แชร์

บทที่ 4

ผู้เขียน: ACHICHI
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-12 17:38:37

ระยะปลอดเพื่อน

ตอนที่ 4

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

สายตาทุกคู่จับจ้องมองมาในขณะที่พี่อ้อยดีเอ็มดี (รองกรรมการผู้จัดการ)กำลังแนะนำฉันให้เพื่อนร่วมงานรู้จัก รวมถึงแนะนำคนอื่นให้ฉันรู้จักด้วย

ทว่าสมองฉันในตอนนี้ราวกับจะดับไปเสียแล้ว หูอื้อฟังอะไรแทบไม่รู้เรื่อง แม้สายตาพยายามจะเบนมองไปทางอื่น แต่ก็เห็นสองได้จากทางหางตาอยู่ดี

และแม้พยายามจะยิ้มให้ทุกคน แต่ตอนนี้คงจะเป็นยิ้มที่แข็งทื่อน่าดู หลังจากพี่อ้อยแนะนำเพื่อนร่วมงานคนสุดท้ายให้รู้จักเรียบร้อย ก็หันมามองหน้ากันอีกครั้ง รอยยิ้มกว้างประดับบนใบหน้าด้วยความรู้สึกยินดี

“คุณแยมจะมาเป็นพีเอ็ม (ผู้จัดการโปรเจกต์) คนใหม่ของเรา ยังไงก็ฝากทุกคนให้การต้อนรับผู้จัดการคนใหม่ด้วย”

“สวัสดีค่ะ แยมค่ะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”

ฉันก้มหัวเล็กน้อย พยายามยิ้มหวานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

เพราะโปรเจกต์ที่ว่านี้หากทำสำเร็จอาจส่งผลให้ตัวฉันได้เลื่อนขั้นเร็วขึ้น และการถูกโยกย้ายตำแหน่งงานมาที่นี่ หนึ่งในผลประโยชน์ที่ฉันจะได้รับหากทำสำเร็จก็คือการพิจารณาเลื่อนขั้นที่ว่านี้เอง

แต่ก็อาจจะไม่ได้ง่ายอย่างที่ใจคิด…

สายตานับสิบคู่จ้องมองมา แม้ริมฝีปากทุกคนจะยิ้ม แต่สายตาของเพื่อนร่วมงานใหม่ต่างหันมองหน้ากันเอง ราวกับกำลังสื่อสารกันผ่านทางโทรจิตยังไงยังงั้น ถึงขั้นที่ว่าเลื่อนสายตาสำรวจการแต่งกายของฉันกันคนละทีสองที

แม้วันนี้ฉันจะแต่งตัวสุภาพเรียบร้อยด้วยชุดสูทเป็นการเป็นงาน แต่ก็อย่างที่บอกว่าสีสันของมันอาจจะจัดจ้านเกินไปไม่มากก็น้อย ตอนนี้เลยดูเหมือนตัวเองกำลังเรืองแสงอยู่ตรงกลางห้องท่ามกลางสายตาคนอื่น ๆ ที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าโทนสีเรียบเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

หากแต่สายตาแปลก ๆ ของทุกคนรวมกันยังไม่เท่ากับสายตาของคนคนหนึ่งที่กำลังนั่งเท้าคางมองมาจากมุมหนึ่งทางด้านขวา

และฉันก็สาบานเลยว่าไม่รู้มาก่อนจริง ๆ ว่าสองทำงานอยู่ที่นี่

ก็ถ้าหากรู้… หัวเด็ดตีนขาดยังไงฉันก็ไม่มา!

ตอนค่ำ

การเริ่มงานใหม่ในวันแรกเป็นไปอย่างเหม่อลอย ตั้งแต่เที่ยงวันลากยาวกระทั่งกลับมาถึงห้อง ตลอดทั้งวันฉันแทบไม่มีแก่จิตแก่ใจในการทำงาน แม้จะมีห้องส่วนตัวแยกจากคนอื่น ๆ ทว่าห้องนั้นกลับเป็นกระจกใสมองเห็นทุกคนได้ถนัดชัดตา

แม้จะเป็นคนที่ถูกคนอื่นจับตามองเสมอตั้งแต่ยังอยู่ที่เก่า เนื่องจากการทำงานแบบก้าวกระโดดเร็วกว่าชาวบ้าน แต่ที่นั่นก็ไม่เหมือนกันกับที่นี่เลยสักนิด

ที่นี่ดูเหมือนทุกคนจะแบ่งฝักแบ่งฝ่ายอย่างชัดเจน และแน่นอนว่าคนมาใหม่แบบฉันหัวเดียวกระเทียมลีบสุด ๆ

แต่ที่แย่ยิ่งกว่าสายตาประหลาดพวกนั้นที่วันหนึ่งคงทำใจให้ชินได้ คงไม่พ้นเรื่องที่สองเอาแต่ชำเลืองมองกันแทบจะทุก ๆ ห้านาทีตลอดทั้งวัน

และทันทีที่กลับมาถึงห้อง ฉันก็ต้องทำทุกอย่างแข่งกับเวลา ไหนจะต้องรีบเอารองเท้าออกมาเรียงเข้าชั้น ไหนจะต้องเก็บของ ไหนจะต้องทิ้งขยะ กว่าจะได้อาบน้ำก็ปาไปเกือบสองทุ่ม และห้องน้ำก็ดันต้องใช้ร่วมกัน

อาบไปก็กระวนกระวายไปว่าอีกคนจะกลับเข้ามาเมื่อไร เอาเป็นว่าหัวสมองตอนนี้มันหวาดระแวงไปหมด

จริง ๆ แล้วฉันไม่ได้กลัวสอง

แต่ฉันกลัว… กลัวว่าระหว่างเราจะกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม และเพราะรู้นิสัยตัวเองดีว่าแพ้ให้กับความสัมพันธ์ใกล้ชิดแบบที่เคยผ่านมาแล้ว ทำให้การอยู่กันอย่างห่าง ๆ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

ไม่งั้นหากกลับไปลงอีหรอบเดิม คนที่จะนั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่าคงจะเป็นฉันเหมือนเดิม เอาเป็นว่าไม่เสี่ยงดีกว่า

แกร๊ก!

“…”

“…”

มันคงจะเป็นคราวซวยของฉันเองที่ไม่รีบอาบน้ำก่อนที่จะทำกิจกรรมอย่างอื่น ตอนนี้เลยต้องมาเผชิญกับสายตาคมที่ชำเลืองมองมา สองเตะรองเท้าไปทางหนึ่งส่งเดช โยนกุญแจรถไว้บนชั้นวางรองเท้า บ่งชัดว่าเพิ่งจะกลับมา

สิ่งที่ฉันทำได้ในตอนนี้คือกอดผ้าเช็ดตัวที่ห่อหุ้มเรือนร่างอยู่เอาไว้แน่น แล้วรีบสาวเท้าเร็ว ๆ เพื่อที่จะเข้าห้อง แต่อีกฝ่ายก็ราวกับจะรู้ทัน รีบเดินมาขวางหน้าประตูเอาไว้

“หลบไป เราจะเข้าห้อง”

ฉันช้อนสายตาขึ้นมองคนตัวสูงกว่า พยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติ แม้ว่าจะแอบร้อน ๆ หนาว ๆ ไปทั้งตัวกับสายตาของคนตรงหน้าก็ตามที

แต่สองก็ไม่ยอมหลีกทางให้ ทั้งยังทิ้งแผ่นหลังพิงประตูอีกต่างหาก จนต้องร้องบอกอีกครั้งอย่างหงุดหงิด

“หลบ”

“ถ้าเราให้แยมเข้าห้องก็คงไม่ได้คุย”

“มีเรื่องอะไรให้คุย เราจะไปนอนแล้ว”

“นี่เพิ่งจะสองทุ่ม”

“เรานอนไว”

“เมื่อก่อนเห็นตีสองตีสามยังคุยกับเราได้ตลอด”

“นั่น… มันเมื่อก่อน”

สองคงจะหมายถึงเมื่อก่อนที่ไม่ว่าจะกี่โมงกี่ยามฉันผู้เป็นเพื่อนสนิทก็จะสแตนด์บายรออยู่เสมอไม่ว่ามันจะไปทำอะไรมาก็ตาม แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วไง

“ขอเบอร์”

“อะไร…”

โทรศัพท์มือถือของคู่สนทนาถูกยื่นมาตรงหน้า เจ้าตัวไหวไหล่เล็กน้อยก่อนจะตอบ

“ก็เป็นทั้งเพื่อนร่วมห้อง เพื่อนร่วมงาน แถมยังเคยเป็นเพื่อนสนิท ขอเบอร์ไว้หน่อยจะเสียหายอะไร”

“เรา…”

“เอามาเหอะ แยมไม่ให้เดี๋ยวเราก็ไปหามาได้อยู่ดี”

“…”

อีกฝ่ายยกยิ้มอย่างเป็นต่อ และมันก็คงจริงตามนั้นหากจะหาจริง ๆ ก็คงไม่ยากอะไรนัก ยังไงเพื่อนของสองก็เป็นเพื่อนของฉันเหมือนกัน สุดท้ายเลยจำใจคว้าโทรศัพท์มากดเบอร์ติดต่อเอาไว้ให้

แต่พอเงยหน้ามองอีกทีก็ต้องรู้สึกอุณหภูมิข้างแก้มร้อนผ่าวขึ้นมา นัยน์ตานิ่งสนิทของสองจับจ้องอยู่บริเวณเนินอกที่โผล่พ้นขอบผ้าเช็ดตัวของฉันอย่างไม่คิดจะปิดบัง และฉันก็อายจนต้องยกมือปกปิดของสงวนของตัวเองเอาไว้ จนอีกคนบิดยิ้มขบขัน

“ไม่เห็นจะต้องเขิน”

“ไม่ได้เขิน”

“หน้าแดงขนาดนั้นไม่เขินแล้วเรียกว่าอะไร?”

“หลบไปได้แล้ว เราจะเข้าห้อง”

“ยังคุยไม่เสร็จ”

“จะเอาอะไรอีก?” ฉันแหวออกมาอย่างหมดความอดทน ก่อนจะลืมตัวผลักข้างแก้มของคนตรงหน้าให้หันมองไปทางอื่น “ถ้าจะคุย ต้องเลิกจ้องนมเราก่อน”

“ก็มันใหญ่…”

“ทุเรศ!”

อดไม่ได้จริง ๆ ที่จะแว้ดใส่เสียงดัง แต่คนโดนด่ากลับหัวเราะออกมาได้เมื่อกวนประสาทกันสำเร็จ ถึงอย่างนั้นก็ยอมเลื่อนสายตากลับมามองหน้าแทนที่จะจ้องนมเหมือนเดิม

“ทีเมื่อก่อนแยมเรียกไอ้ยักษ์เราว่าน้องหนอนเรายังไม่เคยว่า เวลาแยมมองน้องหนอนของเรา เราก็ไม่เคยหวง…”

“สอง!”

ฉันตะโกนตัดบทเสียงดังเมื่อคนบ้ายกเรื่องพวกนั้นขึ้นมาพูดหน้าตาเฉย ริมฝีปากยิ้มกว้างกว่าเดิมตอนที่โดนฟาดเข้าให้ที่ข้อแขน

ฉันไม่ได้มองไอ้น้องหนอนอะไรนั่นสักหน่อย ก็มันเห็นเอง!

เลิกเอาเรื่องเก่ามาพูดสักทีโว้ย! อาย!

“ทีงี้ทำมาเป็นหวงเนื้อหวงตัว”

“กับคนหน้าหนาแบบนี้ก็ต้องหวงหน่อย”

“เห็นมาเป็นพันเต้า แค่นี้ไม่ทำให้รู้สึกอะไรหรอก”

“หน้าไม่อาย ถ้าผ่านผู้หญิงมาขนาดนั้นไปตรวจเอดส์บ้างเหอะ”

“กินข้าวยัง?”

“…”

ฉันที่ตั้งท่าจะโวยวายอะไรต่อกลับต้องชะงักค้างไปกับประโยคที่สองขัดขึ้นกลางลำ ถึงเจ้าตัวเองก็ดูจะกระอักกระอ่วนพอกันที่เอ่ยออกมา กระนั้นสายตาก็ไม่ได้ละไปจากการจ้องสบตา

คงเป็นเพราะไม่ได้ยินคำเอ่ยชวนแบบนี้จากคนตรงหน้ามานาน ทำให้ฉันเผลอเงียบไปหลายวินาที ก่อนจะต้องตื่นจากภวังค์เพราะเสียงเปิดประตูห้องที่ดังขึ้นกะทันหัน

บานประตูห้องเปิดออกโดยไม่ทันตั้งตัวด้วยบุคคลที่สามจากด้านนอก และในขณะที่ฉันอยู่ในอารามตกใจ สองก็รีบขยับกายมายืนบังกันเอาไว้ทันที

ผู้ชายสองคนหน้าห้องกำลังจะเดินเข้ามากลับต้องชะงักนิ่งอยู่ตรงนั้นเมื่อคงจะเห็นว่าตอนนี้มีผู้หญิงในสภาพห่อผ้าเช็ดตัวยืนอยู่ด้วย

และสองก็เป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบขึ้น

“วันนี้พวกมึงห้ามเข้า”

“อะไร?” หนึ่งในสองคนเอ่ย กระนั้นคนที่ว่าก็ยอมก้าวถอยหลังออกไปอย่างพอจะรู้สถานการณ์

“เดี๋ยวกูไปหาที่ห้อง เพื่อนกูมาอยู่ด้วย”

“โอเค”

การสนทนาเป็นไปอย่างรวดเร็ว และประตูก็ปิดลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน คงมีแค่ฉันคนเดียวที่คิดช้ากว่าใครเพื่อน แต่ทันทีที่สบโอกาสจะหนีเข้าห้องก็ไม่ทันเสียแล้วเมื่อสองหันกลับมาคว้าแขนไว้ได้ทัน

ระหว่างเรามันใกล้เกินพอดีไปหน่อย ตัวฉันที่กำลังพยายามจะเปิดประตู มีสองยืนซ้อนอยู่ทางด้านหลัง แค่เหลียวสายตาขึ้นมองก็ต้องร้อนผ่าวไปทั้งตัว

เพราะคนที่ยืนซ้อนกันอยู่กำลังก้มหน้าลงมาจนใกล้ อีกทั้งสายตาก็จับจ้องบริเวณเนินเนื้อในมุมที่ถนัดชัดเจนยิ่งกว่าเมื่อครู่เสียอีก

“สะ… สอง”

“ยังเหมือนเดิม” เสียงแหบห้าวเอ่ยขัด สายตาเลื่อนกลับมาสบตา

“สองปล่อยก่อน”

“ตัวแยม…”

“…”

“ยังเป็นกลิ่นที่เราชอบเหมือนเดิม”

“…”

คงไม่ใช่ฉันคนเดียวที่ตกอยู่ในภาวะนิ่งงันกับสายตาและคำพูดของสอง ถึงเจ้าตัวเองก็คงจะเพิ่งรู้ตัวว่ามันใกล้มากไป

สองขยับตัวถอยห่าง พร้อมทั้งปล่อยแขนฉันให้เป็นอิสระก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว

“แต่งตัวเสร็จ ไปหาข้าวกินกัน”

“ไม่ไป”

“ให้เวลาสิบนาที”

“สอง”

“ถ้าไม่อยากคุยเรื่องของคนอื่น ๆ ที่ทำงานก็ตามใจ”

“…”

ดูเหมือนว่าคนเสนอจะตัดสินคำตอบได้เป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยไม่ต้องรอฟัง เป็นฉันเองที่หลับตาถอนหายใจก่อนจะรีบเดินเข้าห้องไปแต่งตัวตามคำสั่งอย่างจำใจ

โอเค… จะยอมให้รอบนึงก็แล้วกัน
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 5

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 5 ยี่สิบนาทีต่อมา สุดท้ายฉันก็ออกมากินข้าวกับสองจนได้… เราออกมาหาข้าวกินในละแวกใกล้กับคอนโด โดยที่สองเป็นคนเลือกร้าน และตอนนี้ข้าวแกงปักษ์ใต้ตรงหน้าก็ทำให้ฉันรู้สึกเจริญอาหารขึ้นมาเพราะคิดถึงบ้านเกิดเหลือเกิน อันที่จริงบ้านฉันอยู่ที่ภูเก็ต ตอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-12
  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 6

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 6 วันต่อมา หลังจากนอนคิดมาแล้วทั้งคืนว่าถึงยังไงก็คงจะต้องอยู่ที่นี่ไปก่อนอย่างเลี่ยงไม่ได้ จะให้ย้ายออกก็เปลืองเงินโดยใช่เหตุ แม้จะอยู่ห้องเดียวกัน แต่ก็แยกห้องนอนอยู่ดี ฉันเลยพยายามจะไม่คิดมากเรื่องที่ต้องอาศัยอยู่ร่วมชายคากับสอง แค่พยายามไม่ใกล้ชิด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-13
  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 7

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 7 ร้านอาหารเต็มไปด้วยผู้คนที่ออกมาทานข้าวมื้อค่ำ ดนตรีสดกำลังเล่นคลออยู่ที่เวทีทางด้านหน้า โต๊ะเราคงเป็นโต๊ะที่เสียงดังที่สุดเพราะไม่ได้เจอกันมานาน แต่ละคนก็เลยยิงคำถามเข้าใส่กันไม่หยุด ฉันไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่ว่าเก้อกระดากเขินอายเวลาอยู่กับบรรดาเพื่อนผู้ชายเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-13
  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 8

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 8 วันต่อมา “เปลี่ยนใหม่ทั้งหมดเลยเหรอคะ?” “ใช่ค่ะ” “แต่ว่าสินค้าของเราไม่เคย…” “เพราะแทบจะไม่เคยเปลี่ยนรูปลักษณ์ หรือลักษณะของตัวสินค้าเลยแม้ว่ายอดขายจะดิ่งฮวบลงทุกปีแบบนี้ มันก็เลยย่ำอยู่ที่เดิมไงคะ” “…” “แยมอยากจะ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-13
  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 9

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 9 วันต่อมา วันนี้เป็นวันหยุด…เพราะสองไม่ยอมให้บัตรเข้าฟิตเนสมา ทำให้ฉันออกมาวิ่งที่สวนด้านล่างคอนโดแทน เพราะยังเป็นเวลาเช้ามากส่งผลให้แดดไม่แรงเท่าไร ลมก็เย็นผ่อนคลาย ฟีลดีกว่าวิ่งในฟิตเนสเสียอีกและขืนไปกับสอง มีหวังคงไม่เป็นอันได้ออกกำลังกายเป็นแน่ แค่นึกถึ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-13
  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 10

    “มึงยังไม่ได้ไปสักหน่อย”“ว่าไงแยม วันนี้เราทำไรกันดี?”สองทำเป็นเมินเพื่อนหน้าตาเฉย แล้วหันมามองฉันอีกที และหลีก็เลิกสนใจสองไปแล้วเหมือนกันเพราะก๋วยเตี๋ยวถูกวางลงตรงหน้าพอดี“สองไปกับเพื่อนสิ เราว่าจะนอน”“งั้นเรานอนด้วย”“แค่ก ๆ”คนที่นั่งสูดเส้นก๋วยเตี๋ยวอยู่ฝั่งตรงข้ามสำลักเส้นจนหน้าแดง หลีเงยหน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-13
  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 11

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 10ตอนบ่ายหลังจากเมื่อเช้ากลับมาฉันก็เผลอหลับไป กระทั่งตอนนี้ผ่านไปได้หลายชั่วโมง ใจจริงก็อยากจะนอนต่ออีกหน่อย แต่ต้องฝืนสังขารลุกขึ้นเพื่อที่จะไปตากผ้าซึ่งซักทิ้งเอาไว้เมื่อช่วงสายของวันแต่พอเดินออกมาก็ต้องตกใจ เพราะมองออกไปด้านนอกตัวระเบียงเห็นร่างสูงของสองกำลังสะบัดผ้าตากอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-13
  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 12

    “อะไร…”“ยาทาแก้ปวดอยู่ในห้อง”“ก็แล้วทำไมไม่ไปหยิบเอง?”“โห! อะไรจะแล้งน้ำใจขนาดนั้น?”ว่าแล้วก็ทำหน้าตัดพ้อ จนฉันทนรำคาญไม่ไหว ต้องกระแทกเท้าเดินไปเอาให้ตามคำร้องขอ“อยู่ไหน?”“โต๊ะข้างเตียง”หลอดยาวางอยู่ที่โต๊ะข้างเตียงจริง ๆ อย่างที่เจ้าตัวว่า ซ้ำยังมีกล่องแผ่นแปะแก้ปวดอีกหลายกล่องที่ยังไม่ได้ใ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-13

บทล่าสุด

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 96

    อาการที่ผมเป็นในตอนนี้…ทั้งสายตาที่ไม่สามารถหยุดมองอีกคนได้ รวมถึงก้อนเนื้อที่กลางอกเต้นตุบ ๆ เป็นจังหวะรัวเร็วราวกับผ่านการออกกำลังกายมาอย่างหนัก จะบอกว่าผม… ตกหลุมรักเข้าอย่างจัง… ก็ไม่ผิดนัก… ยิ่งมองคนที่เพิ่งรู้จักกัน ใจก็ยิ่งเต้นแรงยิ่งแยมเองก็ลอบมองมาเหมือนกันผมก็แทบจะกลั้

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 95

    ระยะปลอดเพื่อนตอนพิเศษ 4 หลายปีก่อน การเปิดเรียนของมหา’ลัยเริ่มต้นขึ้นแล้ว ทุกคนรอบข้างต่างก็เป็นนิสิตใหม่ หลังจากต้องอดทนนั่งฟังพวกพี่ว้ากอยู่นานกว่าสองชั่วโมง สุดท้ายผมก็ตัดสินใจว่าจะโดดรับน้องให้มันรู้แล้วรู้รอด หลังจากนั่งกินข้าวเย็นที่ร้านอาหารในซอยข้างมหา’ลัยเสร็จ เ

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 94

    “เหนื่อยไหม?” คนข้าง ๆ หันมาเอียงคอมองด้วยสีหน้าเห็นอกเห็นใจจนผมหลุดขำ “เหนื่อยอะไร?” “ก็สองทำทุกอย่างเลยนี่” สายตาเบนมองหน้าจอโน้ตบุ๊กที่เปิดค้างเอาไว้ “เหนื่อยก็บ้า เราแรงเยอะจะตาย มีพลังงานให้ใช้อีกเหลือเฟือ” “…” “กินข้าวเลยปะ? เราทำข้าวต้มกุ้งไว้”

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 93

    ระยะปลอดเพื่อนตอนพิเศษ 3 หลายเดือนต่อมา ตอนนี้จะบอกว่าผมเป็นพ่อบ้านเต็มตัวก็ไม่ผิดนัก… ถึงจะทำงานไปด้วย แต่ทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านผมเป็นคนจัดการเองทั้งหมด แยมกลับไปทำงานแล้วตั้งแต่สองเดือนหลังคลอด แม้จะอยากให้เมียพักอีกสักหน่อย แต่เจ้าตัวยืนยันว่ากลับมาแข็งแรงดีแล้ว เลยไม่อ

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 92

    ระยะปลอดเพื่อนตอนพิเศษ 2 หลายเดือนต่อมา ช่วงนี้แยมท้องแก่ใกล้คลอดเต็มทีเลยต้องหยุดงานรอคลอดมาได้สามเดือนเข้าให้แล้ว เป็นผมที่ยังทำงานอยู่ทุกวันกลับบ้านมาก็เห็นเมียนอนหลับไปแล้วเหมือนทุกที เห็นพี่เจี๊ยบบอกว่าท้องแรกมักจะดูไม่ค่อยออกเพราะว่าเป็นท้องสาว ท้องจะเล็ก ๆ เท่าที่ม

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 91

    ก็อารมณ์คนท้อง อยากจะกินอะไรใหม่ ๆ แทบทุกวันนั่นแหละ และผมก็พร้อมจะบึ่งไปซื้อให้เสมอ ห่วงก็แต่ช่วงที่แยมจะต้องอยู่บ้านคนเดียวหากท้องแก่ ใครมันจะมาหาข้าวหาปลาให้กินตอนกลางวัน โอเค… มันมีแอปฯ ให้สั่ง แต่ผมเองนี่แหละที่อยากจะเป็นคนบริการเมีย… หลังจากได้เกาเหลาเลือดหมูมาแล้ว กลับมาถึงบ

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 90

    ระยะปลอดเพื่อนตอนพิเศษ 1 SONG TALKS ร่างเล็กของคนเป็นเมียนั่งอยู่บนตักผม พาดขาไปทางด้านหนึ่งซบซีกตัวข้างหนึ่งอยู่บนอก มือสองข้างกำลังพิมพ์แชตคุยกับบริษัทคู่ค้าแห่งใหม่ซึ่งกำลังดีลงานร่วมกัน ตัวบ้านเงียบเชียบมีแค่เสียงต๊อกแต๊กจากมือถือคนในอ้อมแขนเท่านั้นที่กำลังดังอยู่ในขณ

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 89

    ระยะปลอดเพื่อนตอนที่ 47 หลายเดือนต่อมา วันนี้เป็นวันหยุด แต่เพราะเมื่อคืนฉันต้องถ่างตานั่งดูเทรนด์การตลาดแทบจะทั้งคืน ไหนจะโดนสองกวนอีก กว่าจะได้นอนก็เกือบจะรุ่งสาง ตื่นมาอีกทีก็ปาเข้าไปบ่ายโมง ที่นอนข้าง ๆ ว่างเปล่า สองคงจะตื่นนานแล้ว และป่านนี้คงจะลงไปหาอะไรทำท

  • ระยะปลอดเพื่อน   บทที่ 88

    หลังจากนั้นก็เหลือแค่เราสองคนที่ยืนมองหน้ากันเอง สองยิ้มกว้างจับมือกันแน่น สายตากวาดมองหน้าฉันรอบที่เท่าไรของวันก็ไม่อาจจะทราบได้“เมียเราสวยโคตร”แล้วก็เอ่ยคำ ๆ เดิมออกมาด้วยสีหน้าภาคอกภูมิใจ จนฉันหลุดขำ“ขำไร?”“ก็ถ้าสองเพิ่งพูดเป็นครั้งแรกเราจะเขินอยู่หรอก แต่นี่แค่วันเดียวเราฟังประโยคนี้มาเกินยี

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status