เมื่อประตูเปิดออก คุณนายใหญ่ฟู่ก็ยืนอยู่ที่หน้าประตูมองเข้าไปข้างใน ฉินอันอันกอดเข่านั่งพิงกำแพง ผมเผ้าของเธอยุ่งเหยิงเล็กน้อย เมื่อได้ยินเสียงมาจากประตู เธอก็หันศีรษะไปอย่างเหม่อลอย… “อันอัน! เธอเป็นยังไงบ้าง!” คุณนายใหญ่ฟู่มองใบหน้าซีดเซียวของฉินอันอัน เธอก็ปรี้ดแตกจนความดันขึ้นทันที “ทำไมเธอถึงกลายเป็นแบบนี้? ใช่... ใช่ซื่อถิงใช่ไหม? เขาทำร้ายเธอใช่ไหม?” เมื่อพูดถึงตรงนี้ เสียงของคุณนายใหญ่ฟู่ก็สั่นเล็กน้อย ฉินอันอันผอมลงมากกว่าเดิม ใบหน้าของเธอซีดเซียวปากก็แห้งแตกไปหมด หน้าอกของเธอยังขยับขึ้นลง และเธออยากจะพูดอะไร แต่ไม่มีเสียงออกมา ป้าจางเดินเข้ามาพร้อมนมอุ่นหนึ่งแก้วแล้วนำมาป้อน "คุณนาย คุณดื่มนมสักแก้วก่อนนะ ไม่ต้องกลัว คุณนายใหญ่อยู่ที่นี่ คุณกินมันได้ค่ะ" คุณนายใหญ่ฟู่ขมวดคิ้วแน่น "เกิดอะไรขึ้น! ซื่อถิงไม่ให้อันอันกินข้าว? อันอันผอมขนาดนี้! เขาอยากจะให้อันอันอดตายรึไง!" เรื่องนี้ทำให้คุณนายใหญ่ฟู่โมโหมาก เธอรีบเดินไปที่ห้องนั่งเล่นไปหาลูกชายเธอ แล้วถามว่า "ซื่อถิง อันอันเป็นภรรยาที่แม่หามาให้ลูก รังแกเธอแบบนี้ จะทำให้แม่คิดยังไง" “ถ้าทำผิดต้องถูกลงโทษ
ก่อนหน้านั้นที่ตรวจ ไม่มีถุงน้ำคร่ำสองถุงนี้ปรากฏขึ้น คิดไม่ถึงเลยว่าเพียงหนึ่งสัปดาห์ เธอจะมีลูกสองคนอยู่ในท้องของเธอ ฉินอันอันหยิบแผ่นอัลตราซาวนด์นั้นแล้วนั่งเหม่อบนม้านั่งในทางเดินเงียบ ๆ แพทย์บอกโอกาสที่จะตั้งครรภ์ลูกแฝดมีน้อยมาก หากทำแท้งครั้งนี้ เธออาจจะไม่สามารถตั้งครรภ์แฝดได้อีก ฉินอันอันยิ้มอย่างขมขื่นในใจ ทั้งหมดนี้เป็นผลงานของแพทย์ส่วนตัวของตระกูลฟู่ ตอนที่พวกเขาย้ายไข่ที่ปฏิสนธิแล้วไปฝังให้เธอ พวกเขาไม่ได้บอกเธอว่าอาจจะตั้งครรภ์ลูกแฝด บางทีในสายตาของพวกเขา เธอเป็นเพียงเครื่องมือในการสืบพันธุ์ของตระกูลฟู่ตั้งแต่ต้นจนจบ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เธอมีเลือดออก เลยคิดว่าตัวเองกำลังมีประจำเดือน หลังจากเธอบอกแพทย์ส่วนตัวของตระกูลฟู่ไป พวกเขาคิดว่าการปลูกถ่ายล้มเหลวและฟู่ซื่อถิงฟื้นขึ้นมาจะหย่ากับเธอ แพทย์ส่วนตัวของตระกูลฟู่จึงไม่เคยโทรหาเธออีกเลย จะคลอดลูกหรือไม่ ตอนนี้เธอกำลังคิดทบทวนวนไปวนมา หลังจากนั่งอยู่ในโรงพยาบาลนานกว่าหนึ่งชั่วโมง โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าก็ดังขึ้น เธอหยิบโทรศัพท์ออกมายืนขึ้นแล้วเดินออกไปนอกโรงพยาบาล “อันอัน พ่อจะไม่ไหวแล้ว! หนูรีบบ้านเร็ว
ทันใดนั้นห้องนั่งเล่นก็เงียบสงบจนได้ยินเสียงหัวใจเต้น ฉินอันอันกลับไปที่ห้องแล้วปิดประตูดังปัง ‘ปัง’! ดูเหมือนทั้งคฤหาสน์จะสะเทือน กล้าทุบประตูบ้านของฟู่ซื่อถิง ผู้หญิงคนนี้ไม่กลัวตายเลยจริง ๆ ทุกคนแอบมองสีหน้าของฟู่ซื่อถิง และเห็นว่าเขาดูสงบและไม่โกรธ แต่ถ้าใครส่งเสียงดังเกินหกสิบเดซิเบลต่อหน้าเขา เขาจะต้องขมวดคิ้วแน่นอน เสียงของฉินอันอันกระแทกประตูเมื่อครู่นี้น่าจะดังอย่างน้อยเก้าสิบเดซิเบล ทำไมเขาถึงไม่โกรธกัน? ที่สำคัญกว่านั้น ขวดไวน์ที่ฉินอันอันเพิ่งทุบไปมีมูลค่าเกือบสองล้าน และพวกเขายังไม่ได้ดื่มมันเลย เธอทุบมัน...แบบไม่กระพริบตาเลย “เอ่อ... ฉันได้ยินมาว่าพ่อของคุณฉินเสียชีวิตเมื่อวันก่อน ดูจากการที่วันนี้เธอสวมชุดสีดำล้วน เธอคงเพิ่งกลับมาจากไปร่วมงานศพของพ่อเธอ!” มีคนกล้าพูดทำลายความเงียบนี้ ผู้หญิงในชุดสีขาวคือถังเฉียน ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายประชาสัมพันธ์ของเอสทีกรุ๊ป วันนี้เป็นวันเกิดของเธอ และเพื่อเฉลิมฉลองการฟื้นขึ้นมาของฟู่ซื่อถิง เธอจึงเชิญเพื่อน ๆ ของฟู่ซื่อถิงมาดื่มที่บ้านของฟู่ซื่อถิง การต่อสู้กับฉินอันอันเมื่อครู่นี้ทำให้เธอเสียหน้าเป็นอย่างมาก
เขายื่นมือออกมานอกหน้าต่างรถ เขายื่นกระดาษทิชชู่ออกมาให้ เธอสะดุ้งตกใจอยากจะปฏิเสธ แต่ยื่นมือไปรับไว้อย่างไม่ได้ตั้งใจ "ขอบคุณนะ" ความอบอุ่นจากฝ่ามือของเขายังคงเหลืออยู่บนทิชชู่ เขารีบละสายตาจากใบหน้าเธอ หน้าต่างรถปิดลงและเร่งความเร็วออกไป สิบโมงเช้า ฉินกรุ๊ป พนักงานยังคงทำงานตามตำแหน่งของตนเองต่อไป บริษัทไม่ได้จ่ายค่าจ้างมานานกว่าหนึ่งเดือน แต่เนื่องจากฉินกรุ๊ปเป็นบริษัทเก่าแก่ในเมือง แม้จะมีข่าวเชิงลบแทบทุกประเภทบนอินเทอร์เน็ต แต่พนักงานไม่ยอมแพ้จนกว่าจะวินาทีสุดท้าย หากไม่รู้ว่าบริษัทมีหนี้จำนวนมาก ฉินอันอันเองก็คงไม่อยากเชื่อเลยว่าความสงบที่อยู่ตรงหน้าเป็นแค่ภาพลวงตา ฉินอันอันเข้าไปในห้องประชุมพร้อมกับรองประธาน เมื่อทนายความเห็นฉินอันอัน เขาก็พูดเข้าประเด็นเลยว่า "คุณฉิน ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ ผมได้รับมอบหมายจากคุณพ่อของคุณ ให้เปิดพินัยกรรมของเขาในตอนนี้" ฉินอันอันพยักหน้า ทนายความเปิดเอกสารและพูดอย่างใจเย็น "พ่อของคุณเป็นเจ้าของทรัพย์สินทั้งหมดหกรายการ แต่ละทรัพย์สินอยู่ใน... นี่คือเอกสาร โปรดตรวจสอบด้วยครับ" ฉินอันอันหยิบเอกสารตรวจสอบอย่างละเอียด
เวลาสามทุ่ม ลมฤดูใบไม้ร่วงพัดไหว ใบไม้ร่วงหล่นลงสู่พื้นทำให้เกิดเสียงกรอบแกรบ ทันทีที่ฉินอันอันลงจากรถแท็กซี่ เธอก็รู้สึกหนาวสั่นจนสะดุ้ง เธอถือกระเป๋าแล้วรีบเดินไปที่ประตูบ้านตระกูลฝู ในคืนสลัว เธอสวมชุดกระโปรงสีแดงเซ็กซี่และมีเสน่ห์ เมื่อเช้าตอนที่เธอออกไปข้างนอก เธอสวมเสื้อเชิ้ตธรรมดาและกางเกงลำลอง เมื่อคิดว่าเธอแต่งตัวแบบนี้เพื่อเอาใจผู้ชายคนอื่น ฝูสือถิงจึงอดกำนิ้วแน่นไม่ได้ เมื่อฉินอันอันเดินไปเปลี่ยนรองเท้าที่ทางเข้า เธอก็เห็นฝูสือถิงกำลังนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก เสื้อเชิ้ตสีดำที่เขาสวมวันนี้ทำให้เขาดูเย็นชาละน่าเกรงขามมากขึ้น สีหน้าของเขาเย็นชาและไร้อารมณ์เช่นเคย และเธอก็ไม่กล้ามองนานเกินไป หลังจากเปลี่ยนรองเท้าแล้ว เธอก็ลังเลว่าทักทายเขาดีไหม อย่างน้อยเมื่อเช้าเขาก็ยื่นกระดาษทิชชู่ให้เธอ เธอเดินไปที่ห้องรับแขกอย่างใจจดใจจ่อ พลางมองไปทางเขา คืนนี้บรรยากาศแตกต่างจากปกติเล็กน้อย ปกติเวลาเธอกลับมา แม่บ้านจางจะออกมาต้อนรับเธอ วันนี้แม่บ้านจางไม่อยู่เหรอ? เธอสูดหายใจเข้า หัวใจเต้นแรงราวกับกลอง ในที่สุด เธอก็ตัดสินใจไม่ทักเขา “มานี่” น้ำเสียงเย็นชาดั
ห้องนอนใหญ่ในห้องน้ำ พยาบาลหยิบผ้าแห้งและเช็ดหยดน้ำบนร่างกายของฟู่ซื่อถิงอย่างระมัดระวัง เขายังใช้ขาได้ไม่ดีนัก และเขาสามารถออกแรงยืนได้เท่านั้น เขาจึงต้องการความช่วยเหลือจากพยาบาล พยาบาลคนนี้ดูแลเขามาตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุ เขาเป็นชายในวัยสี่สิบที่ทำงานด้วยความละเอียดรอบคอบและระมัดระวัง “คุณฟู่ คุณมีรอยช้ำที่ขา” บุรุษพยาบาลสวมเสื้อคลุมอาบน้ำให้เขาและช่วยเขาออกจากห้องน้ำ “ผมจะทายาให้คุณนะครับ” ฟู่ซื่อถิงนั่งบนขอบเตียง หลังจากที่พยาบาลออกไป เขาก็เปิดชายเสื้อคลุมอาบน้ำแล้วเห็นรอยช้ำสีเขียวม่วง รอยที่ฉินอันอันหยิกไว้ ขาของเขาไม่ได้ชาไปจนหมด ตอนเธอหยิกเขา เขาก็ทนไว้ไม่โต้ตอบ ไม่รู้ว่าทำไม แต่สีหน้าร้องไห้ของฉินอันอันยังคงปรากฏอยู่ในความคิดของเขา นอกจากนี้... กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอยังคงตราตรึงอยู่ในใจเขา ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนเลย ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเลยทำเขามีอารมณ์ได้ แต่คืนนี้เหมือนถูกฉินอันอันกระตุ้นเข้าในใจของเขาอย่างแรง แค่ผู้หญิงที่กำลังจะหย่าคนหนึ่ง จำเป็นต้องรู้สึกแบบนี้เหรอ? รู้สึกเหมือนตัวเองเพ้อเจ้อไร้สาระ แต่ถ้าเกิ
ในสายตาของเธอ เขากลายเป็นปีศาจยื่นเขี้ยวอันแหลมคมของเขาเข้าหาเธอ "ทำไม?" ฉินอันอันพูดอย่างยากลำบาก "ฟู่ซือถิง ถึงคุณไม่อยากมีลูก แต่ก็ไม่จำเป็นต้องพูดจาโหดร้ายแบบนี้เลยนะ!" แววตาล้ำลึกของฟู่ซื่อถิงเต็มไปด้วยความเย็นชา "ถ้าฉันไม่ทำให้ชัดเจน แล้วถ้าเกิดเธอทำอะไรบ้า ๆ ออกมาล่ะ" ฉินอันอันแอบถอนหายใจและละสายตาออกจากใบหน้าของเขา เธอกลัวและรู้สึกว่าเธอกำลังจะก้าวเข้าสู่ห้วงแห่งความทรมานไปตลอดกาล ท่าทางของเธอกระตุ้นความสนใจของเขา เขายกริมฝีปากขึ้นแล้วพูดเหน็บแหนมว่า "ฉินอันอัน เธออยากมีลูกให้ฉันจริง ๆ เหรอ?" ดวงตาสีน้ำตาลของฉินอันอันจ้องมองเขา “ฉันขอแนะนำเธอว่าอย่าทำหูทวนลมกับคำเตือนของฉัน เธอก็รู้ว่าฉันเป็นใคร แล้วฉันทำได้มากกว่าที่ฉันพูดซะอีก ถ้าไม่อยากตายก็อย่าขัดคำสั่งฉัน" เขาพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดแล้วหันไปมองที่หน้าต่าง ฉินอันอันกำมือแน่นและพูดด้วยความโกรธ "ไม่ต้องกังวล ฉันไม่มีลูกให้คุณหรอก ฉันเกลียดคุณมากแค่ไหนคุณเองก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจดี แล้วที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือ หย่ากันให้เร็วที่สุด! " ลูกไม่ใช่ของเขาคนเดียว ถ้าเธอมีลูกก็เพื่อตัวเธอเอง เมื่อลูกโตขึ้น เธอจะเล
สตรีมีครรภ์รับประทานแคลเซียมเม็ดเช่นเดียวกันกับคนวัยกลางคน ผู้สูงอายุ และผู้ที่ขาดแคลเซียมนั้นคือสิ่งที่เขียนบนขวดยาแคลเซียมเม็ด“ต้องมาบอกคนอื่นเกี่ยวกับยาที่ตัวเองกินด้วยเหรอ?” ฉินอันอันหน้าแดง แต่น้ำเสียงของเธอยังนิ่งอยู่หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็วิ่งหนีไปทันทีเธอเอาเม็ดแคลเซียมกลับห้องของเธอใส่ไว้ในลิ้นชัก แล้วเข้าห้องน้ำล้างหน้าเธออยู่แบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ถ้าเธอไม่รีบไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด สักวันหนึ่งความลับของเธอจะต้องถูกเปิดเผยแน่เอกสารตรวจสุขภาพก่อนคลอดของเธอทั้งหมดอยู่ในห้อง ถ้าฟู่ซื่อถิงเข้ามาค้นหาห้องเธอเขาจะรู้ทุกอย่างแม้ว่าจิตใต้สำนึกของเธอจะบอกว่า ฟู่ซื่อถิงแม้จะบ้าไปแล้ว แต่เขาก็คงยังไม่ไปถึงขั้นนั้น ดังนั้นเขาอาจจะไม่มาค้นห้องเธอก็ได้ยิ่งกว่านั้น ถ้าเขายังไม่พูดเรื่องหย่า เธอก็หย่ากับเขาไม่ได้ยิ่งไปกว่านั้น ทางเธอก็รับของหมั้นมาไม่น้อยด้วยเธอนั่งอยู่ข้างเตียง คิดฟุ้งซ่านไปหมด จนลืมว่าหิวด้วยซ้ำหลังจากนั้นไม่นาน ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นความมีเหตุผลของเธอกลับคืนสู่ร่างกายของเธอ และเธอก็เดินไปที่ประตูแล้วเปิดประตู“คุณนาย นายท่านกลับห้องไปแล้ว ไป
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง