|PART 5|
สิ่งที่อยู่ในใจของหม่าอี้ เมื่อรู้ว่าต้องทำอย่างไรกับจระเข้กลายพันธุ์จำนวนมากที่อยู่เบื้องหน้า ทั้งเซียวอวี่และเซียวเยว่ได้หันมาสบตากันครั้งหนึ่งก่อนพุ่งตัวแยกออกไปเพื่อจัดการกับจระเข้ดุร้ายในร่างกึ่งมนุษย์ โดยเน้นไปยังดวงตาและจมูกซึ่งเป็นส่วนที่เปราะบางที่สุดของพวกมันโดยธรรมชาติ พวกเขาต้องไม่ปล่อยให้จระเข้กลายพันธุ์เหล่านี้รอดชีวิตไปได้แม้แต่ตัวเดียวเพราะพวกมันอาจเป็นอันตรายต่อมนุษย์ เซียวอวี่และเซียวเยว่จัดการฆ่าจระเข้กลายพันธุ์ได้ทั้งหมด รอบบึงน้ำในตอนนี้จึงคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและศพของจระเข้กระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด "ยอมแพ้ซะเถอะ ยังไงแกสู้พวกฉันไม่ได้หรอก" เซียวเยว่บอกกับกัวเจ๋อ เซียวอวี่และเซี่ยวเยว่ไม่มีความคิดที่จะฆ่ากัวเจ๋อ แต่กัวเจ๋อนั้นโหดร้ายเกินจะอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้ ที่เหว่ยหลางแม้จะมีสัตว์กินเนื้อกลายพันธุ์อาศัยอยู่ไม่น้อย แต่พวกเขาเหล่านั้นสามารถยับยั้งสัญชาตญาณดิบได้ และปรารถนาที่จะอยู่ร่วมกับมนุษย์อย่างสงบสุข "คิดจะฆ่าฉันมันไม่ง่ายนักหรอก" กัวเจ๋อกลายร่างเป็นจระเข้ที่มีขนาดใหญ่และมีผิวหนังที่แข็งแกร่งขนาดที่อาวุธทันสมัยยังไม่สามารถเจาะผ่านร่างของเขาได้ แค่กัวเจ๋อฟาดหางเพียงครั้งเดียวพื้นที่โดยรอบก็พังราบเป็นหน้ากลอง กัวเจ๋อเป็นจระเข้ยักษ์ที่ปราดเปรียวแต่ก็ยังมีจุดอ่อนอยู่ที่ดวงตาและจมูกเหมือนจระเข้ทั่วไป เซียวอวี่และเซียวเยว่กางกรงเล็บออกพร้อมกระโจนเข้าใส่กัวเจ๋อ ไม่น่าเชื่อว่าผิวหนังที่แข็งแกร่งทนทานต่ออาวุธกลับพ่ายแพ้ให้กับกรงเล็บของหมาป่ากลายพันธุ์ได้ กัวเจ๋อส่งเสียงร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดเมื่อแผ่นหลังของเขาถูกตะปบด้วยกรงเล็บที่แหลมคม เขาตวัดหางใส่เซียวอวี่ที่กระโดดหลบด้วยท่วงท่าที่งดงาม และถูกเซียวเยว่ใช้กรงเล็บที่แข็งแกร่งราวเพชรแทงทะลุดวงตาจนเลือดสีแดงสดพุ่งทะลัก ก่อนจะถูกเซียวอวี่แทงซ้ำลงไปที่หัวใจ กัวเจ๋อขาดใจตายทันที จากนั้นร่างของจระเข้ยักษ์กลายพันธุ์ก็ได้กลับสู่ร่างเดิม ประกายตาสีแดงดับวูบลงและกลายเป็นสีเหลืองตามเดิม "แล้วจะทำยังไงกับสามคนนั้นดีล่ะ" เซียวเยว่ถามถึงหญิงสาวทั้งสามที่พี่ชายของตนโยนไปไว้ตรงต้นไม้ใหญ่ เมื่อกัวเจ๋อตายไปแล้ว มนต์ที่สะกดพวกเธอไว้จึงได้คลายออก "ก็ทิ้งไว้ตรงนั้นแหละ อีกเดียวก็เช้าแล้ว" "ทำแบบนั้นได้ยังไงกัน พวกเธอเป็นผู้หญิงนะ!" เซียวเยว่ประท้วงขึ้น เซียวอวี่เห็นว่าบึงน้ำตอนนี้ไม่มีอันตรายและอีกไม่นานก็เช้าแล้ว ประเดี๋ยวเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็มาถึง สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือต้องจัดการกับซากจระเข้จำนวนมากเหล่านี้เสียก่อน ครั้นพอเห็นซากจระเข้ที่นอนตายทำให้เซียวอวี่นึกขึ้นมาได้ว่ามีอยู่หนึ่งคนที่ถูกจระเข้ฟาดหางใส่จนตกลงไปในบึงน้ำ เวลาล่วงมาป่านนี้ คงไม่รอดแล้วล่ะมั้ง "ฉันมีเรื่องต้องบอกนายนะเยว่หลาง" เซียวอวี่พูดขึ้น "เรื่องอะไรเหรอ?" "เรื่องเพื่อนของนาย วังหมิงหยวน.." "วังหมิงหยวน ทำไมเหรอ?" "คือ..เขา.." ยังไม่ทันที่เซียวอวี่จะบอกว่าวังหมิงหยวนตกลงไปในบึงน้ำที่มีจระเข้ และคิดว่าเขาคงไม่รอด พลันในบึงน้ำก็มีบางสิ่งทะลึ่งพรวดขึ้นมา พอมองให้ดีจึงพบว่านั่นคือวังหมิงหยวนนั่นเอง เห็นเช่นนั้นทั้งเซียวอวี่และเซียวเยว่จึงเข้าไปช่วยดึงตัวเขาขึ้นมา "นึกว่าจะตายซะแล้ว" วังหมิงหยวนทิ้งร่างนอนหายใจหอบ "อยู่ในน้ำตั้งนาน นายรอดมาได้ยังไงกัน" เซียวอวี่ไม่เชื่อว่ามนุษย์ธรรมดาจะสามารถอยู่ใต้น้ำได้เป็นชั่วโมงโดยไม่มีเครื่องช่วยหายใจ วังหมิงหยวนจึงเล่าให้ฟังว่าขณะที่เซียวอวี่และเซียวเยว่กำลังต่อสู้กับกัวเจ๋อ ตัวเขาได้ว่ายน้ำไปหลบอยู่อีกฝั่งของบึงและมองดูด้วยความตื่นเต้น พอทุกอย่างคลี่คลายจึงว่ายน้ำกลับมาแต่เกิดหมดแรงเสียก่อน "นายปลอดภัยก็ดีแล้ว" เซียวเยว่พูดขึ้น "ว่าแต่พวกนายเถอะ ไม่น่าเชื่อว่าเก่งถึงขนาดฆ่าจระเข้ได้เป็นฝูง ไหนจะกัวเจ๋อ ไม่อยากเชื่อว่าเป็น..เป็น.." จู่ ๆ วังหมิงหยวนก็ตกอยู่ในภวังค์เมื่อสบเข้ากับดวงตาสีทองของเซียวเยว่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมนุษย์ไม่ควรจะรับรู้และหลงเหลืออยู่ในความทรงจำ พวกเขาไม่รู้ว่าวังหมิงหยวนเห็นอะไรมากแค่ไหน การลบความทรงจำของเขาไปนับว่าดีที่สุด เมื่อดวงตาสีทองเปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิง วังหมิงหยวนก็หมดสติทันที เขาตื่นขึ้นอีกครั้งเพราะเสียงเรียกของเซียวเยว่ "หมิงหยวน วังหมิงหยวน นายจะมานอนตรงนี้ไม่ได้นะ รีบตื่นได้แล้ว" วังหมิงหยวนปรือตาขึ้นและเห็นเซียวเยว่อยู่เบื้องหน้า เขามองไปรอบตัว ทุกอย่างกลับสู่สภาพเดิมราวกับไม่เคยมีการต่อสู้เกิดขึ้น ส่วนหญิงสาวทั้งสามคนก็ถูกลบความทรงจำเช่นกัน พวกเธอจะลืมเหตุการณ์ทุกอย่างหลังก้าวเท้าพ้นจากบึงน้ำไปแล้ว "ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?" วังหมิงหยวนยังมีอาการมึนงงถามขึ้นและมองไปรอบตัว "นายนัดฉันให้มาหาบอกมีอะไรจะให้ดู พอฉันมาถึงก็เห็นนายนอนหลับอยู่ ถ้าง่วงมากทำไมไม่กลับไปนอนที่ห้องล่ะ" เซียวเยว่บอกกับวังหมิงหยวน วังหมิงหยวนจำไม่ได้สักนิดว่านัดเซียวเยว่มาที่บึงน้ำ รู้แต่เพียงว่ามีเรื่องสำคัญมากที่ต้องทำถึงได้มาที่นี่ แต่ก็นึกไม่ออกว่าคือเรื่องอะไร "ถ้าไม่มีอะไรฉันว่าพวกเราก็กลับกันเถอะ นี่ก็ใกล้เช้าแล้วด้วย" เซียวเยว่ดึงแขนวังหมิงหยวนให้ลุกขึ้นและให้ซ้อนท้ายจักรยานไฟฟ้าที่เซียวอวี่นำมาจอดไว้พาไปส่งยังหอพัก เพราะระยะทางจากบึงน้ำมายังหอพักไม่ใช่ใกล้ ๆ หลังส่งหวังหมิงหยวนเรียบร้อยเซียวเยว่ก็ขี่จักรยานมาที่หน้ามหาลัยและยกมันให้กับคนที่ผ่านทางมา จากนั้นจึงได้วิ่งมุ่งตรงไปยังเหว่ยหลาง เพราะฝีเท้าของหมาป่ากลายพันธุ์นั้นรวดเร็วกว่าจักรยานไฟฟ้าหลายเท่านัก คฤหาสน์เหว่ยหลาง "..ไป๋เหยียน ไป๋เหยียน ฉันอยากไปเล่นน้ำ นายพาฉันไปหน่อยสิ.." เสียงเล็ก ๆ ของลูกหมาป่าพูดขึ้น พร้อมใช้มือป้อม ๆ ลูบลงบนเรือนผมสีเงินที่พลิ้วไหวไปตามสายลม "เจ้าตัวน้อยทำไมถึงมาคนเดียวล่ะ แล้วซิงซิงล่ะไปไหน?" ถามพลางใช้มือขาวซีดอุ้มตัวลูกหมาป่าตัวน้อยขึ้นมานั่งบนตัก เสี่ยวเยว่นั้นติดเหอไป๋เหยียนยิ่งกว่าจางหลิวซิงผู้เป็นพ่อเสียอีก ส่วนราชาหมาป่านั้นไม่ต้องพูดถึง อยู่ให้ไกลไว้ล่ะดีที่สุด "อวี่เอ๋อร์กับท่านพ่อแย่งซิงซิงไปแล้ว แต่ไม่เป็นไร เพราะเยว่เอ๋อร์ชอบอยู่กับไป๋เหยียนมากกว่า" "นายต้องเรียกฉันว่าท่านอานะ ท่านพ่อของนายไม่ได้บอกหรือไง" ราชาหมาป่านั้นไม่เคยบอกจริง ๆ นั่นแหละ แต่จางหลิวซิงนั้นสั่งสอนลูกอย่างดี เสียวอวี่จะเรียกเหอไป๋เหยียนว่าท่านอา แต่เสี่ยวเยว่นั้นกลับไม่ยอมเรียก "เยว่เอ๋อร์ไม่เรียกท่านอา เพราะไป๋เหยียนไม่ใช่ท่านอา ไป๋เหยียนเป็นคนรักของเยว่เอ๋อร์ต่างหาก" อสรพิษเกล็ดเงินถึงกับหลุดยิ้มเมื่อได้ฟังคำพูดแก่แดดที่ออกมาจากปากของลูกหมาป่าที่ไร้เดียงสา และเขาก็ไม่บังคับใจเจ้าตัวน้อยให้ทำตาม ร่างอรชรลุกขึ้นยืนโดยอุ้มเยว่หลางไว้ในอ้อมอกและพาไปเล่นน้ำตามที่อีกฝ่ายต้องการ "ตัวหนักขึ้นนะ อีกหน่อยฉันคงอุ้มนายไม่ไหวแน่" "ถ้าเยว่เอ๋อร์โตเมื่อไหร่ เยว่เอ๋อร์จะเป็นคนอุ้มไป๋เหยียนเองนะ" "ฮ่า ๆ ๆ ฉันจะรอวันนั้นนะ" เหอไป๋เหยียนลูบศีรษะน้อย ๆ อย่างเอ็นดู ในตอนนั้นเขาไม่ได้สนใจคำพูดไร้เดียงสาของเจ้าลูกหมาป่าตัวน้อยสักนิด ในขณะที่อีกฝ่ายนั้นหมายมั่นจะเติบโตโดยเร็ว เพื่อจะได้อุ้มร่างอรชรของอสรพิษเกล็ดเงินบ้าง แสงแดดในยามสายสาดเข้ามาในห้อง ดวงตาสีมรกตจึงค่อย ๆ ลืมขึ้น ระยะหลังเหอไป๋เหยียนมักฝันเช่นนี้อยู่บ่อยครั้ง ในความฝันนั้นมีทั้งเรื่องที่มีความสุขและเรื่องที่น่ากลัวสลับกันไป ด้วยความที่นอนท่าเดิมมานานเหอไป๋เหยียนจึงขยับร่างกายพื่อเปลี่ยนอิริยาบถและคลายความเมื่อยล้า ขณะเหยียดกาย ฝ่ามือได้ไปสัมผัสถูกร่างกายกำยำเข้า คราแรกเขาคิดว่าเป็นหม่าอี้ แต่เท่าที่รู้จักอาชาหนุ่มมาหลายปีไม่มีสักครั้งที่หม่าอี้จะเข้าห้องของเขาโดยไม่เคาะประตูบอกก่อน หรือว่าครั้งนี้จะไม่เป็นเช่นนั้นนะ "เอ่อ..หม่าอี้ ฉันว่านายควรกลับไปนอนที่ห้องของนายจะดีกว่านะ" ด้วยความที่ไม่มีใจพิศวาสหรือคิดเกินเลยกับหม่าอี้ เหอไป๋เหยียนจึงพูดปฏิเสธออกไปอย่างนุ่มนวล ครานี้กลับถูกท่อนแขนแข็งแกร่งรวบร่างอรชรเข้าไปสวมกอดไว้แนบแน่น จนท่อนแขนเรียวเล็กเจ็บร้าว "นี่นายนอนกับไอ้ม้าบ้านั่นแล้วเหรอ!!" "..!?" เสียงทุ้มเต็มไปด้วยแรงโกรธถามขึ้นทำเหอไป๋เหยียนหน้าแดงซ่าน พยายามดิ้นสุดแรงเพื่อให้หลุดจากพันธนาการของหมาป่าหนุ่ม "อะ..ไอ้เด็กบ้า ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ!" เหอไป๋เหยียนพูดด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราด กำปั้นขาวซีดทุบลงบนหน้าอกที่แข็งแกร่งสุดแรงแต่ไม่ระคายผิวอีกฝ่ายสักนิด จนเมื่อเซียวเยว่พลิกตัวขึ้นมาคร่อมอยู่ด้านบนและตรึงแขนทั้งสองข้างของเขาไว้กับเตียง "ทำไมนายถึงเอาแต่ไล่ฉันล่ะ ฉันเสียใจนะไป๋เหยียน" เหอไป๋เหยียนจ้องมองเข้าไปในดวงตาของหมาป่าหนุ่มและเกิดเห็นเป็นภาพทับซ้อนกับลูกหมาป่าในความฝัน เขาจึงพยายามทบทวนความฝันนั้นอีกครั้ง คราวนี้ปรากฏเป็นภาพของภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะตัดสลับกับภาพบนเกาะที่มนุษย์และสัตว์หลายชนิดกำลังวิ่งหนีตายกันชุลมุน พอยิ่งคิดก็ทำให้ปวดหัวมากยิ่งขึ้น จนต้องส่งเสียงร้องออกมา "อะ..โอ๊ยย.." "ไป๋เหยี๋ยนนายเป็นอะไรไป ปวดหัวเหรอ ฉันจะไปตามซิ่วซิ่วมาให้นะ" เซียวเยว่ลงจากร่างอรชรที่คร่อมอยู่ด้วยความตกใจ พุ่งตัวจะออกไปตามกวางสาวซิ่วซิ่วให้มาดูอาการแต่ถูกห้ามเอาไว้ก่อน เหอไปเหยียนบอกว่าตัวเขาไม่เป็นอะไรมาก นอนพักสักหน่อยก็หาย เซียวเยว่จึงกลับขึ้นไปบนเตียงอีกครั้งและดึงร่างอรชรขึ้นมานอนทับบนหน้าอก เหอไป๋เหยียนไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะต่อต้านจึงจำยอมแต่โดยดี และการอยู่ในท่านี้ก็ทำให้เขารู้สึกสบายตัวขึ้น ก๊อก ๆ "ไป๋เหยียนคุณตื่นหรือยัง วันนี้ผมว่าจะ.." เป็นหม่าอี้ที่เคาะประตูก่อนจะเปิดออก ครั้นพอเห็นว่าบนเตียงของเหอไป๋เหยียนมีผู้ชายอยู่บนนั้นก็โกรธจนหน้าดำหน้าแดง ไม่รอช้า ก้าวพรวดเข้าไปด้านในทันที "ธะ..เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!" อาชาหนุ่มผิวสีเข้มกำหมัดแน่นกัดฟันกรอดถามหมาป่าหนุ่มที่อสรพิษเกล็ดเงินนอนแอบอิงอยู่ "ท่านพ่ออนุญาตให้ฉันมาอยู่ที่นี่ได้" เขาบอกกับหม่าอี้ หลังจัดการกับกัวเจ๋อเป็นที่เรียบร้อย เซียวเยว่ไม่ได้กลับบ้านแต่ตรงมาที่เหว่ยหลางโดยทันที เขาลอบเข้ามาในห้องนอนของเหอไป๋เหยียนและนอนด้วยกันทั้งคืนโดยที่เหอไป๋เหยียนไม่รู้สึกตัว ทั้งที่ปกติงูจะมีสัญชาตญาณในการระวังตัวสูงเป็นพิเศษ "ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ควรอยู่ห้องเดียวกับไป๋เหยียน ที่นี่มีห้องว่างอีกเยอะ ฉันจะให้คนจัดห้องฝั่งตะวันออกให้เธอเอง" หม่าอี้ต้องการแยกเซียวเยว่ออกจากเหอไป๋เหยียนโดยให้ไปพักอยู่อีกฟากของคฤหาสน์ ซึ่งไกลจากห้องของเหอไป๋เหยียน แม้รู้ทั้งรู้ว่ามันไร้ประโยชน์และไม่ช่วยให้ความหึงหวงในใจของเขาเบาบางลงก็ตาม "ก็ได้ รบกวนนายด้วยก็แล้วกัน" สำหรับเซียวเยว่แล้ว หม่าอี้จะจัดห้องให้ไกลแค่ไหนก็ไม่สำคัญ เพราะเขาตั้งใจจะมุดมุ้งของเหอไป๋เหยียนทุกคืนอยู่แล้ว "วันนี้เธอไม่มีเรียนเหรอ สายป่านนี้แล้วนะ" หม่าอี้พูดขึ้น "นายลืมไปแล้วหรือไงว่ามหาลัยปิดหนึ่งเดือนเพราะมีการแข่งขันวิชาการ" เพราะมัวแต่กังวลใจเรื่องของเซียวเยว่ทำให้หม่าอี้ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท แบบนี้เท่ากับว่าหมาป่าหนุ่มก็มีโอกาสใกล้ชิดกับเหอไป๋เหยียนของเขามากขึ้นนะสิ แม้ห้าปีที่ผ่านมาเหอไป๋เหยียนจะยังจำเรื่องราวบนเกาะได้ไม่ทั้งหมด แต่หม่าอี้ก็รู้อยู่แก่ใจว่าความทรงจำบางส่วนของเหอไป๋เหยียนนั้นเริ่มเป็นรูปร่างขึ้นมาแล้ว "จะยังไงก็ช่างเถอะ ตอนนี้พวกนายสองคนควรออกจากห้องฉันไปได้แล้ว" เหอไป๋เหยียนลำบากใจทุกครั้งเมื่อเซียวเยว่เผชิญหน้ากับหม่าอี้ ที่สำคัญตอนนี้เขาอยากเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เต็มทีแล้ว เมื่อให้เซียวเยว่และหม่าอี้ออกจากห้องไปแล้ว เหอไป๋เหยียนได้ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เพื่อไล่ความอึดอัดก่อนจะเข้าไปในห้องอาบน้ำ มือขาวซีดปลดเปลื้องอาภรณ์ที่ห่มกายลงไปกองอยู่กับพื้น ดวงตาสีมรกตจับจ้องเรือนร่างอรชรเบื้องหน้าที่ปรากฏเครื่องเพศชัดเจน บุรุษบนโลกใบนี้ก็มีตั้งมากมาย ทำไมเจ้าลูกหมาป่ากับอาชาหนุ่มถึงต้องมายึดติดกับเขาขนาดนี้ด้วยนะ จากนั้นเหอไปเหยียนได้หันด้านข้างของร่างกายเข้ากับกระจก ตรงช่วงเอวมีเกล็ดคล้ายอัญมณีสีเงินขนาดเท่ารอยปานปรากฏอยู่ เขาไม่ตกใจเพราะนั่นคือสัญลักษณ์ของเผ่าพันธุ์ที่สืบทอดกันมา และยังเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าในอีกไม่ช้าเหอไป๋เหยียนจะสามารถกลายร่างได้อีกครั้ง เมื่อมีโอกาสได้อยู่กับเหอไป๋เหยียนทั้งวัน เซียวเยว่จึงไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายคลาดสายตา ตามติดเป็นเงาตามตัวและยังคอยกีดกันหม่าอี้ไม่ให้เข้าใกล้อีกด้วย ทำเอาอาชาหนุ่มผู้แสนสุขุมถึงกับนั่งไม่ติด หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่นานเขาต้องเสียผู้เป็นที่รักให้กับหมาป่าหนุ่มแน่ ๆ "ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย ขอร้องล่ะ คืนนี้นายอย่ารบกวนการนอนของฉันเลยนะ" เหอไปเหยียนบอกกับเซียวเยว่ หมาป่าหนุ่มออกอาการอิดออดเพราะไม่อยากอยู่ห่างจากเหอไป๋เหยียน ถึงอย่างนั้นก็ไม่รั้นที่จะอยู่ จึงกำชับเหอไป๋เหยียนให้ทานยาและเข้านอนแต่หัวค่ำ พรุ่งนี้จะมาหาแต่เช้า จากนั้นจึงได้กลับห้องพักฝั่งตะวันออกที่หม่าอี้จัดเตรียมไว้ให้ ซึ่งห้องนั้นอยู่ตรงข้ามกับห้องของเหอไป๋เหยียนไปคนละทิศ หลังเซียวเยว่พ้นไปแล้ว หม่าอี้ได้ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าห้องของเหอไป๋เหยียนด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด คิ้วเข้มขมวดกันแน่น ในแววตากำลังครุ่นคิดบางอย่าง เขาถอนใหายจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนตัดสินใจเคาะประตู "คุณยังไม่นอนอีกเหรอ?" หม่าอี้ถามขึ้น "ใกล้แล้วล่ะ" เหอไปเหยียนบอกกับหม่าอี้ "ได้ยินว่าวันนี้คุณปวดหัว ผมเลยให้ซิ่วซิ่งต้มยาบำรุงมาให้" หม่าอี้ยื่นแก้วกระเบื้องเคลือบสีหยกที่มีฝาปิดอยู่ส่งให้ เห็นว่าเหอไป๋เหยียนนั้นถูกเซียวเยว่ตามตื้อมาทั้งวันคงจะเหนื่อย แค่นอนพักคงไม่พอจึงนำยาบำรุงมาให้ดื่มเพื่อให้นอนหลับสบาย "ขอบใจนะ" ด้วยความเกรงใจเหอไป๋เหยียนจึงรับถ้วยยาบำรุงที่หม่าอี้นำมาให้ยกขึ้นดื่ม หม่าอี้มองเหอไป๋เหยียนไม่วางตาจนอีกฝ่ายดื่มยาจนหมด จากนั้นจึงได้บอกกับเหอไป๋เหยียนว่าวันนี้ทั้งวันพวกเขาแทบจะไม่ได้คุยกันเลย ฉะนั้นในฐานะคู่หมั้นจึงขอเวลาอยู่ด้วยกันสักนิดในยามนี้ ซึ่งเหอไป๋เหยียนเองก็ตอบตกลง นิสัยดั้งเดิมของเหอไป๋เหยียนนั้นช่างเจรจา แต่เมื่ออยู่ลำพังกับหม่าอี้เขากลับไม่รู้จะพูดคุยอย่างไร และตัวหม่าอี้เองก็ไม่ใช่คนพูดเก่งโดยเฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้าเหอไป๋เหยียน บทสนทนาของทั้งคู่จึงเป็นเพียงบทสนทนาสั้น ๆ ถามคำตอบคำแต่กลับใช้เวลาไปถึงสิบนาที และตอนนั้นเองที่เหอไป๋เหยียนรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ทีแรกคิดว่าเป็นอาการที่ยังหลงเหลือจากการบาดเจ็บเมื่อห้าปีก่อน สักพักจึงรู้ว่ามันไม่ใช่ "เกิดอะไรขึ้น ไป๋เหยียน คุณรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า!" อาชาหนุ่มผิวเข้มเข้ามาดูอาการของเหอไป๋เหยียนอย่างกระตือรือร้น ครั้นพอสัมผัสถูกต้นแขนบอบบางก็หลุดยิ้มออกมาทีหนึ่ง อุณหภูมิร่างกายของเหอไป๋เหยียนในตอนนี้สูงขึ้นจนทำให้ใบหน้าขาวราวหิมะเปลี่ยนมาเป็นชมพูระเรื่อ ดวงตาสีมรกตเป็นประกายวาววับก่อนร่างอรชรจะอ่อนยวบลงไปบนเตียงหลังใหญ่ "ผมขอโทษที่ต้องทำแบบนี้" หม่าอี้เอ่ยออกมาเสียงแผ่ว เพราะเขารู้สึกกังวลใจที่เซียวเยว่มาใกล้ชิดกับเหอไป๋เหยียนจึงแอบใส่ยาปลุกเซ็กซ์ลงในยาบำรุงและนำมาให้เหอไป๋เหยียนดื่ม คนอุตส่าห์เฝ้าถนอมดูแลมาถึงห้าปีจะยอมเสียให้กับคนอื่นได้อย่างไร แม้จะเป็นการทำผิดต่อเหอไป๋เหยียน แต่หม่าอี้คิดว่าอีกฝ่ายคงเห็นแก่ความสัมพันธ์ที่ผ่านมาและยกโทษให้ สำหรับอสรพิษเกล็ดเงินเมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์จะใช้เวลาอย่างต่ำสองสัปดาห์ในการร่วมรักกับคู่ แต่เพราะการกลายพันธุ์เหอไป๋เหยียนจึงสามารถควบคุมความต้องการนี้ได้ ห้าปีที่ผ่านมาเขาจึงไม่เกิดอารมณ์อยากร่วมรักกับหม่าอี้สักครั้ง อาชาหนุ่มผิวเข้มมองเรือนร่างอรชรปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์บนร่างขาวซีดออกด้วยท่าทางที่ยั่วยวน เรือนผมสีเงินถูกปล่อยสยายปกคลุมยอดอกสีอ่อนหวาน ส่วนสืบพันธุ์เหลือเพียงหนึ่งเดียวเมื่ออยู่ในรูปลักษณ์ของมนุษย์ผู้ชาย เหอไป๋เหยียนในยามนี้ช่างเย้ายวน จนทำให้ร่างกายของหม่าอี้เกิดอาการร้อนวูบวาบและชา กลิ่นที่โชยจากเรือนร่างอรชรนั้นหอมหวานชวนให้ลุ่มหลง หากมนุษย์ได้เสพกลิ่นนี้เข้าไปแล้วก็ยากจะถอนตัว ล้วนต้องตกเป็นทาสรักของอสรพิษหนุ่มผู้งดงามจนวันตาย ขนาดอาชาหนุ่มอย่างหม่าอี้ยังหลงเคลิบเคลิ้มไปชั่วขณะหนึ่งก่อนจะเรียกสติกลับคืนมาได้ หม่าอี้พยายามตั้งสติไม่ให้ถูกเสน่ห์ของอสรพิษเกล็ดเงินเข้าครอบงำได้อีก แม้ร่างกายในยามนี้จะตื่นตัวขึ้นเพราะฟีโรโมนของอีกฝ่ายก็ตาม อาชาหนุ่มผีสีเข้มก้าวขึ้นไปบนเตียงด้วยหัวใจที่สั่นระรัว จ้องมองเรือนร่างกึ่งเปลือยที่งดงามจนเผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว ก่อนกระโจนเข้าปลุกปล้ำเหอไป๋เหยียนอย่างหื่นกระหาย ขึ้นชื่อว่าเป็นอสรพิษซึ่งเป็นตัวแทนในเรื่องของกามารมณ์ ประกอบกับร่างกายถูกกระตุ้นให้เกิดความต้องการสืบพันธุ์ เหอไป๋เหยียนจึงขาดการยับยั้งชั่งใจ ไม่ต่างจากมนุษย์ที่โดนยาปลุกเซ็กซ์จนทำให้ขาดสติ หม่าอี้จุมพิตริมฝีปากสีชาด พลางสอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปด้านใน ดูดกลืนเหอไป๋เหยียนอย่างกระหาย อาชาหนุ่มที่แสนสุภาพและอบอุ่นยามนี้ช่างดูป่าเถื่อนราวกับม้าศึก แม้จะยั้งใจแต่ก็ถูกมนต์เสน่ห์ของเหอไป๋เหยียนเข้าครอบงำจนได้ หม่าอี้ตั้งใจจะอ่อนโยนกับเหอไป๋เหยียนแต่ไม่สามารถทำได้ ไม่นานอาชาหนุ่มผิวเข้มก็ตกอยู่ในร่างเปลือยเปล่าเช่นเดียวกับเหอไป๋เหยียน รูปร่างของหม่าอี้นั้นแข็งแรง กล้ามเนื้อหนาแน่นกำยำ โดยเฉพาะสิ่งที่แสดงความเป็นบุรุษเพศ มีขนาดไม่ด้อยไปกว่าเผ่าพันธุ์ดั้งเดิมสักนิด เหอไป๋เหยียนสามารถผสมพันธุ์กับหม่าอี้ในฐานะตัวเมียได้ เพราะแต่เดิมเผ่าพันธุ์ของเขาก็มิได้ระบุเพศอยู่แล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาเขาชอบที่จะเป็นฝ่ายกระทำมากกว่า แต่ในยามนี้ร่างกายของเขาถูกทำให้เป็นฝ่ายถูกกระทำ จึงมิอาจต่อต้าน ทำได้เพียงปล่อยตัวไปตามแรงแห่งอารมณ์เท่านั้น ดูเหมือนอารมณ์ของหม่าอี้จะกระเจิงยิ่งกว่าเหอไป๋เหยียน เขาเคยผสมพันธุ์กับตัวเมียในเผ่าพันธุ์มาบ้างแต่ไม่เคยรู้สึกเสียวซ่านเช่นครั้งนี้ ร่างกายที่อ่อนนุ่มของเหอไป๋เหยียนช่างพิเศษนัก ยามปลายนิ้วแข็งกระด้างของอาชาหนุ่มสัมผัสโดนช่องทางต้องห้ามของบุรุษ ตรงนั้นของเหอไปเหยียนก็ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำหล่อลื่นเพื่อรอรับการผสมพันธุ์ หม่าอี้ต้องการสอดแทรกตัวตนอันใหญ่โตของเขาเข้าไปในร่างกายของเหอไป๋เหยียนเพื่อตีตราร่างอรชรนี้ไว้ กันไม่ให้หมาป่าหนุ่มวัยกำหนัดเข้าใกล้ เขาเปลี่ยนท่วงท่าเพื่อร่วมรักกับเหอไป๋เหยียนได้ถนัด อาชาหนุ่มผิวสีเข้มใช้มือหยาบหนาสาวชักสัญลักษณ์แห่งบุรุษเพศเพื่อกระตุ้นให้มันขยายใหญ่และแข็งแกร่งขึ้นไปอีก ก่อนจะกดดันสิ่งนั้นเข้าไปในช่องทางที่เปียกชื้นของเหอไป๋เหยียน|PART 6|เรือนปิงเจี๋ยร่างของเหอไป๋เหยียนบิดส่ายไปมาอย่างเร่าร้อนอยู่ภายใต้กายแกร่งของอาชาหนุ่มผิวสีเข้ม เลือดภายในกายสูบฉีดจนทำให้ผิวขาวราวหิมะแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ เหอไป๋เหยียนยามนี้ไม่อาจต่อต้านแรงอารมณ์ที่มีต่ออาชาหนุ่มได้ ยอมที่จะให้อีกฝ่ายล่วงล้ำเข้ามาภายในช่องทางแห่งบุรุษเพศด้วยความเต็มใจ เพราะถึงอย่างไรสัตว์เลือดเย็นสองเพศเช่นเขาก็สามารถตอบสนองได้ทุกเพศอยู่แล้วหม่าอี้จดจ่อลำท่อนสืบพันธุ์ที่มีขนาดไม่ต่างจากตอนอยู่ในร่างเดิมเข้าที่ช่องทางสำหรับร่วมรัก เพียงออกแรงนิดหน่อยส่วนหัวที่มีขนาดใหญ่โตก็แทบจะผลุบเข้าไปด้านในโดยทันที ราวกับว่าถูกช่องทางนั้นดูดกลืนเข้าไปเสียเอง หม่าอี้ตั้งใจจะยัดเยียดสิ่งที่แข็งแกร่งและร้อนแรงที่สุดเข้าไปในร่างของเหอไป๋เหยียนเพื่อหลอมรวมสองร่างให้เป็นหนึ่งเดียว อีกไม่ช้าเหอไป๋เหยียนก็จะกลายเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์สักที"อ๊ะ!!""ไป๋เหยียน คุณเป็นอะไรไป!!"ยังไม่ทันที่หม่าอี้จะกดดันลำท่อนร้อนเข้าสู่ภายในได้สำเร็จเหอไปเหยียนก็เกิดอาการชักเกร็งขึ้นมาเสียก่อน ตามร่างกายปรากฎเกล็ดสีเงินคล้ายอัญมณีขึ้น หม่าอี้สัมผัสร่างอรชรและถูกถีบกระเด็นออกมา เขาตกใจมากแต่
|PART 7|อาการของหลิวอิงใจกลางเมืองเฉินเซินนั้นเป็นย่านธุรกิจขนาดใหญ่ ตึกสูงจำนวนไม่น้อยปลูกสร้างอยู่ที่นี่ แต่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคงหนีไม่พ้นธุรกิจของสกุลหลิวที่ครอบครองพื้นที่ย่านนี้ไปถึงครึ่งหนึ่งที่แห่งนี้นอกจากจะเป็นศูนย์กลางการค้าแล้วยังเป็นแหล่งรวมสถานบันเทิงและแหล่งอบายมุขขนาดใหญ่ที่ผู้คนมากมายทั้งในและต่างเมืองต่างพากันเข้ามาเพื่อแสวงหาความร่ำรวยเพียงชั่วข้ามคืน ซึ่งมีเพียงธุรกิจสีเทาและธุรกิจมืดเหล่านี้เท่านั้นที่สกุลหลิวเป็นรองสี่ตระกูลใหญ่แม้จะทำงานกับสกุลหลิวมาหลายปีแต่จางหลิวซิงก็ยังไม่ชินกับสายตาของคนที่นี่สักที หลังทุกคนรับรู้ถึงฐานะและความสัมพันธ์ของเขากับหลิวอิงทายาทคนปัจจุบันแล้ว เขาก็ยังตกเป็นที่พูดถึงของคนที่นี่ไม่เลิกในวันทำงาน ขณะที่จางหลิวซิงมารอรับตัวแทนของเหว่ยหลางกรุ๊ปอยู่ด้านล่างยังคงมีเสียงซุบซิบดังมาเข้าหูให้ได้ยินว่าเขาไม่ใช่ลูกเลี้ยงของเจ้าบ้านสกุลหลิวแต่เป็นนายบำเรอที่มีลูกติดถึงสองคนของหลิวอิง เช่นนั้นจางหลิวซิงก็ยังคงยืนนิ่งปล่อยให้พวกเขาพูดกันไปย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนได้มีพนักงานคนหนึ่งพูดถึงเขาในลักษณะเช่นนี้และรู้ถึงหูของหลิวอิงเข้า หลิวอิงโกรธมาก
|PART 8|เทศกาลโคมลอยแห่งเฉินเซิน"คุณอาหนิงหลงมาทำอะไรที่นี่หรือครับ?"เซียวอวี่ถามขึ้นเมื่อเห็นหวงหนิงหลงเดินสวนออกมาจากในลิฟต์เพราะมัวแต่เหม่อทำให้หวงหนิงหลงเผลอใช้ลิฟต์ทั่วไปแทนที่จะใช้ลิฟต์แยกเพื่อหลีกเลี่ยงการพบกับคนรู้จักที่นี่ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเก็บสีหน้าให้เป็นปกติได้ และอีกฝ่ายยังเป็นเซียวอวี่เขาจึงไม่มีอะไรให้กังวล"อามาทำธุระนิดหน่อย แล้วเธอล่ะ""คุณพ่อให้ผมมาดูงานแทนครับ บอกว่าคุณอาหลิวอิงมีแผนจะร่วมลงทุนวิจัยกับที่นี่"เซียวอวี่บอกกับหวงหนิงหลง พวกเขาคุยกันได้ไม่เท่าไรก็มีเจ้าหน้าที่ของศูนย์วิจัยออกมาต้อนรับเซียวอวี่ เห็นดังนั้นหวงหนิงหลงจึงขอตัวกลับ เพราะถึงอย่างไรการร่วมทุนครั้งนี้หลิวอิงและเซียวหลางยังต้องปรึกษากันอีกครั้งหนึ่ง"สวัสดีครับคุณเซียว เชิญทางนี้เลยครับ"เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์วิจัยได้พาเซียวอวี่ไปพบกับผู้ที่มีหน้าที่ดูแลศูนย์วิจัยทั้งหมดของเฉินเซินเพื่อแนะนำให้เขารู้จัก ทันทีที่พบหน้าคนที่รออยู่ในห้องหัวใจของเซียวอวี่ก็เต้นแรงขึ้น"คุณเซียวครับผมขอแนะนำ นี่คุณฉินเทียนกับคุณฉินหลิงที่จะมาทำงานร่วมกับคุณเซียวครับ"เซียวอวี่ไม่ได้สนใจชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าที
|PART 9|ผลกระทบจากฟีโรโมนกอริลลาตัวเมียกลายพันธุ์ในร่างของหญิงสาวหุ่นนักกีฬาปีนขึ้นไปบนต้นไม้ที่อยู่สูงเหนือศีรษะของเหอไป๋เหยียน ในมือของมันถือหินก้อนใหญ่เอาไว้เพื่อรอให้เหอไป๋เหยียนมาอยู่ในจุดที่มันตั้งใจไว้ จากนั้นจึงโยนก้อนหินลงไป เหอไป๋เหยียนไม่ทันได้ระวังตัว พอแหงนหน้าขึ้นไปมองก็เห็นหินก้อนใหญ่กำลังหล่นลงมาด้วยความเร็ว คราแรกคิดว่าคงหลบไม่พ้น จู่ ๆ หินก้อนนั้นก็เปลี่ยนทิศทางไปอีกฝั่งโดยปลายเท้าของผู้ที่ติดตามมา"เป็นยังไงบ้าง นายบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า" เซียวเยว่ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง"จะเป็นอะไรล่ะ ถ้านายมาช้ากว่านี้อีกนิด ฉันคงได้ไปนอนคุยกับไส้เดือนกลายพันธุ์ที่อยู่ใต้ดินแล้ว"เพราะกลิ่นฟีโรโมนของเหอไป๋เหยียนทำให้เซียวเยว่ตามหาตัวได้ไม่ยาก พอคิดแบบนี้ จึงรู้ว่าเครื่องติดตามที่สวมอยู่บนคอของเหอไป๋เหยียนกแทบไม่มีประโยชน์อะไร"ขอโทษที พอดีทางนั้นมีเรื่องยุ่งยากนิดหน่อย ตอนนี้อวี่หลางกำลังจัดการอยู่"บริเวณที่ใช้จัดงานโคมลอยมีเซียวอวี่จัดการเคลียร์พื้นที่ก่อนที่ตำรวจจะมาถึง ส่วนเซียวเยว่แยกตัวมาตามเหอไป๋เหยียนโดยอาศัยกลิ่นฟีโรโมนที่ฟุ้งกระจายอยู่ภายในป่า เมื่อมาถึงก็พบลิงกอริลลา
|PART 1| บทนำ ศูนย์วิจัยทางชีววิทยาขนาดใหญ่ได้ถูกลักลอบสร้างขึ้นบนเกาะแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ และถูกค้นพบโดยองค์กรลับแห่งหนึ่ง เกาะแห่งนี้มีสภาพอากาศค่อนข้างแปรปรวนทำให้ยากต่อการค้นหา พวกเขาจึงใช้สถานที่แห่งนี้ทำการทดลองถอดรหัสและปลูกถ่ายพันธุกรรมของมนุษย์ที่มีระดับมันสมองและความสามารถที่แตกต่างกันให้กับสัตว์หลากหลายสายพันธุ์จากทั่วโลกที่ลักลอบจับมาอย่างผิดกฎหมาย ไม่ใช่เพียงแค่สัตว์เท่านั้นที่ถูกจับมาทดลอง แม้แต่มนุษย์ด้วยกันเองก็ไม่ยกเว้น โดยเฉพาะมนุษย์ที่มีความสามารถพิเศษ วัตถุประสงค์ของการทดลองก็เพื่อใช้สำหรับสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ การทดลองได้ดำเนินมาหลายปี จนในวันที่สัตว์กลายพันธุ์ระดับพิเศษตัวหนึ่งที่มนุษย์ไม่สามารถควบคุมมันได้ลืมตาตื่นขึ้นและหลุดจากการคุมขัง สิ่งแรกที่มันทำคือการฆ่าล้างทุกชีวิตที่อยู่บนเกาะนั้น ไม่เว้นแม้แต่สัตว์กลายพันธุ์ด้วยกันเอง เพื่อเอาชีวิตรอดพวกเขาจึงได้พากันอพยพออกจากเกาะโดยเครื่องบินลำเลียงที่มีการเตรียมไว้ล่วงหน้าเผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ขึ้น อย่างไรก็ตามแม้พวกเขาจะออกจากเกาะไปแล้
|PART 2|ดวงตาสีแดงในบึงน้ำ'เฉินเซิน' เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงนับพันกิโลเมตร พื้นที่โดยรอบเป็นภูเขาและมีป่าสนหนาทึบโอบล้อมไว้ ถึงอย่างนั้นกลับมีความเจริญทางด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยีทัดเทียมกับเมืองใหญ่ ดึงดูดบรรดาเหล่านักลงทุนผู้แสวงหาผลประโยชน์ให้มาเยือนยังที่แห่งนี้นอกจากเศรษฐกิจที่เฟื่องฟูแล้วด้านการศึกษาก็ยังขึ้นชื่อ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยเฉินไห่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองเฉินเซินมหาวิทยาลัยเฉินไห่เป็นศูนย์รวมอัจฉริยะแขนงต่าง ๆ ของประเทศไว้มากมาย โดยพวกเขาเหล่านั้นล้วนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือได้รับคัดเลือกให้เข้าทำงานกับศูนย์วิจัยด้านชีววิทยาของเมืองเฉินเซินหลังเรียนจบ นอกจากจะได้รับทุนในการทำวิจัยแล้ว ค่าตอบแทนบุคลากรของที่นี่นั้นยังสูงลิ่วเลยทีเดียวลำพังสถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเฉินไห่นั้นก็กินพื้นที่กว่าห้าร้อยไร่ บริเวณด้านหลังเป็นป่าสนหนาทึบและมีบึงน้ำขนาดใหญ่ไหลผ่าน ซึ่งบึงน้ำแห่งนี้ยังเชื่อมต่อกับแม่น้ำสายหลักของเมืองเฉินเซินอีกด้วยและบริเวณบึงน้ำนั้นอยู่ห่างไกลจากตึกหลักด้านหน้าอย่างมาก ระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ ๆ โดยรอบยังเป็นป่าทึบซึ่งไม่ปลอดภัยสำหรับนักศึกษา
|PART 3|วังหมิงหยวนรถยนต์หรูขับเข้ามาจอดเทียบยังฟุตบาทข้างกำแพงของมหาวิทยาลัยเฉินไห่ ไม่มีใครรู้ว่าผู้ที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยนั้นมิใช่มนุษย์และมีร่างเดิมเป็นอาชาหนุ่มขนสีขาวที่แสนสง่างาม ที่เหว่ยหลางเขามีหน้าที่ขับรถรับส่งคนของสกุลเซียว"เย็นนี้ให้ผมมารับไหมครับ" ชายหนุ่มชุดขาวถามขึ้น"ไม่ต้อง วันนี้ฉันจะไปพบท่านพ่อที่บ้านสกุลหลิว"เซียวเยว่ลูกหมาป่าบอกกับอาชาหนุ่มในร่างมนุษย์ก่อนก้าวลงจากรถ เพียงแค่ปลายเท้าแตะถึงพื้นและยืนเต็มความสูงเท่านั้นก็ดึงดูดสายตาของนักศึกษาที่อยู่บริเวณนั้นมารวมไว้ที่ตนอย่างไม่ตั้งใจ'คนอะไร รูปหล่อราวกับไม่ใช่คนบนโลกนี้ ถ้าได้ใกล้ชิดสักครั้ง ถึงตายก็ไม่เสียดายชีวิตเลย'นั่นคือเสียงที่ลอยมาเข้าหูของเซียวเยว่ ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีถ้อยคำกล่าวสรรเสริญถึงตัวเขาตามมาอีกมากมาย ซึ่งนั่นไม่ได้ทำให้เซียวเยว่รู้สึกว่าตนเองนั้นสูงส่งกว่ามนุษย์ผู้อื่นสักนิด สัตว์กลายพันธุ์อย่างพวกเขาต้องการเพียงการยอมรับและปฏิบัติต่อกันอย่างเท่าเทียมเท่านั้นภายในมหาวิทยาลัยเฉินไห่เวลานี้ค่อนข้างเงียบสงบเพราะนักศึกษาส่วนใหญ่อยู่ในห้องเรียนกันแล้ว เซียวเยว่มองนาฬิกาบนข้อมือเห็นว่ายังมีเ
|PART 4|กัวเจ๋อข่าวว่ามีคนเสียชีวิตและหายสาบสูญไปบริเวณบึงน้ำแม้จะปิดไม่ให้คนภายนอกได้รับรู้ แต่ทางมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้นิ่งนอนใจและพยายามหาทางจับตัวคนร้ายให้ได้ ซึ่งตอนนี้ทุกอย่างยังคงมืดแปดด้านบนโต๊ะประชุมของผู้บริหารระดับสูง เหล่าตัวแทนของห้าสกุลต่างจับจ้องไปยังภาพฉายด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด พวกเขาไม่เข้าใจว่าบึงน้ำที่เงียบสงบและไร้ความเคลื่อนไหวมานาน จู่ ๆ ทำไมถึงมีคนมาเสียชีวิตบริเวณนี้ได้ ซ้ำยังหาศพไม่พบอีกต่างหากจากปากคำของผู้รอดชีวิตได้เล่าให้ฟังว่ามีสัตว์ประหลาดตัวใหญ่อยู่ในบึงน้ำ และมันได้กัดกินร่างเพื่อนของเขาจนเลือดสาดกระเซ็นก่อนจะกลืนลงท้องไปเหล่าแพทย์ได้ฟังดังนั้นจึงได้จับเขาตรวจสมองอีกครั้งหนึ่งและสรุปผลออกมาว่าชายวัยรุ่นคนนี้เสพยาเกินขนาดและดื่มแอลอกฮอล์มากไปจนเกิดอาการประสาทหลอน จึงได้รับชายวัยรุ่นไว้รักษาตัวที่โรงพยายาลในเครือของมหาวิทยาลัยเฉินไห่หลังเหตุการณ์นั้น ทางมหาวิทยาลัยได้มีการคุมเข้มบริเวณบึงน้ำมากขึ้น ทั้งเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงและเพิ่มประสิทธิภาพของกล้องวงจรปิด แต่ก็ยังมีคนไปเสียชีวิตบริเวณนั้นอย่
|PART 9|ผลกระทบจากฟีโรโมนกอริลลาตัวเมียกลายพันธุ์ในร่างของหญิงสาวหุ่นนักกีฬาปีนขึ้นไปบนต้นไม้ที่อยู่สูงเหนือศีรษะของเหอไป๋เหยียน ในมือของมันถือหินก้อนใหญ่เอาไว้เพื่อรอให้เหอไป๋เหยียนมาอยู่ในจุดที่มันตั้งใจไว้ จากนั้นจึงโยนก้อนหินลงไป เหอไป๋เหยียนไม่ทันได้ระวังตัว พอแหงนหน้าขึ้นไปมองก็เห็นหินก้อนใหญ่กำลังหล่นลงมาด้วยความเร็ว คราแรกคิดว่าคงหลบไม่พ้น จู่ ๆ หินก้อนนั้นก็เปลี่ยนทิศทางไปอีกฝั่งโดยปลายเท้าของผู้ที่ติดตามมา"เป็นยังไงบ้าง นายบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า" เซียวเยว่ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง"จะเป็นอะไรล่ะ ถ้านายมาช้ากว่านี้อีกนิด ฉันคงได้ไปนอนคุยกับไส้เดือนกลายพันธุ์ที่อยู่ใต้ดินแล้ว"เพราะกลิ่นฟีโรโมนของเหอไป๋เหยียนทำให้เซียวเยว่ตามหาตัวได้ไม่ยาก พอคิดแบบนี้ จึงรู้ว่าเครื่องติดตามที่สวมอยู่บนคอของเหอไป๋เหยียนกแทบไม่มีประโยชน์อะไร"ขอโทษที พอดีทางนั้นมีเรื่องยุ่งยากนิดหน่อย ตอนนี้อวี่หลางกำลังจัดการอยู่"บริเวณที่ใช้จัดงานโคมลอยมีเซียวอวี่จัดการเคลียร์พื้นที่ก่อนที่ตำรวจจะมาถึง ส่วนเซียวเยว่แยกตัวมาตามเหอไป๋เหยียนโดยอาศัยกลิ่นฟีโรโมนที่ฟุ้งกระจายอยู่ภายในป่า เมื่อมาถึงก็พบลิงกอริลลา
|PART 8|เทศกาลโคมลอยแห่งเฉินเซิน"คุณอาหนิงหลงมาทำอะไรที่นี่หรือครับ?"เซียวอวี่ถามขึ้นเมื่อเห็นหวงหนิงหลงเดินสวนออกมาจากในลิฟต์เพราะมัวแต่เหม่อทำให้หวงหนิงหลงเผลอใช้ลิฟต์ทั่วไปแทนที่จะใช้ลิฟต์แยกเพื่อหลีกเลี่ยงการพบกับคนรู้จักที่นี่ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเก็บสีหน้าให้เป็นปกติได้ และอีกฝ่ายยังเป็นเซียวอวี่เขาจึงไม่มีอะไรให้กังวล"อามาทำธุระนิดหน่อย แล้วเธอล่ะ""คุณพ่อให้ผมมาดูงานแทนครับ บอกว่าคุณอาหลิวอิงมีแผนจะร่วมลงทุนวิจัยกับที่นี่"เซียวอวี่บอกกับหวงหนิงหลง พวกเขาคุยกันได้ไม่เท่าไรก็มีเจ้าหน้าที่ของศูนย์วิจัยออกมาต้อนรับเซียวอวี่ เห็นดังนั้นหวงหนิงหลงจึงขอตัวกลับ เพราะถึงอย่างไรการร่วมทุนครั้งนี้หลิวอิงและเซียวหลางยังต้องปรึกษากันอีกครั้งหนึ่ง"สวัสดีครับคุณเซียว เชิญทางนี้เลยครับ"เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์วิจัยได้พาเซียวอวี่ไปพบกับผู้ที่มีหน้าที่ดูแลศูนย์วิจัยทั้งหมดของเฉินเซินเพื่อแนะนำให้เขารู้จัก ทันทีที่พบหน้าคนที่รออยู่ในห้องหัวใจของเซียวอวี่ก็เต้นแรงขึ้น"คุณเซียวครับผมขอแนะนำ นี่คุณฉินเทียนกับคุณฉินหลิงที่จะมาทำงานร่วมกับคุณเซียวครับ"เซียวอวี่ไม่ได้สนใจชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าที
|PART 7|อาการของหลิวอิงใจกลางเมืองเฉินเซินนั้นเป็นย่านธุรกิจขนาดใหญ่ ตึกสูงจำนวนไม่น้อยปลูกสร้างอยู่ที่นี่ แต่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคงหนีไม่พ้นธุรกิจของสกุลหลิวที่ครอบครองพื้นที่ย่านนี้ไปถึงครึ่งหนึ่งที่แห่งนี้นอกจากจะเป็นศูนย์กลางการค้าแล้วยังเป็นแหล่งรวมสถานบันเทิงและแหล่งอบายมุขขนาดใหญ่ที่ผู้คนมากมายทั้งในและต่างเมืองต่างพากันเข้ามาเพื่อแสวงหาความร่ำรวยเพียงชั่วข้ามคืน ซึ่งมีเพียงธุรกิจสีเทาและธุรกิจมืดเหล่านี้เท่านั้นที่สกุลหลิวเป็นรองสี่ตระกูลใหญ่แม้จะทำงานกับสกุลหลิวมาหลายปีแต่จางหลิวซิงก็ยังไม่ชินกับสายตาของคนที่นี่สักที หลังทุกคนรับรู้ถึงฐานะและความสัมพันธ์ของเขากับหลิวอิงทายาทคนปัจจุบันแล้ว เขาก็ยังตกเป็นที่พูดถึงของคนที่นี่ไม่เลิกในวันทำงาน ขณะที่จางหลิวซิงมารอรับตัวแทนของเหว่ยหลางกรุ๊ปอยู่ด้านล่างยังคงมีเสียงซุบซิบดังมาเข้าหูให้ได้ยินว่าเขาไม่ใช่ลูกเลี้ยงของเจ้าบ้านสกุลหลิวแต่เป็นนายบำเรอที่มีลูกติดถึงสองคนของหลิวอิง เช่นนั้นจางหลิวซิงก็ยังคงยืนนิ่งปล่อยให้พวกเขาพูดกันไปย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนได้มีพนักงานคนหนึ่งพูดถึงเขาในลักษณะเช่นนี้และรู้ถึงหูของหลิวอิงเข้า หลิวอิงโกรธมาก
|PART 6|เรือนปิงเจี๋ยร่างของเหอไป๋เหยียนบิดส่ายไปมาอย่างเร่าร้อนอยู่ภายใต้กายแกร่งของอาชาหนุ่มผิวสีเข้ม เลือดภายในกายสูบฉีดจนทำให้ผิวขาวราวหิมะแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ เหอไป๋เหยียนยามนี้ไม่อาจต่อต้านแรงอารมณ์ที่มีต่ออาชาหนุ่มได้ ยอมที่จะให้อีกฝ่ายล่วงล้ำเข้ามาภายในช่องทางแห่งบุรุษเพศด้วยความเต็มใจ เพราะถึงอย่างไรสัตว์เลือดเย็นสองเพศเช่นเขาก็สามารถตอบสนองได้ทุกเพศอยู่แล้วหม่าอี้จดจ่อลำท่อนสืบพันธุ์ที่มีขนาดไม่ต่างจากตอนอยู่ในร่างเดิมเข้าที่ช่องทางสำหรับร่วมรัก เพียงออกแรงนิดหน่อยส่วนหัวที่มีขนาดใหญ่โตก็แทบจะผลุบเข้าไปด้านในโดยทันที ราวกับว่าถูกช่องทางนั้นดูดกลืนเข้าไปเสียเอง หม่าอี้ตั้งใจจะยัดเยียดสิ่งที่แข็งแกร่งและร้อนแรงที่สุดเข้าไปในร่างของเหอไป๋เหยียนเพื่อหลอมรวมสองร่างให้เป็นหนึ่งเดียว อีกไม่ช้าเหอไป๋เหยียนก็จะกลายเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์สักที"อ๊ะ!!""ไป๋เหยียน คุณเป็นอะไรไป!!"ยังไม่ทันที่หม่าอี้จะกดดันลำท่อนร้อนเข้าสู่ภายในได้สำเร็จเหอไปเหยียนก็เกิดอาการชักเกร็งขึ้นมาเสียก่อน ตามร่างกายปรากฎเกล็ดสีเงินคล้ายอัญมณีขึ้น หม่าอี้สัมผัสร่างอรชรและถูกถีบกระเด็นออกมา เขาตกใจมากแต่
|PART 5|สิ่งที่อยู่ในใจของหม่าอี้เมื่อรู้ว่าต้องทำอย่างไรกับจระเข้กลายพันธุ์จำนวนมากที่อยู่เบื้องหน้า ทั้งเซียวอวี่และเซียวเยว่ได้หันมาสบตากันครั้งหนึ่งก่อนพุ่งตัวแยกออกไปเพื่อจัดการกับจระเข้ดุร้ายในร่างกึ่งมนุษย์ โดยเน้นไปยังดวงตาและจมูกซึ่งเป็นส่วนที่เปราะบางที่สุดของพวกมันโดยธรรมชาติพวกเขาต้องไม่ปล่อยให้จระเข้กลายพันธุ์เหล่านี้รอดชีวิตไปได้แม้แต่ตัวเดียวเพราะพวกมันอาจเป็นอันตรายต่อมนุษย์ เซียวอวี่และเซียวเยว่จัดการฆ่าจระเข้กลายพันธุ์ได้ทั้งหมด รอบบึงน้ำในตอนนี้จึงคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและศพของจระเข้กระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด"ยอมแพ้ซะเถอะ ยังไงแกสู้พวกฉันไม่ได้หรอก" เซียวเยว่บอกกับกัวเจ๋อ เซียวอวี่และเซี่ยวเยว่ไม่มีความคิดที่จะฆ่ากัวเจ๋อ แต่กัวเจ๋อนั้นโหดร้ายเกินจะอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้ ที่เหว่ยหลางแม้จะมีสัตว์กินเนื้อกลายพันธุ์อาศัยอยู่ไม่น้อย แต่พวกเขาเหล่านั้นสามารถยับยั้งสัญชาตญาณดิบได้ และปรารถนาที่จะอยู่ร่วมกับมนุษย์อย่างสงบสุข"คิดจะฆ่าฉันมันไม่ง่ายนักหรอก"กัวเจ๋อกลายร่างเป็นจระเข้ที่มีขนาดใหญ่และมีผิวหนังที่แข็งแกร่งขนาดที่อาวุธทันสมัยยังไม่สามารถเจาะผ่านร่างของเขาได
|PART 4|กัวเจ๋อข่าวว่ามีคนเสียชีวิตและหายสาบสูญไปบริเวณบึงน้ำแม้จะปิดไม่ให้คนภายนอกได้รับรู้ แต่ทางมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้นิ่งนอนใจและพยายามหาทางจับตัวคนร้ายให้ได้ ซึ่งตอนนี้ทุกอย่างยังคงมืดแปดด้านบนโต๊ะประชุมของผู้บริหารระดับสูง เหล่าตัวแทนของห้าสกุลต่างจับจ้องไปยังภาพฉายด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด พวกเขาไม่เข้าใจว่าบึงน้ำที่เงียบสงบและไร้ความเคลื่อนไหวมานาน จู่ ๆ ทำไมถึงมีคนมาเสียชีวิตบริเวณนี้ได้ ซ้ำยังหาศพไม่พบอีกต่างหากจากปากคำของผู้รอดชีวิตได้เล่าให้ฟังว่ามีสัตว์ประหลาดตัวใหญ่อยู่ในบึงน้ำ และมันได้กัดกินร่างเพื่อนของเขาจนเลือดสาดกระเซ็นก่อนจะกลืนลงท้องไปเหล่าแพทย์ได้ฟังดังนั้นจึงได้จับเขาตรวจสมองอีกครั้งหนึ่งและสรุปผลออกมาว่าชายวัยรุ่นคนนี้เสพยาเกินขนาดและดื่มแอลอกฮอล์มากไปจนเกิดอาการประสาทหลอน จึงได้รับชายวัยรุ่นไว้รักษาตัวที่โรงพยายาลในเครือของมหาวิทยาลัยเฉินไห่หลังเหตุการณ์นั้น ทางมหาวิทยาลัยได้มีการคุมเข้มบริเวณบึงน้ำมากขึ้น ทั้งเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงและเพิ่มประสิทธิภาพของกล้องวงจรปิด แต่ก็ยังมีคนไปเสียชีวิตบริเวณนั้นอย่
|PART 3|วังหมิงหยวนรถยนต์หรูขับเข้ามาจอดเทียบยังฟุตบาทข้างกำแพงของมหาวิทยาลัยเฉินไห่ ไม่มีใครรู้ว่าผู้ที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยนั้นมิใช่มนุษย์และมีร่างเดิมเป็นอาชาหนุ่มขนสีขาวที่แสนสง่างาม ที่เหว่ยหลางเขามีหน้าที่ขับรถรับส่งคนของสกุลเซียว"เย็นนี้ให้ผมมารับไหมครับ" ชายหนุ่มชุดขาวถามขึ้น"ไม่ต้อง วันนี้ฉันจะไปพบท่านพ่อที่บ้านสกุลหลิว"เซียวเยว่ลูกหมาป่าบอกกับอาชาหนุ่มในร่างมนุษย์ก่อนก้าวลงจากรถ เพียงแค่ปลายเท้าแตะถึงพื้นและยืนเต็มความสูงเท่านั้นก็ดึงดูดสายตาของนักศึกษาที่อยู่บริเวณนั้นมารวมไว้ที่ตนอย่างไม่ตั้งใจ'คนอะไร รูปหล่อราวกับไม่ใช่คนบนโลกนี้ ถ้าได้ใกล้ชิดสักครั้ง ถึงตายก็ไม่เสียดายชีวิตเลย'นั่นคือเสียงที่ลอยมาเข้าหูของเซียวเยว่ ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีถ้อยคำกล่าวสรรเสริญถึงตัวเขาตามมาอีกมากมาย ซึ่งนั่นไม่ได้ทำให้เซียวเยว่รู้สึกว่าตนเองนั้นสูงส่งกว่ามนุษย์ผู้อื่นสักนิด สัตว์กลายพันธุ์อย่างพวกเขาต้องการเพียงการยอมรับและปฏิบัติต่อกันอย่างเท่าเทียมเท่านั้นภายในมหาวิทยาลัยเฉินไห่เวลานี้ค่อนข้างเงียบสงบเพราะนักศึกษาส่วนใหญ่อยู่ในห้องเรียนกันแล้ว เซียวเยว่มองนาฬิกาบนข้อมือเห็นว่ายังมีเ
|PART 2|ดวงตาสีแดงในบึงน้ำ'เฉินเซิน' เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงนับพันกิโลเมตร พื้นที่โดยรอบเป็นภูเขาและมีป่าสนหนาทึบโอบล้อมไว้ ถึงอย่างนั้นกลับมีความเจริญทางด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยีทัดเทียมกับเมืองใหญ่ ดึงดูดบรรดาเหล่านักลงทุนผู้แสวงหาผลประโยชน์ให้มาเยือนยังที่แห่งนี้นอกจากเศรษฐกิจที่เฟื่องฟูแล้วด้านการศึกษาก็ยังขึ้นชื่อ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยเฉินไห่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองเฉินเซินมหาวิทยาลัยเฉินไห่เป็นศูนย์รวมอัจฉริยะแขนงต่าง ๆ ของประเทศไว้มากมาย โดยพวกเขาเหล่านั้นล้วนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือได้รับคัดเลือกให้เข้าทำงานกับศูนย์วิจัยด้านชีววิทยาของเมืองเฉินเซินหลังเรียนจบ นอกจากจะได้รับทุนในการทำวิจัยแล้ว ค่าตอบแทนบุคลากรของที่นี่นั้นยังสูงลิ่วเลยทีเดียวลำพังสถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเฉินไห่นั้นก็กินพื้นที่กว่าห้าร้อยไร่ บริเวณด้านหลังเป็นป่าสนหนาทึบและมีบึงน้ำขนาดใหญ่ไหลผ่าน ซึ่งบึงน้ำแห่งนี้ยังเชื่อมต่อกับแม่น้ำสายหลักของเมืองเฉินเซินอีกด้วยและบริเวณบึงน้ำนั้นอยู่ห่างไกลจากตึกหลักด้านหน้าอย่างมาก ระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ ๆ โดยรอบยังเป็นป่าทึบซึ่งไม่ปลอดภัยสำหรับนักศึกษา
|PART 1| บทนำ ศูนย์วิจัยทางชีววิทยาขนาดใหญ่ได้ถูกลักลอบสร้างขึ้นบนเกาะแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ และถูกค้นพบโดยองค์กรลับแห่งหนึ่ง เกาะแห่งนี้มีสภาพอากาศค่อนข้างแปรปรวนทำให้ยากต่อการค้นหา พวกเขาจึงใช้สถานที่แห่งนี้ทำการทดลองถอดรหัสและปลูกถ่ายพันธุกรรมของมนุษย์ที่มีระดับมันสมองและความสามารถที่แตกต่างกันให้กับสัตว์หลากหลายสายพันธุ์จากทั่วโลกที่ลักลอบจับมาอย่างผิดกฎหมาย ไม่ใช่เพียงแค่สัตว์เท่านั้นที่ถูกจับมาทดลอง แม้แต่มนุษย์ด้วยกันเองก็ไม่ยกเว้น โดยเฉพาะมนุษย์ที่มีความสามารถพิเศษ วัตถุประสงค์ของการทดลองก็เพื่อใช้สำหรับสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ การทดลองได้ดำเนินมาหลายปี จนในวันที่สัตว์กลายพันธุ์ระดับพิเศษตัวหนึ่งที่มนุษย์ไม่สามารถควบคุมมันได้ลืมตาตื่นขึ้นและหลุดจากการคุมขัง สิ่งแรกที่มันทำคือการฆ่าล้างทุกชีวิตที่อยู่บนเกาะนั้น ไม่เว้นแม้แต่สัตว์กลายพันธุ์ด้วยกันเอง เพื่อเอาชีวิตรอดพวกเขาจึงได้พากันอพยพออกจากเกาะโดยเครื่องบินลำเลียงที่มีการเตรียมไว้ล่วงหน้าเผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ขึ้น อย่างไรก็ตามแม้พวกเขาจะออกจากเกาะไปแล้