แชร์

บทที่ 2

ผู้เขียน: ACHICHI
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-12 17:38:28

ระยะปลอดเพื่อน

ตอนที่ 2

ก็ถ้าโซ่อยากจะทำให้ฉันตกใจเล่น ๆ ก็นับได้ว่ามันทำสำเร็จ เพราะตอนนี้ฉันตกใจจริง ๆ กับการเจอหน้าคนซึ่งไม่ได้เจอกันมานานเพราะตัวฉันเองเอาแต่หลีกเลี่ยงการที่จะได้เจอกันอีกครั้งมาโดยตลอด

เพื่อนร่วมห้องคนใหม่ไม่ใช่ใครอื่น แต่คืออดีตเพื่อนซี้ของฉันเอง

สองไม่ได้เปลี่ยนไปจากหลายปีก่อนเท่าไร หน้าตาก็หล่อเหมือนเดิม ทว่าสีผิวดูเข้มขึ้นจากเมื่อก่อนที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นพวกผิวขาวซีด ตอนนี้ดูสุขภาพดีขึ้นกว่าตอนนั้นเป็นไหน ๆ อีกทั้งยังดูโตขึ้นมาก เลื่อนสายตามองปราดเดียวก็รู้ได้ว่าเราห่างหายกันไปนานมากจริง ๆ

หลังจากตะลึงจนพอใจแล้วฉันก็เบนสายตาไปทางอื่นพลางก็เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งสนิท ไม่สนใจทีท่าของอีกคนที่ราวกับระหว่างเราไม่มีอดีตขมขื่นร่วมกัน

ก็อาจจะเป็นฉัน… ที่ขมขื่นอยู่แค่ฝ่ายเดียว…

“รบกวนเบาเสียงลงหน่อยค่ะ พอดีจะนอน”

“…”

เพียงแค่ได้ยินคู่สนทนาก็บิดยิ้ม นัยน์ตาสีเข้มหรี่ลงเล็กน้อย เสียงหัวเราะดังขึ้นเบา ๆ ราวกับเป็นเรื่องตลกเสียเต็มประดาที่ตัวเองทำตัวไม่มีมารยาทแบบนี้ ฉันหมุนตัวเดินหนีทันทีพร้อมทั้งเอ่ยย้ำอีกครั้งโดยที่ไม่คิดจะหันกลับไปมอง

“เบาเสียงด้วยนะคะ มารยาทนิดนึง”

ก็ถ้าเป็นคนอื่นคงจะไม่กล้าพูดแรงขนาดนี้ แต่คนมันเคยรู้จักกัน แม้ตอนนี้จะอยากทำเป็นไม่รู้จัก ก็ช่วยไม่ได้ปากมันไวกว่าสมองทุกที

บานประตูกำลังจะปิดลง เราสบตากันอีกครั้ง ร่างสูงโปร่งใส่กางเกงนอนขายาวเพียงแค่ตัวเดียวยังคงยืนมองมากระทั่งประตูปิดสนิทลง

ฉันยังยืนนิ่ง มือกำลูกบิดค้างอยู่อย่างนั้น นานจนได้ยินเสียงประตูห้องฝั่งตรงข้ามปิดลง จากใบหน้ามึนตึงที่วางท่าเก๊กเมื่อครู่ บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นบูดเบี้ยวอยากจะร้องกรี๊ดออกมาดัง ๆ สักหนึ่งที แต่ทำได้เพียงสูดลมหายใจเข้า ๆ ออก ๆ ระงับสติอารมณ์ไว้

ไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าโซ่จะเล่นพิเรนทร์อะไรแบบนี้ นิ่งอยู่ได้แค่แป๊บเดียวเท่านั้น แม้จะดึกป่านนี้แล้วแต่ฉันก็รีบต่อสายหาตัวต้นเรื่องทันที

ขอให้ได้ด่าสักยกก่อนนอนเถอะไอ้เพื่อนเวร!

แต่แน่นอนว่าโทรไปเท่าไรมันก็ไม่รับสาย หากไม่นอนแล้วก็คงจงใจหลีกเลี่ยงการสนทนาเพราะเพื่อนคงรู้แน่ว่าฉันโทรไปทำไม

มีอย่างที่ไหน รู้ทั้งรู้ว่าฉันกับสองคงกลับไปเป็นเพื่อนกันไม่ได้แล้ว มันยังจะมาทำแบบนี้อีก นึกไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าเอาสมองส่วนไหนคิด แต่ไม่แน่อาจจะเป็นหัวแม่โป้งเท้าก็ได้!

จังหวะกระหึ่มของเสียงเพลงที่ได้ยินมาร่วมชั่วโมงตอนนี้เงียบไปแล้ว แต่ฉันกลับหลับไม่ลงอย่างที่ใจคิด ได้แต่นอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง จิตใจกระวนกระวายหนักกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดว่าจะเจอ

ก็ถ้าตอนนู้นฉันไม่พร่ำพรรณนาร่ายยาวบอกรักสองผ่านไมโครโฟนของร้านคาราโอเกะตอนงานวันเกิดของใครสักคน ป่านนี้เราอาจจะยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมก็ได้

แต่มันไม่ใช่ไง เราย้อนกลับไปแก้ไขอดีตได้ที่ไหนกัน…

วันต่อมา

แม้ว่าเมื่อคืนแทบจะไม่ได้หลับไม่ได้นอน แต่ฉันก็สามารถลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวสวยเพื่อไปเริ่มงานวันแรกได้ทันเวลา นาฬิกาข้อมือบอกเวลาเกือบจะเก้าโมงในตอนที่ฉันหมุนลูกบิดประตูห้องอย่างช้า ๆ ราวกับตัวเองเป็นโจรย่องเบาก็ไม่ปาน

สายตาสอดส่องผ่านช่องว่างระหว่างบานประตูมองไปก็เห็นว่าห้องนอนอีกห้องยังคงปิดเงียบเชียบ แต่โล่งใจได้แค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น

เมื่อรีบแทรกกายเดินออกมาหวังว่าจะรีบออกไปก่อนที่จะได้เจอหน้าสอง เท้ากลับต้องชะงักค้างเมื่อมองไปทางห้องนั่งเล่นแล้วเห็นคนที่ว่า กำลังนั่งยกขาขึ้นพาดเข่าด้านหนึ่งด้วยท่วงท่าสบาย ๆ สายตามองตรงมาทางฉันที่กำลังทำตัวลนลาน

สองยังคงอยู่ในสภาพเดียวกันกับเมื่อคืน และพอมีแสงสว่างสาดส่องก็ทำให้เห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวหล่อระเบิดแค่ไหน ทั้งดวงหน้าคมคายที่กำลังก้มลงสูดเส้นมาม่าคัพรสเย็นตาโฟของโปรดในมือ ทั้งเรือนกายท่อนบนเปลือยเปล่าที่ดูแข็งแรงลีนไปหมดทุกส่วนสัด

ฉันก็ได้แต่มอง… แล้วต้องรีบดึงสายตาตัวเองกลับมา แม้ว่าอีกคนจะยังนั่งกินและทอดสายตามองตามการเคลื่อนไหวไม่หยุดก็ตาม

เมื่อคืนกว่าจะมาถึงก็ดึกดื่นมืดค่ำ ทำให้ไม่มีเวลาเก็บข้าวเก็บของให้เข้าที่เข้าทาง ตอนนี้เลยต้องทรุดเข่าลงนั่งบนพื้น รื้อเอากล่องรองเท้าออกมาจากลังกระดาษใบโตทีละใบเพื่อหารองเท้าที่เข้ากันกับสูทสีบานเย็นที่กำลังใส่อยู่ในขณะนี้

และคนที่อยู่ห่างออกไปก็ยังมองมาไม่ได้หยุด

มันจะมองอะไรนักหนาเล่าโว้ย!!

โดยไม่คาดคิดจังหวะที่ฉันลุกจากพื้นรีบร้อนใส่รองเท้าส้นสูงสีโทนเดียวกันกับชุดสูท อีกคนก็มาหยุดยืนที่ข้าง ๆ พอดิบพอดี ปากยังคงขยับเคี้ยวอยู่อย่างนั้น มือข้างหนึ่งยังคงถือมาม่า สายตามองหน้ากันอยู่ครู่ก็เอ่ยปากขึ้นก่อนแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

“หายไปไหนมา?”

“อะไร?”

“หายไปไหนมาตั้งหลายปี”

“…”

คนตรงหน้ายืนทิ้งขารอฟังคำตอบราวกับกำลังตั้งศาลสอบสวนกันยังไงยังงั้น ไม่ใช่แค่ไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบทั่วไป ฉันพยายามสงบสติอารมณ์ที่กำลังแตกกระเจิงของตัวเอง แสร้งตีหน้านิ่งสนิทไม่แพ้กันตอนที่ตอบคำถามกลับไป

“คนเขามีการมีงาน”

“แล้วกลับมาทำไม?”

“หมายความว่าไง?”

“ก็ที่กลับมาหานี่ไง”

“ฮะ?”

ฉันร้องเสียงหลง เบิกตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อหูกับสิ่งที่ได้ยิน สองยังคงมีสีหน้านิ่งสนิท ทว่านัยน์ตาสีเข้มกลับฉายแววกวนตีนอย่างปิดไม่มิด สีหน้าแบบที่ไม่ได้เห็นมานาน ปากก็เอ่ยทวนประโยคเดิมของตนอีกครั้ง

“ไม่ได้กลับมาหา?”

“ไม่”

“แต่มาอยู่คอนโดห้องเดียวกันแบบนี้?”

“ที่กลับมานี่เพราะต้องย้ายที่ทำงาน และไม่ได้คิดว่าจะต้องมาเจอหน้าสองด้วย” ฉันละล่ำละลักบอกอย่างร้อนตัว แต่อีกคนกลับบิดยิ้มขึ้นมาได้

“บังเอิญว่างั้น?”

“ทำไมไม่ไปถามโซ่ล่ะ? เราจะไปรู้เหรอว่ามันจะเล่นอะไรบ้า ๆ แบบนี้”

“ก็แล้วทำไมต้องถาม เห็น ๆ กันอยู่”

“เห็นอะไร? คิดว่านี่เป็นแผนของเราหรือไง?”

“อือฮึ”

“คนบ้าอะไรหลงตัวเองโคตร”

“ก็ตอนนั้นใครมันบอกว่าแอบรักสองอย่างนู้นอย่างนี้” คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อยทำทีเป็นรำลึกความหลัง

“ระ… เรื่องมันผ่านมาตั้งแต่ปีมะโว้แล้วไหม!”

ฉันแหวกลับ รู้สึกเดือดขึ้นมาปุด ๆ กับความมั่นหน้าเบอร์แรงที่ยิ่งได้ฟังก็ยิ่งประสาทเสีย แต่อีกฝ่ายยังคงลอยหน้าลอยตาพูดต่อได้อย่างเป็นจริงเป็นจังจนน่าตกใจ อีกทั้งสายตาแบบนั้นก็ด้วย

“จะบอกว่าลืมเราได้แล้ว?”

“ก็แหงอยู่แล้ว ผ่านมาตั้งกี่ปี”

“หึ”

“หลบได้ยัง! จะไปทำงาน!”

ฉันไม่พูดเปล่าแต่ออกแรงผลักคนตัวโตให้พ้นทาง แต่สองก็ยืนปักหลักแข็งเป็นหิน แรงผลักอันน้อยนิดของฉันไม่ได้ทำให้เจ้าตัวสะดุ้งสะเทือนแม้แต่น้อย

สายตาคมยังคงจ้องนิ่งอยู่ครู่ ก่อนจะยอมเปิดทางให้ แต่ก็ไม่วายส่งเสียงตามหลังมา ฟังแล้วก็อยากจะขย้อนอาหารเย็นของเมื่อวานออกมาจริง ๆ

“อย่าให้เห็นว่าแอบมาถ้ำมองก็แล้วกัน”

“หลงตัวเอง!”

“คนเขาก็แค่ว่าไปตามเนื้อผ้า”

“เราไม่ได้ชอบสอง และจะไม่มีวันชอบอีกแล้วด้วย”

“อือฮึ…”

“…”

“เราจะรอดู”

ว่าแล้วก็เอียงคอมองด้วยสายตากวนโอ๊ยอีกหนึ่งดอก ในขณะที่ฉันทำได้เพียงหมุนตัวเดินไปกระชากประตูเหวี่ยงเปิดอย่างแรง

ยิ่งเห็นรอยยิ้มยียวนแบบนั้น อีกทั้งสายตาที่ตัดสินไปแล้วล่วงหน้า มันก็ยิ่งทั้งเดือดทั้งอาย เรื่องผ่านมานานขนาดนั้นแล้วแท้ ๆ ยังจะต้องวนกลับมาเจอกันอีก แถมบทสนทนาเริ่มต้นระหว่างเราเจ้าตัวยังยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด แล้วจะให้อยู่ด้วยกันเข้าไปได้ยังไง?

ตึก! ตึก! ตึก!

เสียงส้นสูงลงฝีเท้าหนักแทบจะเรียกได้ว่ากระแทกเท้าเดิน อากาศก็ไม่ได้ร้อนแต่ฉันกลับรู้สึกร้อนรุ่มกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก

เราไม่ได้เจอกันมานานก็จริง แต่สองยังคงเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน กวนตีนยังไงก็กวนตีนอย่างนั้น และนั่นก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ฉันจำต้องเลิกคบกับมันในท้ายที่สุด ขืนในตอนนั้นเรายังคบกันต่อ คงโดนล้อเรื่องนี้ยันลูกบวชแน่ ๆ

มันก็แค่ puppy love ในวัยเรียน เจ้าตัวหล่อขนาดนั้น ทั้งยังใกล้ชิดกันขนาดนั้น แบบที่อยู่ด้วยกันแทบทุกเวลา ไปไหนไปกัน กอดคอกันอยู่ตั้งสามสี่ปี แม้จะเรียนกันคนละคณะ แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทกลุ่มเดียวกัน หอพักก็นอนรวมกันที่หอเดียวกัน

ก็แล้วจะไม่ให้รู้สึกอะไรเลยได้ยังไง?

แม้ตอนนั้นฉันจะชอบสองมากถึงขั้นร้องห่มร้องไห้เวลามันไปจีบสาว ๆ และไม่สนิทใจที่จะซี้ต่อหลังจากบอกรักไปแล้ว เหตุเพราะทำใจไม่ได้ด้วยส่วนหนึ่ง แต่นั่นมันก็ตั้งแต่สมัยไหนแล้ว

ผ่านมาตั้งกี่ปี ไม่คิดว่าฉันจะลืมได้บ้างเลยหรือยังไง เอาอะไรมามั่นหน้าขนาดนั้นกัน!
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 3

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 3 รถญี่ปุ่นคันโตสนิทนิ่งในซองจอดของลานจอดรถหน้าอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ที่คงจะมีบริษัทค่อนร้อยอยู่บนนั้น เพราะเห็นว่ายังเหลือเวลาอีกเล็กน้อยก่อนที่จะเข้างาน ฉันก็รีบต่อสายหาโซ่ทันที แม้สิบสายแรกมันยังปฏิเสธที่จะรับ แต่หลังจากที่รัวพิมพ์แชตส่งไปด่า สายที่สิบเอ็ดร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-12
  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 4

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 4 ครึ่งชั่วโมงต่อมา สายตาทุกคู่จับจ้องมองมาในขณะที่พี่อ้อยดีเอ็มดี (รองกรรมการผู้จัดการ)กำลังแนะนำฉันให้เพื่อนร่วมงานรู้จัก รวมถึงแนะนำคนอื่นให้ฉันรู้จักด้วยทว่าสมองฉันในตอนนี้ราวกับจะดับไปเสียแล้ว หูอื้อฟังอะไรแทบไม่รู้เรื่อง แม้สายตาพยายามจะเบนมองไปทางอื่น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-12
  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 5

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 5 ยี่สิบนาทีต่อมา สุดท้ายฉันก็ออกมากินข้าวกับสองจนได้… เราออกมาหาข้าวกินในละแวกใกล้กับคอนโด โดยที่สองเป็นคนเลือกร้าน และตอนนี้ข้าวแกงปักษ์ใต้ตรงหน้าก็ทำให้ฉันรู้สึกเจริญอาหารขึ้นมาเพราะคิดถึงบ้านเกิดเหลือเกิน อันที่จริงบ้านฉันอยู่ที่ภูเก็ต ตอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-12
  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 6

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 6 วันต่อมา หลังจากนอนคิดมาแล้วทั้งคืนว่าถึงยังไงก็คงจะต้องอยู่ที่นี่ไปก่อนอย่างเลี่ยงไม่ได้ จะให้ย้ายออกก็เปลืองเงินโดยใช่เหตุ แม้จะอยู่ห้องเดียวกัน แต่ก็แยกห้องนอนอยู่ดี ฉันเลยพยายามจะไม่คิดมากเรื่องที่ต้องอาศัยอยู่ร่วมชายคากับสอง แค่พยายามไม่ใกล้ชิด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-13
  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 7

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 7 ร้านอาหารเต็มไปด้วยผู้คนที่ออกมาทานข้าวมื้อค่ำ ดนตรีสดกำลังเล่นคลออยู่ที่เวทีทางด้านหน้า โต๊ะเราคงเป็นโต๊ะที่เสียงดังที่สุดเพราะไม่ได้เจอกันมานาน แต่ละคนก็เลยยิงคำถามเข้าใส่กันไม่หยุด ฉันไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่ว่าเก้อกระดากเขินอายเวลาอยู่กับบรรดาเพื่อนผู้ชายเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-13
  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 8

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 8 วันต่อมา “เปลี่ยนใหม่ทั้งหมดเลยเหรอคะ?” “ใช่ค่ะ” “แต่ว่าสินค้าของเราไม่เคย…” “เพราะแทบจะไม่เคยเปลี่ยนรูปลักษณ์ หรือลักษณะของตัวสินค้าเลยแม้ว่ายอดขายจะดิ่งฮวบลงทุกปีแบบนี้ มันก็เลยย่ำอยู่ที่เดิมไงคะ” “…” “แยมอยากจะ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-13
  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 9

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 9 วันต่อมา วันนี้เป็นวันหยุด…เพราะสองไม่ยอมให้บัตรเข้าฟิตเนสมา ทำให้ฉันออกมาวิ่งที่สวนด้านล่างคอนโดแทน เพราะยังเป็นเวลาเช้ามากส่งผลให้แดดไม่แรงเท่าไร ลมก็เย็นผ่อนคลาย ฟีลดีกว่าวิ่งในฟิตเนสเสียอีกและขืนไปกับสอง มีหวังคงไม่เป็นอันได้ออกกำลังกายเป็นแน่ แค่นึกถึ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-13
  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 10

    “มึงยังไม่ได้ไปสักหน่อย”“ว่าไงแยม วันนี้เราทำไรกันดี?”สองทำเป็นเมินเพื่อนหน้าตาเฉย แล้วหันมามองฉันอีกที และหลีก็เลิกสนใจสองไปแล้วเหมือนกันเพราะก๋วยเตี๋ยวถูกวางลงตรงหน้าพอดี“สองไปกับเพื่อนสิ เราว่าจะนอน”“งั้นเรานอนด้วย”“แค่ก ๆ”คนที่นั่งสูดเส้นก๋วยเตี๋ยวอยู่ฝั่งตรงข้ามสำลักเส้นจนหน้าแดง หลีเงยหน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-13

บทล่าสุด

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 96

    อาการที่ผมเป็นในตอนนี้…ทั้งสายตาที่ไม่สามารถหยุดมองอีกคนได้ รวมถึงก้อนเนื้อที่กลางอกเต้นตุบ ๆ เป็นจังหวะรัวเร็วราวกับผ่านการออกกำลังกายมาอย่างหนัก จะบอกว่าผม… ตกหลุมรักเข้าอย่างจัง… ก็ไม่ผิดนัก… ยิ่งมองคนที่เพิ่งรู้จักกัน ใจก็ยิ่งเต้นแรงยิ่งแยมเองก็ลอบมองมาเหมือนกันผมก็แทบจะกลั้

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 95

    ระยะปลอดเพื่อนตอนพิเศษ 4 หลายปีก่อน การเปิดเรียนของมหา’ลัยเริ่มต้นขึ้นแล้ว ทุกคนรอบข้างต่างก็เป็นนิสิตใหม่ หลังจากต้องอดทนนั่งฟังพวกพี่ว้ากอยู่นานกว่าสองชั่วโมง สุดท้ายผมก็ตัดสินใจว่าจะโดดรับน้องให้มันรู้แล้วรู้รอด หลังจากนั่งกินข้าวเย็นที่ร้านอาหารในซอยข้างมหา’ลัยเสร็จ เ

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 94

    “เหนื่อยไหม?” คนข้าง ๆ หันมาเอียงคอมองด้วยสีหน้าเห็นอกเห็นใจจนผมหลุดขำ “เหนื่อยอะไร?” “ก็สองทำทุกอย่างเลยนี่” สายตาเบนมองหน้าจอโน้ตบุ๊กที่เปิดค้างเอาไว้ “เหนื่อยก็บ้า เราแรงเยอะจะตาย มีพลังงานให้ใช้อีกเหลือเฟือ” “…” “กินข้าวเลยปะ? เราทำข้าวต้มกุ้งไว้”

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 93

    ระยะปลอดเพื่อนตอนพิเศษ 3 หลายเดือนต่อมา ตอนนี้จะบอกว่าผมเป็นพ่อบ้านเต็มตัวก็ไม่ผิดนัก… ถึงจะทำงานไปด้วย แต่ทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านผมเป็นคนจัดการเองทั้งหมด แยมกลับไปทำงานแล้วตั้งแต่สองเดือนหลังคลอด แม้จะอยากให้เมียพักอีกสักหน่อย แต่เจ้าตัวยืนยันว่ากลับมาแข็งแรงดีแล้ว เลยไม่อ

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 92

    ระยะปลอดเพื่อนตอนพิเศษ 2 หลายเดือนต่อมา ช่วงนี้แยมท้องแก่ใกล้คลอดเต็มทีเลยต้องหยุดงานรอคลอดมาได้สามเดือนเข้าให้แล้ว เป็นผมที่ยังทำงานอยู่ทุกวันกลับบ้านมาก็เห็นเมียนอนหลับไปแล้วเหมือนทุกที เห็นพี่เจี๊ยบบอกว่าท้องแรกมักจะดูไม่ค่อยออกเพราะว่าเป็นท้องสาว ท้องจะเล็ก ๆ เท่าที่ม

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 91

    ก็อารมณ์คนท้อง อยากจะกินอะไรใหม่ ๆ แทบทุกวันนั่นแหละ และผมก็พร้อมจะบึ่งไปซื้อให้เสมอ ห่วงก็แต่ช่วงที่แยมจะต้องอยู่บ้านคนเดียวหากท้องแก่ ใครมันจะมาหาข้าวหาปลาให้กินตอนกลางวัน โอเค… มันมีแอปฯ ให้สั่ง แต่ผมเองนี่แหละที่อยากจะเป็นคนบริการเมีย… หลังจากได้เกาเหลาเลือดหมูมาแล้ว กลับมาถึงบ

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 90

    ระยะปลอดเพื่อนตอนพิเศษ 1 SONG TALKS ร่างเล็กของคนเป็นเมียนั่งอยู่บนตักผม พาดขาไปทางด้านหนึ่งซบซีกตัวข้างหนึ่งอยู่บนอก มือสองข้างกำลังพิมพ์แชตคุยกับบริษัทคู่ค้าแห่งใหม่ซึ่งกำลังดีลงานร่วมกัน ตัวบ้านเงียบเชียบมีแค่เสียงต๊อกแต๊กจากมือถือคนในอ้อมแขนเท่านั้นที่กำลังดังอยู่ในขณ

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 89

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 47 หลายเดือนต่อมา วันนี้เป็นวันหยุด แต่เพราะเมื่อคืนฉันต้องถ่างตานั่งดูเทรนด์การตลาดแทบจะทั้งคืน ไหนจะโดนสองกวนอีก กว่าจะได้นอนก็เกือบจะรุ่งสาง ตื่นมาอีกทีก็ปาเข้าไปบ่ายโมง ที่นอนข้าง ๆ ว่างเปล่า สองคงจะตื่นนานแล้ว และป่านนี้คงจะลงไปหาอะไรทำท

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 88

    หลังจากนั้นก็เหลือแค่เราสองคนที่ยืนมองหน้ากันเอง สองยิ้มกว้างจับมือกันแน่น สายตากวาดมองหน้าฉันรอบที่เท่าไรของวันก็ไม่อาจจะทราบได้“เมียเราสวยโคตร”แล้วก็เอ่ยคำ ๆ เดิมออกมาด้วยสีหน้าภาคอกภูมิใจ จนฉันหลุดขำ“ขำไร?”“ก็ถ้าสองเพิ่งพูดเป็นครั้งแรกเราจะเขินอยู่หรอก แต่นี่แค่วันเดียวเราฟังประโยคนี้มาเกินยี

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status