ฉินอันอันคิดว่า ถ้าผู้หญิงคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้ตัวเองคงเป็นเมียน้อยแล้วใช่ไหม? และหากผู้หญิงคนนั้นไม่มีชีวิตอยู่แล้ว จะเท่ากับว่าเธอเป็นแค่ตัวแทนของผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า? ไม่ว่าจะเป็นอย่างแรกหรืออย่างหลัง ก็ล้วนแต่เจ็บปวดไม่น้อยระหว่างที่จิตใจของฉินอันอันกำลังสับสนอยู่นั้นเอง ความคิดของฟู่ซื่อถิงก็ล่องลอยไปที่อื่นเช่นกัน “ฉินอันอัน บอกผมหน่อยสิว่าคุณชอบฟู่เย่เฉินตรงไหน!” เขาควักกล่องบุหรี่ออกมาด้วยสีหน้าอ่านยาก “ฉันไม่ได้ชอบเขาแล้ว” เสียงฉินอันอันฟังดูอู้อี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเพิ่งจะพูดคุยกับเขา บางทีเธออาจจะใช้ฟู่เย่เฉินยั่วโมโหเขาต่อไปได้ ถึงแม้ว่าพฤติกรรมแบบนี้มันจะดูไม่รู้จักโตมากก็ตาม แต่ทุกครั้ง ฟู่ซื่อถิงมักจะอารมณ์เสียใส่เธอเพราะเรื่องขี้ปะติ๋วเสมอ ถ้าเธอไม่ทำอะไรเพื่อเป็นการตอบโต้บ้าง เธอคงจะอัดอั้นตายไปเสียก่อน“พอคุณมองออกว่าเขาเป็นพวกขี้แพ้ ก็เลยเลิกชอบงั้นเหรอ?” เขาคีบบุหรี่ไว้ที่ระหว่างนิ้ว ไม่ได้จุดมัน “ในสายตาของคุณ นอกจากเงิน ก็ไม่มีเรื่องอื่นแล้วเหรอ?” ฉินอันอันถามเขา “ตอนแรก ที่ฟู่เย่เฉินตามจีบฉัน เขาเขียนบทกวีรักส่งให้ฉันทุกวัน ทุกสุดสัปดาห์เ
นิทรรศการศิลปะ? คอนเสิร์ต? เขาถูกอะไรกระตุ้นมากันแน่? ฟู่ซื่อถิง “เลือกแบบที่ผู้หญิงอายุยี่สิบต้น ๆ ชอบก็แล้วกัน” โจวจื่ออี้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้ว “ได้ครับประธานฟู่ ไว้ผมจองตั๋วเรียบร้อยแล้วจะส่งข้อมูลให้คุณครับ” ในเช้าวันรุ่งขึ้น ที่เอสทีกรุ๊ป วันนี้ฟู่ซื่อถิงมีธุระ จึงไม่ได้เข้าบริษัท ดังนั้นเซิ่งเป่ยและโจวจื่ออี้จึงเริ่มนินทาเขาที่บริษัทอย่างมีความสุข “ประธานฟู่เกือบพูดออกมาตรง ๆ แล้วว่าจะพาฉินอันอันไปดูนิทรรศการศิลปะหรือไม่ก็คอนเสิร์ต” โจวจื่ออี้ยิ้มและพูดว่า “ไม่รู้เหมือนกันนะว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาสองคน คิดไม่ถึงว่าความสัมพันธ์จะคืบหน้าเร็วขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ฉันยังกังวลว่าพวกเขาจะหย่ากันอยู่เลย!” เซิ่งเป่ยวิเคราะห์ด้วยท่าทีสบาย ๆ “เป็นได้ว่าพวกเขานอนด้วยกันแล้ว ฟู่ซื่อถิงที่จิตใจค่อนข้างแข็งกระด้าง แต่พอเขาได้ลองลิ้มรสฉินอันอัน ถึงแม้ในใจเขาจะเกลียดเธอแทบตาย แต่ก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้” โจวจื่ออี้ “ถ้าถังเฉียนรู้เรื่องนี้เข้า เธอต้องอาละวาดแน่” “อย่าบอกถังเฉียนเด็ดขาด หลายวันมานี้เธอดื่มจนเมามายทุกคืน เพราะคิดว่าฟู่ซื่อถิงจะสงสารเธอ” เซิ่งเป่ยถอนหายใจ “ค
เกิดเสียงดังโครมคราม ตอนที่บอดี้การ์ดดึงฉินอันอันออกมา คนในห้องทำงานจึงเงยหน้ามองมาที่ประตูเมื่อฟู่ซื่อถิงเห็นร่างเพรียวบางของฉินอันอัน เขาก็ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ “ฉินอันอัน คุณมาทำอะไรที่นี่?” ฉินอันอันสะบัดแขนบอดี้การ์ดออกทันที หลังจากจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่แล้ว ก็เดินเข้าไปในห้อง“ฉันมาหาศาสตราจารย์หู” เธอเดินมาที่ด้านหน้าฟู่ซื่อถิง มองเขาด้วยใบหน้าสงสัย “คุณเองก็มาหาศาสตราจารย์หูเหมือนกันเหรอ?” ศาสตราจารย์หูชิงมองไปที่พวกเขาสองคนแล้วดันแว่นตาบนจมูก “พวกคุณสองคนสนิทกันเหรอ?” ฉินอันอันอยากจะพูดว่า “ไม่สนิท” แต่ฟูซื่อถิงกลีบเอ่ยปากเสียก่อน “ศาสตราจารย์หูครับ ธุระของผม โปรดเก็บไว้เป็นความลับด้วยนะครับ” ศาสตราจารย์หู “วางใจได้ ก่อนเป็นแพทย์ต้องเรียนรู้ที่จะมีจรรยาบรรณเสียก่อน” ฟู่ซื่อถิงตอบกลับ “ถ้าอย่างนั้นผมกลับก่อนนะครับ” ศาสตราจารย์หูชิงพยักหน้า ฟู่ซื่อถิงก้าวมาด้านหน้าด้วยขายาว ๆ ของเขา ตอนที่เขาเดินผ่านฉินอันอัน เขาก้เหลือบมองเธอโดยไม่พูดอะไร เธอรู้สึกงุนงงเล็กน้อย ทำไมเขาไม่ตอบคำถามของเธอ? อีกอย่าง คำพูดที่เขาพูดกับศาสตราจารย์หูชิงนั้นก็ทำให้เรื่องยิ่งดูลึกล
ฉินอันอันกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “หาคนมาดามใจอะไรล่ะ…ฉันถูกบังคับต่างหาก ก่อนหน้านี้ครอบครัวฉันขาดแคลนเงินทุน แม่เลี้ยงของฉันก็เลยให้ฉันแต่งงานเพื่อเงินสินสอด แถมตอนนี้ก็ยังไม่ได้หย่าเลย!” หลีเสี่ยวเถียน “บ้าจรง! แม่เลี้ยงของเธอยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า? อันอัน! ทำไมก่อนหน้านี้เธอไม่บอกฉัน! พวกเราไปแจ้งตำรวจกันเถิะ!” ฉินอันอันรั้งเธอเอาไว้ “เรื่องไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เธอคิดหรอก ฉันกับเขาต่างกันมาก เราหย่ากันได้ทุกเมื่อ” หลีเสี่ยวเถียนยังคงตื่นเต้นไม่หาย “เธอแอบบอกฉันได้ไหมว่าเขาเป็นใคร? สามีของเธอน่ะ…สามีของเธอเนี่ยนะ! ทำไมฉันถึงรู้สึกอึดอัดขนาดนี้!” “มันก็ค่อนข้างอึดอัดจริง ๆ นั่นแหละ รอฉันหย่ากับเขาแล้วฉันจะบอกเธอว่าเขาเป็นใครก็แล้วกัน” “ไม่ได้! เธอบอกฉันมาตอนนี้เลย! ฉันจะช่วยเธอออกหน้าเอง!” ฉินอันอันรู้จักความอารมณ์ร้อนของหลีเสี่ยวเถียนดี ถ้าบอกเธอ เธอจะต้องไปหาฟู่ซื่อถิงแน่นอน เดิมทีความสัมพันธ์ของเธอกับฟู่ซื่อถิงก็ไม่ราบรื่นอยู่แล้ว นี่จะไม่ทำให้เรื่องแย่ลงใช่ไหม? “เถียนเถียน เธอช่วยฉันตรวจสอบดูว่าเฮ่อจุนจือคือใครก่อนเถอะ! ถึงตอนนั้นฉันบอกเธอแน่ว่าสามีของฉันคือใคร” ฉิ
บอดี้การ์ด "ไม่ทราบ"ฉินอันอันหายใจเข้าลึก ๆ แล้วกวาดตามองไปรอบ ๆ ด้วยดวงตาสีแอปริคอทของเธอหากเธอจำไม่ผิด เมื่อตอนเที่ยง หลีเสี่ยวเถียนก็ชวนเธอมาชมคอนเสิร์ตนี้!และเธอก็ปฏิเสธหล่อนไปแต่สุดท้ายแล้ว... เธอก็ได้มาอยู่ดี!เพียงแต่ว่าเเธอมากับฟู่ซื่อถิงแทนเธอจะหน้าแตกแค่ไหนหากเธอได้พบหลีเสี่ยวเถียนที่นี่!มือของเธอเริ่มมีเหงื่อออกและเธอก็แอบภาวนาในใจไม่ให้ตัวเองบังเอิญปะทะเข้ากับหลีเสี่ยวเถียนฮอลล์คอนเสิร์ตออกจะใหญ่โต คงไม่บังเอิญขนาดที่พวกเธอจะได้ที่นั่งติดกันหรอก ถูกไหม?ทว่าโจวจื่ออี้กลับจองที่นั่งทั้งแถวไว้ให้ฟู่ซื่อถิงซึ่งก็คือแถวหน้าสุดนั่นเองเมื่อฉินอันอันเดินเข้าไป เธอก็เห็นฟู่ซื่อถิงทันทีเขาเป็นคนเดียวที่นั่งอยู่ในแถวนั้นเขานั่งอยู่ที่นั่นอย่างเย็นชาและเย่อหยิ่ง กอปรด้วยท่าทางสูงส่งและออร่าอันสง่างามเนื่องจากคอนเสิร์ตยังไม่เริ่ม เขาจึงกำลังเล่นโทรศัพท์อยู่ฝีเท้าของฉินอันอันชะงักไป เธอยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่โดยไม่ขยับ‘นี่มันสะดุดตาเกินไปแล้ว!’ทำไมเขาถึงได้เปลี่ยนใจชวนเธอมาดูคอนเสิร์ต?เขาลืมที่เขาวิพากษ์วิจารณ์เธอกับฟู่เย่เฉินเมื่อคืนนี้แล้วหรือ?เธอบ
เขารู้สึกเหมือนกลายเป็นตัวตลก‘ทำไมเธอถึงไม่อยากให้เพื่อนของเธอเห็นเธอ?’‘เธออายที่มากับเขาเหรอ?’หลังจากนั้นไม่นานคอนเสิร์ตก็เริ่มขึ้นฉินอันอันค่อย ๆ ผ่อนคลายลงโชคดีที่พวกเขาไม่ได้พบกับหลีเสี่ยวเถียนฉินอันอันไม่รู้ว่าหลีเสี่ยวเถียนนั่งอยู่ตรงไหนเธออยากจะหันกลับไปมองจริง ๆ แต่ความมีเหตุผลก็ควบคุมแรงกระตุ้นของเธอเอาไว้หลีเสี่ยวเถียนนั่งอยู่ที่แถวที่ห้าพร้อมกับเพื่อนอีกคน“ใครนั่งอยู่แถวแรกบ้าง มีที่นั่งตั้งมากมาย แต่นั่งกันอยู่แค่สามคน วิเศษจริง ๆ!” หลีเสี่ยวเถียนกระซิบบ่นกับเพื่อนของเธอเพื่อนของเธอลองวิเคราะห์สถานการณ์ "คงเป็นพวกเศรษฐีมั้ง! ขนาดที่นั่งของพวกเรายังราคาเป็นพันเลย แล้วแถวแรกจะแพงขนาดไหน?! ดูก็รู้แล้วว่าพวกเขาจองไว้ทั้งแถว ดูคนตรงกลางสิ มองจากด้านหลังยังรู้เลยว่าเขารวย ผู้หญิงทางซ้ายของเขาน่าจะเป็นลูกสาวหรือไม่ก็คนรักของเขา และชายร่างกำยำทางด้านขวาต้องเป็นบอดี้การ์ดของเขาแน่”หลีเสี่ยวเถียนรู้สึกว่าการวิเคราะห์ของเพื่อนเธอสมเหตุสมผลมาก“ผู้หญิงทางซ้ายคล้ายเพื่อนสนิทของฉันเลย!” หลีเสี่ยวเถียนพึมพำขณะที่จ้องแผ่นหลังของฉินอันอันเพื่อน "ดูจากด้านหลังก็รู้แล
หลังจากที่ฉินอันอันคิดอย่างรอบคอบ เธอก็หายใจเร็วขึ้นฟู่ซื่อถิงมั่นใจแล้วหรือเปล่าว่าชอบเธอ?ทำไมเขาถึงได้ยอมทำในสิ่งที่ตัวเองมองว่าไร้สาระ?จู่ ๆ เธอก็ตกใจกลัว!มือของเธอสัมผัสท้องของตัวเองโดยไม่รู้ตัวตอนนี้ลูก ๆ ของเธอก็อายุได้ 3 เดือนกว่าแล้ว เนื่องจากเธอควบคุมอาหารมาโดยตลอดเธอจึงผอมและดูไม่เหมือนคนท้องเลยสักเดือนที่ห้าหรือเดือนที่หก ฉันก็อาจยังสามารถปกปิดท้องได้โดยการควบคุมอาหารและสวมเสื้อผ้าโคร่ง ๆ ได้แต่แล้วเดือนที่เจ็ด แปด หรือเก้าล่ะ?ไม่ว่าคนท้องจะผอมแค่ไหน ในไตรมาสที่สาม ท้องก็จะออกแน่นอนหากถึงตอนนั้นเธอยังอยู่กับฟู่ซื่อถิง ความลับของเธอจะถูกเปิดโปงอย่างแน่นอนเธอเดินออกไปที่ถนนด้วยความสับสนเธอถือเสื้อคลุมไว้ในมือเหลือไว้เพียงเสื้อยืดบาง ๆ เท่านั้น ลมเย็นพัดโชยมา แต่เธอไม่รู้สึกหนาวเลยสักนิดเธอมีความรู้สึกที่ซับซ้อนมากเรื่องของฟู่ซื่อถิงเหมือนคำตอบที่เธอให้เมื่อคืนนี้เธอไม่กล้าพูดว่าเธอชอบเขา เพราะเขาทั้งเผด็จการและน่าเกรงขามมากจนเธอเกลียดเขาแต่เธอก็ไม่กล้าบอกว่าไม่ชอบเขา เพราะลึก ๆ แล้วเธอก็ชอบเขาไม่มากก็น้อย!เพียงแต่ว่าเธอเขินอายเกินกว่าที่จะยอมรับ
“หัวหน้า วันนี้คุณไม่ได้ใช้รถเข็นเลย ขาของคุณเจ็บหรือเปล่า?” โจวจื่ออี้ถามด้วยความห่วงใยเขารู้ว่าวันนี้เจ้านายของเขาไม่ได้ใช้รถเข็นเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดทกับฉินอันอันมิฉะนั้น การออกเดทกับฉินอันอันบนรถเข็นจะต้องเป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายสำหรับฉินอันอันแน่นอนช่างเป็นเจ้านายที่ละเอียดอ่อนจริง ๆ น่าเสียดายที่ฉินอันอันไม่รู้จักดูแลเขาฟู่ซื่อถิงสะบัดแขนของโจวจื่ออี้และเซิ่งเป่ยออกไปด้วยสีหน้าเย็นชา เขาตอบนิ่ง ๆ ว่า "ฉันไม่เป็นไร"“ซื่อถิง ไปดื่มกันเถอะ!” เซิงเป่ยจับแขนของเขาอีกครั้ง “ถังเฉียวเซินยังอยู่ที่นี่ ผมจะไปชวนเขาออกไปดื่มด้วยกัน”เมื่อเห็นสีหน้าที่เศร้าหมองของฟู่ซื่อถิง เซิ่งเป่ยก็กังวลเล็กน้อยถังเฉียวเซินเป็นพี่ชายของถังเฉียนหลังจากที่ถังเฉียนทำให้ฟู่ซื่อถิงโกรธ เซิ่งเป่ยก็ได้โทรหาถังเฉียวเซินทรัพย์สินของตระกูลถังอยู่ในหรงเฉิงและถังเฉียวเซินก็เป็นทายาทของตระกูลถัง ดังนั้นถังเฉียวเซินจึงมักจะอยู่ที่หรงเฉิงหลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง ฟู่ซื่อถิงก็ตอบว่า "ฉันไม่ไป"เขาเดินตรงไปยังลิฟต์ ถึงจะไม่เร็วนักแต่ค่อนข้างมั่นคงแม้ว่าเขาจะผิดหวังกับความรัก แต่ขาของเขาก็ดูเ