และตั้งแต่วันนั้นที่ผมเมาหนัก หลังจากนั้นเอก็มาหาผมอยู่บ่อยครั้ง
กระทั่งหนึ่งเดือนต่อมา ความสัมพันธ์ของเราก็เหมือนจะดีขึ้น เพราะเธอดูมีเวลาให้ผม มันทำให้ผมรักเธอมากกว่าเดิม
"แม่สวัสดีค่ะ" เอเอ่ยสวัสดีแม่ของผมพร้อมยกมือไหว้ วันนี้เธอก็มาหาผมครับ
"จ้ะ" แม่ของผมพูดแค่นั้นแล้วก็เดินออกจากร้านไป
"แม่เหมือนไม่พอใจเอเลยนะยิม" เอเดินมานั่งข้างผมแล้วทำหน้าที่หม่นหมอง
"แม่แค่เหนื่อยมั้ง คงเครียด ๆ เพราะช่วงนี้ทองลงเยอะ หิวข้าวยัง" ผมให้คำอธิบายพร้อมลูบที่ศีรษะของคนรัก
"หิวมากกกกก"
"งั้นไปสั่งร้านข้างบ้านมากินเนอะ ยิมต้องเฝ้าร้าน"
"แต่เออยากกินอีกร้านนะ"
"แต่ยิมต้องเฝ้าอะดิ เอาไว้เย็นจะพาไปนะ"
"ก็ได้ค่ะ" จากนั้นเราก็สั่งอาหารมากินด้วยกันครับ
ผมรู้ว่าแม่ของผมเป็นอะไร แต่ผมเลือกที่จะไม่บอกเอ และแม่ก็เลือกที่จะไม่โวยวาย เพราะแม่รู้ว่าผมรักเอมาก ผมเสียเอไปไม่ได้
แม่ของผมก็แค่ไปเห็นว่าเอควงผู้ชายอื่น จากนั้นแม่ก็จ้างนักสืบตามสืบเอทุกอย่าง และก็ได้ความจริงมาว่าเธอเอาผู้ชายไม่ซ้ำหน้า และจะมีหนึ่งคนที่เอควงอยู่บ่อยมาก
แม่เอาหลักฐานทุกอย่างมาให้ผม และบอกให้ผมดู ผมจะได้ตาสว่าง
'ผมรู้อยู่แล้วครับ' นี่คือประโยคที่ผมบอกกับแม่ ซึ่งแม่ของผมรับไม่ได้ และไม่ชอบเอเอามาก ๆ แต่เพราะผมขอร้อง ท่านจะไม่เอ่ยปากโวยวายและขับไล่เอ เวลาที่เธอมาหาผม แม่ก็จะเดินหนีตลอด ยิ่งพ่อนี่ไม่ต้องพูดถึง ตอนนี้ไม่คุยกับผมด้วยซ้ำ
พ่อผมบอกว่า 'ตอนเลี้ยงก็ให้กินอาหารแบบคน ไม่ได้ให้กินหญ้าทำไมเป็นควาย' ถามว่าผมเจ็บไหมที่ท่านด่า ก็เจ็บนะครับ แต่ผมรักเธอ ผมจึงเฉยต่อคำที่พ่อพูด
"ยิม" เอสะกิดผมที่นั่งเช็คทองอยู่ในร้าน
"ครับ" ผมขานรับ แต่ตอนยังจ้องทองในมือที่มีหลายต่อหลายเส้น
"แต่งงานกันไหม" ผมหยุดทุกการกระทำ เมื่อเอพูดประโยคนี้ออกมา
คำนี้คือคำที่ผมรอคอยมานาน ในที่สุดเธอก็พร้อม
"เอพร้อมแล้วใช่ไหม" ผมหันไปถามพร้อมรอยยิ้ม
"เอท้องอะดิ ไม่แต่งก็คงไม่ได้แล้วมั้ง" เอก้มหน้าพูด
"ถามจริง" ส่วนผมถามย้ำในสิ่งที่ได้ยินมา เพราะผมไม่มั่นใจว่าตัวเองหูฝาดไปรึเปล่า
"ใช่ไง ตกลงเราแต่งงานกันนะ"
"แต่งสิ แต่งเลยเดี๋ยวยิมให้แม่จัดการทุกอย่างให้นะ" ผมวางของในมือแล้วเดินมาโอบกอดเธอด้วยความดีใจ ในที่สุดเธอก็จะมาเป็นคนของผมแบบเต็มตัว
และยังตั้งท้องลูกของผมอีกต่างหาก...
"แกมั่นใจได้ยังไงว่าเด็กในท้องเป็นหลานฉัน" พ่อของผมถามเสียงแข็ง
ผมเลือกที่จะคุยกับครอบครัวในเวลาที่ร้านปิด และเอก็กลับแล้วเพราะพรุ่งนี้ต้องทำงาน
"มั่นใจสิครับ ยังไงผมก็จะแต่ง ผมรับผิดชอบในการกระทำของผม และผมก็รักเธอมาก" ผมยืนกราน
"แต่แม่..."
"แม่ครับ ยิมรักเอ ยิมรักเอมาก ยังไงยิมก็จะแต่งกับเอ แม่ก็เคยเอ็นดูเอมากไม่ใช่เหรอครับ" ผมรีบพูดแทรกแม่
"ก็นั่นมันก่อนที่พวกฉันจะรู้เรื่องทราม ๆ ของผู้หญิงคนนั้นไง " พ่อของผมสวนกลับแทนแม่
"นั่นคนรักของผมนะพ่อ และเธอก็กำลังตั้งท้องหลานพ่ออยู่" ผมเผลอขึ้นเสียงกับพ่อ
"เอาล่ะ เอาล่ะ พอเถอะคุณ ในเมื่อลูกรักผู้หญิงคนนั้น ก็ปล่อยลูกทำเถอะ ถือซะว่าความสุขของลูก" แม่ของผมรีบห้ามปราม
"เหอะ ฉันเลี้ยงแกยังไงฮะ ทำไมแกถึงควายได้ขนาดนี้! " พ่อตะโกนลั่นบ้านก่อนจะเดินขึ้นห้องไป
"พ่อก็แค่เป็นห่วงยิมน่ะ อย่าถือสาพ่อเขาเลย วางแผนงานอะไรยังไงก็บอกแม่มานะ ส่วนชุดแต่งงานก็เอาร้านน้าแจ๋มเพื่อนแม่นั่นแหละ เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะไปคุยกับน้าแจ๋ม แม่ขึ้นไปคุยกับพ่อก่อนนะ" แม่ผมเดินมาแตะที่ไหล่ของผมก่อนจะเดินขึ้นห้องไป
เหลือผมที่นั่งอยู่แค่คนเดียว
ผมคิดว่าผมทำถูกนะ
ผมเชื่อว่าเด็กในท้องเป็นลูกผม
ผมคิดว่าเอคงไม่เลวขนาดหลอกเรื่องเด็กได้หรอกมั้ง
"ไม่หน้าด้านไปหน่อยเหรอวะ" นี่เป็นเสียงไอ้แจงที่พูดขึ้นมา และไอ้แจงมันกำลังพูดกับว่าที่เจ้าสาวของผมวันนี้ผมมีนัดกับเพื่อนที่ร้านเหล้า ก็เลยพาเอมาด้วย พร้อมกับบอกเพื่อน ๆ ในกลุ่มว่าเราจะแต่งงานกันเอขอออกมาสูดอากาศข้างนอก ผมก็ให้ออกมา แต่รู้สึกแปลก ๆ ตรงที่ไอ้แจงมันบอกขอมาเข้าห้องน้ำ แล้วมันหายมานาน ผมก็เลยเดินออกมาตามหาเอ เพราะกลัวไอ้แจงมันจะปากเสียและลงมือทำร้ายเอผมคิดว่าผมไม่ได้คิดไปเอง เพราะสายตาที่ไอ้แจงมันมองเอตอนอยู่ในร้านไม่ได้มีความเป็นมิตรเลย"หน้าด้านอะไร พูดให้มันดี ๆ นะแจง แล้วใครกันแน่ที่หน้าด้าน" เอพูดขึ้น ซึ่งตอนนี้ผมยังไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าคนทั้งสอง"ใครด้านกูไม่รู้ แต่ที่กูรู้คือมึงควรเลิกกับไอ้ควายยิมได้แล้ว เลิกหลอกมันสักที มึงไม่มีหัวใจบ้างหรือไง มึงไม่สงสารมันบ้างเหรอ มันดีกับมึงมาตลอด ยอมให้มึงหลอกมาตลอด ทำไมมึงไม่สงสารมันบ้าง ยกเลิกงานแต่งงานซะ" จู่ ๆ ไอ้แจงก็พูดเรื่องที่ทำร้ายจิตใจผมมากที่สุดมันกล้าพูดแบบนี้ได้ยังไงวะ ในเมื่อมันก็รู้ว่าผมรักเอมากแค่ไหน"อย่ามาเสือกแจง นี่มันเรื่องของกูกับยิม เป็นแค่เพื่อนอย่าเสร่อ ถ้าจะเตือนเพื่อนก็ควรเตือนตั้งนานแล้ว อย่ามา
"พอใจแล้วใช่ไหม" ผมถามเอ เมื่อเราสองคนขึ้นมานั่งอยู่ในรถด้วยกัน"..." เอเลือกที่จะนั่งก้มหน้าแล้วเงียบ"ถาม""...""เอ""อืม ส่วนงานแต่งก็ยกเลิกนะ" ในที่สุดเธอก็พูดออกมา และพูดประโยคที่ทำผมฝันสลาย"ขอโทษสำหรับทุกอย่าง แล้วก็ขอบคุณมาก ๆ สำหรับตลอดเวลาที่ผ่านมา""หุบปากแป๊ปดิ๊" ผมพูดขึ้นแล้วจากนั้นก็ฟุบหน้าลงที่พวงมาลัยรถมันเป็นความรู้สึกที่เคว้งคว้าง เหมือนผมกำลังอยู่บนยอดตึก แล้วตกลงมากระทบพื้น"ที่ทำทุกอย่างแค่ต้องการแก้แค้นไอ้แจงใช่ไหม" ผ่านไปร่วมครึ่งโมงผมก็เอ่ยขึ้นหลังจากที่พอจะรวบรวมสติย้อนความคิด เรียบเรียงสิ่งที่สองคนนั้นพูด"อืม""ที่ผ่านมาไม่เคยรักกันเลยใช่ไหม" แล้วผมก็กลั้นใจถามคำถามที่ค้างคาใจ ไอ้คำที่เคยบอกว่ารักกัน ผมอยากจะรู้จริง ๆ ว่ามันมีความจริงสักแค่ไหน"อืม""มีหัวใจบ้างไหมวะ ทำแบบนี้ได้ไง เลือดเย็นไปไหม แล้วเด็กในท้อง...""เด็กในท้องเป็นลูกของแฟนเรา คือเรื่องแต่งงานเราคิดไว้อยู่แล้วว่าแจงมันต้องระเบิด เราไม่ได้คิดจะแต่งงานกับยิมอยู่แล้ว คือเราไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากคำว่าขอโทษ""เรียกคนนั้นว่าแฟน แล้วกับยิมคืออะไรวะ" ผมจุกในอกสุด ๆ นี่ผมตกเข้าไปอยู่ในเกมแค้นของผู้หญิ
คุณเคยแอบรักใครไหม รักมาตั้งแต่เด็ก รักจนยอมทุกอย่าง รักโดยที่ไม่ต้องครอบครองก็ได้ ขอแค่เขามีความสุขก็พอมันอาจจะดูเหมือนคนโง่ แต่ถ้าใครไม่มาอยู่ในจุดนี้ไม่มีทางเข้าใจการรักใครสักคนแบบงมงายมันเป็นยังไง"มันจะกลับมาแล้วนะ"ภามเพื่อนชายของฉันเกริ่นขึ้นมา มันที่ว่าฉันรู้ดีว่าหมายถึงใคร"เหรอ" ฉันทำทีไม่ใส่ใจ ทั้งที่ในใจรู้สึกตื่นเต้นจนอยากกระโดดโลดโผน"อืม ไปรับมันด้วยกันไหมล่ะ" ภามถามต่อ"มึงก็รู้ว่ามันเกลียดกู กูกับมันคือคนไม่รู้จักกัน" ฉันบอกระหว่างที่มือสาละวนกับการเก็บการรื้อชุดเจ้าสาว"มันอาจจะหายโกรธแล้วก็ได้ มันถึงได้กลับมา" พีคเพื่อนชายอีกคนเดินเข้ามาในร้านแล้วพูดขึ้นพูดเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้"กูรู้จักมันดี คนอย่างมันเกลียดคนฝังใจ แล้วยิ่งคนที่ทำให้มันเจ็บ มันยิ่งไม่คิดชายตามอง""แต่นี่มัน5ปีแล้วโว้ย มันอาจจะคิดได้แล้วมั้ง" พีคแย้งขึ้น"ถ้าพูดตามหลักความเป็นคนทั่วไป ถ้ากูเป็นมัน กูก็ไม่หายโกรธหายเกลียดนะ นั่นแม่งความรู้สึกคนทั้งคนเลยเว้ย ไหนจะโดนแก้แค้นทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองอีก" ภามมันพูดในแง่ของความรู้สึกซึ่งฉันก็คิดแบบภามนั่นแหละ"แล้วนี่จะอยู่ยังไง บ้านก็ติดกันแม่
"ไหนว่าทำงานพรุ่งนี้ นี่มึงแดกกะจะตื่นพรุ่งนี้เย็นๆ เลยเหรอแจง" เสียงของใครสักคนในกลุ่มเพื่อนของฉัน ทักท้วงกับการดื่มแอลกอฮอล์ของฉันในวันนี้ส่วนฉันจำไม่ได้หรอกว่าเสียงนี้เป็นเสียงของเพื่อนคนไหน เพราะตอนนี้สมองฉันเริ่มจะทำงานช้าลงเรื่อยๆ"ฉลองล่วงหน้าให้กับผู้ชายที่กูโคตรรักไง มันกำลังจะกลับมาแล้วเห็นไหม ในที่สุดมันก็จะกลับมา หลังจากที่มันหนีกูไป 5 ปี ป่านนี้มีเมียไปแล้วมั้ง มันจะรู้ไหมว่ากูคิดถึงมันมากแค่ไหน มันจะรู้ไหมว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกูก็โคตรเสียใจเหมือนกัน แต่มันคงไม่อยากรู้หรอก เพราะมันเกลียดกู มันบอกว่ามันโคตรเกลียดกู แต่กู... โคตรรักมัน กูรักมันพวกมึงได้ยินไหมว่ากูรักมัน กูโคตรรักมันฉิบหาย กูไม่สวยตรงไหนวะ ทำไมมันไม่รักกู กูไม่เข้าใจ..."แล้วฉันก็เริ่มโวยวาย เริ่มพร่ำเพ้อ พูดพล่ามถึงเรื่องที่กักเก็บไว้ในใจซึ่งฉันจะเป็นเฉพาะช่วงเวลาที่เมามาก ๆ แต่ถ้าในวันที่สติดี ๆ เรื่องแบบนี้จะไม่มีทางออกจากปากของอีแจงแสนสวยแน่นอน"ถ้ามึงเห็นมันตอนนี้ มึงอาจจะไม่รักมันแล้วก็ได้ มันไม่ใช่ไอ้ยิมแสนดีที่มึงเคยรู้จักแล้วแจง" แว่ว ๆ เสียงของหนึ่งในกลุ่มเพื่อนพูดขึ้นมาซึ่งฉันจับประโยคได้ประมาณเ
ฉันที่ยืนค้างเพราะความตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ฉันไม่ได้คิดว่าจะเจอมันคือฉันรู้ว่ามันจะมา แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะมาเร็วแบบนี้หรือฉันฟังเพื่อนไม่เข้าใจไอ้ควายยิมมันลุกจากโซฟา แล้วมันก็เดินมาหาฉัน ท่าทางการเดินของมันดูแบดบอยมาก แต่สายตาที่มันมองฉันดูเฉยชาความตกใจของฉันทำให้ฉันก้าวขาไม่ออก ทำตัวไม่ถูก หัวใจเต้นจนแทบจะทะลุแล้ว ณ จุดนี้ไม่มีใครอยู่เลยนอกจากฉันกับมันไอ้ควายยิมมันเดินมาหยุดตรงหน้าฉัน สองมือของมันเหน็บที่กระเป๋ากางเกง สายตาของมันมองมาที่ฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วมันก็ค่อย ๆ เอนตัวเข้ามาใกล้ฉันมันทำเหมือนจะจูบฉันเลย ฉันไม่ได้มโนไปใช่ไหม ก็ฉันสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่เป่ารดใบหน้าฉันถ้ามันจะจูบฉัน แสดงว่ามันไม่ได้เกลียดฉันแล้วใช่ไหมและที่สำคัญถ้ามันทำจริง ฉันใจง่าย ฉันยินยอม ยอมพลีกายเลยนะ ถึงแม้ร่างกายมันจะมีรอยสักมากมายแต่นิสัยมันอาจจะเป็นเหมือนเดิมก็ได้!"เหอะ! เคยเป็นยังไงก็เป็นแบบเดิมมาจนถึงทุกวันนี้เนอะมึงอ่ะ ดูสภาพสิ"เดี๋ยวนะ เดี๋ยว ๆ เมื่อกี๊ฉันขอเปลี่ยนคำพูด ที่ว่าจะยอมมัน เพราะมันกำลังเบะปากมองฉันอย่างสมเพช"ได้ข่าวว่าเมาโดนเอาจนท้อง จำหน้าพ่อของลูกไม่ได้ เหอะ! น่
"ทำไมลุงคนนั้นน่ากลัวจังเลยคะ มองแม่แจงไม่ดีด้วย" เมื่อมาถึงบ้านลูกสาวของฉันก็เริ่มพูดขึ้น"เขาใจดีค่ะ แต่เขาแค่ชอบทำหน้าดุ" เป็นการโกหกที่ไม่เนียนเอาซะเลย"จริงเหรอคะ คนหน้าดุใจดีจริงเหรอ ตอนที่เขาเดินเข้ามาในร้านตอนบ่ายแล้วถามยายอันจ๋าว่าจัสคือใคร พอยายอันจ๋าบอกว่าเป็นลูกแม่แจง เขาก็มองตาดุ ๆ ใส่จัส" ไอ้หมายิม ไอ้ห่ารากนี่"อ้อ ช่วงนี้ลุงเขาอารมณ์ไม่คงที่ค่ะลูก ลุงเขาเพิ่งมาจากต่างประเทศ เขาปรับตัวกับสภาพอากาศไม่ทัน อารมณ์เขาเลยแปรปวน สติเขาไม่ค่อยดีหนูอย่าถือสาเลยนะคะ""โอเคค่ะ ลุงเขาสติไม่ดี น่าสงสารจัง จัสจะเข้าใจนะคะ ยายแจ๋มขาาาาา จัสมินมาแล้วค่า" ลูกสาวฉันยกมือชูนิ้วว่าเข้าใจ แล้วจากนั้นก็เดินตะโกนแหกปากเรียกยายแจ๋มนิสัยแหกปากนี่คงเลียนแบบฉันแน่ ๆ เห็นชัดขนาดนี้คงจะปฏิเสธไม่ได้ฉันเดินขึ้นห้องหลังจากที่ลูกสาวเดินไปอยู่กับยายแจ๋มแม่ฉันเป็นที่เรียบร้อย(แจง: เมื่อคืนใครเก็บศพกูมาวะ)(ภาม: พวกกูไงจะใครล่ะ นึกว่าซ้อมตายเถอะ เกือบพาแวะวัดละ)(แจง: ใครแก้ผ้ากู)(พีค: กูมั้ง)(แจง: สัสพีค เอาความจริง)(แพท: แพทกับเค)(แจง: อ่อ เจ้าประจำ ขอบคุณน๊าาาาา)(เค: ชินละ เห็นบ่อย ๆ อีกหน่อยคง
"ทำไรอ่ะแม่" ฉันเดินลงมาหาแม่หลังจากที่อาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยจะให้นอนต่อก็นอนไม่หลับ แค่หลับตาก็เห็นหน้าไอ้หมายิมละ"จัดโต๊ะไง ไม่รู้จักเหรอ" ยายแจ๋มตอบแบบกวน ๆอย่าว่าบาปบุญเลยนะ ยายแจ๋มแม่ฉันนี่สายกวนตีนนะจ๊ะส่วนพ่อฉันน่ะ เสียเพราะโรคหัวใจวายเฉียบพลันเมื่อ 3ปีก่อน แม่ฉันเสียใจมากเพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัวแต่ความเสียใจก็ถูกบรรเทาด้วยจัสมิน ที่อยู่ในวัยน่ารัก สามารถทำยายแจ๋มยิ้มได้ และอยากมีชีวิตอยู่ต่อ"รู้จัก แต่ไม่เข้าใจว่าจัดโต๊ะใหญ่ทำไม ทำอย่างกะว่าใครจะมากินด้วย" ฉันย้อนความ"ก็ต้องมีสิ ไม่มีจะจัดโต๊ะใหญ่ทำไม ถามโง่ ๆ อีกละแกนี่""แล้วใครมารับประทานอาหารด้วยล่ะคะคุณนายแจ๋ม" ฉันขี้เกียจต่อความกับแม่ เพราะแม่ฉันอ่ะสามารถพูดกวนต่อได้อยู่แล้ว"เพื่อนฉันสิ แกอยู่ด้วยนะ เพราะเพื่อนแกก็มาด้วย" ยายแจ๋มว่าพลางจัดเตรียมอาหารที่โต๊ะ"อย่าบอกว่าไอ้หมายิมนะ""ก็เออสิ แล้วเรียกเพื่อนให้มันดี ๆ หน่อยบอกกี่ทีไม่เคยจำ""เรียกแบบนี้มานานแล้วเถอะ" ฉันบ่นอุบอิบ"ถึงบอกให้เปลี่ยนไง พูดยากพูดเย็นจริง ๆ นะแกเนี่ย" ยายแจ๋มเริ่มขึ้นเสียง"จัสมินล่ะแม่" ฉันเปลี่ยนเรื่องพูด ขี้เกียจถกเถียง"
"เดี๋ยวนี้ปากคอไม่ธรรมดานะมึง" ไอ้แจงเดินเข้ามาในร้านอาหารแล้วตบที่บ่าของไอ้พีค"เหี้ยอะไรมึง" ไอ้พีคหันไปถาม"ก็ที่ด่ากูว่าอีแรดไง แค่นี้ทำลืม สมองเสื่อมเหรอฮะ" ไอ้แจงตั้งท่าหาเรื่อง"ด่าที่ไหนวะ" ไอ้พีคทำท่างง ๆ"ในไลน์ไง เที่ยงคืนครึ่งเมื่อวันก่อน""หืมมมม กูเนี่ยนะ อ้อ... สงสัยจะกูนั่นแหละ โทษทีวันนั้นเมาเลยปากหมา" ไอ้พีคหันมามองหน้าผมนิดหน่อยแล้วตอบไอ้แจงไป"ปกติเวลามึงเมามึงจะพูดเพราะขี้อ้อนนะ" ไอ้แจงแสดงท่าทีสงสัย"วันนั้นกูไม่ปกติมั้ง" ไอ้พีคไหวไหล่"สงสัยติดเชื้อบ้ามั้ง แล้วแพทออกมายัง ถึงไหนละ" ไอ้แจงมันนั่งลงข้างไอ้พีค แล้วจากนั้นมันก็ถามไถ่ถึงลูกสาวของมัน ที่ให้แพทรับกลับมาส่งที่ร้านอาหารของไอ้ภาม เพราะไอ้แจงมันติดงานพรี มันจึงพึ่งพาน้องสาวไอ้พีค"น่าจะใกล้แล้วนะ แต่เห็นบ่นว่ารถติด วันนี้ไปผับไหม" ไอ้พีคเอ่ยปากชวนไอ้แจง และมองมาที่ผมด้วย"กูไม่ไป มีนัด แล้วก็ไม่อยากไปกับคนที่ไม่รู้จัก" ผมพูดขึ้นแบบไม่มองหน้าไอ้พีคและไอ้แจง เพราะตอนนี้ผมกำลังทำเป็นสนใจโทรศัพท์มือถือทั้งที่มันไม่มีอะไรให้น่าสนใจสักอย่าง"ร้านไหน กี่โมง ขอร้านผู้ชายเยอะ ๆ จะขอบพระคุณเป็นอย่างสูง เผื่อกูลากไป
"กูไม่ตลกนะยิม" ฉันจ้องหน้ามัน"หน้ากูตลกไหมแจง" มันขยับเข้าประชิดใกล้ฉันมากขึ้น"! ""อยากประเจิดประเจ้อตรงนี้ไหมล่ะ" ไอ้หมายิมมันพูดขู่"มึงต้องการอะไรยิม กูว่ากูพูดเรื่องนี้หลายรอบแล้วนะ ไหนบอกว่าไม่ต้องรู้จักกันไงวะ" ฉันจ้องเขม็งไม่ไหวละ ฉันชักจะไม่เข้าใจมันขึ้นทุกวันในเมื่อบอกไม่ให้ยุ่ง ไม่เป็นเพื่อน แล้วมาอยู่ตรงนี้ทำซากอะไร"ยิม ยิมใช่ไหม" เสียงหวาน ๆ ที่เอ่ยเรียกชื่อไอ้หมายิม เจ้าของเสียงนี้ฉันจำได้ดีเลยล่ะ เพราะมันคือหนึ่งในคนที่ทำให้ฉันกับไอ้บ้านี่แตกหักกัน"อ้าว แจง... นึกว่าเลิกคบกันเป็น...เพื่อน แล้วนะ ที่มาด้วยกันที่นี่อย่าบอกนะว่ายิมให้อภัยแจงแล้ว หึ! อย่างว่าอ่ะเนอะ แจงมันคงตื๊อไม่เลิก มาถึงนี่อย่าบอกนะว่ามาประชุมงานโรงเรียน ได้ข่าวว่าท้อง ไม่มีพ่อให้ลูกเหรอแจง หึ สมน้ำหน้า มั่วไปเรื่อยก็แบบนี้แหละน๊า" เธอว่าแขวะฉันพร้อมยิ้มเยาะเย้ย ซึ่งฉันไม่เถียงกลับเพราะที่นี่มันสถานที่ศึกษา ทำอะไรย่อมต้องให้เกียรติสถานที่ไหนจะลูกที่เรียนอยู่ที่นี่อีก ฉันไม่อยากให้ลูกโดนล้อมากไปกว่านี้"ยิม... ทำไมเปลี่ยนไปแบบนี้ล่ะ เอคิดถึงยิมนะ คิดถึงเรื่องราวดี ๆ ของเรา ยิมสบายดีใช่ไหม"เอ ผู้
"ลุงยิมให้จัสเรียกพ่อที่โรงเรียนได้ใช่ไหมคะ" จัสมินถามไอ้หมายิมที่ตอนนี้มันทำหน้าที่เป็นคนขับรถ"อืม" มันส่งเสียงในลำคอแล้วก็ไม่ได้หันมาสนใจอะไร เหมือนกับฉันที่ไม่คิดจะหันไปสนใจมันเช่นกัน"พ่อยิม หืมมมม ลองเรียกดู อายจังเลยค่ะ ตั้งแต่เกิดมาจัสยังไม่เคยเรียกใครว่าพ่อเลย ขอบคุณนะคะที่ไปด้วย ยายแจ๋มบอกว่าลุงยิมใจดี น่ารัก"ฉันสตั๊นตั้งแต่ที่จัสมินเรียกไอ้หมายิมว่าพ่อแล้ว คำที่จัสมินเรียกทำเอาหัวใจของฉันชาวูบวาบ"ลุงว่างน่ะ" ไอ้หมายิมมันว่าแล้วยื่นมือมาลูบที่ศีรษะของจัสมินซึ่งนั่งอยู่บนตักฉันฉันเหลือบมองมันเมื่อมันพูดประโยคนี้ ดวงตาของมันที่มองจัสมินฉายแววอ่อนโยน เหมือนยิมที่ฉันเคยรู้จักตอนนี้มันคงกำลังนึกสงสารจัสมินสินะ"เดี๋ยวจัสไปช่วยยายอันขายทองตอบแทนนะคะ ยายอันบอกว่าจัสเรียกลูกค้าดี" ลูกสาวฉันหันไปฉีกยิ้มกว้างตามสไตล์ให้ไอ้หมายิม ส่วนไอ้หมายิมมันก็เหลือบมองฉันเล็กน้อยด้วยสายตาเฉยชาก่อนจะหันไปมองทาง'ถึงโรงเรียนให้จัสเรียกพ่อได้ไหมยิม แม่โม้ไว้เยอะ" ยายแจ๋มกระซิบไอ้หมายิม ซึ่งฉันน่ะได้ยิน แล้วที่เรียกแม่ ก็เพราะครอบครัวเราสนิทกันมากไงล่ะ'สบายมากครับ' มันสร้างภาพด้วยการฉีกยิ้มอ่อนโ
"เรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะจัสสสส" ฉันเดินลงมาจากชั้นบนพร้อมกับแหกปากถามลูกสาว ที่ทุก ๆ วันเธอจะนั่งทานอาหารเช้าอยู่ที่โต๊ะอาหารก่อนไปเรียนเป็นประจำ"แม่แจงงงงง" จัสมินยิ้มตาหยี ข้างกายเธอมีไอ้หมายิมนั่งอยู่ด้วยมาทำส้นอะไรวะ?"วันนี้มีงานโรงเรียนไงคะ แล้วเขาให้เอาพ่อแม่ไปด้วย ยายแจ๋มเลยให้ลุงสติไม่ดีไปเป็นพ่อให้ค่ะ" จัสมินรีบลุกจากเก้าอี้เดินมาหาฉันแล้วก็เล่าให้ฟังยายแจ๋ม มักให้ครูที่โรงเรียนส่งไลน์บอกตัวเองเสมอเวลามีอะไรที่เร่งด่วนและพิเศษ'หลานฉัน ฉันดูเอง แกมัวแต่เมาไม่อ่านไลน์จะทำไง'นี่คือคำที่ยายแจ๋มเอามาอ้าง ซึ่งมันค่อนข้างจริง เพราะเวลาเมา ฉันมักทิ้งตัวไม่เอาอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่ถึงขนาดไม่สนใจลูกเถอะแต่ก็นะ ฉันไม่เคยชนะอะไรยายแจ๋มได้อยู่แล้ว"จัสมิน ยายบอกแล้วใช่ไหมลูกว่าให้เรียกลุงยิม ไม่ใช่ลุงสติไม่ดี" ยายแจ๋มถือถ้วยโจ๊กเดินออกมาจากในครัวถ้าให้ทายโจ๊กไม่ใช่ของฉันแน่นอน เพราะฉันไม่เคยกินข้าวเช้า ถ้าจะกินจริง ๆ ก็...'หาแดกเอง มีมือมีตีน โตเป็นวัวเป็นควายแล้ว'คำพูดยายแจ๋มเขาเลยล่ะ"ก็แม่แจงบอกลุงเขาสติไม่ดีนี่คะ" น่าน... โยนขี้ให้แม่แต่เช้าเลยลูกจัสเอ๊ย... หาเรื่องให้แม่โดนยา
"กินแล้วยิ้มเยอะ ๆ นะคะคุณลุง" จัสมินบอกกับไอ้หมายิมที่กำลังทำหน้าเป็นหมางงกับความอัธยาศัยดีของลูกสาวฉันฉันได้แต่ภาวนาในใจ ขอให้ไอ้หมายิมมันยังมีเชื้อควายหลงเหลือ อย่าให้มันนึกอะไรขึ้นมาได้ เหมือนที่ฉันกำลังนึกถึงอยู่'ร้องไห้ทำไม' เด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักยืนมองฉันที่อยู่ในวัยห้าขวบกำลังนั่งร้องไห้อยู่หลังห้องเรียน'ชอบร้องไห้เหรอ ร้องไห้ไม่เห็นสวยเลย' เขานั่งลงตรงหน้าฉันแล้วมองตาแป๋ว'ไม่ชอบ แจงไม่ชอบ แจงอยากสวย' ฉันเงยหน้ามองคนตรงหน้า พร้อมกับเอามือปาดเช็ดน้ำตา'ไม่ชอบก็เลิกร้องสิ แล้วก็ยิ้ม''เลิกไม่ได้ ยิ้มไม่ได้ เพื่อนไม่เล่นด้วย''เพื่อนแกล้งเหรอ''อือ เพื่อนไม่เล่นด้วย เพื่อนบอกแจงสวยกว่า''อ่ะ อมยิ้ม กินแล้วยิ้มเยอะ ๆ นะ เราชื่อยิม เป็นเพื่อนกันนะ' เขายื่นอมยิ้มให้ฉันพร้อมกับรอยยิ้มที่ตราตรึงใจแล้ววันนั้นฉันก็แกะอมยิ้มกินทั้งน้ำตา พร้อมกับยิ้มให้เขาจากนั้นมาสายตาของฉันก็มองหาแต่เพื่อนที่ชื่อยิมมาตลอด และเพิ่งได้รู้ว่าแม่เราสองคนเป็นเพื่อนกัน ตอนที่แม่ฉันย้ายมาอยู่ข้างบ้านของแม่ยิมตั้งแต่นั้นมาเราก็ใกล้กันมาตลอด ฉันตามยิมที่แสนใจดีไปเรียนทุกที่ ไม่ว่าวิชาที่ยิมเลือกจะถูกใจฉัน
"เดี๋ยวนี้ปากคอไม่ธรรมดานะมึง" ไอ้แจงเดินเข้ามาในร้านอาหารแล้วตบที่บ่าของไอ้พีค"เหี้ยอะไรมึง" ไอ้พีคหันไปถาม"ก็ที่ด่ากูว่าอีแรดไง แค่นี้ทำลืม สมองเสื่อมเหรอฮะ" ไอ้แจงตั้งท่าหาเรื่อง"ด่าที่ไหนวะ" ไอ้พีคทำท่างง ๆ"ในไลน์ไง เที่ยงคืนครึ่งเมื่อวันก่อน""หืมมมม กูเนี่ยนะ อ้อ... สงสัยจะกูนั่นแหละ โทษทีวันนั้นเมาเลยปากหมา" ไอ้พีคหันมามองหน้าผมนิดหน่อยแล้วตอบไอ้แจงไป"ปกติเวลามึงเมามึงจะพูดเพราะขี้อ้อนนะ" ไอ้แจงแสดงท่าทีสงสัย"วันนั้นกูไม่ปกติมั้ง" ไอ้พีคไหวไหล่"สงสัยติดเชื้อบ้ามั้ง แล้วแพทออกมายัง ถึงไหนละ" ไอ้แจงมันนั่งลงข้างไอ้พีค แล้วจากนั้นมันก็ถามไถ่ถึงลูกสาวของมัน ที่ให้แพทรับกลับมาส่งที่ร้านอาหารของไอ้ภาม เพราะไอ้แจงมันติดงานพรี มันจึงพึ่งพาน้องสาวไอ้พีค"น่าจะใกล้แล้วนะ แต่เห็นบ่นว่ารถติด วันนี้ไปผับไหม" ไอ้พีคเอ่ยปากชวนไอ้แจง และมองมาที่ผมด้วย"กูไม่ไป มีนัด แล้วก็ไม่อยากไปกับคนที่ไม่รู้จัก" ผมพูดขึ้นแบบไม่มองหน้าไอ้พีคและไอ้แจง เพราะตอนนี้ผมกำลังทำเป็นสนใจโทรศัพท์มือถือทั้งที่มันไม่มีอะไรให้น่าสนใจสักอย่าง"ร้านไหน กี่โมง ขอร้านผู้ชายเยอะ ๆ จะขอบพระคุณเป็นอย่างสูง เผื่อกูลากไป
"ทำไรอ่ะแม่" ฉันเดินลงมาหาแม่หลังจากที่อาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยจะให้นอนต่อก็นอนไม่หลับ แค่หลับตาก็เห็นหน้าไอ้หมายิมละ"จัดโต๊ะไง ไม่รู้จักเหรอ" ยายแจ๋มตอบแบบกวน ๆอย่าว่าบาปบุญเลยนะ ยายแจ๋มแม่ฉันนี่สายกวนตีนนะจ๊ะส่วนพ่อฉันน่ะ เสียเพราะโรคหัวใจวายเฉียบพลันเมื่อ 3ปีก่อน แม่ฉันเสียใจมากเพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัวแต่ความเสียใจก็ถูกบรรเทาด้วยจัสมิน ที่อยู่ในวัยน่ารัก สามารถทำยายแจ๋มยิ้มได้ และอยากมีชีวิตอยู่ต่อ"รู้จัก แต่ไม่เข้าใจว่าจัดโต๊ะใหญ่ทำไม ทำอย่างกะว่าใครจะมากินด้วย" ฉันย้อนความ"ก็ต้องมีสิ ไม่มีจะจัดโต๊ะใหญ่ทำไม ถามโง่ ๆ อีกละแกนี่""แล้วใครมารับประทานอาหารด้วยล่ะคะคุณนายแจ๋ม" ฉันขี้เกียจต่อความกับแม่ เพราะแม่ฉันอ่ะสามารถพูดกวนต่อได้อยู่แล้ว"เพื่อนฉันสิ แกอยู่ด้วยนะ เพราะเพื่อนแกก็มาด้วย" ยายแจ๋มว่าพลางจัดเตรียมอาหารที่โต๊ะ"อย่าบอกว่าไอ้หมายิมนะ""ก็เออสิ แล้วเรียกเพื่อนให้มันดี ๆ หน่อยบอกกี่ทีไม่เคยจำ""เรียกแบบนี้มานานแล้วเถอะ" ฉันบ่นอุบอิบ"ถึงบอกให้เปลี่ยนไง พูดยากพูดเย็นจริง ๆ นะแกเนี่ย" ยายแจ๋มเริ่มขึ้นเสียง"จัสมินล่ะแม่" ฉันเปลี่ยนเรื่องพูด ขี้เกียจถกเถียง"
"ทำไมลุงคนนั้นน่ากลัวจังเลยคะ มองแม่แจงไม่ดีด้วย" เมื่อมาถึงบ้านลูกสาวของฉันก็เริ่มพูดขึ้น"เขาใจดีค่ะ แต่เขาแค่ชอบทำหน้าดุ" เป็นการโกหกที่ไม่เนียนเอาซะเลย"จริงเหรอคะ คนหน้าดุใจดีจริงเหรอ ตอนที่เขาเดินเข้ามาในร้านตอนบ่ายแล้วถามยายอันจ๋าว่าจัสคือใคร พอยายอันจ๋าบอกว่าเป็นลูกแม่แจง เขาก็มองตาดุ ๆ ใส่จัส" ไอ้หมายิม ไอ้ห่ารากนี่"อ้อ ช่วงนี้ลุงเขาอารมณ์ไม่คงที่ค่ะลูก ลุงเขาเพิ่งมาจากต่างประเทศ เขาปรับตัวกับสภาพอากาศไม่ทัน อารมณ์เขาเลยแปรปวน สติเขาไม่ค่อยดีหนูอย่าถือสาเลยนะคะ""โอเคค่ะ ลุงเขาสติไม่ดี น่าสงสารจัง จัสจะเข้าใจนะคะ ยายแจ๋มขาาาาา จัสมินมาแล้วค่า" ลูกสาวฉันยกมือชูนิ้วว่าเข้าใจ แล้วจากนั้นก็เดินตะโกนแหกปากเรียกยายแจ๋มนิสัยแหกปากนี่คงเลียนแบบฉันแน่ ๆ เห็นชัดขนาดนี้คงจะปฏิเสธไม่ได้ฉันเดินขึ้นห้องหลังจากที่ลูกสาวเดินไปอยู่กับยายแจ๋มแม่ฉันเป็นที่เรียบร้อย(แจง: เมื่อคืนใครเก็บศพกูมาวะ)(ภาม: พวกกูไงจะใครล่ะ นึกว่าซ้อมตายเถอะ เกือบพาแวะวัดละ)(แจง: ใครแก้ผ้ากู)(พีค: กูมั้ง)(แจง: สัสพีค เอาความจริง)(แพท: แพทกับเค)(แจง: อ่อ เจ้าประจำ ขอบคุณน๊าาาาา)(เค: ชินละ เห็นบ่อย ๆ อีกหน่อยคง
ฉันที่ยืนค้างเพราะความตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ฉันไม่ได้คิดว่าจะเจอมันคือฉันรู้ว่ามันจะมา แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะมาเร็วแบบนี้หรือฉันฟังเพื่อนไม่เข้าใจไอ้ควายยิมมันลุกจากโซฟา แล้วมันก็เดินมาหาฉัน ท่าทางการเดินของมันดูแบดบอยมาก แต่สายตาที่มันมองฉันดูเฉยชาความตกใจของฉันทำให้ฉันก้าวขาไม่ออก ทำตัวไม่ถูก หัวใจเต้นจนแทบจะทะลุแล้ว ณ จุดนี้ไม่มีใครอยู่เลยนอกจากฉันกับมันไอ้ควายยิมมันเดินมาหยุดตรงหน้าฉัน สองมือของมันเหน็บที่กระเป๋ากางเกง สายตาของมันมองมาที่ฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วมันก็ค่อย ๆ เอนตัวเข้ามาใกล้ฉันมันทำเหมือนจะจูบฉันเลย ฉันไม่ได้มโนไปใช่ไหม ก็ฉันสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่เป่ารดใบหน้าฉันถ้ามันจะจูบฉัน แสดงว่ามันไม่ได้เกลียดฉันแล้วใช่ไหมและที่สำคัญถ้ามันทำจริง ฉันใจง่าย ฉันยินยอม ยอมพลีกายเลยนะ ถึงแม้ร่างกายมันจะมีรอยสักมากมายแต่นิสัยมันอาจจะเป็นเหมือนเดิมก็ได้!"เหอะ! เคยเป็นยังไงก็เป็นแบบเดิมมาจนถึงทุกวันนี้เนอะมึงอ่ะ ดูสภาพสิ"เดี๋ยวนะ เดี๋ยว ๆ เมื่อกี๊ฉันขอเปลี่ยนคำพูด ที่ว่าจะยอมมัน เพราะมันกำลังเบะปากมองฉันอย่างสมเพช"ได้ข่าวว่าเมาโดนเอาจนท้อง จำหน้าพ่อของลูกไม่ได้ เหอะ! น่
"ไหนว่าทำงานพรุ่งนี้ นี่มึงแดกกะจะตื่นพรุ่งนี้เย็นๆ เลยเหรอแจง" เสียงของใครสักคนในกลุ่มเพื่อนของฉัน ทักท้วงกับการดื่มแอลกอฮอล์ของฉันในวันนี้ส่วนฉันจำไม่ได้หรอกว่าเสียงนี้เป็นเสียงของเพื่อนคนไหน เพราะตอนนี้สมองฉันเริ่มจะทำงานช้าลงเรื่อยๆ"ฉลองล่วงหน้าให้กับผู้ชายที่กูโคตรรักไง มันกำลังจะกลับมาแล้วเห็นไหม ในที่สุดมันก็จะกลับมา หลังจากที่มันหนีกูไป 5 ปี ป่านนี้มีเมียไปแล้วมั้ง มันจะรู้ไหมว่ากูคิดถึงมันมากแค่ไหน มันจะรู้ไหมว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกูก็โคตรเสียใจเหมือนกัน แต่มันคงไม่อยากรู้หรอก เพราะมันเกลียดกู มันบอกว่ามันโคตรเกลียดกู แต่กู... โคตรรักมัน กูรักมันพวกมึงได้ยินไหมว่ากูรักมัน กูโคตรรักมันฉิบหาย กูไม่สวยตรงไหนวะ ทำไมมันไม่รักกู กูไม่เข้าใจ..."แล้วฉันก็เริ่มโวยวาย เริ่มพร่ำเพ้อ พูดพล่ามถึงเรื่องที่กักเก็บไว้ในใจซึ่งฉันจะเป็นเฉพาะช่วงเวลาที่เมามาก ๆ แต่ถ้าในวันที่สติดี ๆ เรื่องแบบนี้จะไม่มีทางออกจากปากของอีแจงแสนสวยแน่นอน"ถ้ามึงเห็นมันตอนนี้ มึงอาจจะไม่รักมันแล้วก็ได้ มันไม่ใช่ไอ้ยิมแสนดีที่มึงเคยรู้จักแล้วแจง" แว่ว ๆ เสียงของหนึ่งในกลุ่มเพื่อนพูดขึ้นมาซึ่งฉันจับประโยคได้ประมาณเ