วันรุ่งขึ้นเป็นวันอาทิตย์ เธอตื่นสิบโมงครึ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้นอนตื่นสายในคฤหาสถ์ตระกูลฟู่ เมื่อออกมาจากห้อง ผู้ชายสองสามคนในห้องรับแขกต่างมองมาที่เธอ เธอสวมชุดนอนหลวม ๆ ผมยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบพาดที่ไหล่ ใบหน้าใสสะอาดสะอ้าน เธอไม่คิดว่าวันนี้ฟู่ซื่อถิงจะมีแขก เขาและแขกของเขามองเธอด้วยสายตาจริงจัง ราวกับว่าพวกเขาไม่คิดว่าจู่ ๆ เธอจะออกมา สมองของฉินอันอันมีเสียงระเบิด! หลังจากรู้ตัว เธอก็รีบหันหลังกลับทันที และกำลังจะกลับไปแอบที่ห้อง ในเวลาเดียวกัน ป้าจางเข้ามาและดึงเธอไปที่ห้องอาหาร “คุณนาย คุณยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย คุณคงหิวใช่ไหมคะ? เมื่อเช้าฉันไปหาคุณที่ห้องแล้ว แต่เห็นว่าคุณกำลังนอนหลับสบาย จึงไม่ได้ปลุกคุณ” ฉินอันอันพูดติดอ่าง “พวกเขา...เป็นใครคะ?” ป้าจาง “เพื่อนนายท่านค่ะ เขามาเยี่ยมนายท่าน ถ้าคุณกลัวก็ไม่ต้องไปทักทายพวกเขาก็ได้ค่ะ ไม่เป็นไร” ฉินอันอัน “ค่ะ” ขนาดฟู่ซื่อถิงเธอยังไม่ทักเลย แล้วนับประสาอะไรกับเพื่อนของเขา? อย่างไรก็ตาม ถ้าเธอรู้ว่าจะมีเพื่อนมาเยี่ยมที่บ้าน วันนี้เธอคงจะตื่นแต่เช้า และออกไปเดินเล่นข้างนอกแน่นอน ในห้องรับแขก เพื่อ
เมื่อฉินอันอันคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็รู้สึกเหมือนมีคนกำลังบีบคออยู่ เธอรู้สึกหายใจไม่ออกและเวียนหัว เขาเป็นคุณซีได้อย่างไร?! คุณซีโอนเงินให้เธอหน้าล้าน และต้องการลงทุนกับฉินกรุ๊ป ฟู่ซื่อถิงจะใจดีกับเธอขนาดนั้นได้อย่างไร? แต่ถ้าเขาไม่ใช่คุณซี แล้วทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ? ขณะที่เธอกำลังสับสน รถเข็นของเขา เสื้อสีเข้มของเขา และผิวขาวซีดของเขา ย้ำเตือนเธอว่าคนที่อยู่ตรงหน้าไม่สามารถเป็นคนอื่นได้ นอกจากฟู่ซื่อถิง เธอหายใจไม่ออก และก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว แต่ประตูห้องส่วนตัวปิดตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ “ยังไม่ทันทักทายจะไปแล้วเหรอ?” ฟู่ซื่อถิงมองเธอที่กำลังตื่นตระหนกพลางเปิดริมฝีปาก “คุณมาทำอะไรในที่แบบนี้?” ฉินอันอันยกมือขึ้นทัดผมยาวไว้ข้างหู และพยายามสงบสติอารมณ์ “ฉัน...ฉันมาทานข้าวเย็นกับเพื่อนร่วมชั้นสองสามคน” “ที่นี่คือสถานที่ดื่มเหล้า” “โอ้...” ฉินอันอันมองไปรอบ ๆ ห้องส่วนตัว ห้องส่วนตัวมีขนาดใหญ่มาก และตกแต่งอย่างหรูหรา แต่เธอกลับรู้สึกเหมือนกำลังตกนรก “ฉัน ฉันน่าจะมาผิดห้อง ฉันไปหาเพื่อนก่อนนะ” “ฉินอันอัน” เสียงของเขาฟังดูเย็นชาทุกคำ “เมื่อเช้าคุณไม่ได้ยินสิ่งที่ผ
คืนนี้ช่างเจ็บปวดและยาวนาน เมื่อทุกอย่างจบลง เธอก็หลับไปพร้อมความเหนื่อยล้า วันต่อมา เอสทีกรุ๊ป ฟู่ซื่อถิงมาถึงบริษัทประมาณสิบโมงเช้าตามปกติ หลังจากที่เขาเข้าไปในห้องทำงาน เซิ่งเป่ยก็เดินเข้ามา “เมื่อคืนผมไปหาคุณ แต่ไม่เจอ คุณกับฉินอันอันไปตั้งนานแล้วใช่ไหม?” ฟู่ซื่อถิงขมวดคิ้ว “ที่คุณมาถึงที่นี่เพื่อจะคุยเรื่องนี้เหรอ?” เซิ่งเป่ยยิ้มเจื่อน ๆ และวางเอกสารที่อยู่ในมือไว้บนโต๊ะ “นี่คือรายงานทางการเงินของฉินกรุ๊ปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาที่ถูกเปิดเผย ผมลองอ่านดูแล้ว และพบว่าปัญหาค่อนข้างใหญ่” หลังจากพูดจบ เขาก็หยุดชะงักก่อนพูดต่อ “ผู้บริหารฝ่ายการเงินของฉินกรุ๊ปเอาไปอย่างต่ำสองพันล้านบาท ได้ยินมาว่าผู้บริหารคนนั้นเป็นน้องชายสายเลือดเดียวกันของภรรยาของฉินเจี๋ย” ดวงตาของฟู่ซื่อถิงขยับเล็กน้อย ถ้าสิ่งที่เซิ่งเป่ยพูดเป็นความจริง การที่ฉินกรุ๊ปจะล้มละลายไม่ได้เกิดจากการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งหมด “เหตุการณ์นี้บอกพวกเราว่าต้องจับตาดูภรรยาของเขาให้ดี ๆ” เซิ่งเป่ยถอนหายใจ “ถ้าฉินเจี๋ยไม่นอกใจหวังหว่านจือ ครอบครัวตระกูลฉินคงไม่ต้องจบลงแบบนี้” ฟู่ซื่อถิงมองด้วยสายตาเย็
ถังเฉียนเห็นฟู่ซื่อถิงโกรธมาก เธอจึงเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟ “ซื่อถิง ก่อนที่ฉินอันอันจะแต่งงานกับคุณ เธอมีความสัมพันธ์กับหลานชายฟู่เย่เฉินของคุณ อันที่จริงมันไม่สำคัญหรอก ใคร ๆ ก็มีอดีตกันทั้งนั้น แต่หลังจากที่เธอแต่งงานกับคุณ จริง ๆ แล้วเธอก็มีความสัมพันธ์กับหลานชายของคุณ เธอสวมเขาให้คุณ ฉันเดาว่าพวกเขาทั้งคู่คิดว่าคุณจะตาย พวกเขาก็เลยแอบแทงข้างหลังคุณ!” ฟู่ซื่อถิงกำหมัดสองข้างแน่น ใบหน้าของเขาซีดเผือด สีหน้าของเขาโกรธมาก และดวงตาที่เย็นชาก็จ้องมองไปที่แฟ้มสุขภาพของมารดา! “ฉันสงสัยว่าพวกเขาทำแบบนี้เพื่อแย่งสมบัติของคุณ ตอนที่หมอบอกแจ้งอาการของคุณ ทุกคนคิดว่าคุณจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน ตอนนี้ฉินอันอันแต่งงานกับคุณ และตั้งท้องลูกของคุณ สมบัติของคุณก็ต้องตกไปอยู่ในมือฉินอันอันไปโดยปริยาย พวกเขาสองคนวางแผนไว้ก่นหน้าแล้ว สุดยอดจริง ๆ! แต่วางแผนยังไงก็สู้ชะตาไม่ได้ คุณฟื้นแล้ว แผนการของพวกเขาก็จะล้มเหลวเหมือนกัน” “ออกไป!” ฟู่ซื่อถิงตะโกนใส่ถังเฉียน ไม่ว่าเรื่องที่ถังเฉียนพูดจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เขาก็รู้สึกขยะแขยง เมื่อเรื่องน่าเกลียดแบบนี้ถูกเปิดเผย ถังเฉียนรู้สึกน้อยใจ แต่เธ
เขาสลัดมือของเธอออกด้วยสีหน้ารังเกียจและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉินอันอัน การไว้ชีวิตคุณถือเป็นการแสดงความเมตตาครั้งยิ่งใหญ่ หุบปากแล้วอย่าทำให้ผมโมโหอีก!” ฉินอันอันมองใบหน้าที่ไร้หัวใจของเขาและกล้ำกลืนความเจ็บปวด ตอนนี้ไม่ว่าเธอจะพูดหรือทำอะไร ก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจเขาได้ เธอซุกตัวอยู่ที่เบาะนั่ง และมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยดวงตาเศร้าหมอง โรงพยาบาล หลังจากที่รถจอด ฉินอันอันก็ถูกบอดี้การ์ดลากตัวออกจากรถ และพาไปที่คลินิกสูตินรีเวช ฟู่ซื่อถิงไม่ได้ลงจากรถ เขานั่งสูบบุหรี่อยู่ในรถ ตอนที่ฉินอันอันถูกนำตัวออกไป เบ้าตาที่มีน้ำตาคลอและสายตาที่โกรธเกรี้ยวที่เธอมองเขา ยังคงติดอยู่ในใจของเขา เขาจะไม่รู้สึกเจ็บปวดใจกับเธออีกต่อไป! คนที่ทรยศเขาจบไม่สวยแน่นอน หลังจากที่ฉินอันอันถูกพาตัวเข้าไปในห้องผ่าตัดอันเยือกเย็น ประตูห้องผ่าตัดก็ปิดลงอย่างช้า ๆ ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา ประตูห้องผ่าตัดก็ถูกผลักให้เปิดออก หมอออกมาพูดกับบอดี้การ์ดว่า “ผ่าตัดเสร็จแล้ว แต่ต้องเฝ้าดูอาการผู้ป่วยอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงค่ะ” ภารกิจของบอดี้การ์ดคือพาฉินอันอันไปทำแท้ง เมื่อทารกในครรภ์ทำแท้งแล้ว ภารกิจของ
ฟู่ซื่อถิงขมวดคิ้ว หากเขาไม่เห็นแบบฟอร์มที่ฉินอันอันกรอกด้วยตาของเขาเอง เขาคงจะเชื่อคำพูดของฟู่เย่เฉินไปแล้ว “ฉินอันอันบอกว่าเด็กในท้องเป็นลูกของแก มันก็เป็นลูกของแก!” บอดี้การ์ดพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง “กล้าทำเรื่องแบบนี้ได้ ต่อให้แกมีเก้าชีวิตก็คงไม่พอให้อยู่รอด!” ฟู่เย่เฉินร้องไห้เสียงดัง “ฉินอันอันโกหก! คุณอาครับ เหตุผลที่ผมเลิกกับเธอก็คือ เธอไม่ยอมให้ผมแตะต้องตัวเธอสักที ผมเองที่ทิ้งเธอไป เธอก็เลยเกลียดผม! เธอจงใจบอกว่าเด็กในท้องคือลูกของผม! เพราะเธอต้องการแก้แค้นผมแน่ ๆ! คุณอา! คุณอาต้องเชื่อผมนะ! ไม่ว่าเด็กในท้องจะเป็นลูกของใครก็ตาม แต่ไม่ใช่ลูกของผมแน่นอน!” ฟู่ซื่อถิงมองชายคนนั้นที่นอนอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าหวาดกลัว จู่ ๆ ในใจก็รู้สึกเมินเฉย ไม่น่าสนใจ นี่คือผู้ชายที่ฉินอันอันชอบ ผู้ชายขี้ขลาดคนนี้สามารถหักหลังเธอได้ทันทีที่มีปัญหา! “ลากมันลงไป!” เสียงของฟู่ซื่อถิงไร้อารมณ์ “ไม่ต้องฆ่ามัน” เขาจะปล่อยให้ฟู่เย่เฉินตายง่าย ๆ ได้อย่างไร? เขาต้องการทำลายฟู่เย่เฉินทีละนิดต่อหน้าฉินอันอัน ... จางหยุนพาฉินอันอันกลับไปที่บ้านเช่าของตัวเอง หลังจากเข้าไปในบ้านแล้ว จาง
“พี่ที่แม่เคยรู้จักอยากได้พี่เลี้ยงเด็กมาดูแลหลาน...และเงินเดือนที่เธอเสนอก็สูงมาก แม่คิดว่าแม่ทำได้ทุกอย่าง ก็เลยลองดู วันนี้วันที่สามของแล้ว แม่ว่าก็ดีนะ แม่สามารถหาเงินได้ห้าหมื่นบาทต่อเดือนแน่ะ!” “พ่อของลูกไม่อยู่แล้ว และไม่ทิ้งมรดกอะไรไว้ให้ลูกเลย แม่ไม่อยากเป็นตัวถ่วงของลูก” จางหยุนกล่าวเสริม น้ำตาของฉินอันอันร่วงลงมาราวกับเส้นด้ายที่ขาด “พี่ที่แม่เคยรู้จักค่อนข้างมีฐานะดีใช่ไหมคะ?” เดิมทีเสียงของเธอแหบแห้งเล็กน้อย แต่เมื่อเธอร้องไห้กลับทำให้เสียงแหบแห้งมากขึ้น “การเป็นพี่เลี้ยงหลานให้พี่ที่รู้จัก...คงจะรับมือยากมากใช่ไหมคะ!” “ไม่ยากหรอก! ตอนนี้แค่หาเงินได้ก็พอใจแล้ว ศักดิ์ศรีมันกินไม่ได้หรอก! ยิ่งกว่านั้น คนรวยไม่ได้แปลว่าจะรวยตลอดไป คนจนก็อาจจะไม่ได้จนตลอดไปเหมือนกัน ตอนนี้แม่อาจจะไม่ได้รวยเหมือนพี่เขา แต่ใครจะไปรู้ ลูกสาวของแม่อาจจะหาเงินได้มากกว่าอีกจริงไหม?” จางหยุนหยิบกระดาษทิชชู่ออกมาเช็ดน้ำตาให้เธอ “แม่...แม่ไม่ต้องไปทำงานหรอก หนูทำงานพาร์ทไทม์ได้...ปีหน้าหนูก็ทำงานแล้ว...” ฉินอันอันน้ำตาไหลพราก “ตอนนี้ลูกกำลังท้อง ลูกจะออกไปทำงานได้ยังไง? อันอัน ถ้าลูกต้องก
ฆ่าเขา? ฉินอันอันขมวดคิ้ว แม้ว่าเธอจะเกลียดฟู่ซื่อถิง แต่เธอก็ไม่เคยคิดที่จะฆ่าเขา แม้ว่าลูกในท้องจะไม่อยู่แล้ว ก็ยังไม่มีความคิดแบบนี้เลย และเธอจะฆ่าเขาได้จริงเหรอ? เมื่อเห็นฉินอันอันลังเล ฟู่เย่เฉินจึงกล่าวว่า “ตอนนี้อาของผมกำลังเดินทางไปทำธุรกิจ คุณลองกลับไปคิดดี ๆ อันอัน ถ้าคุณสามารถฆ่าฟู่ซื่อถิงได้ ผมก็แต่งงานกับคุณได้ทันที ผมจะให้ทุกสิ่งที่คุณต้องการ ผมบอกพ่อแม่เกี่ยวกับเรื่องของเราแล้ว และพวกเขาก็ให้การสนับสนุนผม” ฟู่เย่เฉินสีหน้าและสายตาจริงจังมาก เมื่อก่อนตอนที่เธอยังรักเขา เธออยากให้พ่อแม่ของเขายอมรับมาโดยตลอด แต่เขามักจะปฏิเสธที่จะเปิดเผยความสัมพันธ์ของพวกเขาให้คนอื่นรู้ ตอนนี้เธอไม่ต้องการให้ใครมายอมรับแล้ว “แล้วถ้ามันไม่สำเร็จล่ะ?” ฉินอันอันถามเขา “ถ้าเขารู้ว่าฉันต้องการฆ่าเขา คุณคิดว่าเขาจะไว้ชีวิตฉันฉันเหรอ? ฟู่เย่เฉิน คุณไม่เหมือนผู้ชายที่ฉันเคยรู้จักเลย ถ้าคุณอยากฆ่าเขา คุณก็ไปฆ่าเองสิ ถ้าคุณไม่สามารถยอมรับผลที่ตามมาจากความล้มเหลวของคุณได้ ก็อย่าไปทำสิ่งที่ผิดกฎหมายแบบนั้น!” ฟู่เย่เฉินชะงัก เขาไม่คิดว่าเธอจะปฏิเสธ “มันจะล้มเหลวได้ยังไง เราก็วางย
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง