เมื่อฉินอันอันคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็รู้สึกเหมือนมีคนกำลังบีบคออยู่ เธอรู้สึกหายใจไม่ออกและเวียนหัว เขาเป็นคุณซีได้อย่างไร?! คุณซีโอนเงินให้เธอหน้าล้าน และต้องการลงทุนกับฉินกรุ๊ป ฟู่ซื่อถิงจะใจดีกับเธอขนาดนั้นได้อย่างไร? แต่ถ้าเขาไม่ใช่คุณซี แล้วทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ? ขณะที่เธอกำลังสับสน รถเข็นของเขา เสื้อสีเข้มของเขา และผิวขาวซีดของเขา ย้ำเตือนเธอว่าคนที่อยู่ตรงหน้าไม่สามารถเป็นคนอื่นได้ นอกจากฟู่ซื่อถิง เธอหายใจไม่ออก และก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว แต่ประตูห้องส่วนตัวปิดตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ “ยังไม่ทันทักทายจะไปแล้วเหรอ?” ฟู่ซื่อถิงมองเธอที่กำลังตื่นตระหนกพลางเปิดริมฝีปาก “คุณมาทำอะไรในที่แบบนี้?” ฉินอันอันยกมือขึ้นทัดผมยาวไว้ข้างหู และพยายามสงบสติอารมณ์ “ฉัน...ฉันมาทานข้าวเย็นกับเพื่อนร่วมชั้นสองสามคน” “ที่นี่คือสถานที่ดื่มเหล้า” “โอ้...” ฉินอันอันมองไปรอบ ๆ ห้องส่วนตัว ห้องส่วนตัวมีขนาดใหญ่มาก และตกแต่งอย่างหรูหรา แต่เธอกลับรู้สึกเหมือนกำลังตกนรก “ฉัน ฉันน่าจะมาผิดห้อง ฉันไปหาเพื่อนก่อนนะ” “ฉินอันอัน” เสียงของเขาฟังดูเย็นชาทุกคำ “เมื่อเช้าคุณไม่ได้ยินสิ่งที่ผ
คืนนี้ช่างเจ็บปวดและยาวนาน เมื่อทุกอย่างจบลง เธอก็หลับไปพร้อมความเหนื่อยล้า วันต่อมา เอสทีกรุ๊ป ฟู่ซื่อถิงมาถึงบริษัทประมาณสิบโมงเช้าตามปกติ หลังจากที่เขาเข้าไปในห้องทำงาน เซิ่งเป่ยก็เดินเข้ามา “เมื่อคืนผมไปหาคุณ แต่ไม่เจอ คุณกับฉินอันอันไปตั้งนานแล้วใช่ไหม?” ฟู่ซื่อถิงขมวดคิ้ว “ที่คุณมาถึงที่นี่เพื่อจะคุยเรื่องนี้เหรอ?” เซิ่งเป่ยยิ้มเจื่อน ๆ และวางเอกสารที่อยู่ในมือไว้บนโต๊ะ “นี่คือรายงานทางการเงินของฉินกรุ๊ปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาที่ถูกเปิดเผย ผมลองอ่านดูแล้ว และพบว่าปัญหาค่อนข้างใหญ่” หลังจากพูดจบ เขาก็หยุดชะงักก่อนพูดต่อ “ผู้บริหารฝ่ายการเงินของฉินกรุ๊ปเอาไปอย่างต่ำสองพันล้านบาท ได้ยินมาว่าผู้บริหารคนนั้นเป็นน้องชายสายเลือดเดียวกันของภรรยาของฉินเจี๋ย” ดวงตาของฟู่ซื่อถิงขยับเล็กน้อย ถ้าสิ่งที่เซิ่งเป่ยพูดเป็นความจริง การที่ฉินกรุ๊ปจะล้มละลายไม่ได้เกิดจากการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งหมด “เหตุการณ์นี้บอกพวกเราว่าต้องจับตาดูภรรยาของเขาให้ดี ๆ” เซิ่งเป่ยถอนหายใจ “ถ้าฉินเจี๋ยไม่นอกใจหวังหว่านจือ ครอบครัวตระกูลฉินคงไม่ต้องจบลงแบบนี้” ฟู่ซื่อถิงมองด้วยสายตาเย็
ถังเฉียนเห็นฟู่ซื่อถิงโกรธมาก เธอจึงเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟ “ซื่อถิง ก่อนที่ฉินอันอันจะแต่งงานกับคุณ เธอมีความสัมพันธ์กับหลานชายฟู่เย่เฉินของคุณ อันที่จริงมันไม่สำคัญหรอก ใคร ๆ ก็มีอดีตกันทั้งนั้น แต่หลังจากที่เธอแต่งงานกับคุณ จริง ๆ แล้วเธอก็มีความสัมพันธ์กับหลานชายของคุณ เธอสวมเขาให้คุณ ฉันเดาว่าพวกเขาทั้งคู่คิดว่าคุณจะตาย พวกเขาก็เลยแอบแทงข้างหลังคุณ!” ฟู่ซื่อถิงกำหมัดสองข้างแน่น ใบหน้าของเขาซีดเผือด สีหน้าของเขาโกรธมาก และดวงตาที่เย็นชาก็จ้องมองไปที่แฟ้มสุขภาพของมารดา! “ฉันสงสัยว่าพวกเขาทำแบบนี้เพื่อแย่งสมบัติของคุณ ตอนที่หมอบอกแจ้งอาการของคุณ ทุกคนคิดว่าคุณจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน ตอนนี้ฉินอันอันแต่งงานกับคุณ และตั้งท้องลูกของคุณ สมบัติของคุณก็ต้องตกไปอยู่ในมือฉินอันอันไปโดยปริยาย พวกเขาสองคนวางแผนไว้ก่นหน้าแล้ว สุดยอดจริง ๆ! แต่วางแผนยังไงก็สู้ชะตาไม่ได้ คุณฟื้นแล้ว แผนการของพวกเขาก็จะล้มเหลวเหมือนกัน” “ออกไป!” ฟู่ซื่อถิงตะโกนใส่ถังเฉียน ไม่ว่าเรื่องที่ถังเฉียนพูดจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เขาก็รู้สึกขยะแขยง เมื่อเรื่องน่าเกลียดแบบนี้ถูกเปิดเผย ถังเฉียนรู้สึกน้อยใจ แต่เธ
เขาสลัดมือของเธอออกด้วยสีหน้ารังเกียจและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉินอันอัน การไว้ชีวิตคุณถือเป็นการแสดงความเมตตาครั้งยิ่งใหญ่ หุบปากแล้วอย่าทำให้ผมโมโหอีก!” ฉินอันอันมองใบหน้าที่ไร้หัวใจของเขาและกล้ำกลืนความเจ็บปวด ตอนนี้ไม่ว่าเธอจะพูดหรือทำอะไร ก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจเขาได้ เธอซุกตัวอยู่ที่เบาะนั่ง และมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยดวงตาเศร้าหมอง โรงพยาบาล หลังจากที่รถจอด ฉินอันอันก็ถูกบอดี้การ์ดลากตัวออกจากรถ และพาไปที่คลินิกสูตินรีเวช ฟู่ซื่อถิงไม่ได้ลงจากรถ เขานั่งสูบบุหรี่อยู่ในรถ ตอนที่ฉินอันอันถูกนำตัวออกไป เบ้าตาที่มีน้ำตาคลอและสายตาที่โกรธเกรี้ยวที่เธอมองเขา ยังคงติดอยู่ในใจของเขา เขาจะไม่รู้สึกเจ็บปวดใจกับเธออีกต่อไป! คนที่ทรยศเขาจบไม่สวยแน่นอน หลังจากที่ฉินอันอันถูกพาตัวเข้าไปในห้องผ่าตัดอันเยือกเย็น ประตูห้องผ่าตัดก็ปิดลงอย่างช้า ๆ ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา ประตูห้องผ่าตัดก็ถูกผลักให้เปิดออก หมอออกมาพูดกับบอดี้การ์ดว่า “ผ่าตัดเสร็จแล้ว แต่ต้องเฝ้าดูอาการผู้ป่วยอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงค่ะ” ภารกิจของบอดี้การ์ดคือพาฉินอันอันไปทำแท้ง เมื่อทารกในครรภ์ทำแท้งแล้ว ภารกิจของ
ฟู่ซื่อถิงขมวดคิ้ว หากเขาไม่เห็นแบบฟอร์มที่ฉินอันอันกรอกด้วยตาของเขาเอง เขาคงจะเชื่อคำพูดของฟู่เย่เฉินไปแล้ว “ฉินอันอันบอกว่าเด็กในท้องเป็นลูกของแก มันก็เป็นลูกของแก!” บอดี้การ์ดพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง “กล้าทำเรื่องแบบนี้ได้ ต่อให้แกมีเก้าชีวิตก็คงไม่พอให้อยู่รอด!” ฟู่เย่เฉินร้องไห้เสียงดัง “ฉินอันอันโกหก! คุณอาครับ เหตุผลที่ผมเลิกกับเธอก็คือ เธอไม่ยอมให้ผมแตะต้องตัวเธอสักที ผมเองที่ทิ้งเธอไป เธอก็เลยเกลียดผม! เธอจงใจบอกว่าเด็กในท้องคือลูกของผม! เพราะเธอต้องการแก้แค้นผมแน่ ๆ! คุณอา! คุณอาต้องเชื่อผมนะ! ไม่ว่าเด็กในท้องจะเป็นลูกของใครก็ตาม แต่ไม่ใช่ลูกของผมแน่นอน!” ฟู่ซื่อถิงมองชายคนนั้นที่นอนอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าหวาดกลัว จู่ ๆ ในใจก็รู้สึกเมินเฉย ไม่น่าสนใจ นี่คือผู้ชายที่ฉินอันอันชอบ ผู้ชายขี้ขลาดคนนี้สามารถหักหลังเธอได้ทันทีที่มีปัญหา! “ลากมันลงไป!” เสียงของฟู่ซื่อถิงไร้อารมณ์ “ไม่ต้องฆ่ามัน” เขาจะปล่อยให้ฟู่เย่เฉินตายง่าย ๆ ได้อย่างไร? เขาต้องการทำลายฟู่เย่เฉินทีละนิดต่อหน้าฉินอันอัน ... จางหยุนพาฉินอันอันกลับไปที่บ้านเช่าของตัวเอง หลังจากเข้าไปในบ้านแล้ว จาง
“พี่ที่แม่เคยรู้จักอยากได้พี่เลี้ยงเด็กมาดูแลหลาน...และเงินเดือนที่เธอเสนอก็สูงมาก แม่คิดว่าแม่ทำได้ทุกอย่าง ก็เลยลองดู วันนี้วันที่สามของแล้ว แม่ว่าก็ดีนะ แม่สามารถหาเงินได้ห้าหมื่นบาทต่อเดือนแน่ะ!” “พ่อของลูกไม่อยู่แล้ว และไม่ทิ้งมรดกอะไรไว้ให้ลูกเลย แม่ไม่อยากเป็นตัวถ่วงของลูก” จางหยุนกล่าวเสริม น้ำตาของฉินอันอันร่วงลงมาราวกับเส้นด้ายที่ขาด “พี่ที่แม่เคยรู้จักค่อนข้างมีฐานะดีใช่ไหมคะ?” เดิมทีเสียงของเธอแหบแห้งเล็กน้อย แต่เมื่อเธอร้องไห้กลับทำให้เสียงแหบแห้งมากขึ้น “การเป็นพี่เลี้ยงหลานให้พี่ที่รู้จัก...คงจะรับมือยากมากใช่ไหมคะ!” “ไม่ยากหรอก! ตอนนี้แค่หาเงินได้ก็พอใจแล้ว ศักดิ์ศรีมันกินไม่ได้หรอก! ยิ่งกว่านั้น คนรวยไม่ได้แปลว่าจะรวยตลอดไป คนจนก็อาจจะไม่ได้จนตลอดไปเหมือนกัน ตอนนี้แม่อาจจะไม่ได้รวยเหมือนพี่เขา แต่ใครจะไปรู้ ลูกสาวของแม่อาจจะหาเงินได้มากกว่าอีกจริงไหม?” จางหยุนหยิบกระดาษทิชชู่ออกมาเช็ดน้ำตาให้เธอ “แม่...แม่ไม่ต้องไปทำงานหรอก หนูทำงานพาร์ทไทม์ได้...ปีหน้าหนูก็ทำงานแล้ว...” ฉินอันอันน้ำตาไหลพราก “ตอนนี้ลูกกำลังท้อง ลูกจะออกไปทำงานได้ยังไง? อันอัน ถ้าลูกต้องก
ฆ่าเขา? ฉินอันอันขมวดคิ้ว แม้ว่าเธอจะเกลียดฟู่ซื่อถิง แต่เธอก็ไม่เคยคิดที่จะฆ่าเขา แม้ว่าลูกในท้องจะไม่อยู่แล้ว ก็ยังไม่มีความคิดแบบนี้เลย และเธอจะฆ่าเขาได้จริงเหรอ? เมื่อเห็นฉินอันอันลังเล ฟู่เย่เฉินจึงกล่าวว่า “ตอนนี้อาของผมกำลังเดินทางไปทำธุรกิจ คุณลองกลับไปคิดดี ๆ อันอัน ถ้าคุณสามารถฆ่าฟู่ซื่อถิงได้ ผมก็แต่งงานกับคุณได้ทันที ผมจะให้ทุกสิ่งที่คุณต้องการ ผมบอกพ่อแม่เกี่ยวกับเรื่องของเราแล้ว และพวกเขาก็ให้การสนับสนุนผม” ฟู่เย่เฉินสีหน้าและสายตาจริงจังมาก เมื่อก่อนตอนที่เธอยังรักเขา เธออยากให้พ่อแม่ของเขายอมรับมาโดยตลอด แต่เขามักจะปฏิเสธที่จะเปิดเผยความสัมพันธ์ของพวกเขาให้คนอื่นรู้ ตอนนี้เธอไม่ต้องการให้ใครมายอมรับแล้ว “แล้วถ้ามันไม่สำเร็จล่ะ?” ฉินอันอันถามเขา “ถ้าเขารู้ว่าฉันต้องการฆ่าเขา คุณคิดว่าเขาจะไว้ชีวิตฉันฉันเหรอ? ฟู่เย่เฉิน คุณไม่เหมือนผู้ชายที่ฉันเคยรู้จักเลย ถ้าคุณอยากฆ่าเขา คุณก็ไปฆ่าเองสิ ถ้าคุณไม่สามารถยอมรับผลที่ตามมาจากความล้มเหลวของคุณได้ ก็อย่าไปทำสิ่งที่ผิดกฎหมายแบบนั้น!” ฟู่เย่เฉินชะงัก เขาไม่คิดว่าเธอจะปฏิเสธ “มันจะล้มเหลวได้ยังไง เราก็วางย
“เด็กที่ถูกทำแท้งไม่ใช่ลูกของคุณใช่ไหม คุณถึงยังใจเย็นอยู่ได้!” หมอเห็นว่าฉินอันอันมีอารมณ์รุนแรงขึ้น อีกทั้งเรื่องนี้ก็ค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่ เธอจึงต้องกลับคำพูด “คุณฉิน ฉันขอโทษค่ะ ฉันใช้คำพูดผิด คุณนั่งลงดื่มน้ำก่อนนะคะ ฉันจะไปถามให้ค่ะ” หลังจากที่หมอเทน้ำให้เธอหนึ่งแก้ว เธอก็รีบไปหาหัวหน้าของเธอทันที ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง คุณหมอก็กลับมา “คุณฉินคะ คุณรู้จักถังเฉียนไหมคะ? เธอเป็นคนมีขอดูข้อมูลของคุณค่ะ” หลังจากได้รับคำตอบ ฉินอันอันก็ออกจากโรงพยาบาลทันที คิดไม่ถึงว่าถังเฉียน คือหนามยอกอกเธอ! อย่างไรก็ตาม เธอจะถูกทำร้ายร่างกายไม่ได้ เธอจะต้องหาวิธีที่จะทำให้ถังเฉียนได้ชดใช้อย่างแน่นอน! ฉินกรุ๊ป ฉินอันอันเข้าไปในห้องทำงานของพ่อ รองประธานรออยู่ข้างในนานแล้ว “อันอัน ที่ลุงเรียกเธอมาวันนี้ ลุงมีเรื่องจะคุยกับเธอสองเรื่อง” รองประธานรินน้ำอุ่นให้เธอ “เฮ่อจุนจือเปลี่ยนใจ ตอนแรกเขาต้องการลงทุนกับเรา แต่วันนี้เขาต้องการซื้อบริษัทของเราในราคาหนึ่งพันล้านบาท” เมื่อเห็นว่ารองประธานดูไม่ค่อยมีความสุขนัก ฉินอันอันจึงเดาว่า “ราคาต่ำไปเหรอคะ?” “ตอนที่บริษัทยังอยู่ในสถานก
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง