หลังจากที่รองประธานส่งรูปให้หวังหว่านจือแล้ว เขาก็ตัดสินใจว่าวันนี้จะเฝ้าอยู่ในห้องลับ ดูว่าหวังหว่านจือจะทำให้เขาประหลาดใจได้หรือเปล่า ถ้าหากหวังหว่านจือบอกรหัสผ่านได้ ฉินอันอันก็จะถูกเตะโด่งออกไป แล้วเธอจะไม่ได้รับผลประโยชน์เลยแม้แต่แดงเดียว หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง หวังหว่านจือก็โทรมา “พวกคุณลองใช้รหัสผ่านเยอะขนาดนี้ก็ยังไม่ได้ผล ฉันเองคิดไม่ออกแล้วเหมือนกันว่าจะไขว้ตัวเลขพวกนั้นได้อย่างไรอีก… แต่ฉันเห็นว่าในนั้นมีเลขวันเดือนปีเกิดตามบัตรประชาชนของจางหยุนอยู่ด้วย แต่วันเกิดจริง ๆ ของจางหยุนไม่ใช่วันเดียวกับในบัตรประชาชน พวกเราเอาวันเกิดจริงของจางหยุนมาแทนที่แล้วลองกันดูอีกรอบแล้วกัน” รองประธาน “ตกลง!” สองชั่วโมงต่อมามีเสียง“คลิก” ดังขึ้น ประตูตู้เซฟจึงถูกเปิดออกได้สำเร็จ เป็นอย่างที่หวังหว่านจือคาดเดา รหัสไม่ใช่วันเกิดตามบัตรประชาชนของจางหยุน แต่เป็ฯวันเกิดจริง ๆ ของเธอ ฉินเจี๋ยตั้งรหัสเอาไว้เพื่อความปลอดภัย เลขสามตัวแรกคือวันเกิดของจางหยุน ส่วนเลขสามตัวหลังคือวันเกิดของฉินอันอันมีเพียงรหัสผ่านที่ถูกต้องกับภาพครอบครัวสุขสันต์ที่มีอยู่เพียงภาพเดียวในตู้เซฟมืด ๆ
ตระกูลฟู่ ฉินอันอันเข้ามาในห้องนั่งเล่น แม่บ้านจางก็ให้เธอนั่งลงบนโซฟาทันที “คุณผู้หญิง คุณผู้ชายเตรียมของขวัญไว้คุณค่ะ” แม่บ้านจางเปิดกล่องของขวัญสีขาวบนโต๊ะ เผยให้เห็นชุดกระโปรงสีขาวปรากฏขึ้นตรงหน้า “ป้าแน่ใจเหรอคะว่าเขาซื้อให้ฉัน?” ฉินอันอันมองชุดกระโปรงด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ“ใช่แล้วค่ะ ค่ำนี้น่าจะมีงานเลี้ยง และคงจะพาคุณไปร่วมงานด้วย ยังมีรองเท้าด้วยนะคะ!” แม่บ้านจางนำกล่องอีกใบมาเปิดออก ในนั้นเป็นรองเท้าส้นสูงแสนสวยคู่หนึ่ง ฉินอันอันหยิบรองเท้าขึ้นมาข้างหนึ่ง มองไปที่ส้นรองเท้าแล้วก็รู้สึกหวาดหวั่นในใจ “เขาจะพาฉันไปทำไม? ฉันไม่ได้คุ้นเคยอะไรกับแวดวงสังคมของพวกเขา เขาไม่กลัวหรือว่าฉันจะทำให้เขาขายหน้า?” แม่บ้านจางตอบว่า “ในเมื่อคุณผู้ชายตัดสินใจจะพาคุณไป ก็ย่อมมีเหตุผลของเขาค่ะ คุณผู้หญิงคะ เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะค่ะ จากนี้คุณกับผู้ชายก็ใช้ชีวิตร่วมกันตามปกติสุขเสียที” ฉินอันอันเงยหน้ามองแม่บ้านจาง “ป้าคิดว่าเขาจะปล่อยให้มันผ่านไปจริง ๆ เหรอคะ? ฉันยังไม่แน่ใจเลยว่าจุดประสงค์ที่เขาพาฉันไปคืนนี้คืออะไรกันแน่!” แม่บ้านจางตอบ “คุณผู้หญิงคะ ก่อนหน
ฉินอันอันเออออตามไปด้วย “ที่จริงแล้วเขารวยสุด ๆ แต่ทั้งแก่ทั้งน่าเกลียด สุขภาพก็ไม่สู้ดีอีกด้วย” ทุกคนอึ้งไป “???” เศรษฐีที่ทั้งแก่ทั้งน่าเกลียด แถมสุขภาพก็ยังไม่ดีอีก…จะเป็นใครได้? “คุณหนูฉิน ขอเชิญคุณที่ชั้นสองค่ะ” พนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งเดินเข้ามาแล้วแจ้งแก่เธอ ฉินอันอันเงยหน้าขึ้นทันที คฤหาสน์หลังนี้มีการออกแบบห้องโถงแบบเปิดโล่ง จากห้องนั่งเล่นชั้นหนึ่งสามารถมองเห็นราวกั้นของชั้นสองได้ บอดี้การ์ดของฟู่ซื่อถิงที่ยืนอยู่ข้างราวกั้นมองลงมาที่เธอ ฉินอันอันเดินตามพนักงานเสิร์ฟขึ้นไปยังชั้นสองสีหน้าของคนที่เพิ่งจะเยาะเย้ยถากถางฉินอันอันเปลี่ยนไปในทันที งานเลี้ยงค่ำคืนนี้ คนที่อยู่ในงานนั้นทั้งร่ำรวยและมีเกียรติ แต่วงสังคมชั้นสูงก็มีการแบ่งชนชั้นด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่นคืนนี้ คนรวยธรรมดา ๆ ก็จะถูกจัดไว้ที่ห้องจัดเลี้ยงชั้นหนึ่ง ผู้ที่มีอิทธิพลสูงหรือคนใหญ่คนโตจะถูกจัดให้อยู่ที่ชั้นสอง “ฉินอันอันถูกพาไปที่ชั้นสอง คนที่เลี้ยงดูเธอที่จริงแล้วคือใครกันแน่?!” “ไม่รู้สิ! พวกเราจะขึ้นไปชั้นสองก็ไม่ได้ด้วย รู้แค่ว่าฉินอันอันเก่งเกินไปแล้ว! ถึงแม้คนที่เลี้ยงดูเธอจะทั้งแ
แม่บ้านจางตอบ “ยังค่ะ ดิฉันอยู่ในห้องนั่งเล่นตลอด คุณผู้หญิงยังไม่กลับมาเลยค่ะ” ดวงตาของฟู่ซื่อถิงมืดลง เธอยังไม่กลับมา แล้วจะไปที่ไหนได้? เธอบอกว่าจะกลับมาเขียนวิทยานิพนธ์ หรือว่าเธอโกหก? “คุณผู้ชายคะ ดิฉันจะไปโทรหาคุณผู้หญิงนะคะ” แม่บ้านจางเดินไปทางห้องห้องนั่งเล่น อีกด้านหนึ่ง ตอนที่ฉินอันอันออกมาจากคฤหาสน์ฝูหลัน เธอก็ถูกลักพาตัวไป หลังจากที่เธอถูกลากขึ้นมาบนรถ มีคนเอาผ้ามาปิดตาเธอ พร้อมกับมัดมือทั้งสองข้างเธอด้วย หลังจากนั้นรถก็แล่นไปบนถนนประมาณหนึ่งชั่วโมงแล้วจึงจอดในที่สุด เธอถูกพาไปไว้ในห้อง แล้วถูกคนกดให้นั่งลงบนเก้าอี้ เมื่อผ้าปิดตาถูกถอดออก ก็มีเสียงชายแปลกหน้าคนหนึ่งดังขึ้น “คุณหนูฉิน เสียมารยาทแล้ว พวกเราพาคุณมาเพราะได้รับคำสั่ง ตราบใดที่คุณให้ความร่วมมือกับเรา พวกเราจะไม่ทำร้ายคุณ” ฉินอันอันมองไปรอบ ๆ ห้องสีขาวบริสุทธิ์ สุดท้ายสายตาก็จับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของชายแปลกหน้า เขาสวมหน้ากาก เธอเลยมองเห็นหน้าตาของเขาได้ไม่ชัดเจน แต่ว่าเธอไม่คุ้นกับน้ำเสียงของเขาเลย “ตราบใดที่พวกคุณไม่ทำร้ายฉัน ฉันจะพยายามให้ความร่วมมือพวกคุณอย่างดีที่สุด แต่ว่าฉันไม่เคยท
‘ขอโทษนะฟู่เย่เฉิน!’ความผิดนี้ต้องมีคนรับไปรองประธานพบว่าของในตู้เซฟหายไปแล้ว ถ้าเธอไม่เบี่ยงเบนความสนใจของรองประธานไปจากตัวเอง ชีวิตที่เหลืออยู่ของเธอต่อจากนี้จะต้องมีแต่ศัตรูล้อมหน้าล้อมหลังแน่นอน ทันใดนันเอง เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น ชายคนนั้นเปิดกระเป๋าของเธอแล้วหยิบโทรศัพท์ของเธอออกมา บนหน้าจอโทรศัพท์ปรากฏตัวหนังสือสี่ตัวว่า “เบอร์ตระกูลฟู่” “คุณไม่ได้โกหกจริง ๆ ด้วย! ในเมื่อตอนนี้คุณเป็นคนของตระกูลฟู่ ผมจะไม่ทำให้คุณต้องลำบากใจแล้ว คุณไปได้!” ชายคนนั้นไม่อาจมีเรื่องกับตระกูลฟู่ได้ นอกจากนี้เรื่องที่ลูกค้าให้เขาจัดการ เขาก็ทำสำเร็จแล้ว หลังจากเป็นอิสระ ฉินอันอันโทรหาแม่บ้านจางเป็นอันดับแรก“คุณผู้หญิง ทำไมเมื่อกี้คุณถึงได้วางสายไปล่ะคะ? ดึกขนาดนี้ทำไมถึงยังไม่กลับ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?” เสียงของแม่บ้านจางดังลอดมาฉินอันอันเหลือบมองดูสภาพแวดล้อมโดยรอบ ที่นี่ ด้านหน้าไม่มีบ้านคนด้านหลังไม่มีร้านค้า ไฟถนนมืดมาก สองข้างทางมีแต่ป่าไม้เขียวชอุ่ม เมื่อมองไปก็เหมือนเห็นปากเปื้อนเลือดของสัตว์ร้ายกำลังอ้ากว้าง นั่นทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย “ป้าจางคะ คนขับร
“ความหมายของฉันก็คือ ถ้าคุณหาเงินได้ไม่มาก ทำไมถึงยังซื้อกระโปรงและรองเท้าส้นสูงราคาแพงขนาดนี้ให้ฉันล่ะ?” ฉินอันอันเปลี่ยนมาให้รองเท้าแตะ แล้วก็เดินไปอยู่ด้านหน้าเขาแล้วพูดเสริมอีกว่า “ฉันโตมาจนป่านนี้ ยังไม่เคยใส่ชุดกระโปรงและรองเท้าแพงขนาดนี้เลย” ฟู่ซื่อถิงพูด “น่าสงสารจริง”หลังจากฟู่ซื่อถิงพ่นสี่คำนี้ออกมา เขาก็เข้าไปในลิฟต์เธอมองประตูลิฟต์ปิดลงอย่างนิ่งงันที่จริงเธอยังมีอะไรที่จะพูดมากกว่านี้อีกที่เธออยากจะพูดก็คือเรื่องที่เขาถลุงเงินเป็นเบี้ย ใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือยเกินกว่าเหตุเมื่อกลับมาถึงห้อง เธอถอดชุดกระโปรงโอตกูตูร์บนตัวออก เข้าไปในห้องน้ำแล้วเปิดฝักบัว น้ำอุ่นไหลอาบตั้งแต่ศรีษะลงมาประสาทสัมผัสทั้งหมดค่อย ๆ เฉื่อยชาและพร่าเลือนวันรุ่งขึ้นฉินอันอันมาถึงฉินกรุ๊ปแต่เช้า พอสิบโมงเช้า ห้องประชุมก็คลาคล่ำไปด้วยผู้คน “สวัสดี ท่านผู้อาวุโสและทุก ๆ ท่าน ฉันคือฉินอันอัน ที่ฉันเรียกประชุมทุกท่านในวันนี้ ก็เพราะเมื่อคืนนี้ฉันถูกลักพาตัวค่ะ” สายตาของฉินอันอันกวาดตามองใบหน้าของทุกคนจนทั่ว “เป็นไปไม่ได้! อันอัน คุณไม่เป็นใช่ไหม?!” มีคนพูดด้วยความประหลาดใจ “ฉันไม่เป็
ฉินอันอันตอบ “อืม ฉันคิดว่าการที่เราอยากพัฒนาระบบรถยนต์ไร้คนขับให้สำเร็จ คงเป็นแค่เรื่องในจินตนาการเท่านั้น ระบบคอมพิวเตอร์ขั้นสูงจะทำได้ดีกว่าสมองของมนุษย์งั้นเหรอ? ตัวฉันเองก็ยังกังขาในโครงการนี้เลย ไม่ต้องพูดถึงนักลงทุนหรอก?” “อย่ามองโลกในแง่ร้ายเกินไปสิ มีเศรษฐีตั้งเยอะที่ลงทุนในโครงการโดยที่ไม่ได้คำถึงถึงความเป็นไปได้แต่ลงทุนเพื่อสนับสนุนความคิดสร้างสรรค์ด้วย คืนนี้มีปาร์ตี้ คนที่ไปล้วนแต่เป็นทายาทตระกูลเศรษฐี เธอไปกับฉันไหม? เราอาจจะได้เจอคนที่ยินดีมอบเงินลงทุนใก้เธอก็ได้นะ?” ฉินอันอันกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ช่างมันเถอะ! ทายาทตระกูลเศรษฐีรุ่นที่สองไม่มีประโยชน์อะไร ต้องรุ่นที่หนึ่งสิถึงทำได้” “คนพวกนั้นก็จะมาด้วยเหมือนกัน เธอไปลองเสี่ยงโชคดูเถอะน่า!” หลีเสี่ยวเถียนพูดพร้อมกับสารภาพ “ที่จริงฉันเองก็ไม่อยากไปหรอก พ่อของฉันต่างหากที่บังคับให้ฉันไป เขาจัดคู่นัดบอดไว้ให้ฉัน คืนนี้เธอไปเป็นเพื่อนฉันเถอะนะ ตกลงไหม?” ฉินอันอันไม่อาจขัดใจเธอได้ “ก็ได้” ช่วงหัวค่ำ เวลาหนึ่งทุ่ม หลีเสี่ยวเถียนขับรถพาฉินอันอันไปยังโรงแรมระดับห้าดาวที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานในเมืองนี้ “อันอัน เ
สิบนาทีต่อมา เสียงโทรศัพท์ของฉินอันอันก็ดังขึ้น หลังจากที่เธอรับสาย ก็ส่งข้อความถึงหลีเสี่ยวเถียน จากนั้นรีบไปที่ทางออก เฮ่อจุนจือมองแผ่นหลังของเธอที่กำลังรีบร้อนออกไปแล้วยิ้มออกมา ฉินอันอันไปเอาความกล้ามาจากไหน? ถึงได้กล้าออกมาเที่ยวเล่นข้างนอกลับหลังฟู่ซื่อถิง ฟู่ซื่อถิงดูแลเธอไม่ดีงั้นเหรอ? ข้างนอกนี่ยังมีผู้ชายคนไหนเทียบกับฟู่ซื่อถิงได้อีก? ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่า สมองของผู้หญิงคนนี้มีอะไรอยู่ข้างในหลีเสี่ยวเถียนขมวดคิ้วแล้วตอบข้อความกลับไปว่า : เธอมีธุระด่วนเหรอ? ด่วนขนาดนี้เลยเหรอ? ฉินอันอัน : ด่วนสุด ๆ เลย เจอกันครั้งหน้าค่อยว่ากัน! คนที่โทรหาฉินอันอันคือบอดี้การ์ดคนสนิทของฟู่ซื่อถิง บอดี้การ์ดขอให้เธอมารออยู่ที่หน้าประตูโรงแรม ถ้าเธอไม่เชื่อฟัง เขาจะหักขาเธอ ฉินอันอันยังคงยังคงฝังใจกับบอดี้การ์ดของฟู่ซื่อถิงอยู่ บอดี้การ์ดของเขาเหี้ยมโหดมาก ถึงแม้จะรู้ว่านี่เป็นสิทธิพิเศษที่เขามอบให้ แต่เธอก็ยังกลัวอยู่ดี หลังออกมาจากโรงแรม เธอรอไม่ถึงสิบห้านาที รถเบนท์ลีย์สีดำก็มาจอดตรงหน้าแล้วหน้าต่างรถถูกเลื่อนลง ก่อนใบหน้าที่ถมึงทึงของบอดี้การ์ดก็ปรากฏขึ้น
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง