“เมาแล้วก็ยังนิสัยเสียไม่เลิกอีก” ขณะที่เธอเช็ดหน้าให้เขา เสียงของเธอก็แผ่วเบาและอ่อนโยน “คุณคิดว่าฉันอยากดูแลคุณนักหรือไง? ทั้งตัวมีแต่กลิ่นแอลกอฮอล์… คุณเป็นพวกรักความสะอาดจัดไม่ใช่หรอ? หรือไม่ได้เป็นโรคจริง? ถ้าไม่เห็นแก่ที่ขาของคุณยังไม่หายดี ฉันจะไม่สนใจคุณเลย”เมื่อได้ฟังคำพูดของเธอ ลมหายใจของเขาก็ค่อย ๆ สงบลงและก็ง่วงงุนไปทันทีเสียงของเธอเหมือนมีมนต์สะกดจิตหลังจากที่เธอทำความสะอาดร่างกายของเขาแล้ว เธอก็เปิดผ้านวมและคลุมให้เขาเมื่อเธอเอาผ้าเช็ดตัวและอ่างไปเก็บในห้องน้ำและกลับมา เขาก็หลับไปแล้วในที่สุดก็มีโอกาสได้หายใจหายคอเสียที!เธอเดินไปที่เตียงแล้วนั่งลงมองไปรอบ ๆ ห้องเธอขนลุกเมื่อนึกถึงช่วงสามเดือนแรกของการใช้ชีวิตที่นี่ และถูกกล้องวงจรปิดบันทึกไว้ตลอดเวลา‘กล้องวงจรปิดในห้องน่าจะถอดออกหมดแล้วใช่ไหม?’แม้ว่าฟู่ซื่อถิงจะมีอารมณ์แปลกและรุนแรง แต่เขาก็ไม่ได้ผิดปกติเธอลุกขึ้นและเดินไปหยิบหมอนกับผ้าห่มที่ห้องของตัวเองมากลางดึก ฟู่ซื่อถิงลุกขึ้นมาหลายครั้งเขาสลึมสลือจนไม่ทันสังเกตว่ามีอีกคนอยู่บนเตียงดังนั้นทั้งสองจึงได้ใช้เวลาทั้งคืนด้วยกันอย่างสงบเช้าวันรุ
หลีเสี่ยวเถียนหยิบเมนูขึ้นมาแล้วเหลือบมองเขา "ครั้งก่อนคุณก็แต่งตัวสาวมาก ฉันก็นึกว่าคุณเป็นพวกไม้ป่าเดียวกันเสียอีก อ้อ แต่ฉันไม่ได้หมายความว่าคุณจะชอบคนเพศเดียวกันไม่ได้หรอกนะ เพราะฉันเคารพคนทุกเพศ"เฮ่อจุนจือที่กำลังดื่มน้ำเกือบจะสำลักน้ำออกมา“คุณหลี คุณเข้าใจผมผิดกันไปใหญ่แล้ว ผมเป็นชายแท้นะ”"แล้วผมก็ไม่ชอบผู้หญิงเซ็กซี่ด้วย"“เอาล่ะ! งั้นวันนี้เรามาทำความรู้จักกันใหม่อีกครั้ง” เฮ่อจุนจือยื่นมือให้เธออย่างเป็นมิตรเพื่อช่วยฉินอันอันค้นหาความลับที่เฮ่อจุนจือซ่อนเอาไว้ หลีเสี่ยวเถียนจึงยอมจับมือกับเขาหลังจากสั่งอาหารแล้ว ทั้งสองก็เริ่มพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องทั่วไป……หนึ่งชั่วโมงต่อมา“ผมมีเพื่อนคนหนึ่ง เขาแต่งงานสายฟ้าแลบ อันที่จริงเขารู้สึกสนใจในตัวภรรยาไม่น้อย แต่กลับไม่รู้จักแสดงออก ก่อนหน้านี้ภรรยาของเขาประสบปัญหา เขาจึงขอให้ผมออกหน้าช่วยภรรยาแทนเขา” หลังจากที่เฮ่อจุนจือดื่มไวน์แดงเล็กน้อย เขาก็เริ่มพูดอย่างเปิดอกมากขึ้น “ยังมีเรื่องที่ตลกกว่านั้นอีก นั่นคือภรรยาของเขาไม่รู้ว่าผมเป็นเพื่อนกับสามีของเธอ เมื่อภรรยาของเขาออกมาพบผมเป็นครั้งแรก เขาก็โกรธมาก และคิดว่าภ
“ไม่ทราบว่าคุณคือฉินอันอันใช่ไหม?” เสียงทุ้มลึกอ่อนโยนและสุภาพดังขึ้นฉินอันนัน "ค่ะ คุณคือใครคะ?""สวัสดีครับ ผมชื่อถังเฉียวเซินจากบริษัทหลักทรัพย์ซินเหอ ผมได้เบอร์คุณมาจากบุคลากรในบริษัทของคุณ เพราะผมต้องการที่จะร่วมมือกับพวกคุณครับ" ถังเฉียวเซินกล่าวฉินอันอัน "บริษัทหลักทรัพย์ซินเหอเหรอคะ?""ครับ ไม่ทราบว่าวันนี้คุณฉินพอจะมีเวลาว่างออกมาพบกันหน่อยไหมครับ? ตอนนี้ผมอยู่แถวบริษัทของคุณ" น้ำเสียงของถังเฉียวเซินเต็มไปด้วยความจริงใจหลังจากคิดไม่นานฉินอันอันก็ตอบตกลงหลังจากนัดสถานที่กันเรียบร้อย ฉินอันอันก็โทรหาผู้จัดการฝ่ายบุคคลของบริษัท“คุณคุ้นเคยกับถังเฉียวเซินจากบริษัทหลักทรัพย์ซินเหอไหม?”ผู้จัดการฝ่ายบุคคล "เขาเป็นนักลงทุนที่เก่งมาก บริษัทหลักทรัพย์ซินเหอเป็นธนาคารเพื่อการลงทุนในประเทศหนึ่งในสิบอันดับแรก ดังนั้นเมื่อครู่พอเขาขอเบอร์คุณจากผม ผมก็เลยให้เบอร์คุณไปทันที"ฉินอันอันตอบ "โอเค ฉันเข้าใจแล้ว"“อันอัน คุณอยากให้ผมไปพบเขาเป็นเพื่อนคุณไหม? ผมกลัวว่าถ้าคุณไปคนเดียวแล้วคุณจะทำตัวไม่ถูก” ผู้จัดการกล่าวหลังจากที่รองประธานโจวลาออก บริษัทก็เริ่มไม่เป็นระเบียบ และมีพนัก
"ได้ยินมาว่าคุณไม่ต้องการขาย ดังนั้นผมจะไม่เสนอการซื้อกิจการของคุณ" ถังเฉียวเซินเปลี่ยนหัวข้อและพูดว่า "ผมจะขอซื้อหุ้นครับ"ทันใดนั้นดวงตาของฉินอันอันก็เป็นประกายขึ้น "คุณถัง คุณพูดจริงเหรอคะ?"“จริงครับ แต่ก่อนที่จะเซ็นสัญญา มีสองสิ่งที่ผมต้องตกลงกับคุณก่อน” ถังเฉียวเซินหยิบเอกสารออกมา “นี่คือโครงการที่ผมกับทีมทำขึ้นมาในช่วงสองวันนี้ ตามแนวทางการพัฒนาในปัจจุบันของฉินกรุ๊ป ผมว่ามันไม่เข้าท่าแน่นอน พวกเราคือนักธุรกิจ ไม่ใช่องค์กรการกุศล ประการแรก ความสามารถในการทำกำไรที่จะพาเราพัฒนาไปได้ในระยะยาว"ฉินอันอันเปิดเอกสารที่เขาส่งมาดูคร่าว ๆ“คุณถัง ฉันขอนำโครงการของคุณกลับไปประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อนได้ไหมคะ?”"ได้สิครับ"“ค่ะ แล้วอีกเรื่องคืออะไรคะ?” ฉินอันอันจิบน้ำแล้วมองเขาอย่างจริงใจก่อนที่จะมาตามนัด เธอไม่คิดว่าการสนทนาจะราบรื่นขนาดนี้เมื่อพูดคุยส่วนที่สำคัญที่สุดไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงผ่อนคลายลงมาก“ผมเป็นพี่ชายของถังเฉียนครับ” ถังเฉียวเซินพูดอย่างตรงไปตรงมา “เธอเป็นน้องสาวต่างแม่ของผม”หลังจากสิ้นสุดประโยค สีหน้าของฉินอันอันก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ถังเฉียน...ถ
“ฉินอันอันมีค่ามากขนาดนั้นเลยเหรอ?” เฮ่อจุนจือรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“ตอนนี้เธอเป็นภรรยาของฉัน ดังนั้นเธอจึงมีคุณค่า ถ้าเธอไม่ใช่ภรรยาของฉัน นายคิดว่าถังเฉียวเซินยังจะลงทุนกับเธออยู่ไหม?” ดวงตาของฟู่ซื่อถิงเต็มไปด้วยความเย็นชาเฮ่อจุนจือยิ่งสับสนมากขึ้นไปอีก “ในเมื่อถังเฉียวเซินต้องการใช้เงินจำนวนมหาศาลนี้กับฉินอันอัน งั้นก็ให้เขาใช้ไปสิครับ! นี่เป็นการมอบเงินให้ฉินอันอันไม่ใช่เหรอ?”ฟู่ซื่อถิงเตือน "เธอเป็นภรรยาของฉัน!"เฮ่อจุนจือ "โอ้ โอเค... ผมเข้าใจแล้ว แล้วพี่จะทำยังไง? ลงเงินเพิ่มไหม? ถ้าไม่เพิ่ม ฉินอันอันจะต้องเลือกถังเฉียวเซินแน่นอน"ฟู่ซื่อถิง "ก็ไม่แน่"“ในเมื่อไม่แน่ แล้วทำไมพี่ถึงอารมณ์ไม่ดีล่ะ?” เฮ่อจุนจือรู้สึกได้ชัดเจนว่าคู่สนทนาอารมณ์เสีย เมื่อฟังจากน้ำเสียงของเขาฟู่ซื่อถิงต้องการใช้เงินหนึ่งพันล้านซื้อบริษัทของฉินอันอัน เพื่อช่วยให้ฉินอันอันได้ปลดปล่อยตัวเองจากฉินกรุ๊ป ตอนนี้เธอยังเรียนไม่จบ แถมยังไม่มีมุมมองหรือประสบการณ์ในการทำธุรกิจด้วยเธอควรเลือกข่ายบริษัทเพื่อปลดหนี้ และหาเงินไปพร้อม ๆ กันไปเสียดีกว่า เพื่อที่เธอและแม่จะได้มีชีวิตที่ไม่ยุ่งยากในอนาคต
“รู้จักแน่นอน! เมื่อก่อนพวกเราดื่มด้วยกันบ่อย ๆ! ถังเฉียวเซินสนิทสนมกับถังเฉียนมาก เขาเคยบอกคุณหรือเปล่า?” เซิ่งเป่ยพูดเข้าประเด็น ดวงตาฉินอันอันแสดงความประหลาดใจ “เขาบอกว่าเขากับถังเฉียนไม่ได้สนิทสนมอะไรกัน” “เขาโกหกคุณแล้ว คุณหนูฉิน คุณต้องพิจารณาเรื่องนี้ให้ถี่ถ้วนนะ ทำไมจู่ ๆ เขาถึงอยากจะลงทุนกับคุณ? มันจะเป็นหลุมพรางหรือเปล่า?” ฉินอันอัน “คุณจะบอกว่า นี่คือกับดักเหรอ?” เซิ่งเป่ยส่ายหน้า “ผมอยากจะบอกคุณว่า พิจารณาปัญหาต้องคิดทุกด้าน บนโลกนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรี ๆ ไม่มีของดีตกมาจากฟ้า คุณกับถังเฉียนเพิ่งมีเรื่องกันไม่นานมานี้ ตอนนี้ถังเฉียวเซินก็เข้ามาลงทุนกับคุณ คุณไม่กลัวเหรอ?” ฉินอันอัน “กลัว” เซิ่งเป่ยพยักหน้า “งั้นคุณก็ต้องคิดให้รอบคอบ…พวกเรากินข้าวกันก่อนเถอะ ซื่อถิง! ฉันคุยกับภรรยาของนายเสร็จแล้ว นายเข้ามาได้แล้ว” ฉินอันอันสำลักคำว่า ‘ภรรยา’ หลังจากที่เธอนั่งลงแล้ว ฟู่ซื่อถิงเดินไปอีกด้านหนึ่งแล้วนั่งลง เซิ่งเป่ยเดินถือเหยือกพักไวน์มาจากเคาน์เตอร์บาร์ เติมอากาศให้ไวน์เสร็จแล้ว “คุณหนูฉิน ดื่มสักหน่อยไหมครับ?” เซิ่งเป่ยวางเครื่องดีแคนเตอร์ลง แล้วหยิบแก้ง
หรือว่าใช้เงินที่กวาดไปจนหมดแล้ว?! แต่ว่าพวกเขาเอาเงินไปเยอะมากขนาดนั้น ทำไมถึงใช้หมดเร็วแบบนี้? ฉินอันอันหายใจเข้าลึก ๆ รับโทรศัพท์ ยังไม่ทันที่เธอจะเอ่ยปากพูด ฉินเค่อเคอก็ส่งเสียงกรีดร้องมาจากปลายสาย “ฉินอันอัน! ระบบซูเปอร์เบรนของพ่อฉันอยู่กับเธอใช่ไหม! เธอเอามาให้ฉันเร็วเข้า!” เสียงของฉินเค่อเคอฟังดูราวกับเสียงร้องไห้ ราวกับกำลังหวาดกลัว อารมณ์ของฉินอันอันถูกกระตุ้น “ฉินเค่อเคอ กล้าดียังไงโทรมาหาฉัน?! ลุงของเธอเอาเงินของพ่อไปแล้ว เธอรู้หรือเปล่าว่าเขาทำผิดกฎหมาย?! ตำรวจเริ่มทำการสอบสวนคดีแล้ว!” “เกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ?! แล้วฉันก็ไม่ใช่คนเอาไปด้วย! ฉันแค่ต้องการระบบซูเปอร์เบรนของพ่อ! ฉินอันอัน เธอเอามาให้ฉันตอนนี้เลยนะ! คืนนี้เธอต้องเอาให้ฉัน!” เสียงของฉินเค่อเคอแสบแก้วหูมากขึ้นเรื่อย ๆ ฉินอันอันขมวดคิ้วขึ้น ขณะที่ได้ยินเสียงรบกวนจากปลายสายอีกด้าน “ฉินเค่อเคอ ตอนนี้แกอยู่ที่ไหน?!” ฉินเค่อเคอส่งเสียงร้องไห้โฮ “ฉินอันอัน! ช่วยฉันด้วย! ฉันกับฟู่เย่เฉินอยู่ที่คาสิโน…ตอนนี้เขาถูกจับเป็นตัวประกัน…ถ้าเธอไม่ให้ระบบใหม่ของพ่อ พวกนั้นจะตัดนิ้วเขา!” “คาสิโน? พวกเธอไปเล่นการพ
ฟู่ซื่อถิงรู้คำตอบของเธอในการทดสอบกับเครื่องจับเท็จ! หรือว่าที่จริงแล้วเป็นฟู่ซื่อถิง? ฟู่ซื่อถิงอยากได้ระบบใหม่ของฉินกรุ๊ปงั้นเหรอ? คิดถึงตรงนี้ หลังของเธอก็มีเหงื่อเย็นไหลออกมา หลังจากวางสาย เธอก็เดินออกจากห้อง ฟู่ซื่อถิงและเซิ่งเป่ยกินข้าวเย็นเสร็จแล้ว และตอนนี้กำลังสูบบุหรี่อยู่ในห้องนั่งเล่น เมื่อเซิ่งเป่ยเห็นเงาของเธอ เขาก็ดับบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ทันที “คุณหนูฉิน คุณอยากเข้ามาคุยหรือเปล่า?” ฉินอันอันพยักหน้า และเดินไปหาเซิ่งเป่ย เมื่อเดินมาอยู่ตรงหน้าเซิ่งเป่ย เธอพูดว่า “ฉันอยากคุยกับฟู่ซื่อถิงคนเดียวค่ะ” เซิ่งเป่ย “???” ‘หมายถึงไล่เขาออกไปสินะ?’ เขายืนขึ้นอย่างกระอักกระอ่วน “งั้นผมไปก่อนล่ะ พวกคุณคุยกันดี ๆ ออกไปเดินเล่นข้างนอกก็ได้ ข้างนอกอากาศดี” พูดจบ เขาก็ออกไป ฉินอันอันนั่งลงตรงที่นั่งของเซิ่งเป่ย พอคิดถึงฟู่เย่เฉินที่กำลังจะโดนตัดนิ้ว ดังนั้นจึงพูดเข้าประเด็นทันที “ฟู่เย่เฉินเพิ่งโทรหาฉัน บอกว่าอยู่ที่คาสิโน ถูกคนกักตัวไว้ มีคนจะตัดนิ้วเขา” ฟู่ซื่อถิงรู้เรื่องนี้ เขาได้รับข้อความจากคนที่คาสิโนแล้ว บอกว่าคืนนี้ฟู่เย่เฉินเล่นพนันหนักมาก
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง