ฉินอันอันตอบ “อืม ฉันคิดว่าการที่เราอยากพัฒนาระบบรถยนต์ไร้คนขับให้สำเร็จ คงเป็นแค่เรื่องในจินตนาการเท่านั้น ระบบคอมพิวเตอร์ขั้นสูงจะทำได้ดีกว่าสมองของมนุษย์งั้นเหรอ? ตัวฉันเองก็ยังกังขาในโครงการนี้เลย ไม่ต้องพูดถึงนักลงทุนหรอก?” “อย่ามองโลกในแง่ร้ายเกินไปสิ มีเศรษฐีตั้งเยอะที่ลงทุนในโครงการโดยที่ไม่ได้คำถึงถึงความเป็นไปได้แต่ลงทุนเพื่อสนับสนุนความคิดสร้างสรรค์ด้วย คืนนี้มีปาร์ตี้ คนที่ไปล้วนแต่เป็นทายาทตระกูลเศรษฐี เธอไปกับฉันไหม? เราอาจจะได้เจอคนที่ยินดีมอบเงินลงทุนใก้เธอก็ได้นะ?” ฉินอันอันกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ช่างมันเถอะ! ทายาทตระกูลเศรษฐีรุ่นที่สองไม่มีประโยชน์อะไร ต้องรุ่นที่หนึ่งสิถึงทำได้” “คนพวกนั้นก็จะมาด้วยเหมือนกัน เธอไปลองเสี่ยงโชคดูเถอะน่า!” หลีเสี่ยวเถียนพูดพร้อมกับสารภาพ “ที่จริงฉันเองก็ไม่อยากไปหรอก พ่อของฉันต่างหากที่บังคับให้ฉันไป เขาจัดคู่นัดบอดไว้ให้ฉัน คืนนี้เธอไปเป็นเพื่อนฉันเถอะนะ ตกลงไหม?” ฉินอันอันไม่อาจขัดใจเธอได้ “ก็ได้” ช่วงหัวค่ำ เวลาหนึ่งทุ่ม หลีเสี่ยวเถียนขับรถพาฉินอันอันไปยังโรงแรมระดับห้าดาวที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานในเมืองนี้ “อันอัน เ
สิบนาทีต่อมา เสียงโทรศัพท์ของฉินอันอันก็ดังขึ้น หลังจากที่เธอรับสาย ก็ส่งข้อความถึงหลีเสี่ยวเถียน จากนั้นรีบไปที่ทางออก เฮ่อจุนจือมองแผ่นหลังของเธอที่กำลังรีบร้อนออกไปแล้วยิ้มออกมา ฉินอันอันไปเอาความกล้ามาจากไหน? ถึงได้กล้าออกมาเที่ยวเล่นข้างนอกลับหลังฟู่ซื่อถิง ฟู่ซื่อถิงดูแลเธอไม่ดีงั้นเหรอ? ข้างนอกนี่ยังมีผู้ชายคนไหนเทียบกับฟู่ซื่อถิงได้อีก? ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่า สมองของผู้หญิงคนนี้มีอะไรอยู่ข้างในหลีเสี่ยวเถียนขมวดคิ้วแล้วตอบข้อความกลับไปว่า : เธอมีธุระด่วนเหรอ? ด่วนขนาดนี้เลยเหรอ? ฉินอันอัน : ด่วนสุด ๆ เลย เจอกันครั้งหน้าค่อยว่ากัน! คนที่โทรหาฉินอันอันคือบอดี้การ์ดคนสนิทของฟู่ซื่อถิง บอดี้การ์ดขอให้เธอมารออยู่ที่หน้าประตูโรงแรม ถ้าเธอไม่เชื่อฟัง เขาจะหักขาเธอ ฉินอันอันยังคงยังคงฝังใจกับบอดี้การ์ดของฟู่ซื่อถิงอยู่ บอดี้การ์ดของเขาเหี้ยมโหดมาก ถึงแม้จะรู้ว่านี่เป็นสิทธิพิเศษที่เขามอบให้ แต่เธอก็ยังกลัวอยู่ดี หลังออกมาจากโรงแรม เธอรอไม่ถึงสิบห้านาที รถเบนท์ลีย์สีดำก็มาจอดตรงหน้าแล้วหน้าต่างรถถูกเลื่อนลง ก่อนใบหน้าที่ถมึงทึงของบอดี้การ์ดก็ปรากฏขึ้น
บางทีอาจเป็นเพราะว่าในชีวิตของฟู่ซื่อถิงเขาไม่ได้ชอบใครหลายคนมากนัก ดังนั้นพอเขาปฏิบัติกับใครด้วยความเป็นมนุษย์นิด ๆ หน่อย ๆ คนรอบข้างก็พากันนึกว่าเขาชอบคน ๆ นี้แต่ความรักที่เธอปรารถนาคือการเคารพซึ่งกันและกัน แทนที่จะเป็นการบังคับอีกฝ่ายอย่างเผด็จการ หลังจากรถขับมาถึงคฤหาสน์ตระกูลฟู่แล้ว บอดี้การ์ดเดินไปอยู่ตรงหน้าฟู่ซื่อถิงก่อน อาจเพราะกลัวเขาโกรธ ดังนั้นบอดี้การ์ดจึงอธิบายให้เขาฟังว่า “คุณหนูฉินเพิ่งจะบอกกับผมบนรถว่า คำพูดที่เธอพูดเมื่อคืนทั้งหมด ก็เพื่อทดสอบการทำงานของเครื่องจับเท็จครับ” ฉินอันอันเปลี่ยนรองเท้าที่ประตูอย่างไม่รีบร้อน แล้วถือโอกาสเงี่ยหูแอบฟังอย่างไม่ปิดบัง“เธอยังบอกด้วยว่าเธอไม่ได้ตั้งใจจะยั่วให้คุณโกรธไปดสียทุกครั้ง” บอดี้การ์ดพูดต่อ ฟู่ซื่อถิง “เธอไม่มีปากรึไง? ถึงต้องให้นายมาพูดแทน?” บอดี้การ์ดถอยออกไปด้วยความโกรธทันที และไม่ลืมส่งสายตาเตือนเธออย่างดุ ๆดูเหมือนเขากำลังพูดว่า ‘ถ้าคุณไม่ง้อเจ้านายของผม ผมก็จะบังคับให้คุณทำมันอยู่ดี!’ ฉินอันอันเดินไปหาฟู่ซื่อถิงอย่างช้า ๆ หลังจากเดินไปถึงโซฟาตรงหน้าเขา เธอก็นั่งลง รวบรวมความกล้าเตรียมเอ่ยปากพูด
ฉินอันอันคิดว่า ถ้าผู้หญิงคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้ตัวเองคงเป็นเมียน้อยแล้วใช่ไหม? และหากผู้หญิงคนนั้นไม่มีชีวิตอยู่แล้ว จะเท่ากับว่าเธอเป็นแค่ตัวแทนของผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า? ไม่ว่าจะเป็นอย่างแรกหรืออย่างหลัง ก็ล้วนแต่เจ็บปวดไม่น้อยระหว่างที่จิตใจของฉินอันอันกำลังสับสนอยู่นั้นเอง ความคิดของฟู่ซื่อถิงก็ล่องลอยไปที่อื่นเช่นกัน “ฉินอันอัน บอกผมหน่อยสิว่าคุณชอบฟู่เย่เฉินตรงไหน!” เขาควักกล่องบุหรี่ออกมาด้วยสีหน้าอ่านยาก “ฉันไม่ได้ชอบเขาแล้ว” เสียงฉินอันอันฟังดูอู้อี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเพิ่งจะพูดคุยกับเขา บางทีเธออาจจะใช้ฟู่เย่เฉินยั่วโมโหเขาต่อไปได้ ถึงแม้ว่าพฤติกรรมแบบนี้มันจะดูไม่รู้จักโตมากก็ตาม แต่ทุกครั้ง ฟู่ซื่อถิงมักจะอารมณ์เสียใส่เธอเพราะเรื่องขี้ปะติ๋วเสมอ ถ้าเธอไม่ทำอะไรเพื่อเป็นการตอบโต้บ้าง เธอคงจะอัดอั้นตายไปเสียก่อน“พอคุณมองออกว่าเขาเป็นพวกขี้แพ้ ก็เลยเลิกชอบงั้นเหรอ?” เขาคีบบุหรี่ไว้ที่ระหว่างนิ้ว ไม่ได้จุดมัน “ในสายตาของคุณ นอกจากเงิน ก็ไม่มีเรื่องอื่นแล้วเหรอ?” ฉินอันอันถามเขา “ตอนแรก ที่ฟู่เย่เฉินตามจีบฉัน เขาเขียนบทกวีรักส่งให้ฉันทุกวัน ทุกสุดสัปดาห์เ
นิทรรศการศิลปะ? คอนเสิร์ต? เขาถูกอะไรกระตุ้นมากันแน่? ฟู่ซื่อถิง “เลือกแบบที่ผู้หญิงอายุยี่สิบต้น ๆ ชอบก็แล้วกัน” โจวจื่ออี้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้ว “ได้ครับประธานฟู่ ไว้ผมจองตั๋วเรียบร้อยแล้วจะส่งข้อมูลให้คุณครับ” ในเช้าวันรุ่งขึ้น ที่เอสทีกรุ๊ป วันนี้ฟู่ซื่อถิงมีธุระ จึงไม่ได้เข้าบริษัท ดังนั้นเซิ่งเป่ยและโจวจื่ออี้จึงเริ่มนินทาเขาที่บริษัทอย่างมีความสุข “ประธานฟู่เกือบพูดออกมาตรง ๆ แล้วว่าจะพาฉินอันอันไปดูนิทรรศการศิลปะหรือไม่ก็คอนเสิร์ต” โจวจื่ออี้ยิ้มและพูดว่า “ไม่รู้เหมือนกันนะว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาสองคน คิดไม่ถึงว่าความสัมพันธ์จะคืบหน้าเร็วขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ฉันยังกังวลว่าพวกเขาจะหย่ากันอยู่เลย!” เซิ่งเป่ยวิเคราะห์ด้วยท่าทีสบาย ๆ “เป็นได้ว่าพวกเขานอนด้วยกันแล้ว ฟู่ซื่อถิงที่จิตใจค่อนข้างแข็งกระด้าง แต่พอเขาได้ลองลิ้มรสฉินอันอัน ถึงแม้ในใจเขาจะเกลียดเธอแทบตาย แต่ก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้” โจวจื่ออี้ “ถ้าถังเฉียนรู้เรื่องนี้เข้า เธอต้องอาละวาดแน่” “อย่าบอกถังเฉียนเด็ดขาด หลายวันมานี้เธอดื่มจนเมามายทุกคืน เพราะคิดว่าฟู่ซื่อถิงจะสงสารเธอ” เซิ่งเป่ยถอนหายใจ “ค
เกิดเสียงดังโครมคราม ตอนที่บอดี้การ์ดดึงฉินอันอันออกมา คนในห้องทำงานจึงเงยหน้ามองมาที่ประตูเมื่อฟู่ซื่อถิงเห็นร่างเพรียวบางของฉินอันอัน เขาก็ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ “ฉินอันอัน คุณมาทำอะไรที่นี่?” ฉินอันอันสะบัดแขนบอดี้การ์ดออกทันที หลังจากจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่แล้ว ก็เดินเข้าไปในห้อง“ฉันมาหาศาสตราจารย์หู” เธอเดินมาที่ด้านหน้าฟู่ซื่อถิง มองเขาด้วยใบหน้าสงสัย “คุณเองก็มาหาศาสตราจารย์หูเหมือนกันเหรอ?” ศาสตราจารย์หูชิงมองไปที่พวกเขาสองคนแล้วดันแว่นตาบนจมูก “พวกคุณสองคนสนิทกันเหรอ?” ฉินอันอันอยากจะพูดว่า “ไม่สนิท” แต่ฟูซื่อถิงกลีบเอ่ยปากเสียก่อน “ศาสตราจารย์หูครับ ธุระของผม โปรดเก็บไว้เป็นความลับด้วยนะครับ” ศาสตราจารย์หู “วางใจได้ ก่อนเป็นแพทย์ต้องเรียนรู้ที่จะมีจรรยาบรรณเสียก่อน” ฟู่ซื่อถิงตอบกลับ “ถ้าอย่างนั้นผมกลับก่อนนะครับ” ศาสตราจารย์หูชิงพยักหน้า ฟู่ซื่อถิงก้าวมาด้านหน้าด้วยขายาว ๆ ของเขา ตอนที่เขาเดินผ่านฉินอันอัน เขาก้เหลือบมองเธอโดยไม่พูดอะไร เธอรู้สึกงุนงงเล็กน้อย ทำไมเขาไม่ตอบคำถามของเธอ? อีกอย่าง คำพูดที่เขาพูดกับศาสตราจารย์หูชิงนั้นก็ทำให้เรื่องยิ่งดูลึกล
ฉินอันอันกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “หาคนมาดามใจอะไรล่ะ…ฉันถูกบังคับต่างหาก ก่อนหน้านี้ครอบครัวฉันขาดแคลนเงินทุน แม่เลี้ยงของฉันก็เลยให้ฉันแต่งงานเพื่อเงินสินสอด แถมตอนนี้ก็ยังไม่ได้หย่าเลย!” หลีเสี่ยวเถียน “บ้าจรง! แม่เลี้ยงของเธอยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า? อันอัน! ทำไมก่อนหน้านี้เธอไม่บอกฉัน! พวกเราไปแจ้งตำรวจกันเถิะ!” ฉินอันอันรั้งเธอเอาไว้ “เรื่องไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เธอคิดหรอก ฉันกับเขาต่างกันมาก เราหย่ากันได้ทุกเมื่อ” หลีเสี่ยวเถียนยังคงตื่นเต้นไม่หาย “เธอแอบบอกฉันได้ไหมว่าเขาเป็นใคร? สามีของเธอน่ะ…สามีของเธอเนี่ยนะ! ทำไมฉันถึงรู้สึกอึดอัดขนาดนี้!” “มันก็ค่อนข้างอึดอัดจริง ๆ นั่นแหละ รอฉันหย่ากับเขาแล้วฉันจะบอกเธอว่าเขาเป็นใครก็แล้วกัน” “ไม่ได้! เธอบอกฉันมาตอนนี้เลย! ฉันจะช่วยเธอออกหน้าเอง!” ฉินอันอันรู้จักความอารมณ์ร้อนของหลีเสี่ยวเถียนดี ถ้าบอกเธอ เธอจะต้องไปหาฟู่ซื่อถิงแน่นอน เดิมทีความสัมพันธ์ของเธอกับฟู่ซื่อถิงก็ไม่ราบรื่นอยู่แล้ว นี่จะไม่ทำให้เรื่องแย่ลงใช่ไหม? “เถียนเถียน เธอช่วยฉันตรวจสอบดูว่าเฮ่อจุนจือคือใครก่อนเถอะ! ถึงตอนนั้นฉันบอกเธอแน่ว่าสามีของฉันคือใคร” ฉิ
บอดี้การ์ด "ไม่ทราบ"ฉินอันอันหายใจเข้าลึก ๆ แล้วกวาดตามองไปรอบ ๆ ด้วยดวงตาสีแอปริคอทของเธอหากเธอจำไม่ผิด เมื่อตอนเที่ยง หลีเสี่ยวเถียนก็ชวนเธอมาชมคอนเสิร์ตนี้!และเธอก็ปฏิเสธหล่อนไปแต่สุดท้ายแล้ว... เธอก็ได้มาอยู่ดี!เพียงแต่ว่าเเธอมากับฟู่ซื่อถิงแทนเธอจะหน้าแตกแค่ไหนหากเธอได้พบหลีเสี่ยวเถียนที่นี่!มือของเธอเริ่มมีเหงื่อออกและเธอก็แอบภาวนาในใจไม่ให้ตัวเองบังเอิญปะทะเข้ากับหลีเสี่ยวเถียนฮอลล์คอนเสิร์ตออกจะใหญ่โต คงไม่บังเอิญขนาดที่พวกเธอจะได้ที่นั่งติดกันหรอก ถูกไหม?ทว่าโจวจื่ออี้กลับจองที่นั่งทั้งแถวไว้ให้ฟู่ซื่อถิงซึ่งก็คือแถวหน้าสุดนั่นเองเมื่อฉินอันอันเดินเข้าไป เธอก็เห็นฟู่ซื่อถิงทันทีเขาเป็นคนเดียวที่นั่งอยู่ในแถวนั้นเขานั่งอยู่ที่นั่นอย่างเย็นชาและเย่อหยิ่ง กอปรด้วยท่าทางสูงส่งและออร่าอันสง่างามเนื่องจากคอนเสิร์ตยังไม่เริ่ม เขาจึงกำลังเล่นโทรศัพท์อยู่ฝีเท้าของฉินอันอันชะงักไป เธอยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่โดยไม่ขยับ‘นี่มันสะดุดตาเกินไปแล้ว!’ทำไมเขาถึงได้เปลี่ยนใจชวนเธอมาดูคอนเสิร์ต?เขาลืมที่เขาวิพากษ์วิจารณ์เธอกับฟู่เย่เฉินเมื่อคืนนี้แล้วหรือ?เธอบ
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง