สตรีมีครรภ์รับประทานแคลเซียมเม็ดเช่นเดียวกันกับคนวัยกลางคน ผู้สูงอายุ และผู้ที่ขาดแคลเซียมนั้นคือสิ่งที่เขียนบนขวดยาแคลเซียมเม็ด“ต้องมาบอกคนอื่นเกี่ยวกับยาที่ตัวเองกินด้วยเหรอ?” ฉินอันอันหน้าแดง แต่น้ำเสียงของเธอยังนิ่งอยู่หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็วิ่งหนีไปทันทีเธอเอาเม็ดแคลเซียมกลับห้องของเธอใส่ไว้ในลิ้นชัก แล้วเข้าห้องน้ำล้างหน้าเธออยู่แบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ถ้าเธอไม่รีบไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด สักวันหนึ่งความลับของเธอจะต้องถูกเปิดเผยแน่เอกสารตรวจสุขภาพก่อนคลอดของเธอทั้งหมดอยู่ในห้อง ถ้าฟู่ซื่อถิงเข้ามาค้นหาห้องเธอเขาจะรู้ทุกอย่างแม้ว่าจิตใต้สำนึกของเธอจะบอกว่า ฟู่ซื่อถิงแม้จะบ้าไปแล้ว แต่เขาก็คงยังไม่ไปถึงขั้นนั้น ดังนั้นเขาอาจจะไม่มาค้นห้องเธอก็ได้ยิ่งกว่านั้น ถ้าเขายังไม่พูดเรื่องหย่า เธอก็หย่ากับเขาไม่ได้ยิ่งไปกว่านั้น ทางเธอก็รับของหมั้นมาไม่น้อยด้วยเธอนั่งอยู่ข้างเตียง คิดฟุ้งซ่านไปหมด จนลืมว่าหิวด้วยซ้ำหลังจากนั้นไม่นาน ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นความมีเหตุผลของเธอกลับคืนสู่ร่างกายของเธอ และเธอก็เดินไปที่ประตูแล้วเปิดประตู“คุณนาย นายท่านกลับห้องไปแล้ว ไป
“ฉินอันอัน ใครบอกเธอว่าเขามีผู้หญิงที่เขาชอบแล้ว? เธอไปเอามาจากไหน แล้วเธอรู้ชื่อผู้หญิงที่เขาชอบไหม?” ถังเฉียนเริ่มรู้สึกกระวนกระวายใจ แม้ว่าเธอยังคงเชื่อมั่นว่าฟู่ซื่อถิงไม่มีผู้หญิงคนอื่นนอกจากตัวเอง ฉินอันอันส่ายหน้า “ถังเฉียน สิ่งที่ฉันเพิ่งพูดเป็นแค่สันนิษฐานของฉันเท่านั้น...ฉันไม่รู้จักฟู่ซื่อถิงเหมือนที่คุณรู้จักเขาหรอก” หลังจากสงบลงเล็กน้อย เธอก็กลับคำพูดใหม่ เธอคิดว่าเรื่องของฟู่ซื่อถิงนั้นไม่ใช่เรื่องธรรมดาอย่างแน่นอน และเธอก็ไม่อยากเข้าไปมีส่วนร่วม เธอแค่อยากมีชีวิตที่ดี และให้กำเนิดลูกเท่านั้น “ฉันก็คิดว่าเธอเห็นซื่อถิงอยู่กับผู้หญิงคนอื่นด้วยตาของเธอเองซะอีก! พูดซะฉันตกใจเลย” ถังเฉียนยอมรับคำอธิบายของฉินอันอัน และสบายใจมากขึ้น “ซื่อถิงไม่ใช่ผู้ชายแบบที่เธอคิด เขาไม่ชอบผู้หญิง และก็ไม่ชอบเด็ก” ฉินอันอันถามด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ “เธอรู้ไหมว่าทำไมเขาถึงไม่ชอบเด็ก?” “บอกตามตรงนะ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แล้วก็ไม่รู้ด้วย เขาไม่ชอบ ฉันก็แค่ไม่คลอด” ถังเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อยราวกับพูดกับตัวเอง “จริง ๆ แล้วเขาก็ดีกับฉัน” “เธอมีความสุขก็ดีแล้ว” ฉินอันอันยอมแพ้ให้กับการเปลี
รถยนต์แล่นผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ลดหนาวพัดผ่าน! ฉินอันอันเงยหน้าขึ้น แสงไฟท้ายของรถโรลส์รอยซ์สว่างในคืนสลัว นั่นรถของฟู่ซื่อถิงเหรอ? เธอยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกจากใบหน้า และปรับอารมณ์อย่างรวดเร็ว ก่อนเดินมุ่งหน้าไปยังคฤหาสถ์ เมื่อเดินไปถึงหน้าลานคฤหาสถ์ เธอเห็นรถจอดอยู่ในลาน เธอยืนอยู่นอกประตูลานบ้าน และต้องการรอให้ฟู่ซื่อถิงกลับเข้าไปในห้องของเขาก่อน แล้วจึงค่อยเข้าไป เธอรู้สึกอยากจะร้องไห้ พลันเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยมองดวงดาวบนท้องฟ้าที่แวววาวและส่องแสงระยิบระยับ สวยจัง พรุ่งนี้ท้องฟ้าน่าจะโปร่ง เธอยืนอยู่ข้างนอก กว่าจะรู้ตัวก็ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้ว คนขับรถได้เอารถเข้าไปจอดอยู่ที่ลานจอดแล้วแสงไฟในห้องรับแขกยังเปิดอยู่ บรรยากาศวังเวงและเงียบสงัด จิตใจของเธอได้สงบลงแล้ว เธอจึงเดินไปที่ห้องรับแขก บนระเบียงชั้นสอง ฟู่ซื่อถิงสวมชุดคลุมสีเทานั่งอยู่บนรถเข็น และถือแก้วน้ำไว้ในมือ ของเหลวสีแดงในแก้วกำลังจะหมด เธอยืนอยู่ข้างนอกเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง และเขาก็มองเธอลงมาจากระเบียงเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงเช่นเดียวกัน ไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ แต่เธอสามารถยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เ
“นั่ง” สายตาของเขามองไปที่ร่างของเธอ “อือ” เธอเดินไปที่โซฟาแล้วนั่งตรงข้ามเขา บนโต๊ะกาแฟมีโน้ตบุ๊กตั้งอยู่หนึ่งเครื่อง หน้าจอโน้ตบุ๊กหันเข้าหาเธอ และบนหน้าจอก็มีภาพจากกล้องวงจรปิด ถ้ามองอย่างละเอียดก็บอกได้เลยว่านี่คือภาพจากกล้องวงจรปิดในห้องนอนของเขา จอภาพหันหน้าไปทางเตียงใหญ่ บนเตียงมีเขาและเธอ หลังจากที่ฉินอันอันเห็นภาพบนหน้าจออย่างชัดเจน เลือดในร่างกายก็พลันเดือดพล่านทันที! ทันใดนั้น เธอก็กระโดนยืนขึ้นพลันชี้ไปที่โน้ตบุ๊ก และตะโกนผ่านฟันที่กัด “ฟู่ซื่อถิง! คุณโรคจิตเหรอ?! ติดกล้องวงจรปิดไว้ในห้องนอน!” เธอโกรธมาก! เธอแทบจะลืมไปว่าตัวเองนอนกับเขามาสามเดือนแล้ว ในช่วงเวลาสามเดือนที่ผ่านมา เขาอยู่ในสภาพเจ้าชายนิทรา ดังนั้นเธอจึงไม่ปฏิบัติต่อเขาในฐานะผู้ชายเลย ไม่ว่าอยู่ข้างภายนอกจะดูดีแค่ไหน คนเรามักจะมีพฤติกรรมไม่น่าดูเมื่ออยู่ในห้องส่วนตัว ดังนั้นเธอจึงรับไม่ได้ เรื่องที่เธอถูกกล้องวงจรปิดจับมาสามเดือนแล้ว! ตอนที่เธออยู่ในห้องของเขาไม่มีใครบอกว่ามีกล้องวงจรปิดอยู่ในห้อง ฟู่ซื่อถิงเห็นว่าเธอโกรธมากจนตัวสั่น แต่อารมณ์กลับดูสงบ “ทำไมคุณถึงคิดว่าผมเป็นติดก
วันรุ่งขึ้นเป็นวันอาทิตย์ เธอตื่นสิบโมงครึ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้นอนตื่นสายในคฤหาสถ์ตระกูลฟู่ เมื่อออกมาจากห้อง ผู้ชายสองสามคนในห้องรับแขกต่างมองมาที่เธอ เธอสวมชุดนอนหลวม ๆ ผมยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบพาดที่ไหล่ ใบหน้าใสสะอาดสะอ้าน เธอไม่คิดว่าวันนี้ฟู่ซื่อถิงจะมีแขก เขาและแขกของเขามองเธอด้วยสายตาจริงจัง ราวกับว่าพวกเขาไม่คิดว่าจู่ ๆ เธอจะออกมา สมองของฉินอันอันมีเสียงระเบิด! หลังจากรู้ตัว เธอก็รีบหันหลังกลับทันที และกำลังจะกลับไปแอบที่ห้อง ในเวลาเดียวกัน ป้าจางเข้ามาและดึงเธอไปที่ห้องอาหาร “คุณนาย คุณยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย คุณคงหิวใช่ไหมคะ? เมื่อเช้าฉันไปหาคุณที่ห้องแล้ว แต่เห็นว่าคุณกำลังนอนหลับสบาย จึงไม่ได้ปลุกคุณ” ฉินอันอันพูดติดอ่าง “พวกเขา...เป็นใครคะ?” ป้าจาง “เพื่อนนายท่านค่ะ เขามาเยี่ยมนายท่าน ถ้าคุณกลัวก็ไม่ต้องไปทักทายพวกเขาก็ได้ค่ะ ไม่เป็นไร” ฉินอันอัน “ค่ะ” ขนาดฟู่ซื่อถิงเธอยังไม่ทักเลย แล้วนับประสาอะไรกับเพื่อนของเขา? อย่างไรก็ตาม ถ้าเธอรู้ว่าจะมีเพื่อนมาเยี่ยมที่บ้าน วันนี้เธอคงจะตื่นแต่เช้า และออกไปเดินเล่นข้างนอกแน่นอน ในห้องรับแขก เพื่อ
เมื่อฉินอันอันคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็รู้สึกเหมือนมีคนกำลังบีบคออยู่ เธอรู้สึกหายใจไม่ออกและเวียนหัว เขาเป็นคุณซีได้อย่างไร?! คุณซีโอนเงินให้เธอหน้าล้าน และต้องการลงทุนกับฉินกรุ๊ป ฟู่ซื่อถิงจะใจดีกับเธอขนาดนั้นได้อย่างไร? แต่ถ้าเขาไม่ใช่คุณซี แล้วทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ? ขณะที่เธอกำลังสับสน รถเข็นของเขา เสื้อสีเข้มของเขา และผิวขาวซีดของเขา ย้ำเตือนเธอว่าคนที่อยู่ตรงหน้าไม่สามารถเป็นคนอื่นได้ นอกจากฟู่ซื่อถิง เธอหายใจไม่ออก และก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว แต่ประตูห้องส่วนตัวปิดตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ “ยังไม่ทันทักทายจะไปแล้วเหรอ?” ฟู่ซื่อถิงมองเธอที่กำลังตื่นตระหนกพลางเปิดริมฝีปาก “คุณมาทำอะไรในที่แบบนี้?” ฉินอันอันยกมือขึ้นทัดผมยาวไว้ข้างหู และพยายามสงบสติอารมณ์ “ฉัน...ฉันมาทานข้าวเย็นกับเพื่อนร่วมชั้นสองสามคน” “ที่นี่คือสถานที่ดื่มเหล้า” “โอ้...” ฉินอันอันมองไปรอบ ๆ ห้องส่วนตัว ห้องส่วนตัวมีขนาดใหญ่มาก และตกแต่งอย่างหรูหรา แต่เธอกลับรู้สึกเหมือนกำลังตกนรก “ฉัน ฉันน่าจะมาผิดห้อง ฉันไปหาเพื่อนก่อนนะ” “ฉินอันอัน” เสียงของเขาฟังดูเย็นชาทุกคำ “เมื่อเช้าคุณไม่ได้ยินสิ่งที่ผ
คืนนี้ช่างเจ็บปวดและยาวนาน เมื่อทุกอย่างจบลง เธอก็หลับไปพร้อมความเหนื่อยล้า วันต่อมา เอสทีกรุ๊ป ฟู่ซื่อถิงมาถึงบริษัทประมาณสิบโมงเช้าตามปกติ หลังจากที่เขาเข้าไปในห้องทำงาน เซิ่งเป่ยก็เดินเข้ามา “เมื่อคืนผมไปหาคุณ แต่ไม่เจอ คุณกับฉินอันอันไปตั้งนานแล้วใช่ไหม?” ฟู่ซื่อถิงขมวดคิ้ว “ที่คุณมาถึงที่นี่เพื่อจะคุยเรื่องนี้เหรอ?” เซิ่งเป่ยยิ้มเจื่อน ๆ และวางเอกสารที่อยู่ในมือไว้บนโต๊ะ “นี่คือรายงานทางการเงินของฉินกรุ๊ปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาที่ถูกเปิดเผย ผมลองอ่านดูแล้ว และพบว่าปัญหาค่อนข้างใหญ่” หลังจากพูดจบ เขาก็หยุดชะงักก่อนพูดต่อ “ผู้บริหารฝ่ายการเงินของฉินกรุ๊ปเอาไปอย่างต่ำสองพันล้านบาท ได้ยินมาว่าผู้บริหารคนนั้นเป็นน้องชายสายเลือดเดียวกันของภรรยาของฉินเจี๋ย” ดวงตาของฟู่ซื่อถิงขยับเล็กน้อย ถ้าสิ่งที่เซิ่งเป่ยพูดเป็นความจริง การที่ฉินกรุ๊ปจะล้มละลายไม่ได้เกิดจากการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งหมด “เหตุการณ์นี้บอกพวกเราว่าต้องจับตาดูภรรยาของเขาให้ดี ๆ” เซิ่งเป่ยถอนหายใจ “ถ้าฉินเจี๋ยไม่นอกใจหวังหว่านจือ ครอบครัวตระกูลฉินคงไม่ต้องจบลงแบบนี้” ฟู่ซื่อถิงมองด้วยสายตาเย็
ถังเฉียนเห็นฟู่ซื่อถิงโกรธมาก เธอจึงเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟ “ซื่อถิง ก่อนที่ฉินอันอันจะแต่งงานกับคุณ เธอมีความสัมพันธ์กับหลานชายฟู่เย่เฉินของคุณ อันที่จริงมันไม่สำคัญหรอก ใคร ๆ ก็มีอดีตกันทั้งนั้น แต่หลังจากที่เธอแต่งงานกับคุณ จริง ๆ แล้วเธอก็มีความสัมพันธ์กับหลานชายของคุณ เธอสวมเขาให้คุณ ฉันเดาว่าพวกเขาทั้งคู่คิดว่าคุณจะตาย พวกเขาก็เลยแอบแทงข้างหลังคุณ!” ฟู่ซื่อถิงกำหมัดสองข้างแน่น ใบหน้าของเขาซีดเผือด สีหน้าของเขาโกรธมาก และดวงตาที่เย็นชาก็จ้องมองไปที่แฟ้มสุขภาพของมารดา! “ฉันสงสัยว่าพวกเขาทำแบบนี้เพื่อแย่งสมบัติของคุณ ตอนที่หมอบอกแจ้งอาการของคุณ ทุกคนคิดว่าคุณจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน ตอนนี้ฉินอันอันแต่งงานกับคุณ และตั้งท้องลูกของคุณ สมบัติของคุณก็ต้องตกไปอยู่ในมือฉินอันอันไปโดยปริยาย พวกเขาสองคนวางแผนไว้ก่นหน้าแล้ว สุดยอดจริง ๆ! แต่วางแผนยังไงก็สู้ชะตาไม่ได้ คุณฟื้นแล้ว แผนการของพวกเขาก็จะล้มเหลวเหมือนกัน” “ออกไป!” ฟู่ซื่อถิงตะโกนใส่ถังเฉียน ไม่ว่าเรื่องที่ถังเฉียนพูดจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เขาก็รู้สึกขยะแขยง เมื่อเรื่องน่าเกลียดแบบนี้ถูกเปิดเผย ถังเฉียนรู้สึกน้อยใจ แต่เธ