แชร์

บทที่ 5

ผู้เขียน: ACHICHI
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-12 17:38:44

ระยะปลอดเพื่อน

ตอนที่ 5

ยี่สิบนาทีต่อมา

สุดท้ายฉันก็ออกมากินข้าวกับสองจนได้…

เราออกมาหาข้าวกินในละแวกใกล้กับคอนโด โดยที่สองเป็นคนเลือกร้าน และตอนนี้ข้าวแกงปักษ์ใต้ตรงหน้าก็ทำให้ฉันรู้สึกเจริญอาหารขึ้นมาเพราะคิดถึงบ้านเกิดเหลือเกิน

อันที่จริงบ้านฉันอยู่ที่ภูเก็ต ตอนมาเรียนมหา’ลัยที่กรุงเทพฯ ก็เช่าหออยู่กับเพื่อน และหนึ่งในเพื่อนกลุ่มนั้นก็มีสองอยู่ด้วย ถึงตอนนี้ที่ต้องกลับมาอยู่กรุงเทพฯ อีกรอบเลยต้องหาที่อยู่ใหม่ไง

และก็ต้องเจอแจ็กพอต เพราะโซ่ดันเล่นอะไรไม่เข้าท่า ไม่ต้องบอกก็พอรู้อยู่หรอกว่าที่เพื่อนทำแบบนี้คงจะอยากให้ฉันกับสองได้เจอหน้ากันอีกครั้งเลยใช้วิธีมัดมือชกเอาดื้อ ๆ

แม้ว่าคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามจะเป็นคนเลือกร้าน แต่เจ้าตัวกลับสั่งเพียงแค่ไข่พะโล้มาหนึ่งถ้วยเท่านั้น ในขณะที่ฉันกำลังนั่งปากชากับแกงไตปลาที่ไม่ได้กินมานาน อาหารทุกอย่างตรงหน้าเผ็ดร้อนจนข้างแก้มร้อนไปด้วย

เราต่างคนต่างกินจนลืมเรื่องที่จะคุย กระทั่งสองกินเสร็จก่อนแล้วนั่งรอเงียบ ๆ ฉันถึงได้ชำเลืองสายตาขึ้นมอง

“คนที่ออฟฟิศนิสัยเป็นไงบ้าง เราอยากฟัง”

“ไม่คิดจะคุยเรื่องอื่นก่อนเลย?”

“เราออกมาด้วยเพราะต้องการ…”

“เดี๋ยวนี้ไม่ต้องใส่คอนแท็กต์เลนส์แล้วเหรอ?”

“…”

ก็เหมือนทุกทีที่สองจะขัดขึ้นกลางลำ แต่มันก็ไม่เสียหายอะไรที่จะตอบ

“เราทำเลสิกมาเมื่อปีที่แล้ว”

“อือฮึ”

“ว่าแต่พี่วิทย์เขาดูเหมือนจะเป็นคนเก่าคนแก่…”

“แล้วแยมไปอยู่ชลบุรีมากี่ปี?”

“ห้าหรือหกปีนี่แหละ สองรู้ได้ไง?”

“ก็ถามไอ้โซ่ไง”

“อยากรู้อะไรเรื่องเราสองก็ไปถามโซ่เอาก็ได้ เราอยากคุยเรื่องนี้มากกว่า…”

ฉันยังคงไม่ละความพยายามที่จะวกกลับเข้าประเด็นเดิม แต่คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามกลับเหมือนไม่ได้ยินอะไรก็ตามที่ฉันพูด สองเอาแต่มอง จบคำถามก็ไม่คิดจะให้คำตอบใด ๆ จนฉันเริ่มที่จะหงุดหงิดขึ้นมานิด ๆ

ไอ้ที่อ้างว่าจะเล่าเรื่องของคนอื่นให้ฟังคงไม่ใช่หรอก เห็นได้ชัดว่าอยากจะสอบปากคำกันเสียมากกว่า

แต่ก่อนที่ฉันจะได้เอ่ยย้ำคำถามเดิมเป็นรอบที่สาม อีกฝ่ายก็ถามสวนขึ้นอีกครั้ง

“แล้วมีแฟนหรือยัง?”

“…”

“ว่าไง?” เมื่อเห็นว่าฉันเงียบ คนถามก็โน้มหัวยื่นข้ามโต๊ะมา “มีแฟนยัง?”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับสอง?”

ฉันแสร้งทำเป็นตักข้าวเข้าปาก เลี่ยงที่จะตอบเรื่องนี้ ใจกำลังคิดว่าจะบอกไปว่ามีแฟนแล้วดีหรือเปล่า เพราะอีกฝ่ายจะได้เลิกแกล้งกันสักที แต่ก็ขี้คร้านจะโกหก ทำงานหนักขนาดนี้จะเอาเวลาที่ไหนไปหาแฟน

“เราแค่อยากรู้”

“ไม่มี จะเอาเวลาไหนไปมี”

สุดท้ายก็เลือกที่จะบอกออกไปตามตรง แต่นั่นกลับทำให้อีกฝ่ายยกยิ้มมุมปาก และทำให้ฉันรู้สึกพลาดท่าที่ไม่โกหกไปให้รู้แล้วรู้รอด

“ก็ว่าอยู่”

“อะไรอีก…”

“ก็ไม่งั้นจะกลับมาหาเราได้ไง?”

“พอเหอะสอง ก็บอกแล้วไงว่าเรากลับมาทำงาน”

ฉันถอนหายใจเบา ๆ ขี้เกียจจะต่อปากต่อคำ และมันก็ไม่ได้โมโหอะไรเท่าเมื่อเช้า เพราะสองเองก็คงจะแกล้งแหย่เล่นไปอย่างนั้นตามนิสัยเดิม แค่ฉันไม่ได้เจอกับไอ้นิสัยประเภทนี้ของเจ้าตัวมานานเกินไปหน่อยก็เท่านั้น

สองเองก็ไหวไหล่ ไม่ได้ต่อความยาวสาวความยืดถึงเรื่องเดิม กลับเปิดประเด็นใหม่ขึ้นมา

“พรุ่งนี้เพื่อนนัดกินข้าวกัน โซ่บอกหรือยัง?”

“บอกแล้ว” ฉันพยักหน้ารับ เพราะช่วงหัวค่ำโซ่ก็เพิ่งโทรมาบอกจริง ๆ

“แล้วไปไหม?”

“ไม่รู้ ดูก่อน เราว่าจะเอาเอกสารที่บริษัทกลับมาดู”

“ไม่ยักรู้ว่าขยันขนาดนี้” น้ำเสียงชื่นชมกึ่งยียวนเอ่ยต่อ พลางก็ส่งสัญญาณเรียกป้าเจ้าของร้านมาคิดเงินในตอนที่ฉันกินเสร็จพอดี

“ไม่ขยันแล้วจะรวยเหรอ?” ฉันให้คำตอบอย่างจริงจัง ในขณะที่อีกคนหัวเราะเบา ๆ

“หาผัวรวยก็สิ้นเรื่อง สวยขนาดนี้”

“พอดีว่าอยากรวยด้วยตัวเอง”

“อืม… สวยด้วย ฉลาดด้วย”

“เดี๋ยวนี้เราสวยในสายตาสองแล้วเหรอ?”

ฉันได้ทีรีบเลิกคิ้วถาม เพราะเมื่อก่อนเจ้าตัวไม่เคยเอ่ยปากชมกันหรอก แม้ว่าฉันจะสวยมาตั้งแต่สมัยนู้นแล้วก็ตาม

“แล้วเรายังหล่อในสายตาแยมอยู่ไหม?” แต่กลายเป็นว่ากลับโดนคนมั่นหน้าตั้งคำถามกลับแทน

“ไม่อะ”

ฉันรีบปฏิเสธทันควัน ไม่มีทางที่จะตอบอะไรล่อเป้าแบบที่เจ้าตัวอยากจะได้ยินเป็นอันขาด พร้อมกันก็หยัดกายลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการมองเครื่องหน้าหล่อเหลาที่กำลังเม้มปากเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตารู้ทัน ส่วนคนขี้โกหกอย่างฉันต้องแสร้งทำเป็นดูดน้ำต่ออีกสองสามที

สองเป็นคนออกเงินค่าอาหารในมื้อนี้ และก็อย่างที่เห็นว่าสุดท้ายแล้วฉันก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับเพื่อนร่วมงานที่เป็นประโยชน์เลยแม้แต่น้อย แต่เอาเหอะ อยู่ ๆ ไปเดี๋ยวก็คงรู้เอง

สิบห้านาทีต่อมา

ใช้เวลาไม่นานเราทั้งคู่ก็กลับมาถึงห้อง และจังหวะที่กำลังแตะคีย์การ์ดเข้าห้องนั่นเอง ประตูห้องฝั่งตรงกันข้ามก็เปิดออกพอดี โดยสัญชาตญาณทำให้ฉันต้องหันไปมอง และก็พบว่าสองคนที่กำลังเดินออกมาเป็นคนเดียวกันกับที่พรวดพราดเปิดประตูห้องเข้าไปเมื่อชั่วโมงก่อน

ดูเหมือนสองจะเป็นเพื่อนกับผู้ชายหน้าตาดีสองคนนี้ อายุเราก็น่าจะไล่เลี่ยกัน ฉันยิ้มให้แค่เล็กน้อยเท่านั้นแล้วตั้งท่าจะเดินเข้าห้องเพราะเป็นคนประเภทไม่ค่อยสุงสิงกับคนไม่สนิท

แต่กลายเป็นว่าเสียงจากทางด้านหลังเรียกเอาไว้

“ใช่คุณแยมหรือเปล่าครับ?”

“คะ?”

เท้าสองข้างชะงักไปเล็กน้อย จำต้องหันกลับไปมองอย่างแปลกใจ เพราะมั่นใจว่าไม่เคยเจอกับคนทั้งคู่มาก่อน และพบว่าสองคนนั้นกำลังเหล่หางตามองไปทางสองที่กำลังส่งสัญญาณโบกมือไล่เพื่อน

คนแรกที่ตัวสูงพอกันกับสองย้อมผมสีทองอร่ามทั้งหัว เป็นคนเดินเข้ามาจนใกล้แล้วฉีกยิ้มกว้าง ดูท่าน่าจะเป็นคนอารมณ์ดี

“หลีครับ”

ก่อนที่ตัวสูงชะลูดกว่าใครเพื่อน จะชะโงกหน้าเข้ามาทักอีกคน

“ตงครับ”

“ยะ… แยมค่ะ”

ก็ได้แต่แนะนำตัวกลับด้วยความรู้สึกสับสนงุนงง เพราะอย่างที่บอกว่าฉันมั่นใจแน่ว่าไม่เคยเห็นทั้งคู่มาก่อน แต่ดูเหมือนทั้งสองคนจะรู้จักฉันเสียอย่างนั้น

“เราเคยเจอกันมาก่อนเหรอคะ?”

“ไม่ใช่หรอกครับ แต่ไอ้สองมัน…”

“เพื่อนเราเอง” สองเอ่ยแทรกขึ้น พลางก็พยักพเยิดส่งสัญญาณให้ฉันเข้าห้อง “แยมเข้าไปก่อน”

“เฮ้ย! มึงอย่าเสียมารยาท คนเขาคุยกันอยู่” ตงที่ตอนแรกยืนอยู่ด้านหลังของหลีรีบเบียดตัวแทรกมายืนด้านหน้าคนเอ่ยปากไล่

“ไอ้สองมันเล่าให้เราฟังว่าเมื่อก่อนมีเพื่อนสนิทเป็นผู้หญิง…”

“เล่าว่าสวยมาก”

“ชื่อว่าแยม”

“…”

ฉันรู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมากับการต่อประโยคกันเป็นทอด ๆ ของบุคคลที่เพิ่งได้รู้จัก สายตาชำเลืองมองไปยังคนที่ชมกันลับหลังที่ตอนนี้ถึงกับเม้มปากแน่นกลอกตามองบนเมื่อโดนขายซึ่ง ๆ หน้า

แต่เพราะสิ่งที่ได้ยินทำให้ฉันสามารถยกยิ้มขึ้นมาได้ ก่อนจะหันไปเลิกคิ้วเอ่ยแซวเอาคืนบ้าง

“ชมเราให้คนอื่นฟังงี้?”

สองหัวเราะเบา ๆ เมื่อโดนถามแบบตรงไปตรงมา กระนั้นก็พยักหน้าส่ง ๆ แบบไม่คิดจะปฏิเสธใด ๆ

“เออ”

จากที่กะจะแกล้งแซวให้อาย กลับเป็นฉันเองที่ข้างแก้มร้อนผ่าวยิ่งกว่าเดิม ต้องละสายตากลับมามองอีกสองคนแทน เพราะตอนนี้เป็นฉันที่กำลังอาย ไม่ใช่อีกคน

“คุณแยม…”

“เรียกแยมก็ได้ค่ะ”

“งั้น… แยมย้ายมาอยู่ที่นี่เหรอครับ?”

“ใช่ค่ะ พอดีย้ายที่ทำงานเลยต้องหาห้องเช่า”

“ดีกันกับสองแล้วเหรอครับ?”

“คะ?” เป็นต้องเลิกคิ้วขึ้นอีกครั้งเพราะไม่เข้าใจในคำถาม หลีเลยพยักพเยิดไปทางสองที่ยืนใช้ไหล่พิงกำแพงประกอบฉากอยู่

“ก็ที่ว่าเลิกคบกันเพราะว่าแยม…”

“…”

“ที่ว่าแยมแอบชอบสองมันอะครับ” ตงรีบเอ่ยต่อประโยคของเพื่อนที่ชะงักค้างไป

และตอนนี้ฉันก็รับรู้ได้ว่าตัวเองกำลังอายหนักขึ้นไปอีก รู้สึกอายจนลมแทบจะออกหูกับความลับระดับชาติที่มีแต่เพื่อน ๆ เท่านั้นที่รู้กัน ตอนนี้มีคนนอกล่วงรู้เพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อยตั้งสองคน ถึงอย่างนั้นก็ต้องพยายามปั้นหน้ายิ้ม

“อดีตค่ะนานมากแล้ว ตอนนี้ไม่ได้ชอบ” ว่าแล้วก็หันไปมองค้อนไอ้ตัวการที่ถึงกับทำตาโตเมื่อถูกค้อนเข้าให้

“แล้วแยมมีแฟนหรือยังครับ?” เสียงของหลีทำให้ต้องละสายตามองกลับมาอีกรอบ

“ยังไม่มีหรอกค่ะ”

“แล้ว… จีบได้ไหมครับ?” ดวงหน้าหล่อตี๋อินเตอร์ยิ้มกว้างจนตาแทบจะเป็นสระอิ

แต่ก่อนที่จะได้ตอบอะไร สองก็เดินเข้ามาขวางระหว่างกลาง พลางก็ผลักไหล่ฉันให้ถอยเข้าประตูห้องที่เปิดอ้าอยู่ให้เดินไปด้านใน

“อย่าลามปาม” ว่าแล้วก็โบกหัวเพื่อนไปหนึ่งที ในขณะที่หลีร้องลั่น

“อะไร? ก็เขาสวย กูก็ต้องรีบสอบถาม”

“พอได้ละ กูจะเข้าห้อง” สองไม่พูดเปล่าแต่เดินเบียดฉันเข้ามาอีก

“ไรของมึงเนี่ยไอ้สอง?”

“เจอกัน”

“เดี๋ยวดิ…”

ปึง!

ประตูปิดลงแล้วอย่างรวดเร็ว เสียงคนข้างนอกตะโกนด่าเพื่อนดังจนได้ยินเข้ามาถึงในนี้ แต่สองกลับทำเป็นไม่สนใจ และทันทีที่มันหมุนตัวกลับมาฉันก็ใช้กำปั้นทุบ ‘ปั้ก’ เข้าที่หน้าอกเพื่อนทันที

“อะไรเนี่ย?” คนตัวโตยกแขนขึ้นป้องการประทุษร้ายร่างกายเป็นรอบที่สอง แต่ฉันก็เปลี่ยนเป็นหยิกแขนแทน

“เอาเรื่องเราไปเล่าให้คนอื่นฟังได้ไง? น่าอายจะตาย!” ฉันร้องแหวอย่างเดือด ๆ ในขณะที่สองชะงักไปเล็กน้อย

“ชมว่าสวยมันน่าอายตรงไหน?”

“ไม่ใช่เรื่องนั้น! แต่ที่ไปบอกคนอื่นว่าเราชอบสองต่างหาก!”

“อ้อ”

ปึก!!

ฉันทุบอกเข้าให้อีกทีอย่างหงุดหงิด แต่เจ้าตัวกลับหัวเราะเสียงดัง คว้ามือฉันเอาไว้จับแน่น

“ใจเย็นดิ”

“เราอาย!”

“เราไม่ใช่คนเล่า” ริมฝีปากสวยยกยิ้มกว้าง พลางก็หัวเราะไปด้วย แต่ฉันขำไม่ออก

“ถ้าไม่ใช่สองแล้วจะเป็นใคร ก็ไหนว่าเพื่อนกัน?”

“ไอ้โซ่มั้ง มันก็เป็นเพื่อนไอ้สองคนนั้นเหมือนกัน มันมาอยู่ที่นี่พักนึงเมื่อปีที่แล้ว”

“…” โซ่อีกแล้ว!

“ทีนี้เลิกตีได้ยัง?”

“เออ ปล่อยได้แล้ว”

ฉันพยายามจะกระชากมือตัวเองกลับ แต่สองกลับยื้อเอาไว้ สายตามองต่ำลงยังมือของฉันที่ตัวเองจับอยู่ ก่อนจะเลื่อนสายตามองสำรวจกันอยู่อึดใจ

“ผอมลงเยอะ มือมีแต่กระดูก”

“ช่างเหอะน่า”

ฉันดึงมือตัวเองกลับมาได้ในที่สุดแล้วรีบดึงเอาโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกง คิดว่าคงจะต้องโทรไปด่าไอ้โซ่อีกสักรอบ โดยไม่ทันได้สนใจสายตาของสองที่มองตามมา เห็นอีกทีก็ตอนที่คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน

แต่จังหวะนั้นปลายสายก็รับพอดี ฉันเลยไม่ทันได้หันไปสนใจสองต่อ รีบเดินเข้าห้องแล้วเริ่มโวยวายใส่ไอ้ตัวปากไม่มีหูรูดแทน
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 6

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 6 วันต่อมา หลังจากนอนคิดมาแล้วทั้งคืนว่าถึงยังไงก็คงจะต้องอยู่ที่นี่ไปก่อนอย่างเลี่ยงไม่ได้ จะให้ย้ายออกก็เปลืองเงินโดยใช่เหตุ แม้จะอยู่ห้องเดียวกัน แต่ก็แยกห้องนอนอยู่ดี ฉันเลยพยายามจะไม่คิดมากเรื่องที่ต้องอาศัยอยู่ร่วมชายคากับสอง แค่พยายามไม่ใกล้ชิด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-13
  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 7

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 7 ร้านอาหารเต็มไปด้วยผู้คนที่ออกมาทานข้าวมื้อค่ำ ดนตรีสดกำลังเล่นคลออยู่ที่เวทีทางด้านหน้า โต๊ะเราคงเป็นโต๊ะที่เสียงดังที่สุดเพราะไม่ได้เจอกันมานาน แต่ละคนก็เลยยิงคำถามเข้าใส่กันไม่หยุด ฉันไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่ว่าเก้อกระดากเขินอายเวลาอยู่กับบรรดาเพื่อนผู้ชายเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-13
  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 8

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 8 วันต่อมา “เปลี่ยนใหม่ทั้งหมดเลยเหรอคะ?” “ใช่ค่ะ” “แต่ว่าสินค้าของเราไม่เคย…” “เพราะแทบจะไม่เคยเปลี่ยนรูปลักษณ์ หรือลักษณะของตัวสินค้าเลยแม้ว่ายอดขายจะดิ่งฮวบลงทุกปีแบบนี้ มันก็เลยย่ำอยู่ที่เดิมไงคะ” “…” “แยมอยากจะ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-13
  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 9

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 9 วันต่อมา วันนี้เป็นวันหยุด…เพราะสองไม่ยอมให้บัตรเข้าฟิตเนสมา ทำให้ฉันออกมาวิ่งที่สวนด้านล่างคอนโดแทน เพราะยังเป็นเวลาเช้ามากส่งผลให้แดดไม่แรงเท่าไร ลมก็เย็นผ่อนคลาย ฟีลดีกว่าวิ่งในฟิตเนสเสียอีกและขืนไปกับสอง มีหวังคงไม่เป็นอันได้ออกกำลังกายเป็นแน่ แค่นึกถึ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-13
  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 10

    “มึงยังไม่ได้ไปสักหน่อย”“ว่าไงแยม วันนี้เราทำไรกันดี?”สองทำเป็นเมินเพื่อนหน้าตาเฉย แล้วหันมามองฉันอีกที และหลีก็เลิกสนใจสองไปแล้วเหมือนกันเพราะก๋วยเตี๋ยวถูกวางลงตรงหน้าพอดี“สองไปกับเพื่อนสิ เราว่าจะนอน”“งั้นเรานอนด้วย”“แค่ก ๆ”คนที่นั่งสูดเส้นก๋วยเตี๋ยวอยู่ฝั่งตรงข้ามสำลักเส้นจนหน้าแดง หลีเงยหน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-13
  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 11

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 10ตอนบ่ายหลังจากเมื่อเช้ากลับมาฉันก็เผลอหลับไป กระทั่งตอนนี้ผ่านไปได้หลายชั่วโมง ใจจริงก็อยากจะนอนต่ออีกหน่อย แต่ต้องฝืนสังขารลุกขึ้นเพื่อที่จะไปตากผ้าซึ่งซักทิ้งเอาไว้เมื่อช่วงสายของวันแต่พอเดินออกมาก็ต้องตกใจ เพราะมองออกไปด้านนอกตัวระเบียงเห็นร่างสูงของสองกำลังสะบัดผ้าตากอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-13
  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 12

    “อะไร…”“ยาทาแก้ปวดอยู่ในห้อง”“ก็แล้วทำไมไม่ไปหยิบเอง?”“โห! อะไรจะแล้งน้ำใจขนาดนั้น?”ว่าแล้วก็ทำหน้าตัดพ้อ จนฉันทนรำคาญไม่ไหว ต้องกระแทกเท้าเดินไปเอาให้ตามคำร้องขอ“อยู่ไหน?”“โต๊ะข้างเตียง”หลอดยาวางอยู่ที่โต๊ะข้างเตียงจริง ๆ อย่างที่เจ้าตัวว่า ซ้ำยังมีกล่องแผ่นแปะแก้ปวดอีกหลายกล่องที่ยังไม่ได้ใ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-13
  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 13

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 11 ออฟฟิศ “แพ็กเกจจิงแบบนี้คงจะสวยดีถ้าเป็นเมื่อห้าปีก่อน แต่ตอนนี้แบบนี้ทุกแบรนด์พากันทำเหมือนกันไปหมด เพราะงั้นตัวนี้ใช้ไม่ได้ค่ะ” “…” สไลด์ถูกปิดลงพร้อมกับสีหน้าหนักใจของทุกคนในทีมที่พร้อมพากันถอนหายใจ รวมถึงตัวฉันเองก็เหมือนกัน “

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-13

บทล่าสุด

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 96

    อาการที่ผมเป็นในตอนนี้…ทั้งสายตาที่ไม่สามารถหยุดมองอีกคนได้ รวมถึงก้อนเนื้อที่กลางอกเต้นตุบ ๆ เป็นจังหวะรัวเร็วราวกับผ่านการออกกำลังกายมาอย่างหนัก จะบอกว่าผม… ตกหลุมรักเข้าอย่างจัง… ก็ไม่ผิดนัก… ยิ่งมองคนที่เพิ่งรู้จักกัน ใจก็ยิ่งเต้นแรงยิ่งแยมเองก็ลอบมองมาเหมือนกันผมก็แทบจะกลั้

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 95

    ระยะปลอดเพื่อนตอนพิเศษ 4 หลายปีก่อน การเปิดเรียนของมหา’ลัยเริ่มต้นขึ้นแล้ว ทุกคนรอบข้างต่างก็เป็นนิสิตใหม่ หลังจากต้องอดทนนั่งฟังพวกพี่ว้ากอยู่นานกว่าสองชั่วโมง สุดท้ายผมก็ตัดสินใจว่าจะโดดรับน้องให้มันรู้แล้วรู้รอด หลังจากนั่งกินข้าวเย็นที่ร้านอาหารในซอยข้างมหา’ลัยเสร็จ เ

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 94

    “เหนื่อยไหม?” คนข้าง ๆ หันมาเอียงคอมองด้วยสีหน้าเห็นอกเห็นใจจนผมหลุดขำ “เหนื่อยอะไร?” “ก็สองทำทุกอย่างเลยนี่” สายตาเบนมองหน้าจอโน้ตบุ๊กที่เปิดค้างเอาไว้ “เหนื่อยก็บ้า เราแรงเยอะจะตาย มีพลังงานให้ใช้อีกเหลือเฟือ” “…” “กินข้าวเลยปะ? เราทำข้าวต้มกุ้งไว้”

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 93

    ระยะปลอดเพื่อนตอนพิเศษ 3 หลายเดือนต่อมา ตอนนี้จะบอกว่าผมเป็นพ่อบ้านเต็มตัวก็ไม่ผิดนัก… ถึงจะทำงานไปด้วย แต่ทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านผมเป็นคนจัดการเองทั้งหมด แยมกลับไปทำงานแล้วตั้งแต่สองเดือนหลังคลอด แม้จะอยากให้เมียพักอีกสักหน่อย แต่เจ้าตัวยืนยันว่ากลับมาแข็งแรงดีแล้ว เลยไม่อ

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 92

    ระยะปลอดเพื่อนตอนพิเศษ 2 หลายเดือนต่อมา ช่วงนี้แยมท้องแก่ใกล้คลอดเต็มทีเลยต้องหยุดงานรอคลอดมาได้สามเดือนเข้าให้แล้ว เป็นผมที่ยังทำงานอยู่ทุกวันกลับบ้านมาก็เห็นเมียนอนหลับไปแล้วเหมือนทุกที เห็นพี่เจี๊ยบบอกว่าท้องแรกมักจะดูไม่ค่อยออกเพราะว่าเป็นท้องสาว ท้องจะเล็ก ๆ เท่าที่ม

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 91

    ก็อารมณ์คนท้อง อยากจะกินอะไรใหม่ ๆ แทบทุกวันนั่นแหละ และผมก็พร้อมจะบึ่งไปซื้อให้เสมอ ห่วงก็แต่ช่วงที่แยมจะต้องอยู่บ้านคนเดียวหากท้องแก่ ใครมันจะมาหาข้าวหาปลาให้กินตอนกลางวัน โอเค… มันมีแอปฯ ให้สั่ง แต่ผมเองนี่แหละที่อยากจะเป็นคนบริการเมีย… หลังจากได้เกาเหลาเลือดหมูมาแล้ว กลับมาถึงบ

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 90

    ระยะปลอดเพื่อนตอนพิเศษ 1 SONG TALKS ร่างเล็กของคนเป็นเมียนั่งอยู่บนตักผม พาดขาไปทางด้านหนึ่งซบซีกตัวข้างหนึ่งอยู่บนอก มือสองข้างกำลังพิมพ์แชตคุยกับบริษัทคู่ค้าแห่งใหม่ซึ่งกำลังดีลงานร่วมกัน ตัวบ้านเงียบเชียบมีแค่เสียงต๊อกแต๊กจากมือถือคนในอ้อมแขนเท่านั้นที่กำลังดังอยู่ในขณ

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 89

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 47 หลายเดือนต่อมา วันนี้เป็นวันหยุด แต่เพราะเมื่อคืนฉันต้องถ่างตานั่งดูเทรนด์การตลาดแทบจะทั้งคืน ไหนจะโดนสองกวนอีก กว่าจะได้นอนก็เกือบจะรุ่งสาง ตื่นมาอีกทีก็ปาเข้าไปบ่ายโมง ที่นอนข้าง ๆ ว่างเปล่า สองคงจะตื่นนานแล้ว และป่านนี้คงจะลงไปหาอะไรทำท

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 88

    หลังจากนั้นก็เหลือแค่เราสองคนที่ยืนมองหน้ากันเอง สองยิ้มกว้างจับมือกันแน่น สายตากวาดมองหน้าฉันรอบที่เท่าไรของวันก็ไม่อาจจะทราบได้“เมียเราสวยโคตร”แล้วก็เอ่ยคำ ๆ เดิมออกมาด้วยสีหน้าภาคอกภูมิใจ จนฉันหลุดขำ“ขำไร?”“ก็ถ้าสองเพิ่งพูดเป็นครั้งแรกเราจะเขินอยู่หรอก แต่นี่แค่วันเดียวเราฟังประโยคนี้มาเกินยี

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status