บ่ายวันศุกร์ ฉินอันอันได้รับสายจากแม่บ้านจาง “คุณผู้หญิงคะ คืนนี้คุณผู้ชายกลับมาแล้วค่ะ คุณก็กลับมาเถอะนะคะ!” ฉินอันอันอาศัยอยู่ที่บ้านแม่ของเธอตั้งแต่ฟู่ซื่อถิงบังคับให้เธอทำแท้งครั้งที่แล้ว “เอาล่ะ ถึงเวลายุติความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฉันแล้ว” ฉินอันอันวางสายโทรศัพท์แล้วออกเดินทางไปบ้านตระกูลฟู่ หนึ่งทุ่ม เที่ยวบินของฟู่ซื่อถิงมาถึงสนามบินแล้ว เขาเดินขึ้นรถโรลส์รอยซ์สีดำโดยมีบอดี้การ์ดคอยคุ้มกัน หลังจากนั่งลงแล้ว เขาพบว่าถังเฉียนก็นั่งอยู่ข้างในด้วย “ซื่อถิง คุณชอบทรงผมใหม่ของฉันไหมคะ?” ถังเฉียนสวมชุดเจ้าหญิงสีชมพู ใช้นิ้วปัดผมของเธอทัดหูแล้วส่งยิ้มเย้ายวนให้เขา ถังเฉียนจงใจนั่งรอเขาในรถเพื่อเซอร์ไพรส์เขา เมื่อฟู่ซื่อถิงมองถังเฉียนด้วยดวงตาที่เคร่งขรึม ความสงบบนใบหน้าของเขาก็หายไป กล้ามเนื้อทั่วร่างกายของเขาเกร็งขึ้น ใบหน้าเย็นเฉียบราวกับน้ำค้างแข็ง รังสีอำมหิตแผ่กระจายทั่วในรถ เมื่อถังเฉียนสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าอารมณ์ของเขา ก็รู้สึกไม่สบายใจทันที “ซื่อถิง เกิดอะไรขึ้น? คุณว่าทรงผมของฉันไม่สวย หรือชุดไม่สวยเหรอ…” ถังเฉียนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทา ดว
“พรุ่งนี้กับมะรืนเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ วันจันทร์หน้าเราไปหย่ากันเถอะ!” ฉินอันอันพูดต่อ เมื่อเห็นว่าเธอทนไม่ไหวแบบนี้ เขาก็ได้แต่หยิบบุหรี่ออกมาจุดอย่างใจเย็น ฉินอันอันขมวดคิ้ว ไม่รู้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขาไม่ได้วางแผนจะหย่ากับเธอหรือ? ถ้าเขาอยากจะหย่ากับเธอ คงไม่มีท่าทีเฉยชาแบบนี้เพื่อบีบให้เขายอมยา เธอสูดหายใจเข้าปอด แล้วเอ่ยว่า “ฉันนอกใจคุณ นี่คุณยังทนได้อีกเหรอ? ถ้าฉันเป็นคุณ ฉันคงไม่อยากเจอตัวเองไปตลอดชีวิตแล้ว คุณต้องอย่า! ถ้าไม่หย่า คุณก็จะถูกฉันสวมเขาไปตลอดชีวิต!” ฟู่ซื่อถิงพ่นควันออกมา สายตาล้ำลึกเฝ้ามองการแสดงของเธอ “คุณก็ได้เห็นถังเฉียนแล้วนี่ ใช่ไหม? คงโกรธมากเลยใช่หรือเปล่า? สมควรจะโกรธแล้ว ฉันเป็นตัวต้นคิดเองนั่นแหละ! ฉันตั้งใจทำให้คุณโกรธเอง!” ฉินอันอันราดน้ำมันลงกองไฟ แม่บ้านจางที่อยู่ด้านข้าง ได้ยินแล้วก็ใจสั่น ‘ทำไมฉินอันอันต้องหาเรื่องใส่ตัวด้วย?’‘หรือเพราะได้รับการกระทบกระเทือนจากการแท้งลูก สมองของเธอก็เลยมีปัญหาไปด้วย?’‘ถ้าเธอยังหาเรื่องใส่ตัวไม่เลิก เกรงว่าฟู่ซื่อถิงจะฆ่าเธอเข้าจริง ๆ’เมื่อคิดได้ดังนั้น แม่บ้านจางก็เดินเข้าไปอย่างอ
สุดสัปดาห์ ฉินอันอันนัดเจอรองประธานที่บริษัท “อันอัน พวกเราต้องรีบเปิดตู้เซฟแล้ว เฮ่อจุนจือเร่งให้พวกเราตอบกลับตลอดเลย ตอนนี้ผมไม่กล้าบอกความจริง แล้วก็ไม่กล้าพูดโกหกเขาด้วย…ลุงไม่มีอะไรเลยความมั่นใจก็ด้วย!” ฉินอันอันพยักหน้า “เมื่อคืนฉันเขียนตัวเลขส่วนหนึ่งลงบนกระดาษ เดาว่าตอนที่พ่อตั้งรหัสผ่านน่าจะใช้ตัวเลขพวกนั้น ที่นี้มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาผสมมันยังไงเท่านั่นค่ะ” รองประธานรับกระดาษจากมือของเธอ หลังจากมองดูตัวเลขบนกระดาษ เขาก็พยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นพวกเรามาลองกันเดี๋ยวนี้เลย!” ทั้งสองเข้าไปในห้องลับ เดินไปที่ด้านหน้าตู้เซฟ เริ่มลองผสมตัวเลขทีละตัว ทุกอย่างไม่ได้ราบรื่นอย่างที่พวกเขาคาดหวัง หลังจากล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วน ฉินอันอันก็ขมวดคิ้ว และถอนหายใจ “หวังหว่านจือจะรู้หรือเปล่าคะ?” เธอเอ่ยปาก “รหัสผ่านประตูบ้านฉันคือวันเกิดของพ่อกับวันเกิดของหวังหว่านจือรวมกัน ก่อนที่พ่อของฉันจะป่วย เขาดีกับหวังหว่านจือมาก” รองประธานส่ายหน้า “ถ้าหากหวังหว่านจือรู้ว่าระบบใหม่ของเรามีค่ามากขนาดนี้ เธอจะต้องมาเอามันก่อนบินหนีไปแน่” ฉินอันอันทำได้เพียงแค่เปลี่ยนความคิด “ลุงโจวคิดว่าขอ
หลังจากที่รองประธานส่งรูปให้หวังหว่านจือแล้ว เขาก็ตัดสินใจว่าวันนี้จะเฝ้าอยู่ในห้องลับ ดูว่าหวังหว่านจือจะทำให้เขาประหลาดใจได้หรือเปล่า ถ้าหากหวังหว่านจือบอกรหัสผ่านได้ ฉินอันอันก็จะถูกเตะโด่งออกไป แล้วเธอจะไม่ได้รับผลประโยชน์เลยแม้แต่แดงเดียว หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง หวังหว่านจือก็โทรมา “พวกคุณลองใช้รหัสผ่านเยอะขนาดนี้ก็ยังไม่ได้ผล ฉันเองคิดไม่ออกแล้วเหมือนกันว่าจะไขว้ตัวเลขพวกนั้นได้อย่างไรอีก… แต่ฉันเห็นว่าในนั้นมีเลขวันเดือนปีเกิดตามบัตรประชาชนของจางหยุนอยู่ด้วย แต่วันเกิดจริง ๆ ของจางหยุนไม่ใช่วันเดียวกับในบัตรประชาชน พวกเราเอาวันเกิดจริงของจางหยุนมาแทนที่แล้วลองกันดูอีกรอบแล้วกัน” รองประธาน “ตกลง!” สองชั่วโมงต่อมามีเสียง“คลิก” ดังขึ้น ประตูตู้เซฟจึงถูกเปิดออกได้สำเร็จ เป็นอย่างที่หวังหว่านจือคาดเดา รหัสไม่ใช่วันเกิดตามบัตรประชาชนของจางหยุน แต่เป็ฯวันเกิดจริง ๆ ของเธอ ฉินเจี๋ยตั้งรหัสเอาไว้เพื่อความปลอดภัย เลขสามตัวแรกคือวันเกิดของจางหยุน ส่วนเลขสามตัวหลังคือวันเกิดของฉินอันอันมีเพียงรหัสผ่านที่ถูกต้องกับภาพครอบครัวสุขสันต์ที่มีอยู่เพียงภาพเดียวในตู้เซฟมืด ๆ
ตระกูลฟู่ ฉินอันอันเข้ามาในห้องนั่งเล่น แม่บ้านจางก็ให้เธอนั่งลงบนโซฟาทันที “คุณผู้หญิง คุณผู้ชายเตรียมของขวัญไว้คุณค่ะ” แม่บ้านจางเปิดกล่องของขวัญสีขาวบนโต๊ะ เผยให้เห็นชุดกระโปรงสีขาวปรากฏขึ้นตรงหน้า “ป้าแน่ใจเหรอคะว่าเขาซื้อให้ฉัน?” ฉินอันอันมองชุดกระโปรงด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ“ใช่แล้วค่ะ ค่ำนี้น่าจะมีงานเลี้ยง และคงจะพาคุณไปร่วมงานด้วย ยังมีรองเท้าด้วยนะคะ!” แม่บ้านจางนำกล่องอีกใบมาเปิดออก ในนั้นเป็นรองเท้าส้นสูงแสนสวยคู่หนึ่ง ฉินอันอันหยิบรองเท้าขึ้นมาข้างหนึ่ง มองไปที่ส้นรองเท้าแล้วก็รู้สึกหวาดหวั่นในใจ “เขาจะพาฉันไปทำไม? ฉันไม่ได้คุ้นเคยอะไรกับแวดวงสังคมของพวกเขา เขาไม่กลัวหรือว่าฉันจะทำให้เขาขายหน้า?” แม่บ้านจางตอบว่า “ในเมื่อคุณผู้ชายตัดสินใจจะพาคุณไป ก็ย่อมมีเหตุผลของเขาค่ะ คุณผู้หญิงคะ เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะค่ะ จากนี้คุณกับผู้ชายก็ใช้ชีวิตร่วมกันตามปกติสุขเสียที” ฉินอันอันเงยหน้ามองแม่บ้านจาง “ป้าคิดว่าเขาจะปล่อยให้มันผ่านไปจริง ๆ เหรอคะ? ฉันยังไม่แน่ใจเลยว่าจุดประสงค์ที่เขาพาฉันไปคืนนี้คืออะไรกันแน่!” แม่บ้านจางตอบ “คุณผู้หญิงคะ ก่อนหน
ฉินอันอันเออออตามไปด้วย “ที่จริงแล้วเขารวยสุด ๆ แต่ทั้งแก่ทั้งน่าเกลียด สุขภาพก็ไม่สู้ดีอีกด้วย” ทุกคนอึ้งไป “???” เศรษฐีที่ทั้งแก่ทั้งน่าเกลียด แถมสุขภาพก็ยังไม่ดีอีก…จะเป็นใครได้? “คุณหนูฉิน ขอเชิญคุณที่ชั้นสองค่ะ” พนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งเดินเข้ามาแล้วแจ้งแก่เธอ ฉินอันอันเงยหน้าขึ้นทันที คฤหาสน์หลังนี้มีการออกแบบห้องโถงแบบเปิดโล่ง จากห้องนั่งเล่นชั้นหนึ่งสามารถมองเห็นราวกั้นของชั้นสองได้ บอดี้การ์ดของฟู่ซื่อถิงที่ยืนอยู่ข้างราวกั้นมองลงมาที่เธอ ฉินอันอันเดินตามพนักงานเสิร์ฟขึ้นไปยังชั้นสองสีหน้าของคนที่เพิ่งจะเยาะเย้ยถากถางฉินอันอันเปลี่ยนไปในทันที งานเลี้ยงค่ำคืนนี้ คนที่อยู่ในงานนั้นทั้งร่ำรวยและมีเกียรติ แต่วงสังคมชั้นสูงก็มีการแบ่งชนชั้นด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่นคืนนี้ คนรวยธรรมดา ๆ ก็จะถูกจัดไว้ที่ห้องจัดเลี้ยงชั้นหนึ่ง ผู้ที่มีอิทธิพลสูงหรือคนใหญ่คนโตจะถูกจัดให้อยู่ที่ชั้นสอง “ฉินอันอันถูกพาไปที่ชั้นสอง คนที่เลี้ยงดูเธอที่จริงแล้วคือใครกันแน่?!” “ไม่รู้สิ! พวกเราจะขึ้นไปชั้นสองก็ไม่ได้ด้วย รู้แค่ว่าฉินอันอันเก่งเกินไปแล้ว! ถึงแม้คนที่เลี้ยงดูเธอจะทั้งแ
แม่บ้านจางตอบ “ยังค่ะ ดิฉันอยู่ในห้องนั่งเล่นตลอด คุณผู้หญิงยังไม่กลับมาเลยค่ะ” ดวงตาของฟู่ซื่อถิงมืดลง เธอยังไม่กลับมา แล้วจะไปที่ไหนได้? เธอบอกว่าจะกลับมาเขียนวิทยานิพนธ์ หรือว่าเธอโกหก? “คุณผู้ชายคะ ดิฉันจะไปโทรหาคุณผู้หญิงนะคะ” แม่บ้านจางเดินไปทางห้องห้องนั่งเล่น อีกด้านหนึ่ง ตอนที่ฉินอันอันออกมาจากคฤหาสน์ฝูหลัน เธอก็ถูกลักพาตัวไป หลังจากที่เธอถูกลากขึ้นมาบนรถ มีคนเอาผ้ามาปิดตาเธอ พร้อมกับมัดมือทั้งสองข้างเธอด้วย หลังจากนั้นรถก็แล่นไปบนถนนประมาณหนึ่งชั่วโมงแล้วจึงจอดในที่สุด เธอถูกพาไปไว้ในห้อง แล้วถูกคนกดให้นั่งลงบนเก้าอี้ เมื่อผ้าปิดตาถูกถอดออก ก็มีเสียงชายแปลกหน้าคนหนึ่งดังขึ้น “คุณหนูฉิน เสียมารยาทแล้ว พวกเราพาคุณมาเพราะได้รับคำสั่ง ตราบใดที่คุณให้ความร่วมมือกับเรา พวกเราจะไม่ทำร้ายคุณ” ฉินอันอันมองไปรอบ ๆ ห้องสีขาวบริสุทธิ์ สุดท้ายสายตาก็จับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของชายแปลกหน้า เขาสวมหน้ากาก เธอเลยมองเห็นหน้าตาของเขาได้ไม่ชัดเจน แต่ว่าเธอไม่คุ้นกับน้ำเสียงของเขาเลย “ตราบใดที่พวกคุณไม่ทำร้ายฉัน ฉันจะพยายามให้ความร่วมมือพวกคุณอย่างดีที่สุด แต่ว่าฉันไม่เคยท
‘ขอโทษนะฟู่เย่เฉิน!’ความผิดนี้ต้องมีคนรับไปรองประธานพบว่าของในตู้เซฟหายไปแล้ว ถ้าเธอไม่เบี่ยงเบนความสนใจของรองประธานไปจากตัวเอง ชีวิตที่เหลืออยู่ของเธอต่อจากนี้จะต้องมีแต่ศัตรูล้อมหน้าล้อมหลังแน่นอน ทันใดนันเอง เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น ชายคนนั้นเปิดกระเป๋าของเธอแล้วหยิบโทรศัพท์ของเธอออกมา บนหน้าจอโทรศัพท์ปรากฏตัวหนังสือสี่ตัวว่า “เบอร์ตระกูลฟู่” “คุณไม่ได้โกหกจริง ๆ ด้วย! ในเมื่อตอนนี้คุณเป็นคนของตระกูลฟู่ ผมจะไม่ทำให้คุณต้องลำบากใจแล้ว คุณไปได้!” ชายคนนั้นไม่อาจมีเรื่องกับตระกูลฟู่ได้ นอกจากนี้เรื่องที่ลูกค้าให้เขาจัดการ เขาก็ทำสำเร็จแล้ว หลังจากเป็นอิสระ ฉินอันอันโทรหาแม่บ้านจางเป็นอันดับแรก“คุณผู้หญิง ทำไมเมื่อกี้คุณถึงได้วางสายไปล่ะคะ? ดึกขนาดนี้ทำไมถึงยังไม่กลับ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?” เสียงของแม่บ้านจางดังลอดมาฉินอันอันเหลือบมองดูสภาพแวดล้อมโดยรอบ ที่นี่ ด้านหน้าไม่มีบ้านคนด้านหลังไม่มีร้านค้า ไฟถนนมืดมาก สองข้างทางมีแต่ป่าไม้เขียวชอุ่ม เมื่อมองไปก็เหมือนเห็นปากเปื้อนเลือดของสัตว์ร้ายกำลังอ้ากว้าง นั่นทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย “ป้าจางคะ คนขับร