"ได้ยินมาว่าคุณไม่ต้องการขาย ดังนั้นผมจะไม่เสนอการซื้อกิจการของคุณ" ถังเฉียวเซินเปลี่ยนหัวข้อและพูดว่า "ผมจะขอซื้อหุ้นครับ"ทันใดนั้นดวงตาของฉินอันอันก็เป็นประกายขึ้น "คุณถัง คุณพูดจริงเหรอคะ?"“จริงครับ แต่ก่อนที่จะเซ็นสัญญา มีสองสิ่งที่ผมต้องตกลงกับคุณก่อน” ถังเฉียวเซินหยิบเอกสารออกมา “นี่คือโครงการที่ผมกับทีมทำขึ้นมาในช่วงสองวันนี้ ตามแนวทางการพัฒนาในปัจจุบันของฉินกรุ๊ป ผมว่ามันไม่เข้าท่าแน่นอน พวกเราคือนักธุรกิจ ไม่ใช่องค์กรการกุศล ประการแรก ความสามารถในการทำกำไรที่จะพาเราพัฒนาไปได้ในระยะยาว"ฉินอันอันเปิดเอกสารที่เขาส่งมาดูคร่าว ๆ“คุณถัง ฉันขอนำโครงการของคุณกลับไปประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อนได้ไหมคะ?”"ได้สิครับ"“ค่ะ แล้วอีกเรื่องคืออะไรคะ?” ฉินอันอันจิบน้ำแล้วมองเขาอย่างจริงใจก่อนที่จะมาตามนัด เธอไม่คิดว่าการสนทนาจะราบรื่นขนาดนี้เมื่อพูดคุยส่วนที่สำคัญที่สุดไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงผ่อนคลายลงมาก“ผมเป็นพี่ชายของถังเฉียนครับ” ถังเฉียวเซินพูดอย่างตรงไปตรงมา “เธอเป็นน้องสาวต่างแม่ของผม”หลังจากสิ้นสุดประโยค สีหน้าของฉินอันอันก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ถังเฉียน...ถ
“ฉินอันอันมีค่ามากขนาดนั้นเลยเหรอ?” เฮ่อจุนจือรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“ตอนนี้เธอเป็นภรรยาของฉัน ดังนั้นเธอจึงมีคุณค่า ถ้าเธอไม่ใช่ภรรยาของฉัน นายคิดว่าถังเฉียวเซินยังจะลงทุนกับเธออยู่ไหม?” ดวงตาของฟู่ซื่อถิงเต็มไปด้วยความเย็นชาเฮ่อจุนจือยิ่งสับสนมากขึ้นไปอีก “ในเมื่อถังเฉียวเซินต้องการใช้เงินจำนวนมหาศาลนี้กับฉินอันอัน งั้นก็ให้เขาใช้ไปสิครับ! นี่เป็นการมอบเงินให้ฉินอันอันไม่ใช่เหรอ?”ฟู่ซื่อถิงเตือน "เธอเป็นภรรยาของฉัน!"เฮ่อจุนจือ "โอ้ โอเค... ผมเข้าใจแล้ว แล้วพี่จะทำยังไง? ลงเงินเพิ่มไหม? ถ้าไม่เพิ่ม ฉินอันอันจะต้องเลือกถังเฉียวเซินแน่นอน"ฟู่ซื่อถิง "ก็ไม่แน่"“ในเมื่อไม่แน่ แล้วทำไมพี่ถึงอารมณ์ไม่ดีล่ะ?” เฮ่อจุนจือรู้สึกได้ชัดเจนว่าคู่สนทนาอารมณ์เสีย เมื่อฟังจากน้ำเสียงของเขาฟู่ซื่อถิงต้องการใช้เงินหนึ่งพันล้านซื้อบริษัทของฉินอันอัน เพื่อช่วยให้ฉินอันอันได้ปลดปล่อยตัวเองจากฉินกรุ๊ป ตอนนี้เธอยังเรียนไม่จบ แถมยังไม่มีมุมมองหรือประสบการณ์ในการทำธุรกิจด้วยเธอควรเลือกข่ายบริษัทเพื่อปลดหนี้ และหาเงินไปพร้อม ๆ กันไปเสียดีกว่า เพื่อที่เธอและแม่จะได้มีชีวิตที่ไม่ยุ่งยากในอนาคต
“รู้จักแน่นอน! เมื่อก่อนพวกเราดื่มด้วยกันบ่อย ๆ! ถังเฉียวเซินสนิทสนมกับถังเฉียนมาก เขาเคยบอกคุณหรือเปล่า?” เซิ่งเป่ยพูดเข้าประเด็น ดวงตาฉินอันอันแสดงความประหลาดใจ “เขาบอกว่าเขากับถังเฉียนไม่ได้สนิทสนมอะไรกัน” “เขาโกหกคุณแล้ว คุณหนูฉิน คุณต้องพิจารณาเรื่องนี้ให้ถี่ถ้วนนะ ทำไมจู่ ๆ เขาถึงอยากจะลงทุนกับคุณ? มันจะเป็นหลุมพรางหรือเปล่า?” ฉินอันอัน “คุณจะบอกว่า นี่คือกับดักเหรอ?” เซิ่งเป่ยส่ายหน้า “ผมอยากจะบอกคุณว่า พิจารณาปัญหาต้องคิดทุกด้าน บนโลกนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรี ๆ ไม่มีของดีตกมาจากฟ้า คุณกับถังเฉียนเพิ่งมีเรื่องกันไม่นานมานี้ ตอนนี้ถังเฉียวเซินก็เข้ามาลงทุนกับคุณ คุณไม่กลัวเหรอ?” ฉินอันอัน “กลัว” เซิ่งเป่ยพยักหน้า “งั้นคุณก็ต้องคิดให้รอบคอบ…พวกเรากินข้าวกันก่อนเถอะ ซื่อถิง! ฉันคุยกับภรรยาของนายเสร็จแล้ว นายเข้ามาได้แล้ว” ฉินอันอันสำลักคำว่า ‘ภรรยา’ หลังจากที่เธอนั่งลงแล้ว ฟู่ซื่อถิงเดินไปอีกด้านหนึ่งแล้วนั่งลง เซิ่งเป่ยเดินถือเหยือกพักไวน์มาจากเคาน์เตอร์บาร์ เติมอากาศให้ไวน์เสร็จแล้ว “คุณหนูฉิน ดื่มสักหน่อยไหมครับ?” เซิ่งเป่ยวางเครื่องดีแคนเตอร์ลง แล้วหยิบแก้ง
หรือว่าใช้เงินที่กวาดไปจนหมดแล้ว?! แต่ว่าพวกเขาเอาเงินไปเยอะมากขนาดนั้น ทำไมถึงใช้หมดเร็วแบบนี้? ฉินอันอันหายใจเข้าลึก ๆ รับโทรศัพท์ ยังไม่ทันที่เธอจะเอ่ยปากพูด ฉินเค่อเคอก็ส่งเสียงกรีดร้องมาจากปลายสาย “ฉินอันอัน! ระบบซูเปอร์เบรนของพ่อฉันอยู่กับเธอใช่ไหม! เธอเอามาให้ฉันเร็วเข้า!” เสียงของฉินเค่อเคอฟังดูราวกับเสียงร้องไห้ ราวกับกำลังหวาดกลัว อารมณ์ของฉินอันอันถูกกระตุ้น “ฉินเค่อเคอ กล้าดียังไงโทรมาหาฉัน?! ลุงของเธอเอาเงินของพ่อไปแล้ว เธอรู้หรือเปล่าว่าเขาทำผิดกฎหมาย?! ตำรวจเริ่มทำการสอบสวนคดีแล้ว!” “เกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ?! แล้วฉันก็ไม่ใช่คนเอาไปด้วย! ฉันแค่ต้องการระบบซูเปอร์เบรนของพ่อ! ฉินอันอัน เธอเอามาให้ฉันตอนนี้เลยนะ! คืนนี้เธอต้องเอาให้ฉัน!” เสียงของฉินเค่อเคอแสบแก้วหูมากขึ้นเรื่อย ๆ ฉินอันอันขมวดคิ้วขึ้น ขณะที่ได้ยินเสียงรบกวนจากปลายสายอีกด้าน “ฉินเค่อเคอ ตอนนี้แกอยู่ที่ไหน?!” ฉินเค่อเคอส่งเสียงร้องไห้โฮ “ฉินอันอัน! ช่วยฉันด้วย! ฉันกับฟู่เย่เฉินอยู่ที่คาสิโน…ตอนนี้เขาถูกจับเป็นตัวประกัน…ถ้าเธอไม่ให้ระบบใหม่ของพ่อ พวกนั้นจะตัดนิ้วเขา!” “คาสิโน? พวกเธอไปเล่นการพ
ฟู่ซื่อถิงรู้คำตอบของเธอในการทดสอบกับเครื่องจับเท็จ! หรือว่าที่จริงแล้วเป็นฟู่ซื่อถิง? ฟู่ซื่อถิงอยากได้ระบบใหม่ของฉินกรุ๊ปงั้นเหรอ? คิดถึงตรงนี้ หลังของเธอก็มีเหงื่อเย็นไหลออกมา หลังจากวางสาย เธอก็เดินออกจากห้อง ฟู่ซื่อถิงและเซิ่งเป่ยกินข้าวเย็นเสร็จแล้ว และตอนนี้กำลังสูบบุหรี่อยู่ในห้องนั่งเล่น เมื่อเซิ่งเป่ยเห็นเงาของเธอ เขาก็ดับบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ทันที “คุณหนูฉิน คุณอยากเข้ามาคุยหรือเปล่า?” ฉินอันอันพยักหน้า และเดินไปหาเซิ่งเป่ย เมื่อเดินมาอยู่ตรงหน้าเซิ่งเป่ย เธอพูดว่า “ฉันอยากคุยกับฟู่ซื่อถิงคนเดียวค่ะ” เซิ่งเป่ย “???” ‘หมายถึงไล่เขาออกไปสินะ?’ เขายืนขึ้นอย่างกระอักกระอ่วน “งั้นผมไปก่อนล่ะ พวกคุณคุยกันดี ๆ ออกไปเดินเล่นข้างนอกก็ได้ ข้างนอกอากาศดี” พูดจบ เขาก็ออกไป ฉินอันอันนั่งลงตรงที่นั่งของเซิ่งเป่ย พอคิดถึงฟู่เย่เฉินที่กำลังจะโดนตัดนิ้ว ดังนั้นจึงพูดเข้าประเด็นทันที “ฟู่เย่เฉินเพิ่งโทรหาฉัน บอกว่าอยู่ที่คาสิโน ถูกคนกักตัวไว้ มีคนจะตัดนิ้วเขา” ฟู่ซื่อถิงรู้เรื่องนี้ เขาได้รับข้อความจากคนที่คาสิโนแล้ว บอกว่าคืนนี้ฟู่เย่เฉินเล่นพนันหนักมาก
ของที่พ่อมอบให้ เธอไม่เคยมอบให้ใคร ใครก็อย่าได้คิดแย่งไปจากมือของเธอ เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังใช้คำพูดที่รุนแรง แต่ฟู่ซื่อถิงไม่ได้ตกใจเลย ตรงกันข้ามเขากลับรู้สึกว่ามันตลก“คุณหัวเราะอะไร?” ฉินอันอันมองมุมที่ยกขึ้นของเขา ทั้งกังวลและหงุดหงิดในใจ“หัวเราะคุณไง” เขาพูดเยาะเย้ย “คิดว่าตัวเองแน่ อวดฉลาด ขุดหลุมฝังตัวเอง” สองคำแรกเธอแทบไม่ได้ฟังเลย แต่คำสุดท้ายขุดหลุมฝังตัวเองหมายความยังไง? “กลับห้องของคุณไป! เห็นคุณแล้วผมปวดหัว” ทันใดนั้นฟู่ซื่อถิงสีหน้าบึ้งตึง เสียงของเขาทุ้มต่ำลงมาก “ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย ที่คุณปวดหัวเป็นเพราะคุณป่วยแน่ ๆ ” ฉินอันอันโต้กลับอย่างเสียดสี “คุณมีหมอประจำตระกูลไม่ใช่เหรอ? ให้ช่วยโทรเรียกมาไหม?”ฟู่ซื่อถิงกัดฟันพูดออกมาสองคำ “ออกไป!” ฉินอันอันกลับมาที่ห้อง อารมณ์ของเธอพังทลายลงโดยสิ้นเชิง เธอปิดสมุดบันทึก เดินไปเตียงแล้วนอนลง ที่จริงเธอหมดรักฟู่เย่เฉินนานแล้ว ถ้าหากคืนนี้ฉินเค่อเคอไม่ได้เป็นฝ่ายโทรมาก่อน ในสมองและในใจของเธอ จะไม่มีเงาของสองคนนี้อยู่เลย เมื่อคิดว่าฟู่เย่เฉินเป็นนักพนันจริง ๆ และยังตกอยู่ในอันตรายอีกด้วย อารมณ์ก็อ่อนไหวและซับซ้อน
ก่อนที่เขาจะเดินลงมาชั้นล่าง เธอก็วิ่งกลับเข้าห้องไปอย่างรวดเร็ว แม่เฒ่าฟู่หายใจลำบาก และรู้สึกว่าจะหายใจไม่ออก แต่เมื่อเห็นฟู่ซื่อถิงเดินเข้ามา เธอก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที “ซื่อถิง…ลูก…” แม่เฒ่าฟู่ยื่นแขนออกไปหาฟู่ซื่อถิงอย่างอ่อนแรงฟู่ซื่อถิงรีบเข้ามาประคองเธอทันที “หย่ากับฉินอันอัน…พรุ่งนี้…ไปหย่าเลยนะ…” แม่เฒ่าฟู่น้ำตาคลอหน่วย “แม่ขอโทษ…ขอโทษนะลูก…แม่ประมาทเลินเล่อ…ถึงได้หาผู้หญิงต่ำช้าขนาดนี้มาให้ลูก…” ฟู่ซื่อถิงยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่หางตาของผู้เป็นแม่ “แม่ครับ แม่ไม่ต้องกังวลเรื่องของผมกับฉินอันอันนะครับ แล้วเรื่องฟู่เย่เฉิน แม่ก็ไม่ต้องเป็นห่วง” “นิ้วของเย่เฉินถูกคนตัดทิ้งไปแล้ว…เขาต้องเจ็บปวดมากแน่ ๆ! เขาบอกว่าลูกทำร้ายเขา แม่รู้ว่าไม่ใช่…ลูกจะโหดร้ายกับญาติตัวเองแบบนี้ได้ยังไง? ลูกไม่ใช่คนแบบนั้น…” “แม่ครับ ถ้าแม่พูดเรื่องงี่เง่าแบบนี้ต่อหน้าผมอีก ผมจะให้คนขับรถส่งแม่กลับทันที” สีหน้าของฟู่ซื่อถิงแย่มาก “ผมจะไม่หย่ากับฉินอันอัน ไม่ว่าใครก็บังคับผมไม่ได้ เว้นแต่ผมอยากจะหย่าเอง” แม่เฒ่าฟู่สูดลมหายใจเข้าอย่างสิ้นหวัง “ลูกชอบเธอแล้วใช่ไหม? เพราะว่าเธอ…ลูกเลยตัดขา
โรงพยาบาลประจำจังหวัดแห่งหนึ่ง ฉินอันอันนอนอยู่บนตียงอัลตร้าซาวน์สี**“พัฒนาการของเด็กค่อนข้างปกติดี…รอจนครบห้าเดือน ค่อยมาอัลตราซาวน์คัดกรองความผิดปกติอีกที” คุณหมอกล่าว “ตกลงค่ะ ขอบคุณมากค่ะ” ฉินอันอันถอนใจอย่างโล่งอก “จะสุภาพกับฉันทำไม ฉันกับแม่ของเธอเรารูจักกันตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว” หมอหยิบแผ่นอัลตราซาวน์สีออกมาแล้วมอบให้เธอ “แม่เธอบอกว่าพ่อของเด็กไม่ยอมมีลูก ดังนั้นพวกเธอเลยต้องมาตรวจสุขภาพก่อนคลอดในที่เล็ก ๆ นี่…อันอัน ถ้าเธอมีลูกสองคน ถึงเวลานั้นการเลี้ยงดูลูกก็จะเป็นปัญหาแน่!” ฉินอันอันรับแผ่นอัลตร้าซาวน์มาแล้วเอ่ยพร้อมรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ค่อย ๆ เลี้ยงไปก็ได้!” “เธอเตรียมพร้อมทางด้านจิตใจไว้ก็ดีแล้ว” ฉินอันอัน “คุณป้าคะ ถ้าอย่างนั้นฉันไม่รบกวนคุณแล้วค่ะ ไว้ครั้งหน้าถ้าฉันจะมา ฉันจะติดต่อคุณอีกทีนะคะ” หลังจากบอกลาหมอแล้ว ฉินอันอันก็ออกมาจากห้องอัลตร้าซาวน์สี “เด็กเป็นยังไงบ้าง? ไม่เป็นไรใช่ไหม?” จางหยุนเห็นเธอออกมาก็เดินมาหาเธอทันที “อื้ม เด็กปกติดีค่ะ แม่ แม่ง่วงไหม? หนูง่วงมากเลย!” ฉินอันอันหาว เมื่อคืนเธอไม่ได้นอนเลย เธอออกมาจากตระกูลฟู่ตอนหกโมงเช