แชร์

บทที่ 6

ผู้เขียน: ACHICHI
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-13 19:51:36

ระยะปลอดเพื่อน

ตอนที่ 6

วันต่อมา

หลังจากนอนคิดมาแล้วทั้งคืนว่าถึงยังไงก็คงจะต้องอยู่ที่นี่ไปก่อนอย่างเลี่ยงไม่ได้ จะให้ย้ายออกก็เปลืองเงินโดยใช่เหตุ แม้จะอยู่ห้องเดียวกัน แต่ก็แยกห้องนอนอยู่ดี ฉันเลยพยายามจะไม่คิดมากเรื่องที่ต้องอาศัยอยู่ร่วมชายคากับสอง

แค่พยายามไม่ใกล้ชิดมากไปก็คงพอ…

แต่มันก็ได้แค่คิด เพราะดูเหมือนอีกคนจะไม่ได้คิดแบบเดียวกัน…

แค่เดินออกมาจากห้องก็เห็นว่าสองนั่งรออยู่ก่อนแล้ว แต่วันนี้เจ้าตัวแต่งตัวเตรียมออกไปทำงานเรียบร้อย ในมือถือมาม่าคัพรสเย็นตาโฟเหมือนเคย

ฉันละสายตากลับมา พยายามดึงสติไม่ให้คิดถึงภาพในอดีตตอนที่เราอยู่หอรวมกับเพื่อนคนอื่น สองมักจะเป็นคนที่ตื่นก่อนทุกคนเสมอ และทุกเช้าก็จะต้องกินไอ้ถ้วยสีชมพูนั่นราวกับเป็นกิจวัตรประจำวัน

หลายปีผ่านไปก็ยังชอบอะไรเหมือนเดิม…

ฉันรีบใส่รองเท้าเพื่อที่จะเลี่ยงการสนทนา แล้วรีบเดินออกจากห้องโดยไม่คิดจะเอ่ยปากทักทายใด ๆ

แต่ระหว่างที่ยืนรอลิฟต์อยู่นั่นเอง อีกคนก็เดินตามออกมา ทั้งปากก็ยังคงเคี้ยวอยู่ ยกถ้วยมาม่าขึ้นกินด้วยท่าทีชิลล์ ๆ ก่อนจะเดินมาหยุดยืนที่ข้าง ๆ

“ติดรถไปด้วยได้ปะ?”

“ไม่เอา” ฉันปฏิเสธทันที

“เอา เดี๋ยวนี้น้ำมันแพง”

“แพงมากก็โบกวินมอเตอร์ไซค์ไปสิ”

“แค่ขอติดรถไปเอง แล้งน้ำใจโคตร”

“ไม่เอา เราอยากไปคนเดียว”

“ไปก็ไปที่เดียวกัน จะไปทำไมสองคันให้เปลืองน้ำมัน”

“…”

สุดท้ายก็ได้แต่กลอกตามองบนอย่างเหนื่อยใจ ขี้เกียจจะเถียงต่อ เพราะดูท่าอีกคนจะไปด้วยให้ได้อยู่ดี เรื่องเปลืองเงินอะไรนั่นไม่ใช่ปัญหากับลูกคนมีกะตังค์อย่างสองหรอก คงแค่อยากจะกวนกันมากกว่า

ถึงสองจะไม่ได้รวยเหมือนโซ่ซึ่งที่บ้านทำธุรกิจอสังหาฯ แต่เจ้าตัวก็รวยในระดับที่มีเบนซ์ขับเพราะฉันเห็นกุญแจรถวางส่งเดชทิ้งไว้ไม่เป็นที่เป็นทาง แม้เราจะทำงานที่เดียวกัน แถมสองยังมีสถานะเป็นลูกทีม แต่ฉันก็รู้ดีว่าบ้านเพื่อนเป็นคนมีฐานะพอสมควร

และใช่… ไม่กี่นาทีถัดมาก็ได้เห็นคนตัวโตนั่งอยู่ข้าง ๆ กันบนรถ มือจับนู่นจับนี่ไปเรื่อย ฉันได้แต่นั่งเงียบอย่างจำใจ แม้จะยอมให้มาด้วยกันเพราะก็เห็นด้วยกับที่สองอ้างเรื่องไปที่เดียวกันก็ควรไปคันเดียวกัน

กระนั้นอีกฝ่ายชวนคุยอะไร ฉันก็แกล้งทำเป็นเมิน ตั้งหน้าตั้งตาขับรถท่าเดียว

ถามว่าอีกคนหยุดพล่ามไหม?

ก็ไม่…

ไอ้ที่ตั้งใจว่าจะอยู่ห่าง ๆ คงจะไม่ได้ง่ายอย่างที่ใจคิด บอกไปหรือยังว่าเพื่อนที่หน้าด้านหน้าทนที่สุดเท่าที่ฉันเคยมี ก็สองนี่ไง…

13.00 น.

“คุณแยมรู้ถึงสาเหตุที่ต้องย้ายมาช่วยที่นี่แล้วใช่ไหม?”

“แยมทราบมาแค่คร่าว ๆ ค่ะพี่อ้อย”

เอกสารปึกใหญ่ถูกเลื่อนมาตรงหน้าฉัน ในห้องทำงานของพี่อ้อยมีแค่เราสองคนเท่านั้นที่กำลังคุยกันอยู่คนละฝั่งของโต๊ะทำงานตัวใหญ่

เจ้าของห้องยกยิ้มเล็กน้อย ถึงอย่างนั้นนัยน์ตาก็มีแววเคร่งเครียดจริงจัง ในขณะที่ฉันเปิดเอกสารดูทีละหน้า อีกฝ่ายก็พูดต่อ

“ยอดขายของบริษัทเราตกอย่างต่อเนื่องมาสองสามปีแล้ว”

“ค่ะ”

“เห็นว่าตอนคุณแยมอยู่ที่นู่นช่วยงานคุณกานต์ได้เยอะเลย”

“แยมทำเท่าที่ทำได้ค่ะ”

“แต่เท่าที่พี่ฟังมา คุณกานต์บอกว่าคุณแยมมีความสามารถ และเป็นคนทำงานเก่ง นี่คือสาเหตุที่ทางนู้นส่งคุณแยมมาช่วยดึงยอดของบริษัทเราไง”

“แยมจะพยายามทำให้ดีที่สุดค่ะ”

ฉันยิ้มให้พี่อ้อย พลางก็เลื่อนสายตาดูกราฟยอดขายของปีที่แล้วในแผ่นกระดาษที่ดิ่งลงทุกไตรมาส อันที่จริงก็รู้อยู่ก่อนแล้ว แต่พอมาเห็นของจริงก็แอบหนักใจไม่น้อย

“มันไม่ใช่แค่เรื่องวัดผลที่เราจะต้องมาดูกันทีหลัง พี่มีอีกเรื่องต้องบอกคุณแยมไว้ด้วย”

น้ำเสียงเป็นจริงเป็นจัง ประกอบกับการขยับตัวนั่งหลังตรงของพี่อ้อยทำให้ฉันต้องปิดเอกสารลงเงยหน้าขึ้นมอง

“ทีมบริหารคุยกันเรื่องนี้เมื่อเดือนก่อนเพราะยอดขายมันย่ำแย่อย่างที่ได้เห็น…”

“…”

“เราคิดว่าอาจจะต้องยุบทีมนี้ลง หากว่ายอดขายยังไม่เป็นไปตามเป้าที่วางไว้”

“พี่อ้อยหมายถึง…”

“ไม่เกี่ยวกับคุณแยมหรอก ที่ดึงเอาคุณแยมมาเพราะเราต้องการคนเก่งมาช่วยงาน แต่พี่กำลังหมายถึงคนอื่น ๆ”

“ในทีมเหรอคะ?”

“ทุกคน”

“…”

“จริง ๆ ทางบริษัทจะเชิญออกโดยให้เงินชดเชยเลยก็ย่อมทำได้ แต่เพราะหลายคนก็อยู่กันมานานตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท เลยอยากจะให้โอกาสเป็นครั้งสุดท้าย”

“…”

“พี่ต้องบอกคุณแยมเพราะอย่างน้อยคุณก็เป็นหัวหน้าโปรเจกต์นี้ แต่เรื่องที่พี่จะขอก็คือรบกวนคุณแยมอย่าบอกเรื่องนี้ให้คนในทีมรู้”

“ทำไมล่ะคะ?”

“เพราะเราอยากจะทดสอบความสามารถของทุกคนเป็นครั้งสุดท้าย หากบอกไปบางคนอาจจะตั้งใจทำงานขึ้นมาก็จริง แต่ก็ไม่รับรองผลการทำงานในอนาคต แต่บางคนอาจไม่มีแก่จิตแก่ใจทำงาน และอาจจะลาออกกลางคันเลยก็เป็นไปได้”

“ค่ะ”

“ยังไงทุกคนก็อยู่กันมานาน พี่ก็อยากให้รอดไปด้วยกัน ถึงแม้จะเพิ่งมาร่วมงานกัน แต่พี่ก็หวังว่าคุณแยม…”

“พี่อ้อยไม่ต้องห่วงค่ะ แยมจะพยายามเต็มที่”

ฉันยิ้มให้คนตรงหน้าที่มีสีหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้ปากจะยิ้มแต่ใจฉันเองก็ตระหนกกับสิ่งที่เพิ่งได้ยินไม่น้อยเหมือนกัน

การมารับงานในตำแหน่งนี้คงจะไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เสียแล้ว เพราะมีเรื่องของตำแหน่งหน้าที่การงานของคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย อีกนัยหนึ่งก็หมายรวมไปถึงต้องการพิสูจน์ความสามารถของฉันไปในตัว

เจองานช้างเข้าแล้วสินะแยม…

ตอนค่ำ

ตอนแรกฉันก็กะว่าจะไม่ไป…

แต่เพราะเพื่อนทุกคนเอาแต่เร่งเร้าให้ไปเจอหน้ากันหลังจากที่ไม่ได้นัดครบทีมกันมานาน สุดท้ายก็ต้องลุกขึ้นมาแต่งตัวตอนเกือบจะหนึ่งทุ่ม

และสองก็นั่งรออยู่ก่อนแล้วที่โซฟา แค่เห็นว่าฉันเดินออกมา เจ้าตัวก็ดีดตัวลุกขึ้นยืนหันไปคว้าเอาหมวกมาสวมทันที

เรือนร่างสูงโปร่งของเพื่อนต่างไปจากตอนกลางวันซึ่งแต่งตัวไปทำงานด้วยเชิ้ตกับสแล็กส์เรียบร้อย สองอยู่ในชุดหล่อที่เห็นแล้วก็ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าดูดีมาก

ดวงหน้าขาวสะอาดยกยิ้มมุมปากเลื่อนสายตามองกันไม่ต่างจากที่ฉันมอง แม้จะไม่ได้เอ่ยปากแซวใด ๆ แต่ฉันก็ขัดเขินกับสายตาแบบนั้นอยู่ดี

นอกเวลาทำงานฉันมักจะเลือกใส่เสื้อผ้าสไตล์เซ็กซี่อยู่เสมอเพราะความชอบส่วนตัว แต่เพราะสายตาของสองทำให้อยากจะเข้าไปเปลี่ยนเอาเสื้อยืดกับกางเกงขายาวมาใส่แทนเดรสสั้นสีเลือดนกแหวกกลางอกที่กำลังใส่อยู่ให้รู้แล้วรู้รอด

ก็ยังดี… ที่อีกคนไม่มาปากมากอะไรเอาเวลานี้ ไม่งั้นคงได้เปลี่ยนเข้าให้จริง ๆ สองก็แค่มอง…

“ไปรถเราก็ได้” คนที่เดินนำออกจากห้องไปก่อนเอ่ยขึ้น “ตอนไปทำงานก็ไปรถแยม เวลาไปข้างนอกก็ไปรถเราแบบนี้ดีปะ?”

“ต่างคนต่างไปก็ได้” ฉันตอบส่ง ๆ แต่ก็ขี้คร้านจะขัด

“ตามนี้แหละ” ก็เพราะสุดท้ายแล้วสองก็เอาแต่ใจตัวเหมือนเคย

ไม่นานเรามาถึงสถานที่ซึ่งนัดกันกับคนอื่นไว้ แต่ยังไม่ทันที่จะได้ลงจากรถ คนขับก็หันมาคว้าแขนฉันเอาไว้เสียก่อน พอหันไปมอง เจ้าตัวก็ทำหน้าแปลกไปกว่าทุกที

“มีอะไร?”

“จริง ๆ เราไม่อยากจะก้าวก่าย”

“งั้นลง”

“เฮ้ย เดี๋ยวดิ”

“มีอะไรก็พูดมาสิ”

“…”

คนข้าง ๆ ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะพยักพเยิดมาทางฉัน สายตามองต่ำลงที่ช่องว่างระหว่างทรวงอกซึ่งมองเห็นร่องนมที่ก็อาจจะมากเกินพอดีไปหน่อย

“ตอนแรกก็ว่าสวยดี…”

“ทะลึ่งอีกแล้ว!”

“เฮ้ย อย่าเพิ่งตี”

“ก็เอาแต่ลามก!”

“เออ ไม่ปฏิเสธหรอก ผู้ชายก็ลามกงี้ทั้งนั้น”

“ทุเรศ!”

“เฮ้ย! เจ็บ ๆ เล็บยาวขนาดนี้ เนื้อเราหลุดขึ้นมาทำไง?”

“เจ็บสิดี!”

“ก็นมเท่าหัวเด็ก ใครมันจะไม่มอง!”

“สอง!”

ฉันตั้งท่าจะทึ้งหัวเพื่อนสักที แต่สองกลับคว้ามือเอาไว้ได้ทัน หัวเราะเสียงดัง ไม่ได้สำนึกอะไรทั้งนั้น นัยน์ตาเป็นประกายมองกันอยู่ครู่ก็เอี้ยวตัวไปที่เบาะหลัง คว้าเอาอะไรสักอย่างมาโยนให้

“นี่อะไร?”

“ใส่คลุมหน่อยเหอะ นี่ขนาดเราไม่ได้ตั้งใจจะมองยังเห็นไปถึงไหนต่อไหน เมื่อกี้นี่แทบไม่มีสมาธิขับรถเลยนะ”

“นี่แอบมองนมเราตลอดทางเลย?”

“นิดหน่อยเอง”

“…” ใกล้จะบ้าแล้วนะเอาจริง ๆ

“เราแค่เป็นห่วง ถึงไอ้พวกนั้นจะเป็นเพื่อนเรา แต่ยังไงก็มีแต่ผู้ชาย” น้ำเสียงจริงจังขึ้นเล็กน้อยเอ่ยต่อ แต่ย้ำว่าแค่เล็กน้อยเท่านั้น

ฉันส่ายหน้าไม่เห็นด้วย

“เราต้องห่วงตัวเองที่อยู่กับสองมากกว่า”

“โห! แล้วจะแรงเพื่อ?” ถึงจะร้องบอกแบบนั้น แต่สีหน้าสองก็ไม่ได้สลดลงแม้แต่น้อย ยังคงมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าเหมือนเดิม

“เราไม่ใส่ เราอยากแต่งตัวสวย ๆ ถ่ายรูป” ฉันปฏิเสธด้วยการโยนเสื้อคืนไป

“ไม่เอา”

“อย่างอแงดิ๊” ประโยคนี้ฉันพูดเอง และนั่นทำให้คนที่โตแต่ตัวเริ่มจะกลอกตามองบนส่งเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจ

ใช่ว่าไม่เคยเห็นไอ้อาการแบบนี้… บอกเลยว่าเห็นมาจนชิน…

ก็แค่ไม่ได้เห็นมานานแล้วเท่านั้น…

สุดท้ายเราก็เดินลงมาจากรถ โดยที่ฉันก็ยังยืนยันที่จะไม่คลุมอะไรทั้งนั้น ถึงอีกคนก็เลิกโน้มน้าว กลับเดินมาทิ้งแขนคล้องคอกันแบบที่เล่นเอาฉันสะดุ้งสุดตัว

“สอง”

ฉันพยายามจะสะบัดเอาแขนคนข้าง ๆ ออก เพราะไม่ได้เจอกับการกระทำแบบนี้มานานมากแล้ว แต่คนสูงกว่ากลับโน้มใบหน้าลงมาจนใกล้

“เราคิดถึง”

“…”

“ไม่ได้กอดคอแยมแบบนี้ตั้งนาน”

“…”

สองยังคงยิ้มกว้างอยู่อย่างนั้น เป็นฉันเองที่แทบจะเสียอาการกับน้ำเสียงแหบห้าว กับนัยน์ตาเป็นประกายที่จดจ้องกันในระยะประชิด

ก็โชคยังดีที่ดึงสติตัวเองกลับมาได้ทัน รีบสะบัดแขนสองออก ก่อนจะสับเท้าหนี แบบที่เกือบจะเรียกได้ว่ากึ่งเดินกึ่งวิ่งเลยทีเดียว

เสียงหัวเราะชอบอกชอบใจของอีกคนยังคงดังไล่หลังตามมา…

รู้หรือยัง…

ว่าทำไมฉันในตอนนั้นถึงได้หลงรักเพื่อนสนิทตัวเองเข้าเต็มเปา…
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 7

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 7 ร้านอาหารเต็มไปด้วยผู้คนที่ออกมาทานข้าวมื้อค่ำ ดนตรีสดกำลังเล่นคลออยู่ที่เวทีทางด้านหน้า โต๊ะเราคงเป็นโต๊ะที่เสียงดังที่สุดเพราะไม่ได้เจอกันมานาน แต่ละคนก็เลยยิงคำถามเข้าใส่กันไม่หยุด ฉันไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่ว่าเก้อกระดากเขินอายเวลาอยู่กับบรรดาเพื่อนผู้ชายเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-13
  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 8

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 8 วันต่อมา “เปลี่ยนใหม่ทั้งหมดเลยเหรอคะ?” “ใช่ค่ะ” “แต่ว่าสินค้าของเราไม่เคย…” “เพราะแทบจะไม่เคยเปลี่ยนรูปลักษณ์ หรือลักษณะของตัวสินค้าเลยแม้ว่ายอดขายจะดิ่งฮวบลงทุกปีแบบนี้ มันก็เลยย่ำอยู่ที่เดิมไงคะ” “…” “แยมอยากจะ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-13
  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 9

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 9 วันต่อมา วันนี้เป็นวันหยุด…เพราะสองไม่ยอมให้บัตรเข้าฟิตเนสมา ทำให้ฉันออกมาวิ่งที่สวนด้านล่างคอนโดแทน เพราะยังเป็นเวลาเช้ามากส่งผลให้แดดไม่แรงเท่าไร ลมก็เย็นผ่อนคลาย ฟีลดีกว่าวิ่งในฟิตเนสเสียอีกและขืนไปกับสอง มีหวังคงไม่เป็นอันได้ออกกำลังกายเป็นแน่ แค่นึกถึ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-13
  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 10

    “มึงยังไม่ได้ไปสักหน่อย”“ว่าไงแยม วันนี้เราทำไรกันดี?”สองทำเป็นเมินเพื่อนหน้าตาเฉย แล้วหันมามองฉันอีกที และหลีก็เลิกสนใจสองไปแล้วเหมือนกันเพราะก๋วยเตี๋ยวถูกวางลงตรงหน้าพอดี“สองไปกับเพื่อนสิ เราว่าจะนอน”“งั้นเรานอนด้วย”“แค่ก ๆ”คนที่นั่งสูดเส้นก๋วยเตี๋ยวอยู่ฝั่งตรงข้ามสำลักเส้นจนหน้าแดง หลีเงยหน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-13
  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 11

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 10ตอนบ่ายหลังจากเมื่อเช้ากลับมาฉันก็เผลอหลับไป กระทั่งตอนนี้ผ่านไปได้หลายชั่วโมง ใจจริงก็อยากจะนอนต่ออีกหน่อย แต่ต้องฝืนสังขารลุกขึ้นเพื่อที่จะไปตากผ้าซึ่งซักทิ้งเอาไว้เมื่อช่วงสายของวันแต่พอเดินออกมาก็ต้องตกใจ เพราะมองออกไปด้านนอกตัวระเบียงเห็นร่างสูงของสองกำลังสะบัดผ้าตากอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-13
  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 12

    “อะไร…”“ยาทาแก้ปวดอยู่ในห้อง”“ก็แล้วทำไมไม่ไปหยิบเอง?”“โห! อะไรจะแล้งน้ำใจขนาดนั้น?”ว่าแล้วก็ทำหน้าตัดพ้อ จนฉันทนรำคาญไม่ไหว ต้องกระแทกเท้าเดินไปเอาให้ตามคำร้องขอ“อยู่ไหน?”“โต๊ะข้างเตียง”หลอดยาวางอยู่ที่โต๊ะข้างเตียงจริง ๆ อย่างที่เจ้าตัวว่า ซ้ำยังมีกล่องแผ่นแปะแก้ปวดอีกหลายกล่องที่ยังไม่ได้ใ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-13
  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 13

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 11 ออฟฟิศ “แพ็กเกจจิงแบบนี้คงจะสวยดีถ้าเป็นเมื่อห้าปีก่อน แต่ตอนนี้แบบนี้ทุกแบรนด์พากันทำเหมือนกันไปหมด เพราะงั้นตัวนี้ใช้ไม่ได้ค่ะ” “…” สไลด์ถูกปิดลงพร้อมกับสีหน้าหนักใจของทุกคนในทีมที่พร้อมพากันถอนหายใจ รวมถึงตัวฉันเองก็เหมือนกัน “

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-13
  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 14

    ที่เราสองคนต้องมานั่งคุยกันในแชตแบบนี้เป็นเพราะฉันขอเอาไว้เอง ไม่งั้นสองคงจะมาวอแวไม่เลิกแม้จะเป็นที่ทำงาน ก็ยังดีที่พูดรู้เรื่อง ฉันไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แต่ผุดตัวลุกขึ้นยืน คว้าแฟ้มมากอดไว้แนบอก ก่อนจะเดินผ่านหน้าคนที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม สองมองตามมากระทั่งประตูห้องปิดลง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-13

บทล่าสุด

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 96

    อาการที่ผมเป็นในตอนนี้…ทั้งสายตาที่ไม่สามารถหยุดมองอีกคนได้ รวมถึงก้อนเนื้อที่กลางอกเต้นตุบ ๆ เป็นจังหวะรัวเร็วราวกับผ่านการออกกำลังกายมาอย่างหนัก จะบอกว่าผม… ตกหลุมรักเข้าอย่างจัง… ก็ไม่ผิดนัก… ยิ่งมองคนที่เพิ่งรู้จักกัน ใจก็ยิ่งเต้นแรงยิ่งแยมเองก็ลอบมองมาเหมือนกันผมก็แทบจะกลั้

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 95

    ระยะปลอดเพื่อนตอนพิเศษ 4 หลายปีก่อน การเปิดเรียนของมหา’ลัยเริ่มต้นขึ้นแล้ว ทุกคนรอบข้างต่างก็เป็นนิสิตใหม่ หลังจากต้องอดทนนั่งฟังพวกพี่ว้ากอยู่นานกว่าสองชั่วโมง สุดท้ายผมก็ตัดสินใจว่าจะโดดรับน้องให้มันรู้แล้วรู้รอด หลังจากนั่งกินข้าวเย็นที่ร้านอาหารในซอยข้างมหา’ลัยเสร็จ เ

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 94

    “เหนื่อยไหม?” คนข้าง ๆ หันมาเอียงคอมองด้วยสีหน้าเห็นอกเห็นใจจนผมหลุดขำ “เหนื่อยอะไร?” “ก็สองทำทุกอย่างเลยนี่” สายตาเบนมองหน้าจอโน้ตบุ๊กที่เปิดค้างเอาไว้ “เหนื่อยก็บ้า เราแรงเยอะจะตาย มีพลังงานให้ใช้อีกเหลือเฟือ” “…” “กินข้าวเลยปะ? เราทำข้าวต้มกุ้งไว้”

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 93

    ระยะปลอดเพื่อนตอนพิเศษ 3 หลายเดือนต่อมา ตอนนี้จะบอกว่าผมเป็นพ่อบ้านเต็มตัวก็ไม่ผิดนัก… ถึงจะทำงานไปด้วย แต่ทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านผมเป็นคนจัดการเองทั้งหมด แยมกลับไปทำงานแล้วตั้งแต่สองเดือนหลังคลอด แม้จะอยากให้เมียพักอีกสักหน่อย แต่เจ้าตัวยืนยันว่ากลับมาแข็งแรงดีแล้ว เลยไม่อ

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 92

    ระยะปลอดเพื่อนตอนพิเศษ 2 หลายเดือนต่อมา ช่วงนี้แยมท้องแก่ใกล้คลอดเต็มทีเลยต้องหยุดงานรอคลอดมาได้สามเดือนเข้าให้แล้ว เป็นผมที่ยังทำงานอยู่ทุกวันกลับบ้านมาก็เห็นเมียนอนหลับไปแล้วเหมือนทุกที เห็นพี่เจี๊ยบบอกว่าท้องแรกมักจะดูไม่ค่อยออกเพราะว่าเป็นท้องสาว ท้องจะเล็ก ๆ เท่าที่ม

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 91

    ก็อารมณ์คนท้อง อยากจะกินอะไรใหม่ ๆ แทบทุกวันนั่นแหละ และผมก็พร้อมจะบึ่งไปซื้อให้เสมอ ห่วงก็แต่ช่วงที่แยมจะต้องอยู่บ้านคนเดียวหากท้องแก่ ใครมันจะมาหาข้าวหาปลาให้กินตอนกลางวัน โอเค… มันมีแอปฯ ให้สั่ง แต่ผมเองนี่แหละที่อยากจะเป็นคนบริการเมีย… หลังจากได้เกาเหลาเลือดหมูมาแล้ว กลับมาถึงบ

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 90

    ระยะปลอดเพื่อนตอนพิเศษ 1 SONG TALKS ร่างเล็กของคนเป็นเมียนั่งอยู่บนตักผม พาดขาไปทางด้านหนึ่งซบซีกตัวข้างหนึ่งอยู่บนอก มือสองข้างกำลังพิมพ์แชตคุยกับบริษัทคู่ค้าแห่งใหม่ซึ่งกำลังดีลงานร่วมกัน ตัวบ้านเงียบเชียบมีแค่เสียงต๊อกแต๊กจากมือถือคนในอ้อมแขนเท่านั้นที่กำลังดังอยู่ในขณ

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 89

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 47 หลายเดือนต่อมา วันนี้เป็นวันหยุด แต่เพราะเมื่อคืนฉันต้องถ่างตานั่งดูเทรนด์การตลาดแทบจะทั้งคืน ไหนจะโดนสองกวนอีก กว่าจะได้นอนก็เกือบจะรุ่งสาง ตื่นมาอีกทีก็ปาเข้าไปบ่ายโมง ที่นอนข้าง ๆ ว่างเปล่า สองคงจะตื่นนานแล้ว และป่านนี้คงจะลงไปหาอะไรทำท

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 88

    หลังจากนั้นก็เหลือแค่เราสองคนที่ยืนมองหน้ากันเอง สองยิ้มกว้างจับมือกันแน่น สายตากวาดมองหน้าฉันรอบที่เท่าไรของวันก็ไม่อาจจะทราบได้“เมียเราสวยโคตร”แล้วก็เอ่ยคำ ๆ เดิมออกมาด้วยสีหน้าภาคอกภูมิใจ จนฉันหลุดขำ“ขำไร?”“ก็ถ้าสองเพิ่งพูดเป็นครั้งแรกเราจะเขินอยู่หรอก แต่นี่แค่วันเดียวเราฟังประโยคนี้มาเกินยี

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status