปจนเกิดอาการประสาทหลอน จึงได้รับชายวัยรุ่นไว้รักษาตัวที่โรงพยายาลในเครือของมหาวิทยาลัยเฉินไห่หลังเหตุการณ์นั้น ทางมหาวิทยาลัยได้มีการคุมเข้มบริเวณบึงน้ำมากขึ้น ทั้งเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงและเพิ่มประสิทธิภาพของกล้องวงจรปิด แต่ก็ยังมีคนไปเสียชีวิตบริเวณนั้นอย่
|PART 3|วังหมิงหยวนรถยนต์หรูขับเข้ามาจอดเทียบยังฟุตบาทข้างกำแพงของมหาวิทยาลัยเฉินไห่ ไม่มีใครรู้ว่าผู้ที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยนั้นมิใช่มนุษย์และมีร่างเดิมเป็นอาชาหนุ่มขนสีขาวที่แสนสง่างาม ที่เหว่ยหลางเขามีหน้าที่ขับรถรับส่งคนของสกุลเซียว"เย็นนี้ให้ผมมารับไหมครับ" ชายหนุ่มชุดขาวถามขึ้น"ไม่ต้อง วันนี้ฉันจะไปพบท่านพ่อที่บ้านสกุลหลิว"เซียวเยว่ลูกหมาป่าบอกกับอาชาหนุ่มในร่างมนุษย์ก่อนก้าวลงจากรถ เพียงแค่ปลายเท้าแตะถึงพื้นและยืนเต็มความสูงเท่านั้นก็ดึงดูดสายตาของนักศึกษาที่อยู่บริเวณนั้นมารวมไว้ที่ตนอย่างไม่ตั้งใจ'คนอะไร รูปหล่อราวกับไม่ใช่คนบนโลกนี้ ถ้าได้ใกล้ชิดสักครั้ง ถึงตายก็ไม่เสียดายชีวิตเลย'นั่นคือเสียงที่ลอยมาเข้าหูของเซียวเยว่ ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีถ้อยคำกล่าวสรรเสริญถึงตัวเขาตามมาอีกมากมาย ซึ่งนั่นไม่ได้ทำให้เซียวเยว่รู้สึกว่าตนเองนั้นสูงส่งกว่ามนุษย์ผู้อื่นสักนิด สัตว์กลายพันธุ์อย่างพวกเขาต้องการเพียงการยอมรับและปฏิบัติต่อกันอย่างเท่าเทียมเท่านั้นภายในมหาวิทยาลัยเฉินไห่เวลานี้ค่อนข้างเงียบสงบเพราะนักศึกษาส่วนใหญ่อยู่ในห้องเรียนกันแล้ว เซียวเยว่มองนาฬิกาบนข้อมือเห็นว่ายังมีเ
|PART 2|ดวงตาสีแดงในบึงน้ำ'เฉินเซิน' เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงนับพันกิโลเมตร พื้นที่โดยรอบเป็นภูเขาและมีป่าสนหนาทึบโอบล้อมไว้ ถึงอย่างนั้นกลับมีความเจริญทางด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยีทัดเทียมกับเมืองใหญ่ ดึงดูดบรรดาเหล่านักลงทุนผู้แสวงหาผลประโยชน์ให้มาเยือนยังที่แห่งนี้นอกจากเศรษฐกิจที่เฟื่องฟูแล้วด้านการศึกษาก็ยังขึ้นชื่อ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยเฉินไห่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองเฉินเซินมหาวิทยาลัยเฉินไห่เป็นศูนย์รวมอัจฉริยะแขนงต่าง ๆ ของประเทศไว้มากมาย โดยพวกเขาเหล่านั้นล้วนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือได้รับคัดเลือกให้เข้าทำงานกับศูนย์วิจัยด้านชีววิทยาของเมืองเฉินเซินหลังเรียนจบ นอกจากจะได้รับทุนในการทำวิจัยแล้ว ค่าตอบแทนบุคลากรของที่นี่นั้นยังสูงลิ่วเลยทีเดียวลำพังสถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเฉินไห่นั้นก็กินพื้นที่กว่าห้าร้อยไร่ บริเวณด้านหลังเป็นป่าสนหนาทึบและมีบึงน้ำขนาดใหญ่ไหลผ่าน ซึ่งบึงน้ำแห่งนี้ยังเชื่อมต่อกับแม่น้ำสายหลักของเมืองเฉินเซินอีกด้วยและบริเวณบึงน้ำนั้นอยู่ห่างไกลจากตึกหลักด้านหน้าอย่างมาก ระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ ๆ โดยรอบยังเป็นป่าทึบซึ่งไม่ปลอดภัยสำหรับนักศึกษา
|PART 1| บทนำ ศูนย์วิจัยทางชีววิทยาขนาดใหญ่ได้ถูกลักลอบสร้างขึ้นบนเกาะแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ และถูกค้นพบโดยองค์กรลับแห่งหนึ่ง เกาะแห่งนี้มีสภาพอากาศค่อนข้างแปรปรวนทำให้ยากต่อการค้นหา พวกเขาจึงใช้สถานที่แห่งนี้ทำการทดลองถอดรหัสและปลูกถ่ายพันธุกรรมของมนุษย์ที่มีระดับมันสมองและความสามารถที่แตกต่างกันให้กับสัตว์หลากหลายสายพันธุ์จากทั่วโลกที่ลักลอบจับมาอย่างผิดกฎหมาย ไม่ใช่เพียงแค่สัตว์เท่านั้นที่ถูกจับมาทดลอง แม้แต่มนุษย์ด้วยกันเองก็ไม่ยกเว้น โดยเฉพาะมนุษย์ที่มีความสามารถพิเศษ วัตถุประสงค์ของการทดลองก็เพื่อใช้สำหรับสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ การทดลองได้ดำเนินมาหลายปี จนในวันที่สัตว์กลายพันธุ์ระดับพิเศษตัวหนึ่งที่มนุษย์ไม่สามารถควบคุมมันได้ลืมตาตื่นขึ้นและหลุดจากการคุมขัง สิ่งแรกที่มันทำคือการฆ่าล้างทุกชีวิตที่อยู่บนเกาะนั้น ไม่เว้นแม้แต่สัตว์กลายพันธุ์ด้วยกันเอง เพื่อเอาชีวิตรอดพวกเขาจึงได้พากันอพยพออกจากเกาะโดยเครื่องบินลำเลียงที่มีการเตรียมไว้ล่วงหน้าเผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ขึ้น อย่างไรก็ตามแม้พวกเขาจะออกจากเกาะไปแล้