หลังจากที่ฉินอันอันคิดอย่างรอบคอบ เธอก็หายใจเร็วขึ้นฟู่ซื่อถิงมั่นใจแล้วหรือเปล่าว่าชอบเธอ?ทำไมเขาถึงได้ยอมทำในสิ่งที่ตัวเองมองว่าไร้สาระ?จู่ ๆ เธอก็ตกใจกลัว!มือของเธอสัมผัสท้องของตัวเองโดยไม่รู้ตัวตอนนี้ลูก ๆ ของเธอก็อายุได้ 3 เดือนกว่าแล้ว เนื่องจากเธอควบคุมอาหารมาโดยตลอดเธอจึงผอมและดูไม่เหมือนคนท้องเลยสักเดือนที่ห้าหรือเดือนที่หก ฉันก็อาจยังสามารถปกปิดท้องได้โดยการควบคุมอาหารและสวมเสื้อผ้าโคร่ง ๆ ได้แต่แล้วเดือนที่เจ็ด แปด หรือเก้าล่ะ?ไม่ว่าคนท้องจะผอมแค่ไหน ในไตรมาสที่สาม ท้องก็จะออกแน่นอนหากถึงตอนนั้นเธอยังอยู่กับฟู่ซื่อถิง ความลับของเธอจะถูกเปิดโปงอย่างแน่นอนเธอเดินออกไปที่ถนนด้วยความสับสนเธอถือเสื้อคลุมไว้ในมือเหลือไว้เพียงเสื้อยืดบาง ๆ เท่านั้น ลมเย็นพัดโชยมา แต่เธอไม่รู้สึกหนาวเลยสักนิดเธอมีความรู้สึกที่ซับซ้อนมากเรื่องของฟู่ซื่อถิงเหมือนคำตอบที่เธอให้เมื่อคืนนี้เธอไม่กล้าพูดว่าเธอชอบเขา เพราะเขาทั้งเผด็จการและน่าเกรงขามมากจนเธอเกลียดเขาแต่เธอก็ไม่กล้าบอกว่าไม่ชอบเขา เพราะลึก ๆ แล้วเธอก็ชอบเขาไม่มากก็น้อย!เพียงแต่ว่าเธอเขินอายเกินกว่าที่จะยอมรับ
“หัวหน้า วันนี้คุณไม่ได้ใช้รถเข็นเลย ขาของคุณเจ็บหรือเปล่า?” โจวจื่ออี้ถามด้วยความห่วงใยเขารู้ว่าวันนี้เจ้านายของเขาไม่ได้ใช้รถเข็นเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดทกับฉินอันอันมิฉะนั้น การออกเดทกับฉินอันอันบนรถเข็นจะต้องเป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายสำหรับฉินอันอันแน่นอนช่างเป็นเจ้านายที่ละเอียดอ่อนจริง ๆ น่าเสียดายที่ฉินอันอันไม่รู้จักดูแลเขาฟู่ซื่อถิงสะบัดแขนของโจวจื่ออี้และเซิ่งเป่ยออกไปด้วยสีหน้าเย็นชา เขาตอบนิ่ง ๆ ว่า "ฉันไม่เป็นไร"“ซื่อถิง ไปดื่มกันเถอะ!” เซิงเป่ยจับแขนของเขาอีกครั้ง “ถังเฉียวเซินยังอยู่ที่นี่ ผมจะไปชวนเขาออกไปดื่มด้วยกัน”เมื่อเห็นสีหน้าที่เศร้าหมองของฟู่ซื่อถิง เซิ่งเป่ยก็กังวลเล็กน้อยถังเฉียวเซินเป็นพี่ชายของถังเฉียนหลังจากที่ถังเฉียนทำให้ฟู่ซื่อถิงโกรธ เซิ่งเป่ยก็ได้โทรหาถังเฉียวเซินทรัพย์สินของตระกูลถังอยู่ในหรงเฉิงและถังเฉียวเซินก็เป็นทายาทของตระกูลถัง ดังนั้นถังเฉียวเซินจึงมักจะอยู่ที่หรงเฉิงหลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง ฟู่ซื่อถิงก็ตอบว่า "ฉันไม่ไป"เขาเดินตรงไปยังลิฟต์ ถึงจะไม่เร็วนักแต่ค่อนข้างมั่นคงแม้ว่าเขาจะผิดหวังกับความรัก แต่ขาของเขาก็ดูเ
เหงื่อเย็นเริ่มไหลลงบนหลังของเธอเธอปิดสมุดบันทึกกะทันหันราวกับว่ามันเป็นปฏิกิริยาตอบรับจากจิตใต้สำนึก!ถ้าเธอไม่ได้เขียนบันทึกอยู่ เธอคงไม่เป็นแบบนี้แน่นอนตอนนี้จิตใจของเธอสับสนเกินไป เธอจึงเปิดเอกสารขึ้นใหม่ละลงมือเขียนบันทึกนี้เป็นแผนการหย่าร้างภายในสามเดือนเธอหวังที่จะหย่ากับฟู่ซื่อถิงก่อนที่เด็กในท้องจะอายุได้เจ็ดเดือนด้วยวิธีนี้เธอจึงสามารถอยู่รอดได้ในไตรมาสที่สามของการตั้งครรภ์และจะได้ต้อนรับการมาถึงของทารกทั้งสองอย่างปลอดภัยหากการหย่าร้างไม่สามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น เธอก็จะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องใช้กลยุทธ์ที่สามสิบหกการหายตัวไปเฉย ๆนี่เป็นสถานการณ์ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดบ้านของเธออยู่ในประเทศเอ เธอต้องการอาศัยและทำงานในประเทศเอ และเธอยังหวังว่าลูก ๆ ของเธอจะเกิดและเติบโตที่นี่พฤติกรรมหวาดระแวงของเธอเมื่อสักครู่นี้กระตุ้นความไม่พอใจของฟู่ซื่อถิง‘เธอคิดว่าฉันจะสนใจกระดาษของเธอเหรอ?’‘หรือเธอไม่ได้เขียนวิทยานิพนธ์ แต่กำลังทำอย่างอื่นอยู่?’เมื่อเห็นใบหน้าเย็นชาของเขา เธอก็ลุกขึ้นยืนและเดินไปที่ประตูทันที“คุณไม่ชอบหนังสือที่ฉันให้คุณขนาดนั้นเลยเ
ปากของฉินอันอันถูกแววตาที่ร้อนผ่าวและเคร่งขรึมของเขาจ้องเขม็งจนเธอรู้สึกปากแห้งไปหมด“คุณหมายถึงเรื่องที่ฉันออกไปก่อนจบโชว์เหรอ?” เธอคิดครู่หนึ่งแล้วจึงอธิบายให้เขาฟัง “ตอนนั้นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยฉันส่งข้อความมาว่าหลังจากแสดงเสร็จเธออยากจะมาถ่ายรูปกับคุณ ฉันคิดว่าคุณจะต้องไม่ยอมถ่ายรูปกับคนแปลกหน้าแน่ ๆ และฉันก็ไม่อยากจะอธิบายกับเพื่อนด้วยว่าทำไมฉันถึงมาอยู่กับคุณได้”“ทำไม?” สองคำที่เอ่ยออกมาปนความกระด้างและเยือกเย็น“ถ้าให้อธิบายสั้น ๆ มันก็ไม่ชัดเจนหรอก…อีกอย่าง ความต่างของพวกเรากับคุณก็มากเกินด้วย นอกจากความต่าเรื่องตัวตนแล้ว ยังมี…เรื่องของอายุอีก คุณจะยอมคุยกับเพื่อนฉันไหมล่ะ? พวกเรายังอ่อนต่อโลกมาก…ถ้าเกิดว่าเพื่อนฉันมาหาคุณบ่อย ๆ เพราะความสัมพันธ์ของพวกเรา คุณจะรำคาญหรือเปล่า? ต้องกันไว้ดีกว่าแก้สิ ถูกไหม?”อันที่จริงประเด็นสำคัญของเรื่องคือพวกเขาสองคนสามารถหย่ากันได้ทุกเมื่อ และไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าจะอยู่ด้วยกันไปนานแค่ไหนถ้าวันนี้เธอบอกเพื่อนเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนแล้วพรุ่งนี้พวกเขาดันมาหย่ากัน…นั่นคงเป็นเรื่องน่าอายมากจะว่าไปสู้รอให้ทุกอย่างมันจบลงไปก่อนดีกว่า
เนื้อหาด้านล่างหัวข้อนั้นเป็นอะไรที่สั้นมากเพราะเธอคิดเรื่องนี้มานานมากแล้วแต่ยังคิดไม่ออกว่าต้องทำยังไงดังนั้นเนื้อหาก็เลยยังเขียนแค่ประโยคเดียวคือ ต้องหย่ากับฟู่ซื่อถิงให้ได้ก่อนสิ้นปีใบหน้าของเขามืดหม่นลงอย่างหนักทันทีเขาได้เปลี่ยนแปลงตัวเองและผ่อนหนักให้เป็นเบาแล้ว แต่เธอกลับยังคิดหาทุกวิถีทางที่จะจากเขาไปอยู่ดี‘แล้วไฟล์ ‘แผนการ’ บ้านี้ก็เพิ่งถูกสร้างขึ้นเมื่อคืนนี้ด้วย’‘ช่างเป็นผู้หญิงที่ปลอมเปลือกอะไรขนาดนี้!’‘ขณะที่เธอแสร้งทำเป็นมอบของขวัญเพื่อขอบคุณเขา เธอกลับวางแผนจะหย่ากับเขาอยู่ในห้องเนี่ยนะ!’เขาคิดว่าเธอเป็นคนที่แตกต่างจากผู้หญิงคนอื่น แต่ก็ไม่คิดว่าความแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นที่ใหญ่ที่สุดของเธอคือ เป็นคนสองหน้าแบบนี้!เขาปิดโน้ตบุ๊กของเธออย่างแรง ก่อนจะรีบสาวเท้าเดินออกจากห้องด้วยความโมโห……ที่เอสทีกรุ๊ปในการประชุมผู้บริหารระดับสูงเห็นได้ชัดว่าวันนี้ฟู่ซื่อถิงดูอารมณ์ไม่ค่อยดีนักนับตั้งแต่ที่เขาก้าวเข้าห้องประชุมมา หัวคิ้วของเขาก็ขมวดเล็กน้อยอยู่ตลอดเวลา รวมถึงสีหน้าของเขาที่ดูเยือกเย็นที่สุดด้วยสัญญาณที่เขียนหราบนหน้าของเขาทำเอาคนในบริษัทพากันร
“เป็นโชคชะตาของทั้งคู่!”“น้องสาวที่น่าสงสารของฉัน”โจวจื่ออี้เอ่ยต่อ “ด้วยความเคารพครับประธานถัง ถังเฉียนเป็นผู้หญิงที่มากความสามารถ แต่เธออยู่ข้างกายประธานฟู่มาเป็นสิบปีแล้ว และประธานฟู่ก็ไม่เคยตกหลุมรักเธอเลย ต่อให้เธอจะอยู่ข้างกายประธานฟู่ต่อไปอีกยี่สิบสามสิบปี…ประธานฟู่ก็อาจจะยังคงไม่รักเธอเหมือนเดิม”ความเยือกเย็นบางอย่างแวบผ่านดวงตาของถังเฉียวเซิน “ขอบใจที่เตือน”ตกดึกคืนนั้นฟู่ซื่อถิงได้เชิญผู้บริหารระดับสูงของบริษัทมาทานอาหารคู่เซิ่งเป่ยก็ดึงเขาไปดื่มเหล้าด้วยกันทุกคนต่างรู้ว่าวันนี้เขาอารมณ์ไม่ดี แต่ไม่รู้สาเหตุว่าทำไมดังนั้นทุกคนจึงร่วมมือร่วมใจกันมอมเหล้าเขาเมื่อแววตาของเขาเริ่มเลื่อนลอยเพราะความเมา เซิ่งเป่ยจึงได้ค่อย ๆ ดึงแก้วไวน์ที่อยู่ในมือเขาออก“ซื่อถิง วันนี้ทั้งวันคุณไม่พูดอะไรเลย ไม่รู้สึกอัดอั้นบ้างเหรอ?” เซิ่งเป่ยเปลี่ยนเป็นน้ำผลไม้ยื่นให้เขาแทนฟู่ซื่อถิงยกนิ้วเรียวยาวขึ้นมานวดขมับตัวเอง หลับตาลงเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำ “ฉินอันอันอยากจะหย่ากับฉัน นี่ฉันแย่มากขนาดนั้นเลยเหรอ?”ทุกคนในที่นั้นต่างตกอยู่ในความเงียบ‘มีคนที่อยากจะทอดทิ้งเจ้านายขอ
ฉินอันอันได้กลิ่นเหล้าจากร่างกายของเขาผสมกับกลิ่นของยาสูบจาง ๆ ทันใดนั้นเธอก็เห็นคนสิบกว่าคนที่ยืนอยู่หลังเซิ่งเป่ยหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายเธอทันทีคนพวกนี้น่าจะเป็นคนของเซิ่งเป่ยเธอใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักฟู่ซื่อถิงออกแต่เธอก็กลัวเขาจะล้มลงไปจึงจับแขนเขาไว้แน่นในทันทีคนขับรถเห็นดังนั้นจึงรีบปรี่เข้ามาช่วยทั้งสองคนช่วยกันแบกฟู่ซื่อถิงไปนั่งที่เบาะหลังฉินอันอันคาดเข็มขัดนิรภัยให้เขา จากนั้นคนขับรถก็ยื่นขวดน้ำให้ฉินอันอันร้อนจนเหงื่อไหลเต็มหัว เธอรับน้ำมาแล้วดื่มไปอึกหนึ่งคนขับรถ : “คุณผู้หญิง น้ำนี่เป็นของประธานฟู่”ฉินอันอันหน้าแดงด้วยความอาย ก่อนจะรีบส่งขวดน้ำให้ฟู่ซื่อถิงทันที ก่อนจะเอ่ยถาม “คุณอยากดื่มน้ำไหม?”เขาหลับตาก่อนที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย ราวกับว่ากำลังทุกข์ทรมานเป็นอย่างมากเขาไม่ตอบคำถามเธอเลยแม้แต่น้อยไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่ได้ยิน หรือไม่อยากตอบกันแน่คนขับรถจึงให้คำแนะนำแก่ฉินอันอัน “คุณผู้หญิงก็ป้อนน้ำให้เขาสิ!”ฉินอันอันขมวดคิ้วด้วยความลำบากใจเธอวางมือไว้บนหลังคอของเขา พยายามจะยกหัวเขาให้เงยหน้าขึ้นแต่ทันทีที่นิ้วของเธอสัมผัสกับผิวหนังตรงหลังคอ
ลมหนาวได้พัดเข้ามาอย่างแรงจนเส้นผมของเธอปลิวไสวไปตามแรงลมและมันก็ทำให้เธอรู้สึกสงบลงมากเช่นกันเมื่อกี้เขาเพิ่งจะบอกว่า เขาไม่ได้เป็นคนแบบเธอซึ่งนั่นก็น่าจะหมายความว่าตราบใดที่เธอยังยืนยันว่าจะหย่า สักวันเขาอาจจะรับปากก็เป็นได้…เมื่อนึกถึงตรงนี้ ความรู้สึกกังวลใจก็เริ่มผ่อนคลายลงไปหลังจากที่ถึงบ้าน แม่บ้านจางและคนขับรถก็ช่วยกันแบกฟู่ซื่อถิงลงจากรถฉินอันอันเมื่อเห็นว่ามีคนรับใช้มาช่วยเหลือแล้ว เธอจึงได้กลับไปที่ห้องอย่างเงียบ ๆ ไม่นานหลังจากนั้น ป้าจางก็ได้มาเคาะประตูห้องของเธอ : “คุณผู้หญิงคะ คุณผู้ชายไม่ให้พวกเราแตะต้องเขาเลย คุณผู้หญิงช่วยไปดูให้หน่อยได้ไหมคะ! แค่เช็ดหน้ากับเปลี่ยนชุดนอนให้เขาก็ได้ค่ะ”‘เช็ดหน้ากับเปลี่ยนชุดนอนเนี่ยนะ?’ถ้าสภาพในตอนนี้เขาเป็นผักไปแล้ว อย่างนั้นเธอก็คงต้องจะไปช่วยอย่างปฏิเสธไม่ได้แต่เขาไม่ใช่!แม้ว่าเขาจะดื่มมามาก แต่ก็ไม่ได้เมาขนาดนั้นเธอยังไม่ลืมเรื่องที่พวกเขาสองคนทะเลาะกันในระหว่างทางกลับบ้านในรถเมื่อครู่เสียหน่อย“หรือว่าจะปล่อยให้เขาหลับไปเลยไหมคะ?” ฉินอันอันเสนอขึ้นมา “รอพรุ่งนี้เช้าเขาตื่นมาแล้วเดี๋ยวเขาก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเส