สุดสัปดาห์ ฉินอันอันนัดเจอรองประธานที่บริษัท “อันอัน พวกเราต้องรีบเปิดตู้เซฟแล้ว เฮ่อจุนจือเร่งให้พวกเราตอบกลับตลอดเลย ตอนนี้ผมไม่กล้าบอกความจริง แล้วก็ไม่กล้าพูดโกหกเขาด้วย…ลุงไม่มีอะไรเลยความมั่นใจก็ด้วย!” ฉินอันอันพยักหน้า “เมื่อคืนฉันเขียนตัวเลขส่วนหนึ่งลงบนกระดาษ เดาว่าตอนที่พ่อตั้งรหัสผ่านน่าจะใช้ตัวเลขพวกนั้น ที่นี้มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาผสมมันยังไงเท่านั่นค่ะ” รองประธานรับกระดาษจากมือของเธอ หลังจากมองดูตัวเลขบนกระดาษ เขาก็พยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นพวกเรามาลองกันเดี๋ยวนี้เลย!” ทั้งสองเข้าไปในห้องลับ เดินไปที่ด้านหน้าตู้เซฟ เริ่มลองผสมตัวเลขทีละตัว ทุกอย่างไม่ได้ราบรื่นอย่างที่พวกเขาคาดหวัง หลังจากล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วน ฉินอันอันก็ขมวดคิ้ว และถอนหายใจ “หวังหว่านจือจะรู้หรือเปล่าคะ?” เธอเอ่ยปาก “รหัสผ่านประตูบ้านฉันคือวันเกิดของพ่อกับวันเกิดของหวังหว่านจือรวมกัน ก่อนที่พ่อของฉันจะป่วย เขาดีกับหวังหว่านจือมาก” รองประธานส่ายหน้า “ถ้าหากหวังหว่านจือรู้ว่าระบบใหม่ของเรามีค่ามากขนาดนี้ เธอจะต้องมาเอามันก่อนบินหนีไปแน่” ฉินอันอันทำได้เพียงแค่เปลี่ยนความคิด “ลุงโจวคิดว่าขอ
หลังจากที่รองประธานส่งรูปให้หวังหว่านจือแล้ว เขาก็ตัดสินใจว่าวันนี้จะเฝ้าอยู่ในห้องลับ ดูว่าหวังหว่านจือจะทำให้เขาประหลาดใจได้หรือเปล่า ถ้าหากหวังหว่านจือบอกรหัสผ่านได้ ฉินอันอันก็จะถูกเตะโด่งออกไป แล้วเธอจะไม่ได้รับผลประโยชน์เลยแม้แต่แดงเดียว หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง หวังหว่านจือก็โทรมา “พวกคุณลองใช้รหัสผ่านเยอะขนาดนี้ก็ยังไม่ได้ผล ฉันเองคิดไม่ออกแล้วเหมือนกันว่าจะไขว้ตัวเลขพวกนั้นได้อย่างไรอีก… แต่ฉันเห็นว่าในนั้นมีเลขวันเดือนปีเกิดตามบัตรประชาชนของจางหยุนอยู่ด้วย แต่วันเกิดจริง ๆ ของจางหยุนไม่ใช่วันเดียวกับในบัตรประชาชน พวกเราเอาวันเกิดจริงของจางหยุนมาแทนที่แล้วลองกันดูอีกรอบแล้วกัน” รองประธาน “ตกลง!” สองชั่วโมงต่อมามีเสียง“คลิก” ดังขึ้น ประตูตู้เซฟจึงถูกเปิดออกได้สำเร็จ เป็นอย่างที่หวังหว่านจือคาดเดา รหัสไม่ใช่วันเกิดตามบัตรประชาชนของจางหยุน แต่เป็ฯวันเกิดจริง ๆ ของเธอ ฉินเจี๋ยตั้งรหัสเอาไว้เพื่อความปลอดภัย เลขสามตัวแรกคือวันเกิดของจางหยุน ส่วนเลขสามตัวหลังคือวันเกิดของฉินอันอันมีเพียงรหัสผ่านที่ถูกต้องกับภาพครอบครัวสุขสันต์ที่มีอยู่เพียงภาพเดียวในตู้เซฟมืด ๆ
ตระกูลฟู่ ฉินอันอันเข้ามาในห้องนั่งเล่น แม่บ้านจางก็ให้เธอนั่งลงบนโซฟาทันที “คุณผู้หญิง คุณผู้ชายเตรียมของขวัญไว้คุณค่ะ” แม่บ้านจางเปิดกล่องของขวัญสีขาวบนโต๊ะ เผยให้เห็นชุดกระโปรงสีขาวปรากฏขึ้นตรงหน้า “ป้าแน่ใจเหรอคะว่าเขาซื้อให้ฉัน?” ฉินอันอันมองชุดกระโปรงด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ“ใช่แล้วค่ะ ค่ำนี้น่าจะมีงานเลี้ยง และคงจะพาคุณไปร่วมงานด้วย ยังมีรองเท้าด้วยนะคะ!” แม่บ้านจางนำกล่องอีกใบมาเปิดออก ในนั้นเป็นรองเท้าส้นสูงแสนสวยคู่หนึ่ง ฉินอันอันหยิบรองเท้าขึ้นมาข้างหนึ่ง มองไปที่ส้นรองเท้าแล้วก็รู้สึกหวาดหวั่นในใจ “เขาจะพาฉันไปทำไม? ฉันไม่ได้คุ้นเคยอะไรกับแวดวงสังคมของพวกเขา เขาไม่กลัวหรือว่าฉันจะทำให้เขาขายหน้า?” แม่บ้านจางตอบว่า “ในเมื่อคุณผู้ชายตัดสินใจจะพาคุณไป ก็ย่อมมีเหตุผลของเขาค่ะ คุณผู้หญิงคะ เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะค่ะ จากนี้คุณกับผู้ชายก็ใช้ชีวิตร่วมกันตามปกติสุขเสียที” ฉินอันอันเงยหน้ามองแม่บ้านจาง “ป้าคิดว่าเขาจะปล่อยให้มันผ่านไปจริง ๆ เหรอคะ? ฉันยังไม่แน่ใจเลยว่าจุดประสงค์ที่เขาพาฉันไปคืนนี้คืออะไรกันแน่!” แม่บ้านจางตอบ “คุณผู้หญิงคะ ก่อนหน
ฉินอันอันเออออตามไปด้วย “ที่จริงแล้วเขารวยสุด ๆ แต่ทั้งแก่ทั้งน่าเกลียด สุขภาพก็ไม่สู้ดีอีกด้วย” ทุกคนอึ้งไป “???” เศรษฐีที่ทั้งแก่ทั้งน่าเกลียด แถมสุขภาพก็ยังไม่ดีอีก…จะเป็นใครได้? “คุณหนูฉิน ขอเชิญคุณที่ชั้นสองค่ะ” พนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งเดินเข้ามาแล้วแจ้งแก่เธอ ฉินอันอันเงยหน้าขึ้นทันที คฤหาสน์หลังนี้มีการออกแบบห้องโถงแบบเปิดโล่ง จากห้องนั่งเล่นชั้นหนึ่งสามารถมองเห็นราวกั้นของชั้นสองได้ บอดี้การ์ดของฟู่ซื่อถิงที่ยืนอยู่ข้างราวกั้นมองลงมาที่เธอ ฉินอันอันเดินตามพนักงานเสิร์ฟขึ้นไปยังชั้นสองสีหน้าของคนที่เพิ่งจะเยาะเย้ยถากถางฉินอันอันเปลี่ยนไปในทันที งานเลี้ยงค่ำคืนนี้ คนที่อยู่ในงานนั้นทั้งร่ำรวยและมีเกียรติ แต่วงสังคมชั้นสูงก็มีการแบ่งชนชั้นด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่นคืนนี้ คนรวยธรรมดา ๆ ก็จะถูกจัดไว้ที่ห้องจัดเลี้ยงชั้นหนึ่ง ผู้ที่มีอิทธิพลสูงหรือคนใหญ่คนโตจะถูกจัดให้อยู่ที่ชั้นสอง “ฉินอันอันถูกพาไปที่ชั้นสอง คนที่เลี้ยงดูเธอที่จริงแล้วคือใครกันแน่?!” “ไม่รู้สิ! พวกเราจะขึ้นไปชั้นสองก็ไม่ได้ด้วย รู้แค่ว่าฉินอันอันเก่งเกินไปแล้ว! ถึงแม้คนที่เลี้ยงดูเธอจะทั้งแ
แม่บ้านจางตอบ “ยังค่ะ ดิฉันอยู่ในห้องนั่งเล่นตลอด คุณผู้หญิงยังไม่กลับมาเลยค่ะ” ดวงตาของฟู่ซื่อถิงมืดลง เธอยังไม่กลับมา แล้วจะไปที่ไหนได้? เธอบอกว่าจะกลับมาเขียนวิทยานิพนธ์ หรือว่าเธอโกหก? “คุณผู้ชายคะ ดิฉันจะไปโทรหาคุณผู้หญิงนะคะ” แม่บ้านจางเดินไปทางห้องห้องนั่งเล่น อีกด้านหนึ่ง ตอนที่ฉินอันอันออกมาจากคฤหาสน์ฝูหลัน เธอก็ถูกลักพาตัวไป หลังจากที่เธอถูกลากขึ้นมาบนรถ มีคนเอาผ้ามาปิดตาเธอ พร้อมกับมัดมือทั้งสองข้างเธอด้วย หลังจากนั้นรถก็แล่นไปบนถนนประมาณหนึ่งชั่วโมงแล้วจึงจอดในที่สุด เธอถูกพาไปไว้ในห้อง แล้วถูกคนกดให้นั่งลงบนเก้าอี้ เมื่อผ้าปิดตาถูกถอดออก ก็มีเสียงชายแปลกหน้าคนหนึ่งดังขึ้น “คุณหนูฉิน เสียมารยาทแล้ว พวกเราพาคุณมาเพราะได้รับคำสั่ง ตราบใดที่คุณให้ความร่วมมือกับเรา พวกเราจะไม่ทำร้ายคุณ” ฉินอันอันมองไปรอบ ๆ ห้องสีขาวบริสุทธิ์ สุดท้ายสายตาก็จับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของชายแปลกหน้า เขาสวมหน้ากาก เธอเลยมองเห็นหน้าตาของเขาได้ไม่ชัดเจน แต่ว่าเธอไม่คุ้นกับน้ำเสียงของเขาเลย “ตราบใดที่พวกคุณไม่ทำร้ายฉัน ฉันจะพยายามให้ความร่วมมือพวกคุณอย่างดีที่สุด แต่ว่าฉันไม่เคยท
‘ขอโทษนะฟู่เย่เฉิน!’ความผิดนี้ต้องมีคนรับไปรองประธานพบว่าของในตู้เซฟหายไปแล้ว ถ้าเธอไม่เบี่ยงเบนความสนใจของรองประธานไปจากตัวเอง ชีวิตที่เหลืออยู่ของเธอต่อจากนี้จะต้องมีแต่ศัตรูล้อมหน้าล้อมหลังแน่นอน ทันใดนันเอง เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น ชายคนนั้นเปิดกระเป๋าของเธอแล้วหยิบโทรศัพท์ของเธอออกมา บนหน้าจอโทรศัพท์ปรากฏตัวหนังสือสี่ตัวว่า “เบอร์ตระกูลฟู่” “คุณไม่ได้โกหกจริง ๆ ด้วย! ในเมื่อตอนนี้คุณเป็นคนของตระกูลฟู่ ผมจะไม่ทำให้คุณต้องลำบากใจแล้ว คุณไปได้!” ชายคนนั้นไม่อาจมีเรื่องกับตระกูลฟู่ได้ นอกจากนี้เรื่องที่ลูกค้าให้เขาจัดการ เขาก็ทำสำเร็จแล้ว หลังจากเป็นอิสระ ฉินอันอันโทรหาแม่บ้านจางเป็นอันดับแรก“คุณผู้หญิง ทำไมเมื่อกี้คุณถึงได้วางสายไปล่ะคะ? ดึกขนาดนี้ทำไมถึงยังไม่กลับ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?” เสียงของแม่บ้านจางดังลอดมาฉินอันอันเหลือบมองดูสภาพแวดล้อมโดยรอบ ที่นี่ ด้านหน้าไม่มีบ้านคนด้านหลังไม่มีร้านค้า ไฟถนนมืดมาก สองข้างทางมีแต่ป่าไม้เขียวชอุ่ม เมื่อมองไปก็เหมือนเห็นปากเปื้อนเลือดของสัตว์ร้ายกำลังอ้ากว้าง นั่นทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย “ป้าจางคะ คนขับร
“ความหมายของฉันก็คือ ถ้าคุณหาเงินได้ไม่มาก ทำไมถึงยังซื้อกระโปรงและรองเท้าส้นสูงราคาแพงขนาดนี้ให้ฉันล่ะ?” ฉินอันอันเปลี่ยนมาให้รองเท้าแตะ แล้วก็เดินไปอยู่ด้านหน้าเขาแล้วพูดเสริมอีกว่า “ฉันโตมาจนป่านนี้ ยังไม่เคยใส่ชุดกระโปรงและรองเท้าแพงขนาดนี้เลย” ฟู่ซื่อถิงพูด “น่าสงสารจริง”หลังจากฟู่ซื่อถิงพ่นสี่คำนี้ออกมา เขาก็เข้าไปในลิฟต์เธอมองประตูลิฟต์ปิดลงอย่างนิ่งงันที่จริงเธอยังมีอะไรที่จะพูดมากกว่านี้อีกที่เธออยากจะพูดก็คือเรื่องที่เขาถลุงเงินเป็นเบี้ย ใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือยเกินกว่าเหตุเมื่อกลับมาถึงห้อง เธอถอดชุดกระโปรงโอตกูตูร์บนตัวออก เข้าไปในห้องน้ำแล้วเปิดฝักบัว น้ำอุ่นไหลอาบตั้งแต่ศรีษะลงมาประสาทสัมผัสทั้งหมดค่อย ๆ เฉื่อยชาและพร่าเลือนวันรุ่งขึ้นฉินอันอันมาถึงฉินกรุ๊ปแต่เช้า พอสิบโมงเช้า ห้องประชุมก็คลาคล่ำไปด้วยผู้คน “สวัสดี ท่านผู้อาวุโสและทุก ๆ ท่าน ฉันคือฉินอันอัน ที่ฉันเรียกประชุมทุกท่านในวันนี้ ก็เพราะเมื่อคืนนี้ฉันถูกลักพาตัวค่ะ” สายตาของฉินอันอันกวาดตามองใบหน้าของทุกคนจนทั่ว “เป็นไปไม่ได้! อันอัน คุณไม่เป็นใช่ไหม?!” มีคนพูดด้วยความประหลาดใจ “ฉันไม่เป็
ฉินอันอันตอบ “อืม ฉันคิดว่าการที่เราอยากพัฒนาระบบรถยนต์ไร้คนขับให้สำเร็จ คงเป็นแค่เรื่องในจินตนาการเท่านั้น ระบบคอมพิวเตอร์ขั้นสูงจะทำได้ดีกว่าสมองของมนุษย์งั้นเหรอ? ตัวฉันเองก็ยังกังขาในโครงการนี้เลย ไม่ต้องพูดถึงนักลงทุนหรอก?” “อย่ามองโลกในแง่ร้ายเกินไปสิ มีเศรษฐีตั้งเยอะที่ลงทุนในโครงการโดยที่ไม่ได้คำถึงถึงความเป็นไปได้แต่ลงทุนเพื่อสนับสนุนความคิดสร้างสรรค์ด้วย คืนนี้มีปาร์ตี้ คนที่ไปล้วนแต่เป็นทายาทตระกูลเศรษฐี เธอไปกับฉันไหม? เราอาจจะได้เจอคนที่ยินดีมอบเงินลงทุนใก้เธอก็ได้นะ?” ฉินอันอันกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ช่างมันเถอะ! ทายาทตระกูลเศรษฐีรุ่นที่สองไม่มีประโยชน์อะไร ต้องรุ่นที่หนึ่งสิถึงทำได้” “คนพวกนั้นก็จะมาด้วยเหมือนกัน เธอไปลองเสี่ยงโชคดูเถอะน่า!” หลีเสี่ยวเถียนพูดพร้อมกับสารภาพ “ที่จริงฉันเองก็ไม่อยากไปหรอก พ่อของฉันต่างหากที่บังคับให้ฉันไป เขาจัดคู่นัดบอดไว้ให้ฉัน คืนนี้เธอไปเป็นเพื่อนฉันเถอะนะ ตกลงไหม?” ฉินอันอันไม่อาจขัดใจเธอได้ “ก็ได้” ช่วงหัวค่ำ เวลาหนึ่งทุ่ม หลีเสี่ยวเถียนขับรถพาฉินอันอันไปยังโรงแรมระดับห้าดาวที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานในเมืองนี้ “อันอัน เ