แชร์

บทที่ 9

ก่อนหน้านั้นที่ตรวจ ไม่มีถุงน้ำคร่ำสองถุงนี้ปรากฏขึ้น

คิดไม่ถึงเลยว่าเพียงหนึ่งสัปดาห์ เธอจะมีลูกสองคนอยู่ในท้องของเธอ

ฉินอันอันหยิบแผ่นอัลตราซาวนด์นั้นแล้วนั่งเหม่อบนม้านั่งในทางเดินเงียบ ๆ

แพทย์บอกโอกาสที่จะตั้งครรภ์ลูกแฝดมีน้อยมาก

หากทำแท้งครั้งนี้ เธออาจจะไม่สามารถตั้งครรภ์แฝดได้อีก

ฉินอันอันยิ้มอย่างขมขื่นในใจ ทั้งหมดนี้เป็นผลงานของแพทย์ส่วนตัวของตระกูลฟู่

ตอนที่พวกเขาย้ายไข่ที่ปฏิสนธิแล้วไปฝังให้เธอ พวกเขาไม่ได้บอกเธอว่าอาจจะตั้งครรภ์ลูกแฝด

บางทีในสายตาของพวกเขา เธอเป็นเพียงเครื่องมือในการสืบพันธุ์ของตระกูลฟู่ตั้งแต่ต้นจนจบ

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เธอมีเลือดออก เลยคิดว่าตัวเองกำลังมีประจำเดือน หลังจากเธอบอกแพทย์ส่วนตัวของตระกูลฟู่ไป พวกเขาคิดว่าการปลูกถ่ายล้มเหลวและฟู่ซื่อถิงฟื้นขึ้นมาจะหย่ากับเธอ แพทย์ส่วนตัวของตระกูลฟู่จึงไม่เคยโทรหาเธออีกเลย

จะคลอดลูกหรือไม่ ตอนนี้เธอกำลังคิดทบทวนวนไปวนมา

หลังจากนั่งอยู่ในโรงพยาบาลนานกว่าหนึ่งชั่วโมง โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าก็ดังขึ้น

เธอหยิบโทรศัพท์ออกมายืนขึ้นแล้วเดินออกไปนอกโรงพยาบาล

“อันอัน พ่อจะไม่ไหวแล้ว! หนูรีบบ้านเร็วเข้า!” เสียงแหบแห้งของแม่ที่เร่งเร้าเธอดังจากทางโทรศัพท์

ฉินอันอันตกใจจนอึ้งไปครู่หนึ่ง

พ่อกำลังจะตายเหรอ?

เป็นแบบนี้ได้ยังไง?

เธอรู้ว่าพ่อของเธอเครียดเรื่องในบริษัทมาสักระยะหนึ่งแล้ว เขาเป็นลมสติเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เขาไม่สามารถมาร่วมงานแต่งงานของเธอได้ด้วยซ้ำ

ไม่คิดว่าจะอาการหนักขนาดนี้

ฉินอันอันว้าวุ่นใจมาก

ความสัมพันธ์ของเธอกับพ่อไม่ค่อยดี เพราะเขานอกใจแม่และเธอจะไม่มีวันให้อภัยเขา

แต่พอได้ยินข่าวว่าเขาป่วยหนัก จู่ ๆ หัวใจก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา

เมื่อฉันถึงบ้านตระกูลฉิน ห้องรับแขกก็รกไปหมด

จางหยุนพาเธอไปที่ห้องนอนใหญ่

ฉินเจี้ยนอนอยู่บนเตียงกำลังจะตาย ตาก็แทบลืมไม่ขึ้น เมื่อเขาเห็นฉินอันอัน เขาก็ยกแขนขึ้นไปหาเธอทันที

“พ่อคะ ไม่สบายทำไมไม่ไปโรงพยาบาล?” ฉินอันอันจับมือพ่อของเธอที่เย็นนิดหน่อย ขอบตาเธอร้อนผ่าวขึ้นมา

หวังหว่านจื่อพูดเสียดสี "พูดง่ายจัง! บ้านเรามีเงินไปรักษาพ่อเธอที่ไหน"

ฉินอันอันเงยหน้าขึ้นมองเธอ "เธอไม่ได้รับเงินจากตระกูลฟู่เหรอ! ทำไมเธอถึงทำแบบนี้กับพ่อฉัน!"

หวังหว่านจื่อเม้มปาก "เงินนั้นเอาไปใช้หนี้หมดแล้ว! เธอรู้ไหมว่าบริษัทของพ่อเธอมีหนี้อยู่เท่าไหร่? ฉินอันอัน อย่าทำเหมือนฉันอมเงินไป! นอกจากนี้นะ โรคที่พ่อเธอป่วยมันรักษาไม่ได้! จะช้าหรือเร็วพ่อเธอก็ตายอยู่ดี!"

หวังหว่านจื่อทิ้งคำพูดเหล่านี้และออกจากห้องนอนอย่างไม่ใยดี

ฉินเค่อเคอไม่ได้ไปกับเธอ

ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ฉินเจี้ยคือบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอและฉินเจี้ยรักเธอมาตลอด เธอไม่ต้องการที่จะสูญเสียพ่อของเธอ

“พ่อ อย่าโกรธแม่นะ ไม่ใช่ว่าแม่ไม่อยากรักษา แค่ครอบครัวเราไม่มีเงินมากขนาดนั้น” ฉินเค่อเค่อยืนข้างเตียงทั้งน้ำตา “พ่อคะ หนูหวังว่าพ่อจะดีขึ้น...”

ฉินเจี้ยเมินคำพูดของฉินเค่อเคอ

เขามองดูฉินอันอันด้วยน้ำตาไหลนองหน้า ริมฝีปากที่ขยับเปล่งเสียงอย่างแผ่วเบาออกมา "อันอัน... เด็กดี... พ่อขอโทษเรานะ... ขอโทษแม่เราด้วย... ชาติหน้าพ่อจะชดใช้ให้แม่กับลูก…”

ฝ่ามือใหญ่ที่จับมือของเธอคลายออกทันที

เสียงร้องไห้ดังระงมอยู่ในห้อง

ฉินอันอันเจ็บปวดไปทั้งหัวใจ

ในชั่วข้ามคืน โลกของเธอก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

เธอแต่งงาน ตั้งครรภ์ และพ่อของเธอจากไปแล้ว

ในใจเธอรู้สึกว่าตัวเองยังเป็นเด็กอย่างแจ่มชัด แต่ชีวิตของเธอในตอนนี้มันบังคับให้เธอตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง

ในวันงานศพมีฝนตกลงมาปรอย ๆ

ตระกูลฉินล้มละลาย มีคนไม่มากที่มาร่วมงานศพ

หลังจากงานศพ หวังหว่านจื่อได้เชิญญาติและเพื่อน ๆ ไปที่โรงแรม

กลุ่มคนแยกย้ายเหมือนนกแตกรัง

เพียงครู่เดียว เหลือเพียงจางหยุนและฉินอันอันอยู่ในสุสาน

ท้องฟ้าเป็นสีเทาอึมครึมเหมือนกับอารมณ์ที่เป็นอยู่

“แม่ แม่เกลียดพ่อหรือเปล่า” ฉินอันอันมองที่หลุมศพของพ่อเธอด้วยดวงตาที่แสบร้อน

จางหยุนหรี่ตาลงและพูดอย่างเรียบเฉยว่า "เกลียด แม้ว่าเขาตายไปแล้ว แม่ก็ไม่มีวันให้อภัยเขา"

ฉินอันอันงงงวย "แล้วทำไมแม่ถึงร้องไห้ล่ะค่ะ?"

จางหยุนถอนหายใจ "เพราะเคยรักไงล่ะ อันอัน ความรู้สึกเป็นสิ่งที่ซับซ้อนมาก ไม่ว่าจะรักหรือเกลียด ในความรู้สึกก็ล้วนมีทั้งรักและเกลียดผสมรวมกันอยู่"

ในตอนเย็น ฉินอันอันลากร่างกายอันเหนื่อยล้าของเธอกลับไปที่คฤหาสน์ของฟู่ซื่อถิง

ตั้งแต่การเสียชีวิตของฉินเจี้ยจนถึงการจบพิธีศพในวันนี้ก็ใช้เวลาไปสามวัน

สามวันที่ผ่านมาเธอไม่ได้กลับมาที่คฤหาสน์ของฟู่ซื่อถิง

และไม่มีใครจากตระกูลฟู่ติดต่อเธอ

เธอไม่ได้บอกตระกูลฟู่เกี่ยวกับการตายของพ่อของเธอ

ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับฟู่ซื่อถิงนั้นเย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็ง

เมื่อก้าวเข้าไปในสนามหน้าบ้าน เธอเห็นคฤหาสถ์มีแสงสว่างจ้า และห้องนั่งเล่นก็เต็มไปด้วยผู้คน

ทุกคนแต่งตัวดี ถือแก้วน้ำอยู่ในมือและพูดคุยกันอย่างมีความสุข

เธอลังเลถอยหลังไปก้าวหนึ่ง

“คุณนาย!” ป้าจางเห็นเธอจึงรีบออกมาทักทายเธอทันที

อาจเป็นเพราะสีหน้าของเธอทั้งเศร้าและดูอ้างว้างเกินไป ซึ่งไม่สมกับบรรยากาศครึกครื้นในห้องนั่งเล่นเลยสักนิด รอยยิ้มของป้าจางแข็งค้างและลังเลที่จะพูดต่อ

“ข้างนอกฝนตก เข้ามาก่อนเถอะค่ะ!” ป้าจางจูงมือพาเธอเข้าไปในห้องนั่งเล่น

วันนี้ฉินอันอันสวมเสื้อกันลมสีดำ ใต้เสื้อผ้าสวมถุงน่องสีขาวเรียวคู่หนึ่ง เท้าของเธอสวมรองเท้าหนังส้นเตี้ยสีดำคู่หนึ่ง

ท่าทีของเธอเหินห่างดูเย็นชา แตกต่างไปจากนิสัยยามปกติของเธอโดยสิ้นเชิง

ป้าจางนำรองเท้าแตะตุ๊กตาสีชมพูมาให้เธอ

เธอสวมรองเท้าแตะแล้วมองไปทางห้องนั่งเล่นโดยไม่ได้ตั้งใจ

แขกของฟู่ซื่อถิงมองทางเธอไม่ต่างคนที่มาเที่ยวสวนสัตว์ที่กำลังมองสัตว์ในกรง

สายตาของพวกเขาทั้งลามปามและไม่มีมารยาท

ฉินอันอันก็ใช้สายตาแบบนั้นมองไปที่ฟู่ซื่อถิงที่อยู่ตรงกลางโซฟาด้วยเช่นกัน

เขาคีบบุหรี่ที่กำลังลุกไหม้ และควันก็ยังลอยละล่องอยู่ ใบหน้าเย็นชาไร้อารมณ์ของเขา ที่อยู่เบื้องหลังควันนั้น ช่างดูเหมือนเป็นภาพลวงตาเสียจริง

เหตุผลที่เธอมองเขา เป็นเพราะว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ เขา

ผู้หญิงคนนี้มีผมสีดำยาวสลวย สวมชุดกระโปรงรัดรูปสีขาว และแต่งหน้าอย่างสวยงามบนใบหน้า ดูงดงามแต่ไม่ฉูดฉาด

ท่อนบนของผู้หญิงคนนั้นแนบชิดกับฟู่ซื่อถิง และเธอก็คีบบุหรี่ไว้ในมือของเธอ

ดูออกเลยว่าเธอกับฟู่ซื่อถิงคงมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา

สายตาฉินอันอันจ้องไปที่ผู้หญิงคนนั้นครู่หนึ่ง และขมวดคิ้วเล็กน้อย

“คุณคือฉินอันอันงั้นเหรอ?” หญิงสาวลุกขึ้นจากโซฟา แล้วเดินไปที่ฉินอันอันด้วยท่วงท่าอันมีเสน่ห์ “ฉันได้ยินมาว่าคุณเป็นภรรยาที่คุณนายใหญ่หาให้ซื่อถิง คุณนายใหญ่เป็นสายตาไม่เลวเลย คุณหน้าตาดีแต่ยังดูน้อยไป โอ้ะ ไม่ได้หมายความว่าคุณยังเด็กนะ ฉันหมายถึงรูปร่างของคุณ..."

ฉินอันอันยกริมฝีปากของเธอ "คุณก็สวย ก็อึ๋มดีนะ คุณดีกว่าฉันในทุก ๆ ด้านเลย... แล้วเมื่อไหร่ฟู่ซื่อถิงจะแต่งงานกับคุณล่ะคะ?"

เธอพูดด้วยถ้อยคำสุภาพ แต่ก็เจ็บแสบไม่น้อย ทำให้อีกถึงกับฝ่ายโกรธเคือง

“ฉินอันอัน! เธอกล้าดีมาจากไหนมาพูดกับฉันแบบนี้! เธอรู้ไหมว่าฉันอยู่กับซื่อถิงมากี่ปีแล้ว แม้ว่าเธอเป็นภรรยาของเขา ถ้าฉันตบเธอตอนนี้ เธอคิดว่าเขาจะช่วยเธอไหม?" ขณะที่เธอพูดก็ยกมือขึ้นมาด้วย

มีเสียง 'เพล้ง' ดังขึ้น!

ฉินอันอันหยิบขวดไวน์แดงสุดหรูขึ้นมาขวดหนึ่ง แล้วทุบลงกับโต๊ะ!

ของเหลวสีแดงสดกระเด็นออกมา ไหลไปตามขอบโต๊ะและหยดลงบนพรม

ตาของฉินอันอันแดงก่ำ เธอจับขวดไวน์ไว้แน่น และชี้ปากขวดที่แตกไปทางผู้หญิงมั่นหน้าคนนั้น

“อยากตบฉันงั้นเหรอ? มาเลย! ถ้ากล้าแตะฉัน ฉันจะเอาเธอให้ตาย!” เธอถือขวดไวน์แล้วเดินเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้น

ทุกคนที่อยู่ในตอนนี้ต่างก็ตกใจ

ได้ยินมาว่าคุณหนูคนโตของตระกูลฉินไม่ชอบเป็นจุดสนใจและเก็บตัว แต่ไม่คิดว่า... จะบ้าขนาดนี้!

ฟู่ซื่อถิงหรี่ตาคมดั่งนกเหยี่ยวของเขา และพ่นควันจาง ๆ ออกมาจากริมฝีปากเขา

สายตาของเขาทอดมองไปที่ใบหน้าเล็ก ๆ ของฉินอันอัน ที่ทั้งดุและเศร้าในเวลาเดียวกัน

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status