ก่อนที่เขาจะเดินลงมาชั้นล่าง เธอก็วิ่งกลับเข้าห้องไปอย่างรวดเร็ว แม่เฒ่าฟู่หายใจลำบาก และรู้สึกว่าจะหายใจไม่ออก แต่เมื่อเห็นฟู่ซื่อถิงเดินเข้ามา เธอก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที “ซื่อถิง…ลูก…” แม่เฒ่าฟู่ยื่นแขนออกไปหาฟู่ซื่อถิงอย่างอ่อนแรงฟู่ซื่อถิงรีบเข้ามาประคองเธอทันที “หย่ากับฉินอันอัน…พรุ่งนี้…ไปหย่าเลยนะ…” แม่เฒ่าฟู่น้ำตาคลอหน่วย “แม่ขอโทษ…ขอโทษนะลูก…แม่ประมาทเลินเล่อ…ถึงได้หาผู้หญิงต่ำช้าขนาดนี้มาให้ลูก…” ฟู่ซื่อถิงยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่หางตาของผู้เป็นแม่ “แม่ครับ แม่ไม่ต้องกังวลเรื่องของผมกับฉินอันอันนะครับ แล้วเรื่องฟู่เย่เฉิน แม่ก็ไม่ต้องเป็นห่วง” “นิ้วของเย่เฉินถูกคนตัดทิ้งไปแล้ว…เขาต้องเจ็บปวดมากแน่ ๆ! เขาบอกว่าลูกทำร้ายเขา แม่รู้ว่าไม่ใช่…ลูกจะโหดร้ายกับญาติตัวเองแบบนี้ได้ยังไง? ลูกไม่ใช่คนแบบนั้น…” “แม่ครับ ถ้าแม่พูดเรื่องงี่เง่าแบบนี้ต่อหน้าผมอีก ผมจะให้คนขับรถส่งแม่กลับทันที” สีหน้าของฟู่ซื่อถิงแย่มาก “ผมจะไม่หย่ากับฉินอันอัน ไม่ว่าใครก็บังคับผมไม่ได้ เว้นแต่ผมอยากจะหย่าเอง” แม่เฒ่าฟู่สูดลมหายใจเข้าอย่างสิ้นหวัง “ลูกชอบเธอแล้วใช่ไหม? เพราะว่าเธอ…ลูกเลยตัดขา
โรงพยาบาลประจำจังหวัดแห่งหนึ่ง ฉินอันอันนอนอยู่บนตียงอัลตร้าซาวน์สี**“พัฒนาการของเด็กค่อนข้างปกติดี…รอจนครบห้าเดือน ค่อยมาอัลตราซาวน์คัดกรองความผิดปกติอีกที” คุณหมอกล่าว “ตกลงค่ะ ขอบคุณมากค่ะ” ฉินอันอันถอนใจอย่างโล่งอก “จะสุภาพกับฉันทำไม ฉันกับแม่ของเธอเรารูจักกันตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว” หมอหยิบแผ่นอัลตราซาวน์สีออกมาแล้วมอบให้เธอ “แม่เธอบอกว่าพ่อของเด็กไม่ยอมมีลูก ดังนั้นพวกเธอเลยต้องมาตรวจสุขภาพก่อนคลอดในที่เล็ก ๆ นี่…อันอัน ถ้าเธอมีลูกสองคน ถึงเวลานั้นการเลี้ยงดูลูกก็จะเป็นปัญหาแน่!” ฉินอันอันรับแผ่นอัลตร้าซาวน์มาแล้วเอ่ยพร้อมรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ค่อย ๆ เลี้ยงไปก็ได้!” “เธอเตรียมพร้อมทางด้านจิตใจไว้ก็ดีแล้ว” ฉินอันอัน “คุณป้าคะ ถ้าอย่างนั้นฉันไม่รบกวนคุณแล้วค่ะ ไว้ครั้งหน้าถ้าฉันจะมา ฉันจะติดต่อคุณอีกทีนะคะ” หลังจากบอกลาหมอแล้ว ฉินอันอันก็ออกมาจากห้องอัลตร้าซาวน์สี “เด็กเป็นยังไงบ้าง? ไม่เป็นไรใช่ไหม?” จางหยุนเห็นเธอออกมาก็เดินมาหาเธอทันที “อื้ม เด็กปกติดีค่ะ แม่ แม่ง่วงไหม? หนูง่วงมากเลย!” ฉินอันอันหาว เมื่อคืนเธอไม่ได้นอนเลย เธอออกมาจากตระกูลฟู่ตอนหกโมงเช
”ตอนนี้หนูท้องอยู่ ใช้ยาซี้ซั่วไม่ได้ค่ะ” ฉินอันอันกล่าว “ไม่กี่วันก็หายแล้ว หนูจะทารองพื้นปิดเอาไว้ สองสามวันก็หายค่ะ” “เฮ้อ…ลูกนอนต่อเถอะ!” จางหยุนตบขาตัวเอง ให้เธอนอนลง เธอส่ายหน้า “หนูไม่ง่วงแล้วค่ะ ว่าจะเล่นโทรศัพท์สักหน่อย” เธอเปิดโทรศัพท์ ก็เห็นสายที่ไม่ได้รับจาหป้าจาง ตอนแรกเธอคิดจะโทรกลับ แต่บนรถมีคนเยอะมาก เธอจึงคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจว่ากลับไปแล้วค่อยคุย ทันใดนั้นแอปในโทรศัพท์ก็แสดงข่าวเด่นวันนี้ - ฟู่เย่เฉิน คุณชายตระกูลฟู่ถูกหามออกจากคาสิโนตอนดึก สงสัยว่าติดหนี้นอกระบบก้อนโตและถูกตัดนิ้ว! -เธอสูดหายใจลึก แล้วกดเข้าไปดูจากนั้น เธอก็เห็นภาพที่เกี่ยวข้องมีรูปถ่ายของฟู่เย่เฉินที่กำลังถูกหามออกมา และภาพของเขาที่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ข้าง ๆ เขามีใบหน้าที่คุ้นเคย นั่นก็คือ ฉินเค่อเคอ เธอไม่ได้เจอฉินเค่อเคอนานแล้ว เธอแต่งตัวเป็นผู้ใหญ่และมีเสน่ห์มากขึ้น ‘ถ้าหากว่าฟู่เย่เฉินไม่ติดหนี้นอกระบบของคาสิโนเมื่อคืนนี้ ตอนนี้เธอน่าจะนอนอยู่บนเตียงขนาดใหญ่กับฟู่เย่เฉินที่โรงแรมไหนสักที่แล้วสินะ!’ฉินอันอันปิดหน้าข่าว แล้วเปิดวีแชท เธอเห็นข้อความจากหลีเสี่
เพียงแค่สองคำแนวป้องกันในใจของเธอก็แตกออกอย่างง่ายดาย เธอออกไปข้างนอกตอนหกโมงเช้า ปิดโทรศัพท์ เขาติดต่อเธอไม่ได้ ดังนั้นเขาเลยต้องมาหาที่นี่ ‘หากเป็นเช่นนั้นก็แปลว่า เขาเป็นห่วงเธอสินะ?’ “คุณคือฟู่ซื่อถิงสินะคะ?” จางหยุนเห็นบรรยากาศน่าอึดอัดใจ จึงรีบพูดคลายบรรยากาศ “วันนี้อันอันอารมณ์ไม่ค่อยดี ฉันเลยพาเธอออกไปผ่อนคลายข้างนอกน่ะค่ะ ตอนนี้เธอไม่เป็นไรแล้ว ฉันจะไปรินน้ำมาให้คุณนะคะ” ฉินอันอัน “แม่!” ฟู่ซื่อถิง “ไม่ต้องหรอกครับ” ทั้งสองคนพูดพร้อมกัน บรรยากาศยิ่งดูอึมครึมมากขึ้น “แม่คะ เขาต้องรีบไปแล้ว แม่ไม่ต้องสนใจเขาหรอกค่ะ แม่มานั่งพักสักหน่อยเถอะ” ฉินอันอันดึงแม่ให้มานั่งบนโซฟา เธอกำลังพยายามไล่เขาทางอ้อม เขาลุกขึ้นเพราะรู้ตัว แล้วพูดกับจางหยุน “ผมขอตัวก่อนนะครับ วันหลังจะมาเยี่ยมใหม่” จางหยุนต้องการไปส่งเขา แต่ถูกฉินอันอันขวางไว้“แม่คะ หนูก็ต้องกลับก่อนแล้ว วันนี้แม่พักผ่อนอยู่บ้านดี ๆ นะคะ” พูดจบฉินอันอันก็เดินตามหลังฟู่ซื่อถิงออกมาด้วยกัน หลังจากลงมาที่ชั้นล่างของตึก ฉินอันอันก็เอ่ยกับเขาว่า “ต่อไปนี้อย่ามาที่นี่อีกนะคะ” สีหน้าของเขาเย็นชากว่าเดิม สันก
“ถ้าต่อไปแกยังกล้าเล่นการพนันอีก ไม่ต้องให้คนอื่นลงมือหรอก ฉันจะตัดมือแกออกทั้งสองข้างเอง!” ฟู่หานโกรธมาก เขาพูดกัดฟันกรอด “ลูกเพิ่งตื่น จะทำให้เขากลัวทำไม?! ลูกชายของฉันจะแพ้เงินพนันมากขนาดนั้นคนเดียวได้ยังไง! จะต้องเป็นนังสุนัขจิ้งจอกฉินเค่อเคอคนนั้นที่เล่นแพ้แน่!” แม่ฟู่พูดพร้อมกับเดินไปทางประตูห้องผู้ป่วย แล้วเรียกฉินเค่อเคอเข้ามา หลังจากฉินเค่อเคอเหลือบมองฟู่เย่เฉิน เธอก็ก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิดในใจ ไม่กล้าตอบคำถามของแม่ฟู่ “แม่…แม่โทษเค่อเคอทำไม…เมื่อคืนมีคนจงใจวางกับดักผม ไม่อย่างนั้นพวกเราไม่แพ้พนันมากขนาดนั้นหรอก!” ถึงแม้ว่าเสียงของฟู่เย่เฉินจะแหบแห้ง แต่จิตใจของเขาก็ฟื้นตัวเรียบร้อยแล้ว “เป็นฟู่ซื่อถิง…ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากเขา! เพราะว่าผมเคยรักกับฉินอันอัน เขาเลยเกลียดผมมาก!” “แม่รู้ว่าเป็นฝีมืออาของแก! ไม่ใช่แค่ทนแกไม่ได้เท่านั้น! เขาไม่เห็นพ่อแกอยู่ในสายตาแล้วด้วยเหมือนกัน!” แม่ฟู่พูดด้วยความตื่นตระหนก “คุณสมบัติของเขามีข้อบกพร่องสำคัญ! นั่นคือเขาไม่ใช่คนธรรมดา! พวกเราไม่ควรไปยุ่งกับเขา!” ฟู่หานผลักภรรยาไปด้านข้าง “เธอกำลังพูดไร้สาระอะไรต่อหน้าคนนอก! เพราะว่าฉั
ความหลงใหลบนใบหน้าของถังเฉียนหายวับไปทันที “ถึงแม้ฉันจะไม่กล้ารับประกันว่าเป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน แต่ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง” ถังเฉียวเซินกล่าวต่อ “เหตุผลที่ฉันไม่เคยบอกเธอเพราะว่าก่อนหน้านี้ฉันเคยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา และฉันคิดว่าคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมของตัวเขามีค่ามากกว่าเรื่องนี้” ถังเฉียนรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาเล็กน้อย ผ่านไปสักพัก เธอยกแก้วไวน์แดงเข้าปากอย่างสั่นเทา “ถังเฉียน เขายอดเยี่ยมมาก แต่เขาก็มีข้อบกพร่องใหญ่เช่นกัน เธอไม่จำเป็นต้องพูดจาเกินจริงเพื่อเขา ถ้าหากเธอแต่งงานกับเขาจริง ๆ ฉันคงเป็นห่วงความปลอดภัยในชีวิตของเธอไม่น้อยเลย” ถังเฉียวเซินหั่นสเต๊กเนื้อวัวหรูหรา น้ำเสียงไม่เป็นเดือดเป็นร้อน “เขาต้องมีเหตุผลที่ทำแบบนี้แน่…ฉันเชื่อว่าเขาไม่ใช่คนเลว…” หลังจากถังเฉียนเงียบไปครู่หนึ่ง ก็พูดพึมพำว่า “ถ้าหากว่าเขาเป็นคนเลวชั่วช้าจริง ๆ ไม่มีทางที่ฉันจะไม่รู้ ฉันคอยอยู่ข้างกายเขามานานหลายปี นานมากพอที่จะเห็นใบหน้าที่แท้จริงของใครสักคน” ถังเฉียวเซินหัวเราะให้กับความไร้เดียงสาของเธอ “เมื่อไม่นานมานี้ฆาตกรในคดีฆาตกรรมต่อเนื่องเพิ่งถูกจับได้ ฆาตกรรายนี้หลบหนีมาสิบกว่าปี เขา
ก่อนอื่นต้องผ่านอุปสรรคครั้งแรกก่อน จากนั้นถึงจะค่อย ๆ ราบรื่นขึ้น “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องถามเธอแล้ว ให้ของขวัญเธอไปเลยก็พอ” เซิ่งเป่ยเสนอความเห็น “นายให้เครื่องประดับเธอสิ ผู้หญิงชอบเครื่องประดับ” ฟู่ซื่อถิง “เธอไม่ใส่เครื่องประดับ ไม่เคยเห็นเธอใส่เลย” “ถ้าอย่างนั้นก็ให้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสิครับ ผู้หญิงทุกคนใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว” โจวจื่ออี้เอ่ยแนะนำ ฟู่ซื่อถิง “เธอไม่ใช้พวกครีมบำรุงผิว ฉันเคยไปที่ห้องของเธอ นอกจากโฟมล้างหน้าก็ไม่มีอะไรเลย” ‘แต่ก็คงให้โฟมล้างหน้าเป็นของขวัญไม่ได้สินะ?’ เซิ่งเป่ยคิดไม่ถึงเลยว่าฉินอันอันจะเป็นผู้หญิงแบบนี้ แล้วก็ยิ่งคิดไม่ถึงว่าฟู่ซื่อถิงประธานของเอสทีกรุ๊ปจะทำเรื่องอย่างการแอบเข้าไปให้ห้องของผู้หญิงแล้วสังเกตเรื่องประเภทนี้ได้! “ถ้าอย่างนั้นก็ให้โฟมล้างหน้าเธอนั่นแหละ!” เซิ่งเป่ยพูด ฟู่ซื่อถิงตอบ “โฟมล้างเธอมีฝุ่นจับ เดาว่าไม่ได้ใช้นานแล้ว” ......“เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า! เธอต้องใส่เสื้อผ้ากับรองเท้าทุกวันใช่ไหมล่ะ? กระเป๋าต้องมีหรือเปล่า?” เซิ่งเป่ยให้คำตอบสุดท้าย “แม่ของนายตบตีเธอ เธอต้องเสียใจและอึดอัดใจมากแน่ ถ้านายไม่โอ๋เธอ เธอเม
ฉินอันอันตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากที่รู้ตัวว่าถูกวิ่งราวโทรศัพท์ ขาทั้งสองก็แยกออกเตรียมวิ่งไล่ตาม แต่หลังจากวิ่งไปได้สองก้าว เธอก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองตั้งท้องอยู่ จึงหยุดวิ่ง หันหลังกลับอย่างรวดเร็วและเดินไปในเขตหมู่บ้าน ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา ป้าจางก็โทรศัพท์ไปหาฟู่ซื่อถิง “คุณผู้ชายคะ โทรศัพท์ของคุณผู้หญิงถูกคนร้ายขโมยไปตอนเดินเล่นค่ะ ดิฉันไปแจ้งความที่สถานีตำรวจเป็นเพื่อนเธอแล้ว แต่ตำรวจบอกกับพวกเราว่า คงไม่น่าจะได้คืน ตอนคุณผู้หญิงกลับมา ตาเธอแดงก่ำเลย บอกว่าในโทรศัพท์มีข้อมูลสำคัญเยอะมาก ตอนนี้เธอแอบร้องไห้อยู่ในห้องค่ะ” ป้าจางทนไมไหวแล้ว คิดว่าถ้าเธอบอกเรื่องนี้กับฟู่ซื่อถิง บางทีอาจจะใช้ประโยชน์จากเส้นสายของฟู่ซื่อถิง สามารถนำโทรศัพท์เธอกลับคืนมาได้ ที่จริงแล้วป้าจางไม่แน่ใจหรอกว่าฉินอันอันแอบร้องไห้อยู่ในห้องหรือเปล่า แต่ป้าจางจงใจพูดแบบนี้ เพื่อดูว่าจะทำให้ฟู่ซื่อถิงใจอ่อนลงได้หรือไม่ คืนนี้ฟู่ซื่อถิงนัดกับถังเฉียวเซินไว้แล้ว ตอนนี้เขาอยู่ที่ร้านอาหารที่นัดหมายไว้เรียบร้อยแล้ว และถังเฉียวเซินจะมาถึงในไม่ช้า หลังจากรับสายป้าจางแล้ว เขาใช้เวลาครุ่นคิดอยู่ไ
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง