ฆ่าเขา? ฉินอันอันขมวดคิ้ว แม้ว่าเธอจะเกลียดฟู่ซื่อถิง แต่เธอก็ไม่เคยคิดที่จะฆ่าเขา แม้ว่าลูกในท้องจะไม่อยู่แล้ว ก็ยังไม่มีความคิดแบบนี้เลย และเธอจะฆ่าเขาได้จริงเหรอ? เมื่อเห็นฉินอันอันลังเล ฟู่เย่เฉินจึงกล่าวว่า “ตอนนี้อาของผมกำลังเดินทางไปทำธุรกิจ คุณลองกลับไปคิดดี ๆ อันอัน ถ้าคุณสามารถฆ่าฟู่ซื่อถิงได้ ผมก็แต่งงานกับคุณได้ทันที ผมจะให้ทุกสิ่งที่คุณต้องการ ผมบอกพ่อแม่เกี่ยวกับเรื่องของเราแล้ว และพวกเขาก็ให้การสนับสนุนผม” ฟู่เย่เฉินสีหน้าและสายตาจริงจังมาก เมื่อก่อนตอนที่เธอยังรักเขา เธออยากให้พ่อแม่ของเขายอมรับมาโดยตลอด แต่เขามักจะปฏิเสธที่จะเปิดเผยความสัมพันธ์ของพวกเขาให้คนอื่นรู้ ตอนนี้เธอไม่ต้องการให้ใครมายอมรับแล้ว “แล้วถ้ามันไม่สำเร็จล่ะ?” ฉินอันอันถามเขา “ถ้าเขารู้ว่าฉันต้องการฆ่าเขา คุณคิดว่าเขาจะไว้ชีวิตฉันฉันเหรอ? ฟู่เย่เฉิน คุณไม่เหมือนผู้ชายที่ฉันเคยรู้จักเลย ถ้าคุณอยากฆ่าเขา คุณก็ไปฆ่าเองสิ ถ้าคุณไม่สามารถยอมรับผลที่ตามมาจากความล้มเหลวของคุณได้ ก็อย่าไปทำสิ่งที่ผิดกฎหมายแบบนั้น!” ฟู่เย่เฉินชะงัก เขาไม่คิดว่าเธอจะปฏิเสธ “มันจะล้มเหลวได้ยังไง เราก็วางย
“เด็กที่ถูกทำแท้งไม่ใช่ลูกของคุณใช่ไหม คุณถึงยังใจเย็นอยู่ได้!” หมอเห็นว่าฉินอันอันมีอารมณ์รุนแรงขึ้น อีกทั้งเรื่องนี้ก็ค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่ เธอจึงต้องกลับคำพูด “คุณฉิน ฉันขอโทษค่ะ ฉันใช้คำพูดผิด คุณนั่งลงดื่มน้ำก่อนนะคะ ฉันจะไปถามให้ค่ะ” หลังจากที่หมอเทน้ำให้เธอหนึ่งแก้ว เธอก็รีบไปหาหัวหน้าของเธอทันที ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง คุณหมอก็กลับมา “คุณฉินคะ คุณรู้จักถังเฉียนไหมคะ? เธอเป็นคนมีขอดูข้อมูลของคุณค่ะ” หลังจากได้รับคำตอบ ฉินอันอันก็ออกจากโรงพยาบาลทันที คิดไม่ถึงว่าถังเฉียน คือหนามยอกอกเธอ! อย่างไรก็ตาม เธอจะถูกทำร้ายร่างกายไม่ได้ เธอจะต้องหาวิธีที่จะทำให้ถังเฉียนได้ชดใช้อย่างแน่นอน! ฉินกรุ๊ป ฉินอันอันเข้าไปในห้องทำงานของพ่อ รองประธานรออยู่ข้างในนานแล้ว “อันอัน ที่ลุงเรียกเธอมาวันนี้ ลุงมีเรื่องจะคุยกับเธอสองเรื่อง” รองประธานรินน้ำอุ่นให้เธอ “เฮ่อจุนจือเปลี่ยนใจ ตอนแรกเขาต้องการลงทุนกับเรา แต่วันนี้เขาต้องการซื้อบริษัทของเราในราคาหนึ่งพันล้านบาท” เมื่อเห็นว่ารองประธานดูไม่ค่อยมีความสุขนัก ฉินอันอันจึงเดาว่า “ราคาต่ำไปเหรอคะ?” “ตอนที่บริษัทยังอยู่ในสถานก
“...ฉันไม่รู้รหัสผ่านค่ะ พ่อไม่ได้บอกรหัสผ่านก่อนที่เขาจะเสียชีวิต” ฉินอันอันขมวดคิ้วพร้อมส่ายหน้า เธอไม่ได้โกหก ก่อนที่ฉินเจี๋ยจะเสียชีวิต เขาไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับบริษัทเลยด้วยซ้ำ ยิ่งเป็นเรื่องรหัสผ่านยิ่งไม่ต้องพูดถึง ตอนนั้นมีคนอยู่ในห้องหลายคน ถ้าฉินเจี๋ยพูด เธอก็ไม่ใช่คนเดียวที่รู้ “ลุงโจว หรือฉันกลับไปถามแม่ดู!” ฉินอันอันพูดกับรองประธาน “ครั้งสุดท้ายที่ฉันเจอพ่อ เขาพูดกับฉันแค่สองสามคำก่อนจะจากไป แม่ของฉันอาจจะรู้มากกว่านี้ก็ได้ค่ะ” รองประธานไม่สงสัยเรื่องอื่นเลย นอกจากเรื่องนี้ “โอเค อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับใครนะ นี่เป็นความลับสุดยอดของบริษัทของเรา เพราะเธอเป็นผู้สืบทอดที่ประธานฉินแต่งตั้ง ฉันถึงได้บอกเธอ” ฉินอันอันมองไปที่ตู้เซฟ เสียงเงียบขรึมภายในใจเตือนเธอ พวกเขาต้องบอกความลับนี้กับเธอ เพราะหาใครมาเปิดตู้เซฟไม่ได้ ถ้าพวกเขาแอบเปิดตู้เซฟได้ จะต้องขโมยของในตู้อย่างแน่นอน และคงไม่แจ้งเรื่องนี้ให้เธอรู้ “ค่ะ ฉันจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครแน่นอน ลุงโจว นอกจากลุงแล้วมีใครรู้เรื่องนี้อีกบ้างคะ?” ฉินอันอันคุยกับรองประธานพลางเดินไปที่ประตู รองประธานเดินตามไปที่ประตู
จางหยุนวางมือบนไหล่ของฉินอันอัน “หนูเป็นลูกสาวของเขา เขาไม่ทำร้ายลูกอย่างแน่นอน ตอนที่แม่อยู่กับเขา บริษัทของเขาเพิ่งเริ่มต้น ตอนที่เราแต่งงานกัน แม่ไม่อยากได้อะไรเลย แถมยังออกเงินมากมายเพื่อช่วยเขาเริ่มต้นธุรกิจ ถ้าเขากล้าทำร้ายลูก แม่จะไม่มีวันปล่อยเขาไปแม้ว่าแม่จะกลายเป็นผีก็ตาม” ... วันจันทร์ ฉินอันอันนั่งแท็กซี่ไปเอสทีกรุ๊ป นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาที่บริษัทของฟู่ซื่อถิง ตึกของเอสทีกรุ๊ปสูงและกว้างใหญ่มาก เธอลงจากแท็กซี่แล้วเดินไปที่ล็อบบี้ชั้นหนึ่ง “คุณคะ นัดไว้หรือเปล่าคะ” พนักงานต้อนรับผู้หญิงถาม ฉินอันอัน “ไม่ได้นัดค่ะ รบกวนติดต่อถังเฉียน และบอกเธอว่าฉินอันอันมาขอพบให้หน่อยนะคะ ถ้าเธอได้ยินชื่อของฉัน เธอจะต้องมาหาฉันแน่นอนค่ะ” พนักงานต้อนรับจ้องไปที่ฉินอันอันสองสามครั้ง เมื่อเห็นว่าเธอแต่งตัวภูมิฐาน จึงโทรติดต่อแผนกประชาสัมพันธ์ให้เธอ ไม่นานถังเฉียนก็ลงมา ทันทีที่ถังเฉียนออกมาจากลิฟต์ เธอก็มุ่งหน้าไปหาฉินอันอันด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง “เธอเพิ่งทำแท้งไม่ใช่เหรอ? ไม่นอนพักเหรอ?” ถังเฉียนพูดเหน็บแนม วันนี้ฉินอันอันแต่งหน้าเบา ๆ ดูสวยงาม “ถังเฉียน เธอตั้งใจทำงาน
บ่ายวันศุกร์ ฉินอันอันได้รับสายจากแม่บ้านจาง “คุณผู้หญิงคะ คืนนี้คุณผู้ชายกลับมาแล้วค่ะ คุณก็กลับมาเถอะนะคะ!” ฉินอันอันอาศัยอยู่ที่บ้านแม่ของเธอตั้งแต่ฟู่ซื่อถิงบังคับให้เธอทำแท้งครั้งที่แล้ว “เอาล่ะ ถึงเวลายุติความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฉันแล้ว” ฉินอันอันวางสายโทรศัพท์แล้วออกเดินทางไปบ้านตระกูลฟู่ หนึ่งทุ่ม เที่ยวบินของฟู่ซื่อถิงมาถึงสนามบินแล้ว เขาเดินขึ้นรถโรลส์รอยซ์สีดำโดยมีบอดี้การ์ดคอยคุ้มกัน หลังจากนั่งลงแล้ว เขาพบว่าถังเฉียนก็นั่งอยู่ข้างในด้วย “ซื่อถิง คุณชอบทรงผมใหม่ของฉันไหมคะ?” ถังเฉียนสวมชุดเจ้าหญิงสีชมพู ใช้นิ้วปัดผมของเธอทัดหูแล้วส่งยิ้มเย้ายวนให้เขา ถังเฉียนจงใจนั่งรอเขาในรถเพื่อเซอร์ไพรส์เขา เมื่อฟู่ซื่อถิงมองถังเฉียนด้วยดวงตาที่เคร่งขรึม ความสงบบนใบหน้าของเขาก็หายไป กล้ามเนื้อทั่วร่างกายของเขาเกร็งขึ้น ใบหน้าเย็นเฉียบราวกับน้ำค้างแข็ง รังสีอำมหิตแผ่กระจายทั่วในรถ เมื่อถังเฉียนสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าอารมณ์ของเขา ก็รู้สึกไม่สบายใจทันที “ซื่อถิง เกิดอะไรขึ้น? คุณว่าทรงผมของฉันไม่สวย หรือชุดไม่สวยเหรอ…” ถังเฉียนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทา ดว
“พรุ่งนี้กับมะรืนเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ วันจันทร์หน้าเราไปหย่ากันเถอะ!” ฉินอันอันพูดต่อ เมื่อเห็นว่าเธอทนไม่ไหวแบบนี้ เขาก็ได้แต่หยิบบุหรี่ออกมาจุดอย่างใจเย็น ฉินอันอันขมวดคิ้ว ไม่รู้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขาไม่ได้วางแผนจะหย่ากับเธอหรือ? ถ้าเขาอยากจะหย่ากับเธอ คงไม่มีท่าทีเฉยชาแบบนี้เพื่อบีบให้เขายอมยา เธอสูดหายใจเข้าปอด แล้วเอ่ยว่า “ฉันนอกใจคุณ นี่คุณยังทนได้อีกเหรอ? ถ้าฉันเป็นคุณ ฉันคงไม่อยากเจอตัวเองไปตลอดชีวิตแล้ว คุณต้องอย่า! ถ้าไม่หย่า คุณก็จะถูกฉันสวมเขาไปตลอดชีวิต!” ฟู่ซื่อถิงพ่นควันออกมา สายตาล้ำลึกเฝ้ามองการแสดงของเธอ “คุณก็ได้เห็นถังเฉียนแล้วนี่ ใช่ไหม? คงโกรธมากเลยใช่หรือเปล่า? สมควรจะโกรธแล้ว ฉันเป็นตัวต้นคิดเองนั่นแหละ! ฉันตั้งใจทำให้คุณโกรธเอง!” ฉินอันอันราดน้ำมันลงกองไฟ แม่บ้านจางที่อยู่ด้านข้าง ได้ยินแล้วก็ใจสั่น ‘ทำไมฉินอันอันต้องหาเรื่องใส่ตัวด้วย?’‘หรือเพราะได้รับการกระทบกระเทือนจากการแท้งลูก สมองของเธอก็เลยมีปัญหาไปด้วย?’‘ถ้าเธอยังหาเรื่องใส่ตัวไม่เลิก เกรงว่าฟู่ซื่อถิงจะฆ่าเธอเข้าจริง ๆ’เมื่อคิดได้ดังนั้น แม่บ้านจางก็เดินเข้าไปอย่างอ
สุดสัปดาห์ ฉินอันอันนัดเจอรองประธานที่บริษัท “อันอัน พวกเราต้องรีบเปิดตู้เซฟแล้ว เฮ่อจุนจือเร่งให้พวกเราตอบกลับตลอดเลย ตอนนี้ผมไม่กล้าบอกความจริง แล้วก็ไม่กล้าพูดโกหกเขาด้วย…ลุงไม่มีอะไรเลยความมั่นใจก็ด้วย!” ฉินอันอันพยักหน้า “เมื่อคืนฉันเขียนตัวเลขส่วนหนึ่งลงบนกระดาษ เดาว่าตอนที่พ่อตั้งรหัสผ่านน่าจะใช้ตัวเลขพวกนั้น ที่นี้มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาผสมมันยังไงเท่านั่นค่ะ” รองประธานรับกระดาษจากมือของเธอ หลังจากมองดูตัวเลขบนกระดาษ เขาก็พยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นพวกเรามาลองกันเดี๋ยวนี้เลย!” ทั้งสองเข้าไปในห้องลับ เดินไปที่ด้านหน้าตู้เซฟ เริ่มลองผสมตัวเลขทีละตัว ทุกอย่างไม่ได้ราบรื่นอย่างที่พวกเขาคาดหวัง หลังจากล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วน ฉินอันอันก็ขมวดคิ้ว และถอนหายใจ “หวังหว่านจือจะรู้หรือเปล่าคะ?” เธอเอ่ยปาก “รหัสผ่านประตูบ้านฉันคือวันเกิดของพ่อกับวันเกิดของหวังหว่านจือรวมกัน ก่อนที่พ่อของฉันจะป่วย เขาดีกับหวังหว่านจือมาก” รองประธานส่ายหน้า “ถ้าหากหวังหว่านจือรู้ว่าระบบใหม่ของเรามีค่ามากขนาดนี้ เธอจะต้องมาเอามันก่อนบินหนีไปแน่” ฉินอันอันทำได้เพียงแค่เปลี่ยนความคิด “ลุงโจวคิดว่าขอ
หลังจากที่รองประธานส่งรูปให้หวังหว่านจือแล้ว เขาก็ตัดสินใจว่าวันนี้จะเฝ้าอยู่ในห้องลับ ดูว่าหวังหว่านจือจะทำให้เขาประหลาดใจได้หรือเปล่า ถ้าหากหวังหว่านจือบอกรหัสผ่านได้ ฉินอันอันก็จะถูกเตะโด่งออกไป แล้วเธอจะไม่ได้รับผลประโยชน์เลยแม้แต่แดงเดียว หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง หวังหว่านจือก็โทรมา “พวกคุณลองใช้รหัสผ่านเยอะขนาดนี้ก็ยังไม่ได้ผล ฉันเองคิดไม่ออกแล้วเหมือนกันว่าจะไขว้ตัวเลขพวกนั้นได้อย่างไรอีก… แต่ฉันเห็นว่าในนั้นมีเลขวันเดือนปีเกิดตามบัตรประชาชนของจางหยุนอยู่ด้วย แต่วันเกิดจริง ๆ ของจางหยุนไม่ใช่วันเดียวกับในบัตรประชาชน พวกเราเอาวันเกิดจริงของจางหยุนมาแทนที่แล้วลองกันดูอีกรอบแล้วกัน” รองประธาน “ตกลง!” สองชั่วโมงต่อมามีเสียง“คลิก” ดังขึ้น ประตูตู้เซฟจึงถูกเปิดออกได้สำเร็จ เป็นอย่างที่หวังหว่านจือคาดเดา รหัสไม่ใช่วันเกิดตามบัตรประชาชนของจางหยุน แต่เป็ฯวันเกิดจริง ๆ ของเธอ ฉินเจี๋ยตั้งรหัสเอาไว้เพื่อความปลอดภัย เลขสามตัวแรกคือวันเกิดของจางหยุน ส่วนเลขสามตัวหลังคือวันเกิดของฉินอันอันมีเพียงรหัสผ่านที่ถูกต้องกับภาพครอบครัวสุขสันต์ที่มีอยู่เพียงภาพเดียวในตู้เซฟมืด ๆ
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง