Share

บทที่ 8

Penulis: ACHICHI
last update Terakhir Diperbarui: 2025-03-13 19:51:45

ระยะปลอดเพื่อน

ตอนที่ 8

วันต่อมา

“เปลี่ยนใหม่ทั้งหมดเลยเหรอคะ?”

“ใช่ค่ะ”

“แต่ว่าสินค้าของเราไม่เคย…”

“เพราะแทบจะไม่เคยเปลี่ยนรูปลักษณ์ หรือลักษณะของตัวสินค้าเลยแม้ว่ายอดขายจะดิ่งฮวบลงทุกปีแบบนี้ มันก็เลยย่ำอยู่ที่เดิมไงคะ”

“…”

“แยมอยากจะให้ทุกคนเข้าใจไว้อย่างหนึ่งว่าเป้าหมายของโปรเจกต์ในปีนี้คือการทำกำไรให้เทียบเท่ากับเมื่อสี่ปีก่อนเป็นอย่างน้อย”

“คุณแยมได้ดูทิศทางแนวโน้มการตลาดหรือยังคะ?”

“แยมดูมาคร่าว ๆ ค่ะ แต่ไม่เห็นว่ามันจะเป็นปัญหาตรงไหน ถ้าเมื่อก่อนทำได้ แล้วทำไมตอนนี้ถึงจะทำให้มันเหมือนเดิมไม่ได้ล่ะคะ?”

“ก็เพราะแนวโน้มการตลาดมันต่ำลงทุกปี…”

“แล้วทำไมสินค้าชนิดเดียวกันของบริษัทคู่แข่งถึงยังติดตลาด และยอดขายพุ่งสูงขึ้นทุกปีล่ะคะ? แยมว่าเราต่างหากที่ควรปรับใช้กลยุทธ์ใหม่ ๆ ไปแข่งขันค่ะ”

“…”

“มีใครค้านอะไรอีกไหมคะ?”

“คุณแยมอายุเท่าไรครับ?”

“…”

ถ้าถามว่าฉันเกลียดอะไรที่สุด…

ก็คงจะเป็นคำถามประเภทนี้กระมัง…

ห้องประชุมเงียบกริบ สายตาทุกคู่หันไปมองยังคนตั้งคำถามที่ฉันจำได้ว่าชื่อพี่วิทย์ ก่อนที่รอยยิ้มชนิดหนึ่งจะผุดพรายแทบจะพร้อม ๆ กัน คงมีแค่สองคนเดียวที่กำลังนั่งนวดขมับมองดูอยู่จากปลายสุดของโต๊ะด้านหนึ่ง

“ทำไมถามถึงอายุแยมคะ?” ฉันยิ้มให้ และตั้งคำถามกลับ

“พวกเราทุกคนอยากรู้น่ะครับ เห็นว่าคุณแยมยังดูเด็กมาก”

รอยยิ้มแบบนั้นแค่มองก็รู้ว่ากำลังจะเริ่มเอาเรื่องอายุมาดูถูกกัน

สายตาทุกคู่ที่มองมาก็ดูเป็นพวกเดียวกันไปเสียหมด แต่มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้หรอก

ปึง!

ฉันโยนเอกสารปึกหนาที่ถ่างตาอ่านมาทั้งคืนลงบนโต๊ะ พลางก็ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะปั้นหน้ายิ้มอีกครั้ง

“แยมก็อยากรู้อายุพี่วิทย์เหมือนกันค่ะ”

“ผมอายุสี่สิบ”

“อืม”

“แล้วคุณแยมล่ะคะ?” เสียงพี่เจี๊ยบที่นั่งอยู่ในระยะใกล้กับฉันถามสวนขึ้นแทนทุกคน แต่มันก็ไม่เสียหายอะไรที่ฉันจะตอบไป

“แยมอายุยี่สิบแปดค่ะ”

“แหม ยังเด็ก”

“…”

ว่าแล้วเชียว…

เพราะเห็นว่าอายุน้อยเลยตั้งแง่ใส่กันตั้งแต่วันแรกแบบนี้เลยสินะ

ฉันพยายามอดทนนับหนึ่งถึงสิบในใจไม่ให้ตัวเองเผลอใช้อารมณ์ คนเดียวที่ไม่ใช่พวกเดียวกับคนพวกนี้ เห็นจะมีก็แค่สอง ที่กำลังกลอกตามองบน สลับกับเลื่อนสายตามองคนอื่น ๆ ที่กำลังปิดปากกลั้นยิ้มกันไม่หยุด

และสุดท้ายความอดทนฉันมันก็มีไม่มากพอ…

“แหม… ขำอะไรกันคะเนี่ย?”

“…” เสียงหัวเราะคิกคักชะงักลง กระนั้นก็ยังมีบางคนยิ้มกวนอยู่อย่างนั้น

“แยมว่าเรื่องงานกับเรื่องอายุมันคนละเรื่องกันนะคะ เราต้องมาดูกันที่ผลงานค่ะ”

“…”

“และตอนนี้แยมก็เป็นหัวหน้าทีม มีปัญหาอะไรที่เกี่ยวกับเนื้องานก็พูดมาตรง ๆ ได้เลยค่ะ”

“…”

“แยมขอให้ทุกฝ่ายเตรียมแผนงานมานำเสนอให้พร้อมภายในสามวันนะคะ แล้วเดี๋ยวค่อยมาหาข้อสรุปกันอีกที”

“กระชั้นชิดไปหรือเปล่าคะ?”

“ถ้าแค่แผนงานยังต้องใช้เวลามากขนาดนั้นก็คงจะเปิดตัวสินค้าใหม่ไม่ทันตามกำหนด”

“ทำไมจะไม่ทันล่ะคะ อีกตั้ง…”

“ไม่เผื่อเวลาต้องแก้งานหน่อยเหรอคะ?”

“ปกติก็ไม่เคย…”

“แยมไม่ทราบหรอกค่ะว่าเมื่อก่อนทีมอยู่กันยังไง แต่สำหรับแยมถ้ายังไม่ดีก็ไม่เอาค่ะ”

“…”

ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศอีกครั้ง และฉันก็รู้สึกดีที่ตอนนี้ไม่มีใครยิ้มแล้ว แต่แปรเปลี่ยนเป็นสีหน้ามึนตึงขึ้นมาแทน เรียกง่าย ๆ ว่าไม่ค่อยพอใจนั่นแหละ

ฉันคว้าเอาแฟ้มบนโต๊ะขึ้นมาอีกครั้ง หยัดกายลุกขึ้นยืนเพื่อเป็นการยุติการประชุมครั้งแรกของทีม ก่อนจะทิ้งสายตากวาดมองทุกคนอีกที ไม่มีการโอนอ่อนผ่อนปรนใด ๆ ทั้งสิ้นเพื่อแสดงจุดยืนให้ชัดเจนออกไป

“ภายในสามวันค่ะ”

พูดจบก็เดินออกจากห้องประชุมทันที และแค่ประตูปิดลง คนในนั้นก็เริ่มออกท่าออกทาง พูดคุยกันจนเสียงดังเล็ดลอดออกมา แต่มันก็ฟังไม่รู้เรื่องหรอก และฉันก็ไม่สนด้วยว่าตัวเองจะโดนนินทาอะไร

บอกแล้วไงว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่เจออะไรแบบนี้…

คนเรานี่ก็แปลก… เห็นว่าคนอื่นอายุงานน้อยกว่าตัวเองไม่ได้ ต้องมาตั้งแง่ใส่กันทันที เล่นพรรคเล่นพวกแบบนี้ก็ยิ่งแล้วใหญ่ ไม่ต้องไปดูหมอก็บอกได้เลยว่าปีนี้คงจะเป็นปีที่ปวดหัวของฉันเป็นแน่

“ไง…”

“…”

ร่างสูงของคนที่ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นใครเอ่ยทักขึ้นในตอนที่ฉันกำลังกดน้ำจากตู้น้ำดื่ม สองเป็นคนเดียวที่เดินออกมาจากห้องประชุม คนอื่นยังคงอยู่ในนั้น และคงจะไม่ได้ถกประเด็นเรื่องงาน น่าจะเป็นเรื่องฉันมากกว่า

“ไม่เห็นต้องซีเรียสตั้งแต่วันแรกขนาดนั้นเลย” เสียงราบเรียบเอ่ยขึ้นอีก พอฉันเงยหน้าขึ้นมองเจ้าตัวก็ยกยิ้มมุมปาก

“ยิ้มอะไร?”

“เราแค่ไม่เคยเห็นแยมตอนทำงาน”

“ก็เห็นแล้วนี่”

“อือฮึ ดุเหมือนหมา”

“เราเพิ่งโดนคนพวกนั้นดูถูกไม่เห็นหรือไง? เรื่องอะไรจะไปยอม”

“รู้ว่าไม่ยอม”

“อันที่จริงก็อยากจะเข้าหาทุกคนอยู่หรอก แต่สองก็เห็นว่าพวกนั้นเป็นเดอะแก๊ง ถ้าไม่แสดงจุดยืนอะไรเลย มีหวังเราคงตายหยังเขียดตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว”

“โอเค ๆ เลิกเครียดได้แล้ว”

“แล้วสองไม่ไปรวมแก๊งกับคนอื่นหรือไง?” ฉันถามส่งเดช คนข้าง ๆ หัวเราะเบา ๆ

“เราก็ต้องอยู่ทีมเพื่อนดิ”

“แล้วพวกนั้นจะไม่…”

“ไม่มีใครสนใจเราหรอก เรามาก่อนแยมแค่ปีเดียวเอง”

“ไม่ต้องสุงสิงกับเราหรอก เดี๋ยวคนอื่นจะพานไม่ชอบสองเปล่า ๆ”

“เย็นนี้กินไรกันดี?”

และสองก็เปลี่ยนเรื่องหน้าตาเฉย พอฉันตั้งท่าจะเดินหนีก็ยังเดินตามมา

“สั่งอาหารมากินที่ห้องปะ?”

“เราว่าจะลดความอ้วน ตั้งแต่วันนี้คงไม่ได้กินมื้อเย็น” แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องจริง

“โกหก”

และก็เกลียดสายตารู้ทันแบบนี้จริง ๆ

“ผอมจะตายอยู่แล้ว เมื่อวานจับมือมีแต่กระดูก” เจ้าตัวไม่พูดเปล่าแต่ตั้งใจฉวยมือฉันขึ้นดูอีกรอบ ฉันรีบดึงมือกลับทันที ชำเลืองมองไปรอบตัวอย่างหวาดระแวงก่อนจะบอกด้วยเสียงจริงจัง

“อยู่ที่ทำงานห้ามถึงเนื้อถึงตัว”

“งั้นอยู่ห้อง?” คนกวนเลิกคิ้วถามสวนทันที

“ที่ไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้น”

“เดี๋ยวคืนนี้เราสั่งพิซซาหน้าค็อกเทลกุ้งของโปรดแยมดีกว่า”

“เราไม่กิน”

“เอาไก่ด้วยปะ?”

“ไม่เอา”

“กินไก่กับเบียร์ด้วยดีกว่า”

“สอง”

“เดี๋ยวสั่งเบียร์มาสักลัง”

“…”

สองหมุนตัวเดินกลับไปที่โต๊ะตัวเองแล้ว โดยที่ไม่คิดจะรอฟังคำตอบใด ๆ ส่วนฉันได้แต่ถอนหายใจกลับเข้าห้องตัวเอง

นั่งลงที่เก้าอี้แล้วก็ได้แต่หลับตาลงอย่างเหนื่อยใจ

เหนื่อยใจทั้งเรื่องงาน เหนื่อยใจทั้งเรื่องคน…

ปีนี้มันปีชงของฉันหรือว่ายังไง…

ตอนค่ำ

“เราไม่กิน”

“โห เสียใจว่ะ”

“ก็บอกแล้วไงว่าเราไม่กิน”

“ตั้งพันห้าร้อย มากินเหอะ”

“ใครให้ซื้อ?”

“เสียดายตังค์ เงินเดือนเราก็นิดเดียว อุตส่าห์อยากเลี้ยงเพื่อน”

“สองรวยจะตาย แค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก”

“สรุปว่าไม่กิน?”

“ไม่”

“งั้นทิ้ง”

“ก็แล้วแต่สอง เงินสองนี่”

“เค”

ว่าแล้วคนตรงหน้าที่ยืนเร้าหรืออยู่นานเกือบสิบนาทีก็ยกมือยอมแพ้ หมุนตัวเดินไปอีกทาง ตอนแรกฉันเองก็ว่าจะปิดประตูเลยเหมือนกันเพราะคิดว่าสองคงจะไม่ทิ้งจริง

แต่จังหวะที่จะปิดประตูกลับต้องเบิกตาโตเมื่อเห็นว่าร่างสูงกำลังเดินถือพิซซาถาดใหญ่ไปทางระเบียงด้านนอกที่มีถังขยะอยู่

ครืด!

“สอง!”

กว่าจะห้ามปากไว้ได้ทัน ฉันก็ร้องออกไปแล้ว เจ้าตัวชำเลืองมองกลับมาด้วยสีหน้านิ่งสนิท ตั้งท่าจะโยนไอ้พิซซาเจ้าปัญหานั่นทิ้งจริง ๆ และก็เป็นฉันเองที่เสนอหน้าห้ามเอาไว้

“หยุดเลย”

“ไร? ไม่กินก็ทิ้ง”

“เสียดายเงิน!”

“ก็บางคนเขาไม่อยากจะกิน”

“ทำตัวเป็นเด็กไปได้”

“เออ”

“…”

ยี่สิบนาทีต่อมา

“เราอิ่มแล้วสอง”

“ไร? กินแค่เนี้ย?”

“คนนะไม่ใช่ม้า จะกินอะไรเยอะแยะ”

“ตัวนิดเดียวกินเข้าไปเยอะ ๆ”

“ไม่เอา”

“…”

คนที่นั่งอยู่บนพื้นเงยหน้าขึ้นมองพลางก็โยนพิซซาที่เมื่อครู่ส่งมาให้ฉันกลับเข้าถาด ปากตัวเองก็เคี้ยวอยู่อย่างนั้น สายตาเอาแต่มองกันแทบจะตลอดเวลา อย่างกับกลัวว่าฉันจะหาโอกาสวิ่งหนีกลับเข้าห้องในวินาทีใดวินาทีหนึ่งอย่างนั้นแหละ

โอเค… ความจริงฉันก็เป็นพวกใจแข็งพอสมควร

แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจะต้องยอมสองแทบจะทุกครั้งไป มันไม่ใช่แค่ตอนนี้ เมื่อก่อนก็เหมือนกัน ฉันสามารถปฏิเสธทุกคนได้ เว้นก็แค่สอง

ไม่รู้เพราะว่าเพื่อนเป็นพวกเอาแต่ใจตัว จนสุดท้ายคนอื่นต้องยอมตามใจ หรือมันเป็นเพราะตัวฉันไม่เคยใจแข็งกับสองมากพอกันแน่ ถึงทำให้ลงเอยอีหรอบนี้เสมอ

ตอนนั้นถึงได้เลือกวิธีตีตัวออกหากมากกว่าจะอยู่ต่อไง…

แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะเลี่ยงอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง

และยิ่งมองสองนานเท่าไร ก็ยิ่งกลัวใจตัวเองมากขึ้นเท่านั้น

ตอนทำใจใช้เวลาตั้งหลายปี เจอหน้าแค่ไม่กี่วันจะมาตกม้าตายได้ยังไง…

เราเงียบกันอยู่นาน สองยังคงตั้งหน้าตั้งตากิน ส่วนฉันก็ดื่มเบียร์รอไปพลาง อีกฝ่ายเป็นพวกกินจุมาแต่ไหนแต่ไรแต่ก็ไม่อ้วน คงเพราะออกกำลังกายเป็นประจำถึงได้หุ่นแน่นไปหมดแบบนั้น ถึงตอนนี้ฉันก็ต้องมานั่งทนมองมัดกล้ามร่างกายท่อนบนของเจ้าตัว

อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย…

แต่ยิ่งมองนานก็ยิ่งคิดดีไม่ได้…

คนอะไรจะลีนไปทั้งตัวขนาดนี้ ไหนจะส่วนสูง ไหนจะหน้าตา ซ้ำยังเป็นคนเข้าหาคนอื่นเก่งขนาดนี้ ใครอยู่ใกล้แล้วจะหักห้ามใจได้บ้างดีกว่า…

ร่างสูงหยัดกายลุกขึ้นยืน เดินไปล้างไม้ล้างมือ ก่อนจะกลับมายืนนิ่ง คว้ารีโมตทีวีมาเปลี่ยนช่อง และเพราะสองยืนก็ยิ่งทำให้มองเห็นเรือนร่างสุดฮอตได้ถนัดชัดตายิ่งขึ้นไปอีก ฉันก็ทำได้เพียงรีบหันหน้าหนีก็เท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าอีกคนจะสังเกตเห็นเข้าเสียก่อน

เห็นแล้วก็ยิ้มกวนตีน…

“เราหุ่นดีอะดิ…”

“หลงตัวเอง”

“อือฮึ ใคร ๆ ก็ว่างั้น”

“…”

เหอ ๆ หน้าหนาเหลือเกิน ฉันเอาสมองส่วนไหนชอบคนแบบนี้เข้าไปได้ลง อยากจะรู้จริง ๆ

“เราอยากได้บัตรเข้าฟิตเนส”

ฉันเปลี่ยนเรื่อง แต่ก็ดูเหมือนอะไรก็จะเป็นใจให้อีกคนไปเสียหมด สองหย่อนกายลงนั่งข้างกันพร้อมกับพยักหน้าส่ง ๆ

“ไปด้วยกันดิ ตอนเช้าเราไปแทบทุกวัน”

“เราอยากไปคนเดียว”

“สักเจ็ดโมงดีปะ?”

“เราจะไปคนเดียว”

“ไร? เมื่อก่อนก็ออกจะเป็นคู่หูดูโอ”

ไม่ว่าเปล่า แต่สองตีสนิทกันอีกครั้งด้วยการทิ้งแขนลงพาดคอ ทำเหมือนว่าเรายังซี้กันเหมือนสมัยเด็ก และแน่นอนว่าฉันสะดีดสะดิ้งเต็มที่ แต่แทนที่สองจะรำคาญ กลับหัวเราะชอบอกชอบใจ

“ไปด้วยกันแหละ”

“เราไม่อยากมีปัญหากับแฟนใคร”

ฉันบอกไปตามตรงด้วยน้ำเสียงจริงจัง หล่อแถมแรดอย่างสองอาจจะมีคนรักเป็นตัวเป็นตนไปแล้วก็ได้ เรามาใกล้กันแบบนี้อาจจะมีปัญหาตามมาทีหลัง

แต่คนฟังกลับนิ่งไป แม้ริมฝีปากจะยิ้ม กระนั้นแววตาก็ดูมีประกายจริงจัง สองเอาแต่มอง ไม่พูดอะไรออกมาสักที เป็นฉันเองที่เริ่มขยับตัวอย่างอึดอัด

“มองไรนัก…”

“เราไม่ได้คบใครเลย”

“…”

“เพื่อนสนิทผู้หญิงก็ไม่มี”

“…”

“ใกล้สุดก็มีแค่แยม”

“แรดเหมือนเดิม” ฉันขัดขึ้นทันที รีบดึงสายตากลับมาเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกบางอย่างข้างใน ในขณะที่อีกคนทำตาโต

“เราแรดตรงไหน?”

“ก็ชอบพูดจาอ่อยแบบนี้ คิดว่าเราจะกลับไปหลงชอบอีกหรือยังไง?”

“ที่ชอบเราเพราะอย่างนี้?”

“นั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้ไม่ได้ชอบ!” ก็จำต้องรีบเถียงสวนเสียงดัง เดี๋ยวได้มีคนมโนไปเองอีก

“ไม่เห็นต้องโวยวาย เราแค่พูดเรื่องจริง ไม่ได้คิดอะไร…”

“เพราะพูดไม่คิดแบบนี้ แต่คนอื่นเขาอาจจะคิดไง”

“แล้วตอนนี้… คิดปะ?” ว่าแล้วก็เอียงคอมอง

“ไม่” ฉันปฏิเสธทันควัน เผลอตัวผลักหน้าสองให้หันไปทางอื่นอีกที “อีกอย่าง ต้องเลิกมองด้วย”

“ไร? แค่มองก็ไม่ได้?”

“ก็ถ้าเราจ้องแบบนี้บ้าง สองจะรู้สึกยังไง?”

“จ้องแบบไหน?”

“ก็แบบที่… แบบที่เอาแต่มอง…”

“เราไม่ได้คิดอะไร แยมนั่นแหละที่คิด…”

“ก็ถ้าเราอ่อยคืนบ้างแล้วจะรู้สึก”

“ไหนลองทำดูก่อน…”

“หน้าด้าน”

“ด้านไร? ยอมให้อ่อยคืนทั้งวันเลย”

“ยอมรับแล้วเหรอว่าอ่อย?”

“ก็ไม่ได้ขนาดนั้น…”

คนโดนจับไต๋ได้ไม่ได้รู้สึกกระดากอายใด ๆ ทั้งยังยิ้มออกมาได้อย่างหน้าด้าน ๆ เหมือนเคย ไหนจะสายตาท้าทายแบบนั้นก็ด้วย ปลายเท้าเขี่ยเข้าที่ขาฉันเบา ๆ น้ำเสียงกวนประสาทเอ่ยต่อ

“มาดิ ไหนลองเอาคืนดูหน่อย”

“…”

ไม่รู้เพราะว่าหมั่นไส้เหลือเกินกับความมั่นหน้าเบอร์แรงที่ฉายชัดผ่านสายตาว่าคงไม่มีวันคิดไปไกลกับฉันเป็นแน่

หรือเป็นเพราะตัวฉันเองอยากจะเอาคืนสักทีอยู่เหมือนกัน ทำให้สมองคิดอะไรไม่เข้าท่าขึ้นมา

ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศในตอนที่ฉันหันกลับไปมองคนข้าง ๆ สองหยุดยิ้มแล้ว แต่กำลังนั่งเอียงตัว หันข้างมองตรงมาด้วยสายตาท้าทาย

แม้จะแอบกลัวใจตัวเองไม่น้อย แต่วินาทีนี้คงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อเอาคืนบ้าง เบียร์ที่ถืออยู่ถูกวางไว้บนโต๊ะ ตัวฉันขยับเข้าไปจนใกล้อีกคนที่ยังคงไม่ละสายตาไปจากการสบตา

ข้างขาของเราเบียดชิดกันจนเป็นฉันเองที่รู้สึกเก้อกระดาก ฝ่ามือสองข้างค้ำยันระหว่างลำตัวแข็งแรง พร้อมทั้งโน้มใบหน้าเข้าหาสองแบบที่ใจกล้าเกินกว่าปกติที่ชาตินี้คงจะไม่มีวันกล้าทำ

สายตาเราประสานกันนิ่ง ไม่มีใครยอมหลบตาใคร แม้ใจจะเริ่มกระตุกเต้นเป็นจังหวะถี่ระรัวขึ้นมา แต่ก็จำต้องฝืนว่าไม่ได้คิดอะไร

กระทั่งใบหน้าอยู่ห่างกันแค่ฝ่ามือเดียว… มือฉันก็วางเข้าที่หน้าท้องแกร่งเปลือยเปล่าลูบไล้แผ่วเบา

ขณะเดียวกันสองยกยิ้มมุมปาก เสียงแหบห้าวเอ่ยเบา ๆ

“โห… เล่นแรง”
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 9

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 9 วันต่อมา วันนี้เป็นวันหยุด…เพราะสองไม่ยอมให้บัตรเข้าฟิตเนสมา ทำให้ฉันออกมาวิ่งที่สวนด้านล่างคอนโดแทน เพราะยังเป็นเวลาเช้ามากส่งผลให้แดดไม่แรงเท่าไร ลมก็เย็นผ่อนคลาย ฟีลดีกว่าวิ่งในฟิตเนสเสียอีกและขืนไปกับสอง มีหวังคงไม่เป็นอันได้ออกกำลังกายเป็นแน่ แค่นึกถึ

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-13
  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 10

    “มึงยังไม่ได้ไปสักหน่อย”“ว่าไงแยม วันนี้เราทำไรกันดี?”สองทำเป็นเมินเพื่อนหน้าตาเฉย แล้วหันมามองฉันอีกที และหลีก็เลิกสนใจสองไปแล้วเหมือนกันเพราะก๋วยเตี๋ยวถูกวางลงตรงหน้าพอดี“สองไปกับเพื่อนสิ เราว่าจะนอน”“งั้นเรานอนด้วย”“แค่ก ๆ”คนที่นั่งสูดเส้นก๋วยเตี๋ยวอยู่ฝั่งตรงข้ามสำลักเส้นจนหน้าแดง หลีเงยหน

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-13
  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 11

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 10ตอนบ่ายหลังจากเมื่อเช้ากลับมาฉันก็เผลอหลับไป กระทั่งตอนนี้ผ่านไปได้หลายชั่วโมง ใจจริงก็อยากจะนอนต่ออีกหน่อย แต่ต้องฝืนสังขารลุกขึ้นเพื่อที่จะไปตากผ้าซึ่งซักทิ้งเอาไว้เมื่อช่วงสายของวันแต่พอเดินออกมาก็ต้องตกใจ เพราะมองออกไปด้านนอกตัวระเบียงเห็นร่างสูงของสองกำลังสะบัดผ้าตากอ

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-13
  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 12

    “อะไร…”“ยาทาแก้ปวดอยู่ในห้อง”“ก็แล้วทำไมไม่ไปหยิบเอง?”“โห! อะไรจะแล้งน้ำใจขนาดนั้น?”ว่าแล้วก็ทำหน้าตัดพ้อ จนฉันทนรำคาญไม่ไหว ต้องกระแทกเท้าเดินไปเอาให้ตามคำร้องขอ“อยู่ไหน?”“โต๊ะข้างเตียง”หลอดยาวางอยู่ที่โต๊ะข้างเตียงจริง ๆ อย่างที่เจ้าตัวว่า ซ้ำยังมีกล่องแผ่นแปะแก้ปวดอีกหลายกล่องที่ยังไม่ได้ใ

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-13
  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 13

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 11 ออฟฟิศ “แพ็กเกจจิงแบบนี้คงจะสวยดีถ้าเป็นเมื่อห้าปีก่อน แต่ตอนนี้แบบนี้ทุกแบรนด์พากันทำเหมือนกันไปหมด เพราะงั้นตัวนี้ใช้ไม่ได้ค่ะ” “…” สไลด์ถูกปิดลงพร้อมกับสีหน้าหนักใจของทุกคนในทีมที่พร้อมพากันถอนหายใจ รวมถึงตัวฉันเองก็เหมือนกัน “

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-13
  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 14

    ที่เราสองคนต้องมานั่งคุยกันในแชตแบบนี้เป็นเพราะฉันขอเอาไว้เอง ไม่งั้นสองคงจะมาวอแวไม่เลิกแม้จะเป็นที่ทำงาน ก็ยังดีที่พูดรู้เรื่อง ฉันไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แต่ผุดตัวลุกขึ้นยืน คว้าแฟ้มมากอดไว้แนบอก ก่อนจะเดินผ่านหน้าคนที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม สองมองตามมากระทั่งประตูห้องปิดลง

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-13
  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 15

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 12 วันต่อมา “ไปวิ่ง?” “ไม่ต้องตามมานะ” “ได้ไง? ไม่ชวน?” “…” ฉันไม่ตอบสองที่ทำหน้าขัดใจแต่รีบคว้าเอารองเท้าใส่วิ่งมาสวม อีกคนรีบเดินเข้าห้องตัวเองไปอย่างรีบร้อน และทันทีที่ฉันผูกเชือกรองเท้าเสร็จ เจ้าตัวก็เดินกลับออกมาในสภาพพ

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-13
  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 16

    และนั่นก็ทำให้คนที่นั่งรออยู่สีหน้าผ่อนคลายลง ผ้าขนหนูแห้งสนิทอีกผืนถูกโยนมาให้ “เช็ดเหงื่อที่นมหน่อย มันชักจะเซ็กซี่เกินไปแล้ว” “พูดมาก” “เช็ดที่คอด้วย” “เลิกทำตัวเป็นผัวสักที เราอายคน” “อายทำไม? เราหล่อออกอย่างนี้” “หน้าด้าน” “รู้ตัว”

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-13

Bab terbaru

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 96

    อาการที่ผมเป็นในตอนนี้…ทั้งสายตาที่ไม่สามารถหยุดมองอีกคนได้ รวมถึงก้อนเนื้อที่กลางอกเต้นตุบ ๆ เป็นจังหวะรัวเร็วราวกับผ่านการออกกำลังกายมาอย่างหนัก จะบอกว่าผม… ตกหลุมรักเข้าอย่างจัง… ก็ไม่ผิดนัก… ยิ่งมองคนที่เพิ่งรู้จักกัน ใจก็ยิ่งเต้นแรงยิ่งแยมเองก็ลอบมองมาเหมือนกันผมก็แทบจะกลั้

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 95

    ระยะปลอดเพื่อนตอนพิเศษ 4 หลายปีก่อน การเปิดเรียนของมหา’ลัยเริ่มต้นขึ้นแล้ว ทุกคนรอบข้างต่างก็เป็นนิสิตใหม่ หลังจากต้องอดทนนั่งฟังพวกพี่ว้ากอยู่นานกว่าสองชั่วโมง สุดท้ายผมก็ตัดสินใจว่าจะโดดรับน้องให้มันรู้แล้วรู้รอด หลังจากนั่งกินข้าวเย็นที่ร้านอาหารในซอยข้างมหา’ลัยเสร็จ เ

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 94

    “เหนื่อยไหม?” คนข้าง ๆ หันมาเอียงคอมองด้วยสีหน้าเห็นอกเห็นใจจนผมหลุดขำ “เหนื่อยอะไร?” “ก็สองทำทุกอย่างเลยนี่” สายตาเบนมองหน้าจอโน้ตบุ๊กที่เปิดค้างเอาไว้ “เหนื่อยก็บ้า เราแรงเยอะจะตาย มีพลังงานให้ใช้อีกเหลือเฟือ” “…” “กินข้าวเลยปะ? เราทำข้าวต้มกุ้งไว้”

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 93

    ระยะปลอดเพื่อนตอนพิเศษ 3 หลายเดือนต่อมา ตอนนี้จะบอกว่าผมเป็นพ่อบ้านเต็มตัวก็ไม่ผิดนัก… ถึงจะทำงานไปด้วย แต่ทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านผมเป็นคนจัดการเองทั้งหมด แยมกลับไปทำงานแล้วตั้งแต่สองเดือนหลังคลอด แม้จะอยากให้เมียพักอีกสักหน่อย แต่เจ้าตัวยืนยันว่ากลับมาแข็งแรงดีแล้ว เลยไม่อ

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 92

    ระยะปลอดเพื่อนตอนพิเศษ 2 หลายเดือนต่อมา ช่วงนี้แยมท้องแก่ใกล้คลอดเต็มทีเลยต้องหยุดงานรอคลอดมาได้สามเดือนเข้าให้แล้ว เป็นผมที่ยังทำงานอยู่ทุกวันกลับบ้านมาก็เห็นเมียนอนหลับไปแล้วเหมือนทุกที เห็นพี่เจี๊ยบบอกว่าท้องแรกมักจะดูไม่ค่อยออกเพราะว่าเป็นท้องสาว ท้องจะเล็ก ๆ เท่าที่ม

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 91

    ก็อารมณ์คนท้อง อยากจะกินอะไรใหม่ ๆ แทบทุกวันนั่นแหละ และผมก็พร้อมจะบึ่งไปซื้อให้เสมอ ห่วงก็แต่ช่วงที่แยมจะต้องอยู่บ้านคนเดียวหากท้องแก่ ใครมันจะมาหาข้าวหาปลาให้กินตอนกลางวัน โอเค… มันมีแอปฯ ให้สั่ง แต่ผมเองนี่แหละที่อยากจะเป็นคนบริการเมีย… หลังจากได้เกาเหลาเลือดหมูมาแล้ว กลับมาถึงบ

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 90

    ระยะปลอดเพื่อนตอนพิเศษ 1 SONG TALKS ร่างเล็กของคนเป็นเมียนั่งอยู่บนตักผม พาดขาไปทางด้านหนึ่งซบซีกตัวข้างหนึ่งอยู่บนอก มือสองข้างกำลังพิมพ์แชตคุยกับบริษัทคู่ค้าแห่งใหม่ซึ่งกำลังดีลงานร่วมกัน ตัวบ้านเงียบเชียบมีแค่เสียงต๊อกแต๊กจากมือถือคนในอ้อมแขนเท่านั้นที่กำลังดังอยู่ในขณ

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 89

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 47 หลายเดือนต่อมา วันนี้เป็นวันหยุด แต่เพราะเมื่อคืนฉันต้องถ่างตานั่งดูเทรนด์การตลาดแทบจะทั้งคืน ไหนจะโดนสองกวนอีก กว่าจะได้นอนก็เกือบจะรุ่งสาง ตื่นมาอีกทีก็ปาเข้าไปบ่ายโมง ที่นอนข้าง ๆ ว่างเปล่า สองคงจะตื่นนานแล้ว และป่านนี้คงจะลงไปหาอะไรทำท

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 88

    หลังจากนั้นก็เหลือแค่เราสองคนที่ยืนมองหน้ากันเอง สองยิ้มกว้างจับมือกันแน่น สายตากวาดมองหน้าฉันรอบที่เท่าไรของวันก็ไม่อาจจะทราบได้“เมียเราสวยโคตร”แล้วก็เอ่ยคำ ๆ เดิมออกมาด้วยสีหน้าภาคอกภูมิใจ จนฉันหลุดขำ“ขำไร?”“ก็ถ้าสองเพิ่งพูดเป็นครั้งแรกเราจะเขินอยู่หรอก แต่นี่แค่วันเดียวเราฟังประโยคนี้มาเกินยี

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status