|PART 7|
อาการของหลิวอิง ใจกลางเมืองเฉินเซินนั้นเป็นย่านธุรกิจขนาดใหญ่ ตึกสูงจำนวนไม่น้อยปลูกสร้างอยู่ที่นี่ แต่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคงหนีไม่พ้นธุรกิจของสกุลหลิวที่ครอบครองพื้นที่ย่านนี้ไปถึงครึ่งหนึ่ง ที่แห่งนี้นอกจากจะเป็นศูนย์กลางการค้าแล้วยังเป็นแหล่งรวมสถานบันเทิงและแหล่งอบายมุขขนาดใหญ่ที่ผู้คนมากมายทั้งในและต่างเมืองต่างพากันเข้ามาเพื่อแสวงหาความร่ำรวยเพียงชั่วข้ามคืน ซึ่งมีเพียงธุรกิจสีเทาและธุรกิจมืดเหล่านี้เท่านั้นที่สกุลหลิวเป็นรองสี่ตระกูลใหญ่ แม้จะทำงานกับสกุลหลิวมาหลายปีแต่จางหลิวซิงก็ยังไม่ชินกับสายตาของคนที่นี่สักที หลังทุกคนรับรู้ถึงฐานะและความสัมพันธ์ของเขากับหลิวอิงทายาทคนปัจจุบันแล้ว เขาก็ยังตกเป็นที่พูดถึงของคนที่นี่ไม่เลิก ในวันทำงาน ขณะที่จางหลิวซิงมารอรับตัวแทนของเหว่ยหลางกรุ๊ปอยู่ด้านล่างยังคงมีเสียงซุบซิบดังมาเข้าหูให้ได้ยินว่าเขาไม่ใช่ลูกเลี้ยงของเจ้าบ้านสกุลหลิวแต่เป็นนายบำเรอที่มีลูกติดถึงสองคนของหลิวอิง เช่นนั้นจางหลิวซิงก็ยังคงยืนนิ่งปล่อยให้พวกเขาพูดกันไป ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนได้มีพนักงานคนหนึ่งพูดถึงเขาในลักษณะเช่นนี้และรู้ถึงหูของหลิวอิงเข้า หลิวอิงโกรธมากจึงไล่พนักงานคนนั้นออกและแจ้งความฐานหมิ่นประมาท ทำให้คนอื่น ๆ ไม่กล้าพูดถึงจางหลิวซิงในทางไม่ดีอีก จนเมื่อเวลาผ่านไปก็มีคนพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก จางหลิวซิงไม่อยากให้ใครต้องเดือดร้อนจึงเลือกที่จะเงียบและไม่บอกให้หลิวอิงได้รับรู้ จางหลิวซิงยืนฟังเสียงซุบซิบแบบเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา สักพักประตูกระจกอัตโนมัติบานใหญ่ได้เปิดออก ร่างสูงก้าวเข้ามาด้านใน เขาจึงออกไปต้อนรับ "ยินดีต้อนรับครับ พี่หลิวอิงกำลังรออยู่ด้านบน เชิญตามผมมาได้เลยครับ" จางหลิวซิงบอกกับแขกผู้มาเยือนและเดินนำไปยังลิฟต์ผู้บริหาร โดยมีร่างสูงเดินตามหลังมาติด ๆ ที่บริษัท ตำแหน่งของจางหลิวซิงไม่ได้ใหญ่โต เขาเป็นเพียงพนักงานธุรการทั่วไป ส่วนใหญ่จะคอยทำงานตามคำสั่งของหลิวอิงเพราะคนอื่นไม่กล้าใช้งานเขา หลิวอิงเคยจะมอบตำแหน่งที่สมฐานะให้แต่ถูกปฏิเสธ เพราะจางหลิวซิงไม่อยากให้ใครมาครหาว่าสกุลหลิวนั้นเลือกปฏิบัติ "วันนี้ทำไมคุณถึงมาที่นี่ได้ แล้วเซียวหลางล่ะ" จางหลิวซิงถามถึงประธานเซียวที่นัดกับพี่หลิวอิงของเขาเอาไว้ ครั้นพอถึงเวลากลับเป็นหวังอี้หรงที่มาแทน "วันนี้ประธานเซียวติดธุระ เมื่อเช้าหลังคุยกับคุณอวี่หลางก็สั่งให้ผมรีบมาที่นี่ทันที" ดวงตาเป็นประกายสีเทาภายใต้กรอบแว่นสีเข้มประสานเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของจางหลิวซิง ภายในดวงตานั้นแฝงความต้องการที่ลึกซึ้งเอาไว้ "ไม่เจอกันตั้งนาน คุณไม่คิดถึงผมบ้างเลยเหรอ?" หวังอี้หรงเอื้อมมือไปกดปุ่มคอนโทรลลิฟต์เพื่อให้มันหยุดเคลื่อนที่ก่อนขยับกายเข้าไปจนแนบชิดกับจางหลิวซิง เขายกยิ้มเล็กน้อย ระหว่างรอคำตอบที่ตรงใจจากจางหลิวซิง "คิดถึงสิ ผมคิดถึงคุณมากกว่าประธานเซียวบ้าอำนาจคนนั้นเสียอีก" จางหลิวซิงตอบออกไป แทนที่จะดีใจกับคำตอบหวังอี้หรงกลับทำใบหน้าบึ้งตึงใส่ พร้อมกับส่งแขนออกไปกักขังจางหลิวซิงเอาไว้ "เป็นอะไรไปหรือครับ?" จางหลิวซิงมองท่อนแขนแกร่งพลางถามขึ้น และเพราะส่วนสูงที่ต่างกันทำให้จางหลิวซิงต้องเงยหน้าพูดกับหวังอี้หรง เขาจึงถูกหวังอี้หรงช้อนอุ้มขึ้นเพื่อจะพูดคุยกันได้ถนัด "ไม่มีอะไรครับ" น้ำเสียงของหวังอี้หรงมีความไม่พอใจเจืออยู่เล็กน้อย ครั้นพอเห็นแววตาซุกซนตรงหน้าแล้วก็ลืมมันไปจนหมดสิ้น ยิ่งถูกกอดด้วยท่อนแขนเรียวเล็กก็ใจอ่อนยวบลงทันทึ "อ๊ะ..ตอนนี้ไม่นะครับคุณอี้หรง พี่หลิวอิงกำลังรอคุณอยู่" จางหลิวซิงทาบปลายนิ้วลงบนริมฝีปากของหวังอี้หรงเมื่ออีกฝ่ายกำลังจะจูบ และบอกให้กดปุ่มเพื่อให้ลิฟต์เคลื่อนที่ เอาไว้เสร็จธุระกับหลิวอิงแล้วค่อยว่ากัน หวังอี้หรงนั้นสุภาพกว่าเซียวหลางนัก แต่บทเอาแต่ใจขึ้นมากลับร้ายกาจไม่ต่างกัน นอกจากไม่กดปุ่มที่ลิฟต์แล้วเขายังจูบจางหลิวซิงอย่างเร่าร้อนอีกต่างหาก จนร่างเล็กในอ้อมกอดถึงกับหมดแรง "ถ้าคิดถึง ก็อย่าขัดใจผมสิครับ" หวังอี้หรงบอกกับจางหลิวซิงพร้อมปลดเข็มขัดและถอดกางเกงของจางหลิวซิงออก จับให้ยืนกางขาเพื่อจะร่วมรักได้ถนัด ส่วนตัวเขาดึงกางเกงลงมาไว้ใต้กล้ามเนื้อแน่นและใช้มือจับพวงแห่งบุรุษที่ทั้งใหญ่โตและแข็งแกร่งถูไถไปกับช่องทางที่เปียกเยิ้มของจางหลิวซิงก่อนกดดันเข้าไปจนสุด "อ๊ะ! อ๊า!" ร่างของจางหลิวสั่นไหวเมื่อถูกแท่งร้อนผ่าวแทงเข้ามาภายในอย่างดุดัน มือเล็กเกาะผนังลิฟต์ไว้แน่น ช่วงนี้ใกล้ถึงรอบติดสัดของเขาพอดี เมื่อเกิดอารมณ์จึงได้ปลดปล่อยฟีโรโมนหอมฟุ้งอบอวลไปทั้งลิฟต์ "สะ..ใส่ถุงก่อน.." จางหลิวซิงพูดเสียงครางกระเส่า พลางเหลือบมองหวังอี้หรงที่สวนกายเข้าออกด้วยใบหน้าที่ซ่านเสียว เขาใช้เวลาไม่นานก็สามารถตอบรับแท่งร้อนที่แข็งแกร่งของหวังอี้หรงได้ทั้งหมดและบีบรัดแน่นทุกครั้งเมื่อถูกสอดใส่จนสุดลำ "ไร้สาระ คุณก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าถุงยางอนามัยไม่มีขนาดของผม" หวังอี้หรงกระตุกยิ้มกับความไร้เดียงสาของจางหลิวซิง และอีกอย่าง หากถ้าเขาตั้งใจให้จางหลิวซิงตั้งครรภ์ต่อให้มีถุงยางอนามัยก็ห้ามเขาไม่ได้ ขณะร่วมรักอยู่ภายในลิฟต์ กลิ่นของจางหลิวซิงได้เล็ดรอดออกมาภายนอก สำหรับมนุษย์นั้นไม่สามารถรับรู้ถึงกลิ่นนั้นได้ ยกเว้นสัตว์กลายพันธุ์ตัวผู้ที่มีความต้องการสืบพันธุ์สูง พวกมันได้มารวมตัวกันอยู่ด้านหน้าลิฟต์ในร่างของมนุษย์ หวังอี้หรงได้กลิ่นของสัตว์กลายพันธุ์ตัวผู้ เขาจึงเร่งกระแทกกายเพื่อให้จางหลิวซิงได้เสร็จสมกับกามกิจ จากนั้นจึงได้จัดแจงใส่เสื้อผ้าและกดปุ่มให้ลิฟต์เคลื่อนที่ โดยสัตว์กลายพันธุ์ตัวผู้เหล่านั้นยังคงติดตามพวกเขาขึ้นไปด้วย "มีอะไรเหรอ?" จางหลิวซิงถามขึ้นเมื่อหวังอี้หรงเปลี่ยนไปกดปุ่มเพื่อให้ลิฟต์เคลื่อนขึ้นไปบนดาดฟ้าแทนที่จะเป็นห้องของหลิวอิง หวังอี้หรงจึงบอกกับจางหลิวซิงว่ามีสัตว์กลายพันธุ์อยู่ในตึกนี้และพวกมันได้ติดตามเขาขึ้นมา เกรงว่าหากเกิดการต่อสู้ มนุษย์ที่อยู่ด้านล่างจะได้รับอันตรายไปด้วย พอรู้ว่ามีสัตว์กลายพันธุ์แฝงเข้ามาปะปนกับมนุษย์จางหลิวซิงก็มีสีหน้าไม่สู้ดี และหวังอี้หรงยังบอกอีกว่าพวกมันไม่ใช่สัตว์กลายพันธุ์จากเหว่ยหลาง น่าจะเป็นพวกที่หลบหนีมาจากเกาะ "ผมล่อให้พวกมันขึ้นไปบนดาดฟ้า เพื่อจะได้จัดการได้ถนัด" หวังอี้หรงพูดขึ้น ตอนนี้เขาเริ่มมีความเห็นใจมนุษย์มากขึ้น ต่างจากเมื่อก่อนที่เกลียดชังมนุษย์จนถึงขั้นเห็นไม่ได้ ต้องฆ่าทิ้งทั้งหมด ประตูลิฟต์เปิดออกเมื่อมาถึงชั้นดาดฟ้า หวังอี้หรงและจางหลิวซิงก็พบกับพนักงานชายที่ทำงานให้สกุลหลิวนับสิบคนยืนรออยู่บนนั้น พวกเขาไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นสัตว์กลายพันธุ์ที่แฝงตัวเข้ามา เพราะลำพังร่างกายของมนุษย์ทั่วไปนั้นไม่สามารถวิ่งขึ้นตึกสูงได้รวดเร็วแบบนี้ ชายหนุ่มที่ยืนรอจางหลิวซิงอยู่บนดาดฟ้ามีอาการคิดสัดทุกคน พวกเขาต้องการผสมพันธุ์กับจางหลิวซิงให้ได้ จางหลิวซิงมองภาพนั้นแล้วสั่นไปทั้งร่าง เอื้อมมือไปจับแขนเสื้อของหวังอี้หรงไว้แน่น เหลือบมองส่วนกลางร่างกายที่ตื่นตัวของสัตว์กลายพันธุ์เหล่านั้นด้วยความหวาดกลัวก่อนเบือนใบหน้าหลบไปอีกทาง เมื่อภาพความทรงจำที่เลวร้ายบนเกาะกลางมหาสมุทรย้อนกลับมาอีกครั้ง "ไม่ต้องกลัว" หวังอี้หรงปลอบจางหลิวซิงด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนพร้อมก้าวมายืนด้านหน้าและกลายร่างเป็นหมาป่าตัวใหญ่ที่มีขนสีดำสนิท ดวงตาสีทองแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิง หวังอี้หรงคืออีกร่างหนึ่งของเซียวหลางเมื่อครั้งที่ลอบเข้ามาในเมืองเฉินเซินเพื่อสร้างอิทธิพลจนเป็นที่รู้จัก ทั้งยังทำให้เจ้าสกุลทั้งห้าต้องการสานสัมพันธ์ด้วย ตัวเขาได้เลือกสกุลหลิวเป็นพันธมิตรเพราะจางหลิวซิงอยู่ที่นั่น แรงกดดันของหวังอี้หรงในร่างของหมาป่าขนดำทำให้เหล่าสัตว์กลายพันธุ์ในร่างมนุษย์เกิดความหวาดกลัว แต่เพื่อตัวเมียที่ต้องการพวกมันจึงรวบรวมความกล้าเข้าต่อสู้เพื่อแย่งชิง และต้องขาดใจตายด้วยกรงเล็บที่แหลมคมของหมาป่า พวกที่เหลืออยู่รู้ว่าไม่มีทางเอาชนะราชาหมาป่ากลายพันธุ์ได้ พวกมันจึงกลายร่างกลับเป็นสัตว์ตามเดิม เพราะร่างเดิมนั้นมีพละกำลังมากกว่าตอนอยู่ในร่างมนุษย์หลายเท่า และพากันรุมเข้าทำร้ายหวังอี้หรงในร่างหมาป่า แม้จะมีจำนวนที่มากกว่าแต่พวกมันก็เป็นเพียงสัตว์กลายพันธุ์ปลายแถวเท่านั้นจึงไม่สามารถเอาชนะราชาหมาป่าได้ เพียงพริบตาเดียวพวกมันก็ถูกกรงเล็บหมาป่ากะซวกจนเลือดสาดและขาดใจตายในทันที หลังจัดการสัตว์กลายพันธุ์แล้วหมาป่าขนดำจึงคืนร่างเป็นมนุษย์อีกครั้งและลงไปพบหลิวอิงพร้อมกับจางหลิวซิงที่ด้านล่าง "ขอโทษที่มาช้านะครับ" เซียวหลางในร่างของหวังอี้หรงพูดขึ้นเมื่อเปิดประตูห้องเข้าไป เขาพบหลิวอิงและหวงหนิงหลงกำลังรออยู่ ครั้นพอเข้าไปใกล้ก็สังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปแวบหนึ่งของหลิวอิง จากนั้นเจ้าตัวก็แสร้งทำเป็นไม่มีอะไรและต้อนรับเขาเป็นอย่างดี การเจรจาของพวกเขาดำเนินไปเรื่อย ๆ จนมาถึงเรื่องการลงทุนสร้างศูนย์วิจัยแห่งใหม่ที่เฉินเซิน โดยจะมีการร่วมทุนกับศูนย์วิจัยแห่งเก่าที่มีอยู่แล้ว มาถึงตรงนี้จางหลิวซิงก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น จางหลิวซิงเคยทำงานที่ศูนย์วิจัยมาก่อน ตอนนั้นเขาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของหยางลู่เฉิงที่เป็นคนรักเก่า ส่วนหยางลู่เฉิงที่มีอำนาจคับศูนย์วิจัยนั้นยังต้องคอยรับคำสั่งจากคนที่มีอำนาจมากกว่าอีกระดับชั้นหนึ่ง ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นยังไม่ใช่ผู้มีอำนาจสูงสุด ส่วนผู้ที่มีอำนาจสูงสุดกลับไม่เคยปรากฏตัวให้เห็นสักครั้ง ดังนั้นจางหลิวซิงจึงไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ก่อตั้งที่แท้จริง ทั้งข้อมูลตรงนี้ยังถูกเก็บเป็นความสูงสุดอีกด้วย "มีอะไรหรือเปล่า?" หลิวอิงถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของจางหลิวซิง "มะ..ไม่มีอะไรครับ" จางหลิวซิงตอบพร้อมกับหลบสายตาของหลิวอิง "เรื่องสำคัญแบบนี้ผมว่าให้คุณหลิวอิงหารือกับคุณเซียวโดยตรงจะดีกว่านะครับ" หวังอี้หรงพูดขึ้นและขอตัวกลับเพราะยังมีงานต้องทำอีกหลายอย่าง ก่อนไปเขาได้ขอพาจางหลิวซิงไปด้วย บอกว่าประธานเซียวมีธุระต้องหารือกับจางหลิวซิง ซึ่งหลิวอิงก็อนุญาต ความสัมพันธ์ของเซียวหลางกับหลิวอิงค่อนข้างดี ยิ่งพักอยู่ที่สกุลหลิวด้วยกันก็ยิ่งทำให้สนิทกันมากขึ้น เขาอนุญาตให้หวังอี้หรงพาจางหลิวซิงไปได้และฝากบอกเซียวหลางว่าให้กลับมาทานมื้อเย็นด้วยกัน "นะ..หนิงหลง นายช่วยเปิดระบายอากาศให้ฉันที" หลิวอิงบอกกับหวงหนิงหลงหลังหวังอี้หรงและจางหลิวซิงออกจากห้องไปแล้ว ใบหน้าของเขาแดงก่ำและมีเหงื่อผุดออกมา "เป็นยังไงบ้างครับ" หวงหนิงหลงเข้ามาดูอาการของหลิวอิง "นายไม่ได้กลิ่นอะไรแปลก ๆ บ้างเหรอ?" "ไม่นี่ คุณได้กลิ่นอะไรหรือครับ" หลิวอิงเล่าให้หวงหนิงหลงฟังว่าจู่ ๆ เขาเกิดมีอารมณ์หลังได้กลิ่นหอมหวานที่โชยมาจากร่างของจางหลิวซิงเมื่อตอนเข้ามาในห้อง กลิ่นนั้นทำให้อุณหภูมิในร่างกายของเขาสูงขึ้นและหัวใจก็เต้นแรง ยิ่งพอมองหน้าก็เกิดต้องการอยากมีอะไรกับจางหลิวซิง "ไม่รู้ทำไม เมื่อครู่ฉันเกือบควบคุมตัวเองไม่ได้อยู่หลายครั้ง" หลิวอิงหายใจถี่และบอกกับหวงหนิงหลง หลังเปิดระบบระบายอากาศภายในห้องอาการของหลิวอิงกลับดีขึ้นเพียงเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าร่างกายได้รับผลกระทบจากฟีโรโมนของจางหลิวซิงจึงทำให้เกิดอาการเช่นนี้ หลิวอิงไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะหายเป็นปกติจึงขอให้หวงหนิงหลงช่วย "ผมขอไปล็อกประตูก่อนนะครับ" หวงหนิงหลงลุกไปล็อกประตูและกลับมาหาหลิวอิงอีกครั้ง จากนั้นก็ดันร่างของหลิวอิงให้นอนราบลงบนโซฟาก่อนถอดกางเกงของหลิวอิงออก เขารู้ว่าหลิวอิงกำลังเกิดอารมณ์จึงตั้งใจช่วยปลดปล่อยเพื่อจะได้สบายตัวขึ้น หวงหนิงหลงมองเอกลักษณ์แห่งบุรุษเพศที่แข็งตัวและชูชันขึ้น เพียงสัมผัสเบา ๆ หลิวอิงก็ถึงกับส่งเสียงครางและเร่งเร้าให้รีบทำต่อโดยเร็ว "ซี้ดด..ช่วยฉันที หนิงหลง เร็วเข้า!" หวงหนิงหลงรูดรั้งลำท่อนแข็งกร้าวในอุ้งมือสองสามครั้งก่อนส่งสิ่งนั้นเข้าไปในปากและดูดกลืนด้วยความช่ำชอง ลิ้นของหวงหนิงหลงตวัดเลียอยู่ภายในสร้างความเสียวซ่านให้กับหลิวอิงไม่น้อย ช่วงล่างของหลิวอิงบิดเร้าพลางแอ่นกายเพื่อส่งแท่งร้อนให้หวงหนิงหลงดูดกลืนได้ถนัด "อื้มม!!" มือของหลิวอิงจิกลงบนบ่าของหวงหนิงหลงอย่างแรงเมื่อคลื่นอารมณ์ใกล้กระแทกฝั่งฝัน ส่วนหวงหนิงหลงก็ขยับศีรษะเข้าออกถี่ขึ้นเมื่อเห็นอาการของหลิวอิง จากนั้นไม่นานธารน้ำรักสีขาวก็ถูกปล่อยเข้าสู่ลำคอของหวงหนิงหลง "เป็นยังไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นบ้างมั้ย" หวงหนิงหลงถามขึ้นหลังกลืนกินน้ำรักของหลิวอิงลงคอไปแล้ว "ฉันรู้สึกว่าแค่นี้มันยังไม่พอ" หลิวอิงลุกขึ้นมานั่งและบอกกับหวงหนิงหลง ในขณะที่ท่อนล่างของเขายังเปลือยเปล่าและแท่งเนื้อร้อนนั้นยังตั้งชูชัน "จะให้ผมเรียกผู้หญิงมามั้ยครับ" หวงหนิงหลงรู้ว่าต้องทำอย่างไรผู้เป็นนายจึงจะดีขึ้น แต่หลิวอิงกลับปฏิเสธและบอกว่าเรื่องเช่นนี้ต้องเป็นหวงหนิงหลงเท่านั้น "คุณต้องการเสียบเข้ามาในตัวผมหรือครับ" หวงหนิงหลงถามขึ้นด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดเพราะยังไม่ได้เตรียมใจและไม่เคยคิดที่จะรับมาก่อน "ฉันไม่มีแรงทำแบบนั้นหรอก นายรีบถอดกางเกงและเอาไอ้นั่นของนายมาให้ฉันยืมเดี๋ยวนี้เลย" อารมณ์ของหลิวอิงยังไม่ปกติและเขาก็ไม่อยากฝืนใจหวงหนิงหลงจึงยอมลดศักดิ์ศรีลงมาเอง หวงหนิงหลงปลดเข็มขัดและถอดกางเกงออกตามคำสั่งของหลิวอิงด้วยความเต็มใจ จากนั้นจึงให้หลิวอิงขึ้นมานั่งคร่อมบนตักและให้ยืมใช้แท่งร้อนของตนที่ตอนนี้แข็งกร้าวยิ่งกว่าหลิวอิงเสียอีก เพราะเป็นครั้งแรกของหลิวอิงทุกอย่างจึงดูเงอะงะไปหมด หวงหนิงหลงกลัวว่าถ้าเป็นแบบนี้นอกจากหลิวอิงจะไม่เสร็จสมแล้วยังจะบาดเจ็บเอาได้ จึงเป็นฝ่ายจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง "นี่ก็เป็นหน้าที่ของผู้ดูแลเหมือนกัน คุณอยู่เฉย ๆ ก็พอ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเอง" พูดจบหวงหนิงหลงก็ดันร่างหลิวอิงล้มไปบนโซฟา จากนั้นจึงใช้มือกับช่องทางของหลิวอิง เมื่อทุกอย่างพร้อมจึงสอดแทรกกายดันสิ่งที่ใหญ่โตและแข็งกร้าวเข้าไปในร่างของหลิวอิง คราแรกยังติดขัดอยู่เล็กน้อย พอผ่านเข้าไปได้ทั้งหมดหลิวอิงถึงกับเสร็จออกมาทันที "นะ..หนิงหลง ตรงนั้นของนายมันจะใหญ่เกินไปแล้วนะ" หลิวอิงไม่คิดเลยว่ามังกรยักษ์ของหวงหนิงหลงเมื่อตื่นขึ้นจะมีขนาดใหญ่โตขนาดนี้ แต่ก็เหมาะสมกับร่างกายของหวงหนิงหลง สงสารก็แต่หญิงสาวผู้โชคดี หากถูกมันมุดเข้าไปในถ้ำแห่งบุปผาแล้วละก็ มีหวังถ้ำนั้นอาจระเบิดได้ทีเดียว "ยังจะมีอารมณ์มาพูดเล่นอีกนะครับ" หวงหนิงหลงขยับกายเข้าออกในร่างของหลิวอิงอย่างค่อยเป็นค่อยไป สายตาเฉียบคมมองสำรวจร่างกายขาวนวลที่แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ ภาพหลิวอิงที่เม้มริมฝีปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงน่าอายไม่ให้หลุดรอดออกมาช่างดูน่าเอ็นดูในสายตาของหวงหนิงหลง และอดที่จะกลั่นแกล้งไม่ได้ "อ๊ะ..นะ..หนิงหลง นายทำบ้าอะไรน่ะ จู่ ๆ ก็กระแทกเข้ามา อุ๊บ!" หลิวอิงโวยขึ้นจึงถูกหวงหนิงหลงจูบปิดปาก คราแรกหลิวอิงก็ตกใจ ครั้นเห็นว่าเป็นหวงหนิงหลงก็โอนอ่อนไปกับเขา หวงหนิงหลงปฏิบัติต่อหลิวอิงอย่างอ่อนโยนและสุภาพ เขาทำให้หลิวอิงเสร็จสมเป็นครั้งที่สองอีกฝ่ายก็รู้สึกดีขึ้น พักสักครู่จึงชำระร่างกายและช่วยแต่งตัวให้กับหลิวอิง "เป็นยังไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นบ้างมั้ย" หวงหนิงหลงถามพลางเสิร์ฟน้ำชาให้กับหลิวอิง หลิวอิงพยักหน้าและชมหวงหนิงหลงว่าลีลาดี ถ้าใครได้เป็นแฟนคงโชคดี กลับถูกตำหนิกว่านี่ไม่ใช่เวลามาพูดเล่น เขาเป็นห่วงกลัวว่าหากหลิวอิงเกิดอาการเช่นนี้ขึ้นมาอีกจะแย่เอา หากตอนนั้นไม่มีเขาอยู่ข้างกาย "ฉันได้กลิ่นหอมหวานจากหลิวซิง จากนั้นก็เป็นอย่างที่นายเห็น" หวงหนิงหลงมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นและบอกว่าหลิวอิงคงจะพักผ่อนน้อยเกินไป เช่นนั้นเขาจึงยกเลิกตารางงานวันนี้ทั้งหมดรวมถึงการไปดูงานที่ศูนย์วิจัยและขอให้หลิวอิงกลับไปพักผ่อนที่คฤหาสน์สกุลหลิวก่อน ส่วนตัวเขามีธุระต้องไปจัดการจะตามกลับไปภายหลัง ภายในห้องแห่งหนึ่ง "วันนี้หลิวอิงมีอาการติดสัด ไหนคุณบอกว่าฟีโรโมนของตัวเมียไม่มีผลกับเขาไงครับ!" เสียงพูดด้วยความไม่พอใจของหวงหนิงหลงดังอยู่ภายในห้องห้องหนึ่ง เบื้องหน้าของเขาเป็นชายท่าทางน่าเกรงขามนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่บ่งบอกถึงฐานะที่ไม่ธรรมดา ข้างกายยังมีหญิงสาวใบหน้าอ่อนกว่าวัยสวมเสื้อกาวน์สีขาวยืนล้วงกระเป๋าอยู่ "ฉันเองก็ไม่คิดว่าฟีโรโมนของจางหลิวซิงจะมีผลต่อเขาเหมือนกัน แต่ก็นับว่าหลิวอิงยังมีความอดทนสูงกว่าสัตว์กลายพันธุ์ตัวอื่น ๆ ที่สามารถสะกดกลั้นความต้องการผสมพันธุ์นั้นได้" น้ำเสียงเรียบเฉยบอกกับหวงหนิงหลง ในแววตาคล้ายกำลังครุ่นคิดบางสิ่งขณะจ้องมองหวงหนิงหลง "แล้วนายจัดการกับอาการของหลิวอิงยังไงล่ะ?" "คะ..คือ.." คำถามของหญิงสาวที่อยู่ภายในห้องทำหวงหนิงหลงอึกอักและเบือนสายตาไปอีกทาง เห็นท่าทีของหวงหนิงหลงในตอนนี้เธอถึงกับยกยิ้ม เหมือนว่าเธอจะรู้คำตอบอยู่ก่อนแล้ว "เอาล่ะ ๆ ไว้ฉันจะหาทางแก้ไขเรื่องนี้เอง ระหว่างนี้หากว่าหลิวอิงเกิดอาการติดสัดขึ้นมาอีกนายก็หาผู้หญิงหรือตัวเมียสักคนสองคนให้เขาระบายไปก่อน เอาไว้ฉันหาวิธีแก้ไขได้แล้วจะบอกอีกทีหนึ่ง หน้าที่ของนายคือจับตาดูหลิวอิงให้ดีหากเขามีอาการอะไรขึ้นมาอีกให้รีบมารายงานฉันทันที" ชายผู้มีอำนาจพูดขึ้น "คะ..ครับ" หวงหนิงหลงกำหมัดแน่นเมื่อได้ยินเช่นนั้นก่อนจะก้มศีรษะรับคำสั่ง จากนั้นจึงได้ออกจากห้องมาด้วยความคับข้องใจ หวงหนิงหลงตั้งใจจะกลับคฤหาสน์สกุลหลิวเพราะเป็นห่วงหลิวอิงกลัวว่าจะเกิดอาการแปลก ๆ ขึ้นมาอีกตอนเขาไม่อยู่ ขณะเดินออกจากลิฟต์ก็สวนกับเสียวอวี่ที่ชั้นล่างเข้าพอดีและถูกอีกฝ่ายรั้งเอาไว้ "คุณอาหนิงหลงมาทำอะไรที่นี่หรือครับ?" เซียวอวี่ถามขึ้น|PART 8|เทศกาลโคมลอยแห่งเฉินเซิน"คุณอาหนิงหลงมาทำอะไรที่นี่หรือครับ?"เซียวอวี่ถามขึ้นเมื่อเห็นหวงหนิงหลงเดินสวนออกมาจากในลิฟต์เพราะมัวแต่เหม่อทำให้หวงหนิงหลงเผลอใช้ลิฟต์ทั่วไปแทนที่จะใช้ลิฟต์แยกเพื่อหลีกเลี่ยงการพบกับคนรู้จักที่นี่ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเก็บสีหน้าให้เป็นปกติได้ และอีกฝ่ายยังเป็นเซียวอวี่เขาจึงไม่มีอะไรให้กังวล"อามาทำธุระนิดหน่อย แล้วเธอล่ะ""คุณพ่อให้ผมมาดูงานแทนครับ บอกว่าคุณอาหลิวอิงมีแผนจะร่วมลงทุนวิจัยกับที่นี่"เซียวอวี่บอกกับหวงหนิงหลง พวกเขาคุยกันได้ไม่เท่าไรก็มีเจ้าหน้าที่ของศูนย์วิจัยออกมาต้อนรับเซียวอวี่ เห็นดังนั้นหวงหนิงหลงจึงขอตัวกลับ เพราะถึงอย่างไรการร่วมทุนครั้งนี้หลิวอิงและเซียวหลางยังต้องปรึกษากันอีกครั้งหนึ่ง"สวัสดีครับคุณเซียว เชิญทางนี้เลยครับ"เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์วิจัยได้พาเซียวอวี่ไปพบกับผู้ที่มีหน้าที่ดูแลศูนย์วิจัยทั้งหมดของเฉินเซินเพื่อแนะนำให้เขารู้จัก ทันทีที่พบหน้าคนที่รออยู่ในห้องหัวใจของเซียวอวี่ก็เต้นแรงขึ้น"คุณเซียวครับผมขอแนะนำ นี่คุณฉินเทียนกับคุณฉินหลิงที่จะมาทำงานร่วมกับคุณเซียวครับ"เซียวอวี่ไม่ได้สนใจชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าที
|PART 9|ผลกระทบจากฟีโรโมนกอริลลาตัวเมียกลายพันธุ์ในร่างของหญิงสาวหุ่นนักกีฬาปีนขึ้นไปบนต้นไม้ที่อยู่สูงเหนือศีรษะของเหอไป๋เหยียน ในมือของมันถือหินก้อนใหญ่เอาไว้เพื่อรอให้เหอไป๋เหยียนมาอยู่ในจุดที่มันตั้งใจไว้ จากนั้นจึงโยนก้อนหินลงไป เหอไป๋เหยียนไม่ทันได้ระวังตัว พอแหงนหน้าขึ้นไปมองก็เห็นหินก้อนใหญ่กำลังหล่นลงมาด้วยความเร็ว คราแรกคิดว่าคงหลบไม่พ้น จู่ ๆ หินก้อนนั้นก็เปลี่ยนทิศทางไปอีกฝั่งโดยปลายเท้าของผู้ที่ติดตามมา"เป็นยังไงบ้าง นายบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า" เซียวเยว่ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง"จะเป็นอะไรล่ะ ถ้านายมาช้ากว่านี้อีกนิด ฉันคงได้ไปนอนคุยกับไส้เดือนกลายพันธุ์ที่อยู่ใต้ดินแล้ว"เพราะกลิ่นฟีโรโมนของเหอไป๋เหยียนทำให้เซียวเยว่ตามหาตัวได้ไม่ยาก พอคิดแบบนี้ จึงรู้ว่าเครื่องติดตามที่สวมอยู่บนคอของเหอไป๋เหยียนกแทบไม่มีประโยชน์อะไร"ขอโทษที พอดีทางนั้นมีเรื่องยุ่งยากนิดหน่อย ตอนนี้อวี่หลางกำลังจัดการอยู่"บริเวณที่ใช้จัดงานโคมลอยมีเซียวอวี่จัดการเคลียร์พื้นที่ก่อนที่ตำรวจจะมาถึง ส่วนเซียวเยว่แยกตัวมาตามเหอไป๋เหยียนโดยอาศัยกลิ่นฟีโรโมนที่ฟุ้งกระจายอยู่ภายในป่า เมื่อมาถึงก็พบลิงกอริลลา
|PART 1| บทนำ ศูนย์วิจัยทางชีววิทยาขนาดใหญ่ได้ถูกลักลอบสร้างขึ้นบนเกาะแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ และถูกค้นพบโดยองค์กรลับแห่งหนึ่ง เกาะแห่งนี้มีสภาพอากาศค่อนข้างแปรปรวนทำให้ยากต่อการค้นหา พวกเขาจึงใช้สถานที่แห่งนี้ทำการทดลองถอดรหัสและปลูกถ่ายพันธุกรรมของมนุษย์ที่มีระดับมันสมองและความสามารถที่แตกต่างกันให้กับสัตว์หลากหลายสายพันธุ์จากทั่วโลกที่ลักลอบจับมาอย่างผิดกฎหมาย ไม่ใช่เพียงแค่สัตว์เท่านั้นที่ถูกจับมาทดลอง แม้แต่มนุษย์ด้วยกันเองก็ไม่ยกเว้น โดยเฉพาะมนุษย์ที่มีความสามารถพิเศษ วัตถุประสงค์ของการทดลองก็เพื่อใช้สำหรับสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ การทดลองได้ดำเนินมาหลายปี จนในวันที่สัตว์กลายพันธุ์ระดับพิเศษตัวหนึ่งที่มนุษย์ไม่สามารถควบคุมมันได้ลืมตาตื่นขึ้นและหลุดจากการคุมขัง สิ่งแรกที่มันทำคือการฆ่าล้างทุกชีวิตที่อยู่บนเกาะนั้น ไม่เว้นแม้แต่สัตว์กลายพันธุ์ด้วยกันเอง เพื่อเอาชีวิตรอดพวกเขาจึงได้พากันอพยพออกจากเกาะโดยเครื่องบินลำเลียงที่มีการเตรียมไว้ล่วงหน้าเผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ขึ้น อย่างไรก็ตามแม้พวกเขาจะออกจากเกาะไปแล้
|PART 2|ดวงตาสีแดงในบึงน้ำ'เฉินเซิน' เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงนับพันกิโลเมตร พื้นที่โดยรอบเป็นภูเขาและมีป่าสนหนาทึบโอบล้อมไว้ ถึงอย่างนั้นกลับมีความเจริญทางด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยีทัดเทียมกับเมืองใหญ่ ดึงดูดบรรดาเหล่านักลงทุนผู้แสวงหาผลประโยชน์ให้มาเยือนยังที่แห่งนี้นอกจากเศรษฐกิจที่เฟื่องฟูแล้วด้านการศึกษาก็ยังขึ้นชื่อ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยเฉินไห่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองเฉินเซินมหาวิทยาลัยเฉินไห่เป็นศูนย์รวมอัจฉริยะแขนงต่าง ๆ ของประเทศไว้มากมาย โดยพวกเขาเหล่านั้นล้วนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือได้รับคัดเลือกให้เข้าทำงานกับศูนย์วิจัยด้านชีววิทยาของเมืองเฉินเซินหลังเรียนจบ นอกจากจะได้รับทุนในการทำวิจัยแล้ว ค่าตอบแทนบุคลากรของที่นี่นั้นยังสูงลิ่วเลยทีเดียวลำพังสถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเฉินไห่นั้นก็กินพื้นที่กว่าห้าร้อยไร่ บริเวณด้านหลังเป็นป่าสนหนาทึบและมีบึงน้ำขนาดใหญ่ไหลผ่าน ซึ่งบึงน้ำแห่งนี้ยังเชื่อมต่อกับแม่น้ำสายหลักของเมืองเฉินเซินอีกด้วยและบริเวณบึงน้ำนั้นอยู่ห่างไกลจากตึกหลักด้านหน้าอย่างมาก ระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ ๆ โดยรอบยังเป็นป่าทึบซึ่งไม่ปลอดภัยสำหรับนักศึกษา
|PART 3|วังหมิงหยวนรถยนต์หรูขับเข้ามาจอดเทียบยังฟุตบาทข้างกำแพงของมหาวิทยาลัยเฉินไห่ ไม่มีใครรู้ว่าผู้ที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยนั้นมิใช่มนุษย์และมีร่างเดิมเป็นอาชาหนุ่มขนสีขาวที่แสนสง่างาม ที่เหว่ยหลางเขามีหน้าที่ขับรถรับส่งคนของสกุลเซียว"เย็นนี้ให้ผมมารับไหมครับ" ชายหนุ่มชุดขาวถามขึ้น"ไม่ต้อง วันนี้ฉันจะไปพบท่านพ่อที่บ้านสกุลหลิว"เซียวเยว่ลูกหมาป่าบอกกับอาชาหนุ่มในร่างมนุษย์ก่อนก้าวลงจากรถ เพียงแค่ปลายเท้าแตะถึงพื้นและยืนเต็มความสูงเท่านั้นก็ดึงดูดสายตาของนักศึกษาที่อยู่บริเวณนั้นมารวมไว้ที่ตนอย่างไม่ตั้งใจ'คนอะไร รูปหล่อราวกับไม่ใช่คนบนโลกนี้ ถ้าได้ใกล้ชิดสักครั้ง ถึงตายก็ไม่เสียดายชีวิตเลย'นั่นคือเสียงที่ลอยมาเข้าหูของเซียวเยว่ ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีถ้อยคำกล่าวสรรเสริญถึงตัวเขาตามมาอีกมากมาย ซึ่งนั่นไม่ได้ทำให้เซียวเยว่รู้สึกว่าตนเองนั้นสูงส่งกว่ามนุษย์ผู้อื่นสักนิด สัตว์กลายพันธุ์อย่างพวกเขาต้องการเพียงการยอมรับและปฏิบัติต่อกันอย่างเท่าเทียมเท่านั้นภายในมหาวิทยาลัยเฉินไห่เวลานี้ค่อนข้างเงียบสงบเพราะนักศึกษาส่วนใหญ่อยู่ในห้องเรียนกันแล้ว เซียวเยว่มองนาฬิกาบนข้อมือเห็นว่ายังมีเ
|PART 4|กัวเจ๋อข่าวว่ามีคนเสียชีวิตและหายสาบสูญไปบริเวณบึงน้ำแม้จะปิดไม่ให้คนภายนอกได้รับรู้ แต่ทางมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้นิ่งนอนใจและพยายามหาทางจับตัวคนร้ายให้ได้ ซึ่งตอนนี้ทุกอย่างยังคงมืดแปดด้านบนโต๊ะประชุมของผู้บริหารระดับสูง เหล่าตัวแทนของห้าสกุลต่างจับจ้องไปยังภาพฉายด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด พวกเขาไม่เข้าใจว่าบึงน้ำที่เงียบสงบและไร้ความเคลื่อนไหวมานาน จู่ ๆ ทำไมถึงมีคนมาเสียชีวิตบริเวณนี้ได้ ซ้ำยังหาศพไม่พบอีกต่างหากจากปากคำของผู้รอดชีวิตได้เล่าให้ฟังว่ามีสัตว์ประหลาดตัวใหญ่อยู่ในบึงน้ำ และมันได้กัดกินร่างเพื่อนของเขาจนเลือดสาดกระเซ็นก่อนจะกลืนลงท้องไปเหล่าแพทย์ได้ฟังดังนั้นจึงได้จับเขาตรวจสมองอีกครั้งหนึ่งและสรุปผลออกมาว่าชายวัยรุ่นคนนี้เสพยาเกินขนาดและดื่มแอลอกฮอล์มากไปจนเกิดอาการประสาทหลอน จึงได้รับชายวัยรุ่นไว้รักษาตัวที่โรงพยายาลในเครือของมหาวิทยาลัยเฉินไห่หลังเหตุการณ์นั้น ทางมหาวิทยาลัยได้มีการคุมเข้มบริเวณบึงน้ำมากขึ้น ทั้งเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงและเพิ่มประสิทธิภาพของกล้องวงจรปิด แต่ก็ยังมีคนไปเสียชีวิตบริเวณนั้นอย่
|PART 5|สิ่งที่อยู่ในใจของหม่าอี้เมื่อรู้ว่าต้องทำอย่างไรกับจระเข้กลายพันธุ์จำนวนมากที่อยู่เบื้องหน้า ทั้งเซียวอวี่และเซียวเยว่ได้หันมาสบตากันครั้งหนึ่งก่อนพุ่งตัวแยกออกไปเพื่อจัดการกับจระเข้ดุร้ายในร่างกึ่งมนุษย์ โดยเน้นไปยังดวงตาและจมูกซึ่งเป็นส่วนที่เปราะบางที่สุดของพวกมันโดยธรรมชาติพวกเขาต้องไม่ปล่อยให้จระเข้กลายพันธุ์เหล่านี้รอดชีวิตไปได้แม้แต่ตัวเดียวเพราะพวกมันอาจเป็นอันตรายต่อมนุษย์ เซียวอวี่และเซียวเยว่จัดการฆ่าจระเข้กลายพันธุ์ได้ทั้งหมด รอบบึงน้ำในตอนนี้จึงคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและศพของจระเข้กระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด"ยอมแพ้ซะเถอะ ยังไงแกสู้พวกฉันไม่ได้หรอก" เซียวเยว่บอกกับกัวเจ๋อ เซียวอวี่และเซี่ยวเยว่ไม่มีความคิดที่จะฆ่ากัวเจ๋อ แต่กัวเจ๋อนั้นโหดร้ายเกินจะอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้ ที่เหว่ยหลางแม้จะมีสัตว์กินเนื้อกลายพันธุ์อาศัยอยู่ไม่น้อย แต่พวกเขาเหล่านั้นสามารถยับยั้งสัญชาตญาณดิบได้ และปรารถนาที่จะอยู่ร่วมกับมนุษย์อย่างสงบสุข"คิดจะฆ่าฉันมันไม่ง่ายนักหรอก"กัวเจ๋อกลายร่างเป็นจระเข้ที่มีขนาดใหญ่และมีผิวหนังที่แข็งแกร่งขนาดที่อาวุธทันสมัยยังไม่สามารถเจาะผ่านร่างของเขาได
|PART 6|เรือนปิงเจี๋ยร่างของเหอไป๋เหยียนบิดส่ายไปมาอย่างเร่าร้อนอยู่ภายใต้กายแกร่งของอาชาหนุ่มผิวสีเข้ม เลือดภายในกายสูบฉีดจนทำให้ผิวขาวราวหิมะแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ เหอไป๋เหยียนยามนี้ไม่อาจต่อต้านแรงอารมณ์ที่มีต่ออาชาหนุ่มได้ ยอมที่จะให้อีกฝ่ายล่วงล้ำเข้ามาภายในช่องทางแห่งบุรุษเพศด้วยความเต็มใจ เพราะถึงอย่างไรสัตว์เลือดเย็นสองเพศเช่นเขาก็สามารถตอบสนองได้ทุกเพศอยู่แล้วหม่าอี้จดจ่อลำท่อนสืบพันธุ์ที่มีขนาดไม่ต่างจากตอนอยู่ในร่างเดิมเข้าที่ช่องทางสำหรับร่วมรัก เพียงออกแรงนิดหน่อยส่วนหัวที่มีขนาดใหญ่โตก็แทบจะผลุบเข้าไปด้านในโดยทันที ราวกับว่าถูกช่องทางนั้นดูดกลืนเข้าไปเสียเอง หม่าอี้ตั้งใจจะยัดเยียดสิ่งที่แข็งแกร่งและร้อนแรงที่สุดเข้าไปในร่างของเหอไป๋เหยียนเพื่อหลอมรวมสองร่างให้เป็นหนึ่งเดียว อีกไม่ช้าเหอไป๋เหยียนก็จะกลายเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์สักที"อ๊ะ!!""ไป๋เหยียน คุณเป็นอะไรไป!!"ยังไม่ทันที่หม่าอี้จะกดดันลำท่อนร้อนเข้าสู่ภายในได้สำเร็จเหอไปเหยียนก็เกิดอาการชักเกร็งขึ้นมาเสียก่อน ตามร่างกายปรากฎเกล็ดสีเงินคล้ายอัญมณีขึ้น หม่าอี้สัมผัสร่างอรชรและถูกถีบกระเด็นออกมา เขาตกใจมากแต่
|PART 9|ผลกระทบจากฟีโรโมนกอริลลาตัวเมียกลายพันธุ์ในร่างของหญิงสาวหุ่นนักกีฬาปีนขึ้นไปบนต้นไม้ที่อยู่สูงเหนือศีรษะของเหอไป๋เหยียน ในมือของมันถือหินก้อนใหญ่เอาไว้เพื่อรอให้เหอไป๋เหยียนมาอยู่ในจุดที่มันตั้งใจไว้ จากนั้นจึงโยนก้อนหินลงไป เหอไป๋เหยียนไม่ทันได้ระวังตัว พอแหงนหน้าขึ้นไปมองก็เห็นหินก้อนใหญ่กำลังหล่นลงมาด้วยความเร็ว คราแรกคิดว่าคงหลบไม่พ้น จู่ ๆ หินก้อนนั้นก็เปลี่ยนทิศทางไปอีกฝั่งโดยปลายเท้าของผู้ที่ติดตามมา"เป็นยังไงบ้าง นายบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า" เซียวเยว่ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง"จะเป็นอะไรล่ะ ถ้านายมาช้ากว่านี้อีกนิด ฉันคงได้ไปนอนคุยกับไส้เดือนกลายพันธุ์ที่อยู่ใต้ดินแล้ว"เพราะกลิ่นฟีโรโมนของเหอไป๋เหยียนทำให้เซียวเยว่ตามหาตัวได้ไม่ยาก พอคิดแบบนี้ จึงรู้ว่าเครื่องติดตามที่สวมอยู่บนคอของเหอไป๋เหยียนกแทบไม่มีประโยชน์อะไร"ขอโทษที พอดีทางนั้นมีเรื่องยุ่งยากนิดหน่อย ตอนนี้อวี่หลางกำลังจัดการอยู่"บริเวณที่ใช้จัดงานโคมลอยมีเซียวอวี่จัดการเคลียร์พื้นที่ก่อนที่ตำรวจจะมาถึง ส่วนเซียวเยว่แยกตัวมาตามเหอไป๋เหยียนโดยอาศัยกลิ่นฟีโรโมนที่ฟุ้งกระจายอยู่ภายในป่า เมื่อมาถึงก็พบลิงกอริลลา
|PART 8|เทศกาลโคมลอยแห่งเฉินเซิน"คุณอาหนิงหลงมาทำอะไรที่นี่หรือครับ?"เซียวอวี่ถามขึ้นเมื่อเห็นหวงหนิงหลงเดินสวนออกมาจากในลิฟต์เพราะมัวแต่เหม่อทำให้หวงหนิงหลงเผลอใช้ลิฟต์ทั่วไปแทนที่จะใช้ลิฟต์แยกเพื่อหลีกเลี่ยงการพบกับคนรู้จักที่นี่ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเก็บสีหน้าให้เป็นปกติได้ และอีกฝ่ายยังเป็นเซียวอวี่เขาจึงไม่มีอะไรให้กังวล"อามาทำธุระนิดหน่อย แล้วเธอล่ะ""คุณพ่อให้ผมมาดูงานแทนครับ บอกว่าคุณอาหลิวอิงมีแผนจะร่วมลงทุนวิจัยกับที่นี่"เซียวอวี่บอกกับหวงหนิงหลง พวกเขาคุยกันได้ไม่เท่าไรก็มีเจ้าหน้าที่ของศูนย์วิจัยออกมาต้อนรับเซียวอวี่ เห็นดังนั้นหวงหนิงหลงจึงขอตัวกลับ เพราะถึงอย่างไรการร่วมทุนครั้งนี้หลิวอิงและเซียวหลางยังต้องปรึกษากันอีกครั้งหนึ่ง"สวัสดีครับคุณเซียว เชิญทางนี้เลยครับ"เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์วิจัยได้พาเซียวอวี่ไปพบกับผู้ที่มีหน้าที่ดูแลศูนย์วิจัยทั้งหมดของเฉินเซินเพื่อแนะนำให้เขารู้จัก ทันทีที่พบหน้าคนที่รออยู่ในห้องหัวใจของเซียวอวี่ก็เต้นแรงขึ้น"คุณเซียวครับผมขอแนะนำ นี่คุณฉินเทียนกับคุณฉินหลิงที่จะมาทำงานร่วมกับคุณเซียวครับ"เซียวอวี่ไม่ได้สนใจชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าที
|PART 7|อาการของหลิวอิงใจกลางเมืองเฉินเซินนั้นเป็นย่านธุรกิจขนาดใหญ่ ตึกสูงจำนวนไม่น้อยปลูกสร้างอยู่ที่นี่ แต่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคงหนีไม่พ้นธุรกิจของสกุลหลิวที่ครอบครองพื้นที่ย่านนี้ไปถึงครึ่งหนึ่งที่แห่งนี้นอกจากจะเป็นศูนย์กลางการค้าแล้วยังเป็นแหล่งรวมสถานบันเทิงและแหล่งอบายมุขขนาดใหญ่ที่ผู้คนมากมายทั้งในและต่างเมืองต่างพากันเข้ามาเพื่อแสวงหาความร่ำรวยเพียงชั่วข้ามคืน ซึ่งมีเพียงธุรกิจสีเทาและธุรกิจมืดเหล่านี้เท่านั้นที่สกุลหลิวเป็นรองสี่ตระกูลใหญ่แม้จะทำงานกับสกุลหลิวมาหลายปีแต่จางหลิวซิงก็ยังไม่ชินกับสายตาของคนที่นี่สักที หลังทุกคนรับรู้ถึงฐานะและความสัมพันธ์ของเขากับหลิวอิงทายาทคนปัจจุบันแล้ว เขาก็ยังตกเป็นที่พูดถึงของคนที่นี่ไม่เลิกในวันทำงาน ขณะที่จางหลิวซิงมารอรับตัวแทนของเหว่ยหลางกรุ๊ปอยู่ด้านล่างยังคงมีเสียงซุบซิบดังมาเข้าหูให้ได้ยินว่าเขาไม่ใช่ลูกเลี้ยงของเจ้าบ้านสกุลหลิวแต่เป็นนายบำเรอที่มีลูกติดถึงสองคนของหลิวอิง เช่นนั้นจางหลิวซิงก็ยังคงยืนนิ่งปล่อยให้พวกเขาพูดกันไปย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนได้มีพนักงานคนหนึ่งพูดถึงเขาในลักษณะเช่นนี้และรู้ถึงหูของหลิวอิงเข้า หลิวอิงโกรธมาก
|PART 6|เรือนปิงเจี๋ยร่างของเหอไป๋เหยียนบิดส่ายไปมาอย่างเร่าร้อนอยู่ภายใต้กายแกร่งของอาชาหนุ่มผิวสีเข้ม เลือดภายในกายสูบฉีดจนทำให้ผิวขาวราวหิมะแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ เหอไป๋เหยียนยามนี้ไม่อาจต่อต้านแรงอารมณ์ที่มีต่ออาชาหนุ่มได้ ยอมที่จะให้อีกฝ่ายล่วงล้ำเข้ามาภายในช่องทางแห่งบุรุษเพศด้วยความเต็มใจ เพราะถึงอย่างไรสัตว์เลือดเย็นสองเพศเช่นเขาก็สามารถตอบสนองได้ทุกเพศอยู่แล้วหม่าอี้จดจ่อลำท่อนสืบพันธุ์ที่มีขนาดไม่ต่างจากตอนอยู่ในร่างเดิมเข้าที่ช่องทางสำหรับร่วมรัก เพียงออกแรงนิดหน่อยส่วนหัวที่มีขนาดใหญ่โตก็แทบจะผลุบเข้าไปด้านในโดยทันที ราวกับว่าถูกช่องทางนั้นดูดกลืนเข้าไปเสียเอง หม่าอี้ตั้งใจจะยัดเยียดสิ่งที่แข็งแกร่งและร้อนแรงที่สุดเข้าไปในร่างของเหอไป๋เหยียนเพื่อหลอมรวมสองร่างให้เป็นหนึ่งเดียว อีกไม่ช้าเหอไป๋เหยียนก็จะกลายเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์สักที"อ๊ะ!!""ไป๋เหยียน คุณเป็นอะไรไป!!"ยังไม่ทันที่หม่าอี้จะกดดันลำท่อนร้อนเข้าสู่ภายในได้สำเร็จเหอไปเหยียนก็เกิดอาการชักเกร็งขึ้นมาเสียก่อน ตามร่างกายปรากฎเกล็ดสีเงินคล้ายอัญมณีขึ้น หม่าอี้สัมผัสร่างอรชรและถูกถีบกระเด็นออกมา เขาตกใจมากแต่
|PART 5|สิ่งที่อยู่ในใจของหม่าอี้เมื่อรู้ว่าต้องทำอย่างไรกับจระเข้กลายพันธุ์จำนวนมากที่อยู่เบื้องหน้า ทั้งเซียวอวี่และเซียวเยว่ได้หันมาสบตากันครั้งหนึ่งก่อนพุ่งตัวแยกออกไปเพื่อจัดการกับจระเข้ดุร้ายในร่างกึ่งมนุษย์ โดยเน้นไปยังดวงตาและจมูกซึ่งเป็นส่วนที่เปราะบางที่สุดของพวกมันโดยธรรมชาติพวกเขาต้องไม่ปล่อยให้จระเข้กลายพันธุ์เหล่านี้รอดชีวิตไปได้แม้แต่ตัวเดียวเพราะพวกมันอาจเป็นอันตรายต่อมนุษย์ เซียวอวี่และเซียวเยว่จัดการฆ่าจระเข้กลายพันธุ์ได้ทั้งหมด รอบบึงน้ำในตอนนี้จึงคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและศพของจระเข้กระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด"ยอมแพ้ซะเถอะ ยังไงแกสู้พวกฉันไม่ได้หรอก" เซียวเยว่บอกกับกัวเจ๋อ เซียวอวี่และเซี่ยวเยว่ไม่มีความคิดที่จะฆ่ากัวเจ๋อ แต่กัวเจ๋อนั้นโหดร้ายเกินจะอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้ ที่เหว่ยหลางแม้จะมีสัตว์กินเนื้อกลายพันธุ์อาศัยอยู่ไม่น้อย แต่พวกเขาเหล่านั้นสามารถยับยั้งสัญชาตญาณดิบได้ และปรารถนาที่จะอยู่ร่วมกับมนุษย์อย่างสงบสุข"คิดจะฆ่าฉันมันไม่ง่ายนักหรอก"กัวเจ๋อกลายร่างเป็นจระเข้ที่มีขนาดใหญ่และมีผิวหนังที่แข็งแกร่งขนาดที่อาวุธทันสมัยยังไม่สามารถเจาะผ่านร่างของเขาได
|PART 4|กัวเจ๋อข่าวว่ามีคนเสียชีวิตและหายสาบสูญไปบริเวณบึงน้ำแม้จะปิดไม่ให้คนภายนอกได้รับรู้ แต่ทางมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้นิ่งนอนใจและพยายามหาทางจับตัวคนร้ายให้ได้ ซึ่งตอนนี้ทุกอย่างยังคงมืดแปดด้านบนโต๊ะประชุมของผู้บริหารระดับสูง เหล่าตัวแทนของห้าสกุลต่างจับจ้องไปยังภาพฉายด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด พวกเขาไม่เข้าใจว่าบึงน้ำที่เงียบสงบและไร้ความเคลื่อนไหวมานาน จู่ ๆ ทำไมถึงมีคนมาเสียชีวิตบริเวณนี้ได้ ซ้ำยังหาศพไม่พบอีกต่างหากจากปากคำของผู้รอดชีวิตได้เล่าให้ฟังว่ามีสัตว์ประหลาดตัวใหญ่อยู่ในบึงน้ำ และมันได้กัดกินร่างเพื่อนของเขาจนเลือดสาดกระเซ็นก่อนจะกลืนลงท้องไปเหล่าแพทย์ได้ฟังดังนั้นจึงได้จับเขาตรวจสมองอีกครั้งหนึ่งและสรุปผลออกมาว่าชายวัยรุ่นคนนี้เสพยาเกินขนาดและดื่มแอลอกฮอล์มากไปจนเกิดอาการประสาทหลอน จึงได้รับชายวัยรุ่นไว้รักษาตัวที่โรงพยายาลในเครือของมหาวิทยาลัยเฉินไห่หลังเหตุการณ์นั้น ทางมหาวิทยาลัยได้มีการคุมเข้มบริเวณบึงน้ำมากขึ้น ทั้งเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงและเพิ่มประสิทธิภาพของกล้องวงจรปิด แต่ก็ยังมีคนไปเสียชีวิตบริเวณนั้นอย่
|PART 3|วังหมิงหยวนรถยนต์หรูขับเข้ามาจอดเทียบยังฟุตบาทข้างกำแพงของมหาวิทยาลัยเฉินไห่ ไม่มีใครรู้ว่าผู้ที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยนั้นมิใช่มนุษย์และมีร่างเดิมเป็นอาชาหนุ่มขนสีขาวที่แสนสง่างาม ที่เหว่ยหลางเขามีหน้าที่ขับรถรับส่งคนของสกุลเซียว"เย็นนี้ให้ผมมารับไหมครับ" ชายหนุ่มชุดขาวถามขึ้น"ไม่ต้อง วันนี้ฉันจะไปพบท่านพ่อที่บ้านสกุลหลิว"เซียวเยว่ลูกหมาป่าบอกกับอาชาหนุ่มในร่างมนุษย์ก่อนก้าวลงจากรถ เพียงแค่ปลายเท้าแตะถึงพื้นและยืนเต็มความสูงเท่านั้นก็ดึงดูดสายตาของนักศึกษาที่อยู่บริเวณนั้นมารวมไว้ที่ตนอย่างไม่ตั้งใจ'คนอะไร รูปหล่อราวกับไม่ใช่คนบนโลกนี้ ถ้าได้ใกล้ชิดสักครั้ง ถึงตายก็ไม่เสียดายชีวิตเลย'นั่นคือเสียงที่ลอยมาเข้าหูของเซียวเยว่ ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีถ้อยคำกล่าวสรรเสริญถึงตัวเขาตามมาอีกมากมาย ซึ่งนั่นไม่ได้ทำให้เซียวเยว่รู้สึกว่าตนเองนั้นสูงส่งกว่ามนุษย์ผู้อื่นสักนิด สัตว์กลายพันธุ์อย่างพวกเขาต้องการเพียงการยอมรับและปฏิบัติต่อกันอย่างเท่าเทียมเท่านั้นภายในมหาวิทยาลัยเฉินไห่เวลานี้ค่อนข้างเงียบสงบเพราะนักศึกษาส่วนใหญ่อยู่ในห้องเรียนกันแล้ว เซียวเยว่มองนาฬิกาบนข้อมือเห็นว่ายังมีเ
|PART 2|ดวงตาสีแดงในบึงน้ำ'เฉินเซิน' เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงนับพันกิโลเมตร พื้นที่โดยรอบเป็นภูเขาและมีป่าสนหนาทึบโอบล้อมไว้ ถึงอย่างนั้นกลับมีความเจริญทางด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยีทัดเทียมกับเมืองใหญ่ ดึงดูดบรรดาเหล่านักลงทุนผู้แสวงหาผลประโยชน์ให้มาเยือนยังที่แห่งนี้นอกจากเศรษฐกิจที่เฟื่องฟูแล้วด้านการศึกษาก็ยังขึ้นชื่อ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยเฉินไห่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองเฉินเซินมหาวิทยาลัยเฉินไห่เป็นศูนย์รวมอัจฉริยะแขนงต่าง ๆ ของประเทศไว้มากมาย โดยพวกเขาเหล่านั้นล้วนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือได้รับคัดเลือกให้เข้าทำงานกับศูนย์วิจัยด้านชีววิทยาของเมืองเฉินเซินหลังเรียนจบ นอกจากจะได้รับทุนในการทำวิจัยแล้ว ค่าตอบแทนบุคลากรของที่นี่นั้นยังสูงลิ่วเลยทีเดียวลำพังสถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเฉินไห่นั้นก็กินพื้นที่กว่าห้าร้อยไร่ บริเวณด้านหลังเป็นป่าสนหนาทึบและมีบึงน้ำขนาดใหญ่ไหลผ่าน ซึ่งบึงน้ำแห่งนี้ยังเชื่อมต่อกับแม่น้ำสายหลักของเมืองเฉินเซินอีกด้วยและบริเวณบึงน้ำนั้นอยู่ห่างไกลจากตึกหลักด้านหน้าอย่างมาก ระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ ๆ โดยรอบยังเป็นป่าทึบซึ่งไม่ปลอดภัยสำหรับนักศึกษา
|PART 1| บทนำ ศูนย์วิจัยทางชีววิทยาขนาดใหญ่ได้ถูกลักลอบสร้างขึ้นบนเกาะแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ และถูกค้นพบโดยองค์กรลับแห่งหนึ่ง เกาะแห่งนี้มีสภาพอากาศค่อนข้างแปรปรวนทำให้ยากต่อการค้นหา พวกเขาจึงใช้สถานที่แห่งนี้ทำการทดลองถอดรหัสและปลูกถ่ายพันธุกรรมของมนุษย์ที่มีระดับมันสมองและความสามารถที่แตกต่างกันให้กับสัตว์หลากหลายสายพันธุ์จากทั่วโลกที่ลักลอบจับมาอย่างผิดกฎหมาย ไม่ใช่เพียงแค่สัตว์เท่านั้นที่ถูกจับมาทดลอง แม้แต่มนุษย์ด้วยกันเองก็ไม่ยกเว้น โดยเฉพาะมนุษย์ที่มีความสามารถพิเศษ วัตถุประสงค์ของการทดลองก็เพื่อใช้สำหรับสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ การทดลองได้ดำเนินมาหลายปี จนในวันที่สัตว์กลายพันธุ์ระดับพิเศษตัวหนึ่งที่มนุษย์ไม่สามารถควบคุมมันได้ลืมตาตื่นขึ้นและหลุดจากการคุมขัง สิ่งแรกที่มันทำคือการฆ่าล้างทุกชีวิตที่อยู่บนเกาะนั้น ไม่เว้นแม้แต่สัตว์กลายพันธุ์ด้วยกันเอง เพื่อเอาชีวิตรอดพวกเขาจึงได้พากันอพยพออกจากเกาะโดยเครื่องบินลำเลียงที่มีการเตรียมไว้ล่วงหน้าเผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ขึ้น อย่างไรก็ตามแม้พวกเขาจะออกจากเกาะไปแล้