ห้องนอนใหญ่ในห้องน้ำ พยาบาลหยิบผ้าแห้งและเช็ดหยดน้ำบนร่างกายของฟู่ซื่อถิงอย่างระมัดระวัง เขายังใช้ขาได้ไม่ดีนัก และเขาสามารถออกแรงยืนได้เท่านั้น เขาจึงต้องการความช่วยเหลือจากพยาบาล พยาบาลคนนี้ดูแลเขามาตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุ เขาเป็นชายในวัยสี่สิบที่ทำงานด้วยความละเอียดรอบคอบและระมัดระวัง “คุณฟู่ คุณมีรอยช้ำที่ขา” บุรุษพยาบาลสวมเสื้อคลุมอาบน้ำให้เขาและช่วยเขาออกจากห้องน้ำ “ผมจะทายาให้คุณนะครับ” ฟู่ซื่อถิงนั่งบนขอบเตียง หลังจากที่พยาบาลออกไป เขาก็เปิดชายเสื้อคลุมอาบน้ำแล้วเห็นรอยช้ำสีเขียวม่วง รอยที่ฉินอันอันหยิกไว้ ขาของเขาไม่ได้ชาไปจนหมด ตอนเธอหยิกเขา เขาก็ทนไว้ไม่โต้ตอบ ไม่รู้ว่าทำไม แต่สีหน้าร้องไห้ของฉินอันอันยังคงปรากฏอยู่ในความคิดของเขา นอกจากนี้... กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอยังคงตราตรึงอยู่ในใจเขา ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนเลย ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเลยทำเขามีอารมณ์ได้ แต่คืนนี้เหมือนถูกฉินอันอันกระตุ้นเข้าในใจของเขาอย่างแรง แค่ผู้หญิงที่กำลังจะหย่าคนหนึ่ง จำเป็นต้องรู้สึกแบบนี้เหรอ? รู้สึกเหมือนตัวเองเพ้อเจ้อไร้สาระ แต่ถ้าเกิ
ในสายตาของเธอ เขากลายเป็นปีศาจยื่นเขี้ยวอันแหลมคมของเขาเข้าหาเธอ "ทำไม?" ฉินอันอันพูดอย่างยากลำบาก "ฟู่ซือถิง ถึงคุณไม่อยากมีลูก แต่ก็ไม่จำเป็นต้องพูดจาโหดร้ายแบบนี้เลยนะ!" แววตาล้ำลึกของฟู่ซื่อถิงเต็มไปด้วยความเย็นชา "ถ้าฉันไม่ทำให้ชัดเจน แล้วถ้าเกิดเธอทำอะไรบ้า ๆ ออกมาล่ะ" ฉินอันอันแอบถอนหายใจและละสายตาออกจากใบหน้าของเขา เธอกลัวและรู้สึกว่าเธอกำลังจะก้าวเข้าสู่ห้วงแห่งความทรมานไปตลอดกาล ท่าทางของเธอกระตุ้นความสนใจของเขา เขายกริมฝีปากขึ้นแล้วพูดเหน็บแหนมว่า "ฉินอันอัน เธออยากมีลูกให้ฉันจริง ๆ เหรอ?" ดวงตาสีน้ำตาลของฉินอันอันจ้องมองเขา “ฉันขอแนะนำเธอว่าอย่าทำหูทวนลมกับคำเตือนของฉัน เธอก็รู้ว่าฉันเป็นใคร แล้วฉันทำได้มากกว่าที่ฉันพูดซะอีก ถ้าไม่อยากตายก็อย่าขัดคำสั่งฉัน" เขาพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดแล้วหันไปมองที่หน้าต่าง ฉินอันอันกำมือแน่นและพูดด้วยความโกรธ "ไม่ต้องกังวล ฉันไม่มีลูกให้คุณหรอก ฉันเกลียดคุณมากแค่ไหนคุณเองก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจดี แล้วที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือ หย่ากันให้เร็วที่สุด! " ลูกไม่ใช่ของเขาคนเดียว ถ้าเธอมีลูกก็เพื่อตัวเธอเอง เมื่อลูกโตขึ้น เธอจะเล
สตรีมีครรภ์รับประทานแคลเซียมเม็ดเช่นเดียวกันกับคนวัยกลางคน ผู้สูงอายุ และผู้ที่ขาดแคลเซียมนั้นคือสิ่งที่เขียนบนขวดยาแคลเซียมเม็ด“ต้องมาบอกคนอื่นเกี่ยวกับยาที่ตัวเองกินด้วยเหรอ?” ฉินอันอันหน้าแดง แต่น้ำเสียงของเธอยังนิ่งอยู่หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็วิ่งหนีไปทันทีเธอเอาเม็ดแคลเซียมกลับห้องของเธอใส่ไว้ในลิ้นชัก แล้วเข้าห้องน้ำล้างหน้าเธออยู่แบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ถ้าเธอไม่รีบไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด สักวันหนึ่งความลับของเธอจะต้องถูกเปิดเผยแน่เอกสารตรวจสุขภาพก่อนคลอดของเธอทั้งหมดอยู่ในห้อง ถ้าฟู่ซื่อถิงเข้ามาค้นหาห้องเธอเขาจะรู้ทุกอย่างแม้ว่าจิตใต้สำนึกของเธอจะบอกว่า ฟู่ซื่อถิงแม้จะบ้าไปแล้ว แต่เขาก็คงยังไม่ไปถึงขั้นนั้น ดังนั้นเขาอาจจะไม่มาค้นห้องเธอก็ได้ยิ่งกว่านั้น ถ้าเขายังไม่พูดเรื่องหย่า เธอก็หย่ากับเขาไม่ได้ยิ่งไปกว่านั้น ทางเธอก็รับของหมั้นมาไม่น้อยด้วยเธอนั่งอยู่ข้างเตียง คิดฟุ้งซ่านไปหมด จนลืมว่าหิวด้วยซ้ำหลังจากนั้นไม่นาน ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นความมีเหตุผลของเธอกลับคืนสู่ร่างกายของเธอ และเธอก็เดินไปที่ประตูแล้วเปิดประตู“คุณนาย นายท่านกลับห้องไปแล้ว ไป
“ฉินอันอัน ใครบอกเธอว่าเขามีผู้หญิงที่เขาชอบแล้ว? เธอไปเอามาจากไหน แล้วเธอรู้ชื่อผู้หญิงที่เขาชอบไหม?” ถังเฉียนเริ่มรู้สึกกระวนกระวายใจ แม้ว่าเธอยังคงเชื่อมั่นว่าฟู่ซื่อถิงไม่มีผู้หญิงคนอื่นนอกจากตัวเอง ฉินอันอันส่ายหน้า “ถังเฉียน สิ่งที่ฉันเพิ่งพูดเป็นแค่สันนิษฐานของฉันเท่านั้น...ฉันไม่รู้จักฟู่ซื่อถิงเหมือนที่คุณรู้จักเขาหรอก” หลังจากสงบลงเล็กน้อย เธอก็กลับคำพูดใหม่ เธอคิดว่าเรื่องของฟู่ซื่อถิงนั้นไม่ใช่เรื่องธรรมดาอย่างแน่นอน และเธอก็ไม่อยากเข้าไปมีส่วนร่วม เธอแค่อยากมีชีวิตที่ดี และให้กำเนิดลูกเท่านั้น “ฉันก็คิดว่าเธอเห็นซื่อถิงอยู่กับผู้หญิงคนอื่นด้วยตาของเธอเองซะอีก! พูดซะฉันตกใจเลย” ถังเฉียนยอมรับคำอธิบายของฉินอันอัน และสบายใจมากขึ้น “ซื่อถิงไม่ใช่ผู้ชายแบบที่เธอคิด เขาไม่ชอบผู้หญิง และก็ไม่ชอบเด็ก” ฉินอันอันถามด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ “เธอรู้ไหมว่าทำไมเขาถึงไม่ชอบเด็ก?” “บอกตามตรงนะ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แล้วก็ไม่รู้ด้วย เขาไม่ชอบ ฉันก็แค่ไม่คลอด” ถังเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อยราวกับพูดกับตัวเอง “จริง ๆ แล้วเขาก็ดีกับฉัน” “เธอมีความสุขก็ดีแล้ว” ฉินอันอันยอมแพ้ให้กับการเปลี
รถยนต์แล่นผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ลดหนาวพัดผ่าน! ฉินอันอันเงยหน้าขึ้น แสงไฟท้ายของรถโรลส์รอยซ์สว่างในคืนสลัว นั่นรถของฟู่ซื่อถิงเหรอ? เธอยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกจากใบหน้า และปรับอารมณ์อย่างรวดเร็ว ก่อนเดินมุ่งหน้าไปยังคฤหาสถ์ เมื่อเดินไปถึงหน้าลานคฤหาสถ์ เธอเห็นรถจอดอยู่ในลาน เธอยืนอยู่นอกประตูลานบ้าน และต้องการรอให้ฟู่ซื่อถิงกลับเข้าไปในห้องของเขาก่อน แล้วจึงค่อยเข้าไป เธอรู้สึกอยากจะร้องไห้ พลันเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยมองดวงดาวบนท้องฟ้าที่แวววาวและส่องแสงระยิบระยับ สวยจัง พรุ่งนี้ท้องฟ้าน่าจะโปร่ง เธอยืนอยู่ข้างนอก กว่าจะรู้ตัวก็ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้ว คนขับรถได้เอารถเข้าไปจอดอยู่ที่ลานจอดแล้วแสงไฟในห้องรับแขกยังเปิดอยู่ บรรยากาศวังเวงและเงียบสงัด จิตใจของเธอได้สงบลงแล้ว เธอจึงเดินไปที่ห้องรับแขก บนระเบียงชั้นสอง ฟู่ซื่อถิงสวมชุดคลุมสีเทานั่งอยู่บนรถเข็น และถือแก้วน้ำไว้ในมือ ของเหลวสีแดงในแก้วกำลังจะหมด เธอยืนอยู่ข้างนอกเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง และเขาก็มองเธอลงมาจากระเบียงเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงเช่นเดียวกัน ไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ แต่เธอสามารถยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เ
“นั่ง” สายตาของเขามองไปที่ร่างของเธอ “อือ” เธอเดินไปที่โซฟาแล้วนั่งตรงข้ามเขา บนโต๊ะกาแฟมีโน้ตบุ๊กตั้งอยู่หนึ่งเครื่อง หน้าจอโน้ตบุ๊กหันเข้าหาเธอ และบนหน้าจอก็มีภาพจากกล้องวงจรปิด ถ้ามองอย่างละเอียดก็บอกได้เลยว่านี่คือภาพจากกล้องวงจรปิดในห้องนอนของเขา จอภาพหันหน้าไปทางเตียงใหญ่ บนเตียงมีเขาและเธอ หลังจากที่ฉินอันอันเห็นภาพบนหน้าจออย่างชัดเจน เลือดในร่างกายก็พลันเดือดพล่านทันที! ทันใดนั้น เธอก็กระโดนยืนขึ้นพลันชี้ไปที่โน้ตบุ๊ก และตะโกนผ่านฟันที่กัด “ฟู่ซื่อถิง! คุณโรคจิตเหรอ?! ติดกล้องวงจรปิดไว้ในห้องนอน!” เธอโกรธมาก! เธอแทบจะลืมไปว่าตัวเองนอนกับเขามาสามเดือนแล้ว ในช่วงเวลาสามเดือนที่ผ่านมา เขาอยู่ในสภาพเจ้าชายนิทรา ดังนั้นเธอจึงไม่ปฏิบัติต่อเขาในฐานะผู้ชายเลย ไม่ว่าอยู่ข้างภายนอกจะดูดีแค่ไหน คนเรามักจะมีพฤติกรรมไม่น่าดูเมื่ออยู่ในห้องส่วนตัว ดังนั้นเธอจึงรับไม่ได้ เรื่องที่เธอถูกกล้องวงจรปิดจับมาสามเดือนแล้ว! ตอนที่เธออยู่ในห้องของเขาไม่มีใครบอกว่ามีกล้องวงจรปิดอยู่ในห้อง ฟู่ซื่อถิงเห็นว่าเธอโกรธมากจนตัวสั่น แต่อารมณ์กลับดูสงบ “ทำไมคุณถึงคิดว่าผมเป็นติดก
วันรุ่งขึ้นเป็นวันอาทิตย์ เธอตื่นสิบโมงครึ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้นอนตื่นสายในคฤหาสถ์ตระกูลฟู่ เมื่อออกมาจากห้อง ผู้ชายสองสามคนในห้องรับแขกต่างมองมาที่เธอ เธอสวมชุดนอนหลวม ๆ ผมยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบพาดที่ไหล่ ใบหน้าใสสะอาดสะอ้าน เธอไม่คิดว่าวันนี้ฟู่ซื่อถิงจะมีแขก เขาและแขกของเขามองเธอด้วยสายตาจริงจัง ราวกับว่าพวกเขาไม่คิดว่าจู่ ๆ เธอจะออกมา สมองของฉินอันอันมีเสียงระเบิด! หลังจากรู้ตัว เธอก็รีบหันหลังกลับทันที และกำลังจะกลับไปแอบที่ห้อง ในเวลาเดียวกัน ป้าจางเข้ามาและดึงเธอไปที่ห้องอาหาร “คุณนาย คุณยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย คุณคงหิวใช่ไหมคะ? เมื่อเช้าฉันไปหาคุณที่ห้องแล้ว แต่เห็นว่าคุณกำลังนอนหลับสบาย จึงไม่ได้ปลุกคุณ” ฉินอันอันพูดติดอ่าง “พวกเขา...เป็นใครคะ?” ป้าจาง “เพื่อนนายท่านค่ะ เขามาเยี่ยมนายท่าน ถ้าคุณกลัวก็ไม่ต้องไปทักทายพวกเขาก็ได้ค่ะ ไม่เป็นไร” ฉินอันอัน “ค่ะ” ขนาดฟู่ซื่อถิงเธอยังไม่ทักเลย แล้วนับประสาอะไรกับเพื่อนของเขา? อย่างไรก็ตาม ถ้าเธอรู้ว่าจะมีเพื่อนมาเยี่ยมที่บ้าน วันนี้เธอคงจะตื่นแต่เช้า และออกไปเดินเล่นข้างนอกแน่นอน ในห้องรับแขก เพื่อ
เมื่อฉินอันอันคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็รู้สึกเหมือนมีคนกำลังบีบคออยู่ เธอรู้สึกหายใจไม่ออกและเวียนหัว เขาเป็นคุณซีได้อย่างไร?! คุณซีโอนเงินให้เธอหน้าล้าน และต้องการลงทุนกับฉินกรุ๊ป ฟู่ซื่อถิงจะใจดีกับเธอขนาดนั้นได้อย่างไร? แต่ถ้าเขาไม่ใช่คุณซี แล้วทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ? ขณะที่เธอกำลังสับสน รถเข็นของเขา เสื้อสีเข้มของเขา และผิวขาวซีดของเขา ย้ำเตือนเธอว่าคนที่อยู่ตรงหน้าไม่สามารถเป็นคนอื่นได้ นอกจากฟู่ซื่อถิง เธอหายใจไม่ออก และก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว แต่ประตูห้องส่วนตัวปิดตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ “ยังไม่ทันทักทายจะไปแล้วเหรอ?” ฟู่ซื่อถิงมองเธอที่กำลังตื่นตระหนกพลางเปิดริมฝีปาก “คุณมาทำอะไรในที่แบบนี้?” ฉินอันอันยกมือขึ้นทัดผมยาวไว้ข้างหู และพยายามสงบสติอารมณ์ “ฉัน...ฉันมาทานข้าวเย็นกับเพื่อนร่วมชั้นสองสามคน” “ที่นี่คือสถานที่ดื่มเหล้า” “โอ้...” ฉินอันอันมองไปรอบ ๆ ห้องส่วนตัว ห้องส่วนตัวมีขนาดใหญ่มาก และตกแต่งอย่างหรูหรา แต่เธอกลับรู้สึกเหมือนกำลังตกนรก “ฉัน ฉันน่าจะมาผิดห้อง ฉันไปหาเพื่อนก่อนนะ” “ฉินอันอัน” เสียงของเขาฟังดูเย็นชาทุกคำ “เมื่อเช้าคุณไม่ได้ยินสิ่งที่ผ
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง