เขายื่นมือออกมานอกหน้าต่างรถ เขายื่นกระดาษทิชชู่ออกมาให้ เธอสะดุ้งตกใจอยากจะปฏิเสธ แต่ยื่นมือไปรับไว้อย่างไม่ได้ตั้งใจ "ขอบคุณนะ" ความอบอุ่นจากฝ่ามือของเขายังคงเหลืออยู่บนทิชชู่ เขารีบละสายตาจากใบหน้าเธอ หน้าต่างรถปิดลงและเร่งความเร็วออกไป สิบโมงเช้า ฉินกรุ๊ป พนักงานยังคงทำงานตามตำแหน่งของตนเองต่อไป บริษัทไม่ได้จ่ายค่าจ้างมานานกว่าหนึ่งเดือน แต่เนื่องจากฉินกรุ๊ปเป็นบริษัทเก่าแก่ในเมือง แม้จะมีข่าวเชิงลบแทบทุกประเภทบนอินเทอร์เน็ต แต่พนักงานไม่ยอมแพ้จนกว่าจะวินาทีสุดท้าย หากไม่รู้ว่าบริษัทมีหนี้จำนวนมาก ฉินอันอันเองก็คงไม่อยากเชื่อเลยว่าความสงบที่อยู่ตรงหน้าเป็นแค่ภาพลวงตา ฉินอันอันเข้าไปในห้องประชุมพร้อมกับรองประธาน เมื่อทนายความเห็นฉินอันอัน เขาก็พูดเข้าประเด็นเลยว่า "คุณฉิน ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ ผมได้รับมอบหมายจากคุณพ่อของคุณ ให้เปิดพินัยกรรมของเขาในตอนนี้" ฉินอันอันพยักหน้า ทนายความเปิดเอกสารและพูดอย่างใจเย็น "พ่อของคุณเป็นเจ้าของทรัพย์สินทั้งหมดหกรายการ แต่ละทรัพย์สินอยู่ใน... นี่คือเอกสาร โปรดตรวจสอบด้วยครับ" ฉินอันอันหยิบเอกสารตรวจสอบอย่างละเอียด
เวลาสามทุ่ม ลมฤดูใบไม้ร่วงพัดไหว ใบไม้ร่วงหล่นลงสู่พื้นทำให้เกิดเสียงกรอบแกรบ ทันทีที่ฉินอันอันลงจากรถแท็กซี่ เธอก็รู้สึกหนาวสั่นจนสะดุ้ง เธอถือกระเป๋าแล้วรีบเดินไปที่ประตูบ้านตระกูลฝู ในคืนสลัว เธอสวมชุดกระโปรงสีแดงเซ็กซี่และมีเสน่ห์ เมื่อเช้าตอนที่เธอออกไปข้างนอก เธอสวมเสื้อเชิ้ตธรรมดาและกางเกงลำลอง เมื่อคิดว่าเธอแต่งตัวแบบนี้เพื่อเอาใจผู้ชายคนอื่น ฝูสือถิงจึงอดกำนิ้วแน่นไม่ได้ เมื่อฉินอันอันเดินไปเปลี่ยนรองเท้าที่ทางเข้า เธอก็เห็นฝูสือถิงกำลังนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก เสื้อเชิ้ตสีดำที่เขาสวมวันนี้ทำให้เขาดูเย็นชาละน่าเกรงขามมากขึ้น สีหน้าของเขาเย็นชาและไร้อารมณ์เช่นเคย และเธอก็ไม่กล้ามองนานเกินไป หลังจากเปลี่ยนรองเท้าแล้ว เธอก็ลังเลว่าทักทายเขาดีไหม อย่างน้อยเมื่อเช้าเขาก็ยื่นกระดาษทิชชู่ให้เธอ เธอเดินไปที่ห้องรับแขกอย่างใจจดใจจ่อ พลางมองไปทางเขา คืนนี้บรรยากาศแตกต่างจากปกติเล็กน้อย ปกติเวลาเธอกลับมา แม่บ้านจางจะออกมาต้อนรับเธอ วันนี้แม่บ้านจางไม่อยู่เหรอ? เธอสูดหายใจเข้า หัวใจเต้นแรงราวกับกลอง ในที่สุด เธอก็ตัดสินใจไม่ทักเขา “มานี่” น้ำเสียงเย็นชาดั
ห้องนอนใหญ่ในห้องน้ำ พยาบาลหยิบผ้าแห้งและเช็ดหยดน้ำบนร่างกายของฟู่ซื่อถิงอย่างระมัดระวัง เขายังใช้ขาได้ไม่ดีนัก และเขาสามารถออกแรงยืนได้เท่านั้น เขาจึงต้องการความช่วยเหลือจากพยาบาล พยาบาลคนนี้ดูแลเขามาตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุ เขาเป็นชายในวัยสี่สิบที่ทำงานด้วยความละเอียดรอบคอบและระมัดระวัง “คุณฟู่ คุณมีรอยช้ำที่ขา” บุรุษพยาบาลสวมเสื้อคลุมอาบน้ำให้เขาและช่วยเขาออกจากห้องน้ำ “ผมจะทายาให้คุณนะครับ” ฟู่ซื่อถิงนั่งบนขอบเตียง หลังจากที่พยาบาลออกไป เขาก็เปิดชายเสื้อคลุมอาบน้ำแล้วเห็นรอยช้ำสีเขียวม่วง รอยที่ฉินอันอันหยิกไว้ ขาของเขาไม่ได้ชาไปจนหมด ตอนเธอหยิกเขา เขาก็ทนไว้ไม่โต้ตอบ ไม่รู้ว่าทำไม แต่สีหน้าร้องไห้ของฉินอันอันยังคงปรากฏอยู่ในความคิดของเขา นอกจากนี้... กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอยังคงตราตรึงอยู่ในใจเขา ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนเลย ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเลยทำเขามีอารมณ์ได้ แต่คืนนี้เหมือนถูกฉินอันอันกระตุ้นเข้าในใจของเขาอย่างแรง แค่ผู้หญิงที่กำลังจะหย่าคนหนึ่ง จำเป็นต้องรู้สึกแบบนี้เหรอ? รู้สึกเหมือนตัวเองเพ้อเจ้อไร้สาระ แต่ถ้าเกิ
ในสายตาของเธอ เขากลายเป็นปีศาจยื่นเขี้ยวอันแหลมคมของเขาเข้าหาเธอ "ทำไม?" ฉินอันอันพูดอย่างยากลำบาก "ฟู่ซือถิง ถึงคุณไม่อยากมีลูก แต่ก็ไม่จำเป็นต้องพูดจาโหดร้ายแบบนี้เลยนะ!" แววตาล้ำลึกของฟู่ซื่อถิงเต็มไปด้วยความเย็นชา "ถ้าฉันไม่ทำให้ชัดเจน แล้วถ้าเกิดเธอทำอะไรบ้า ๆ ออกมาล่ะ" ฉินอันอันแอบถอนหายใจและละสายตาออกจากใบหน้าของเขา เธอกลัวและรู้สึกว่าเธอกำลังจะก้าวเข้าสู่ห้วงแห่งความทรมานไปตลอดกาล ท่าทางของเธอกระตุ้นความสนใจของเขา เขายกริมฝีปากขึ้นแล้วพูดเหน็บแหนมว่า "ฉินอันอัน เธออยากมีลูกให้ฉันจริง ๆ เหรอ?" ดวงตาสีน้ำตาลของฉินอันอันจ้องมองเขา “ฉันขอแนะนำเธอว่าอย่าทำหูทวนลมกับคำเตือนของฉัน เธอก็รู้ว่าฉันเป็นใคร แล้วฉันทำได้มากกว่าที่ฉันพูดซะอีก ถ้าไม่อยากตายก็อย่าขัดคำสั่งฉัน" เขาพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดแล้วหันไปมองที่หน้าต่าง ฉินอันอันกำมือแน่นและพูดด้วยความโกรธ "ไม่ต้องกังวล ฉันไม่มีลูกให้คุณหรอก ฉันเกลียดคุณมากแค่ไหนคุณเองก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจดี แล้วที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือ หย่ากันให้เร็วที่สุด! " ลูกไม่ใช่ของเขาคนเดียว ถ้าเธอมีลูกก็เพื่อตัวเธอเอง เมื่อลูกโตขึ้น เธอจะเล
สตรีมีครรภ์รับประทานแคลเซียมเม็ดเช่นเดียวกันกับคนวัยกลางคน ผู้สูงอายุ และผู้ที่ขาดแคลเซียมนั้นคือสิ่งที่เขียนบนขวดยาแคลเซียมเม็ด“ต้องมาบอกคนอื่นเกี่ยวกับยาที่ตัวเองกินด้วยเหรอ?” ฉินอันอันหน้าแดง แต่น้ำเสียงของเธอยังนิ่งอยู่หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็วิ่งหนีไปทันทีเธอเอาเม็ดแคลเซียมกลับห้องของเธอใส่ไว้ในลิ้นชัก แล้วเข้าห้องน้ำล้างหน้าเธออยู่แบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ถ้าเธอไม่รีบไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด สักวันหนึ่งความลับของเธอจะต้องถูกเปิดเผยแน่เอกสารตรวจสุขภาพก่อนคลอดของเธอทั้งหมดอยู่ในห้อง ถ้าฟู่ซื่อถิงเข้ามาค้นหาห้องเธอเขาจะรู้ทุกอย่างแม้ว่าจิตใต้สำนึกของเธอจะบอกว่า ฟู่ซื่อถิงแม้จะบ้าไปแล้ว แต่เขาก็คงยังไม่ไปถึงขั้นนั้น ดังนั้นเขาอาจจะไม่มาค้นห้องเธอก็ได้ยิ่งกว่านั้น ถ้าเขายังไม่พูดเรื่องหย่า เธอก็หย่ากับเขาไม่ได้ยิ่งไปกว่านั้น ทางเธอก็รับของหมั้นมาไม่น้อยด้วยเธอนั่งอยู่ข้างเตียง คิดฟุ้งซ่านไปหมด จนลืมว่าหิวด้วยซ้ำหลังจากนั้นไม่นาน ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นความมีเหตุผลของเธอกลับคืนสู่ร่างกายของเธอ และเธอก็เดินไปที่ประตูแล้วเปิดประตู“คุณนาย นายท่านกลับห้องไปแล้ว ไป
“ฉินอันอัน ใครบอกเธอว่าเขามีผู้หญิงที่เขาชอบแล้ว? เธอไปเอามาจากไหน แล้วเธอรู้ชื่อผู้หญิงที่เขาชอบไหม?” ถังเฉียนเริ่มรู้สึกกระวนกระวายใจ แม้ว่าเธอยังคงเชื่อมั่นว่าฟู่ซื่อถิงไม่มีผู้หญิงคนอื่นนอกจากตัวเอง ฉินอันอันส่ายหน้า “ถังเฉียน สิ่งที่ฉันเพิ่งพูดเป็นแค่สันนิษฐานของฉันเท่านั้น...ฉันไม่รู้จักฟู่ซื่อถิงเหมือนที่คุณรู้จักเขาหรอก” หลังจากสงบลงเล็กน้อย เธอก็กลับคำพูดใหม่ เธอคิดว่าเรื่องของฟู่ซื่อถิงนั้นไม่ใช่เรื่องธรรมดาอย่างแน่นอน และเธอก็ไม่อยากเข้าไปมีส่วนร่วม เธอแค่อยากมีชีวิตที่ดี และให้กำเนิดลูกเท่านั้น “ฉันก็คิดว่าเธอเห็นซื่อถิงอยู่กับผู้หญิงคนอื่นด้วยตาของเธอเองซะอีก! พูดซะฉันตกใจเลย” ถังเฉียนยอมรับคำอธิบายของฉินอันอัน และสบายใจมากขึ้น “ซื่อถิงไม่ใช่ผู้ชายแบบที่เธอคิด เขาไม่ชอบผู้หญิง และก็ไม่ชอบเด็ก” ฉินอันอันถามด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ “เธอรู้ไหมว่าทำไมเขาถึงไม่ชอบเด็ก?” “บอกตามตรงนะ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แล้วก็ไม่รู้ด้วย เขาไม่ชอบ ฉันก็แค่ไม่คลอด” ถังเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อยราวกับพูดกับตัวเอง “จริง ๆ แล้วเขาก็ดีกับฉัน” “เธอมีความสุขก็ดีแล้ว” ฉินอันอันยอมแพ้ให้กับการเปลี
รถยนต์แล่นผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ลดหนาวพัดผ่าน! ฉินอันอันเงยหน้าขึ้น แสงไฟท้ายของรถโรลส์รอยซ์สว่างในคืนสลัว นั่นรถของฟู่ซื่อถิงเหรอ? เธอยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกจากใบหน้า และปรับอารมณ์อย่างรวดเร็ว ก่อนเดินมุ่งหน้าไปยังคฤหาสถ์ เมื่อเดินไปถึงหน้าลานคฤหาสถ์ เธอเห็นรถจอดอยู่ในลาน เธอยืนอยู่นอกประตูลานบ้าน และต้องการรอให้ฟู่ซื่อถิงกลับเข้าไปในห้องของเขาก่อน แล้วจึงค่อยเข้าไป เธอรู้สึกอยากจะร้องไห้ พลันเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยมองดวงดาวบนท้องฟ้าที่แวววาวและส่องแสงระยิบระยับ สวยจัง พรุ่งนี้ท้องฟ้าน่าจะโปร่ง เธอยืนอยู่ข้างนอก กว่าจะรู้ตัวก็ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้ว คนขับรถได้เอารถเข้าไปจอดอยู่ที่ลานจอดแล้วแสงไฟในห้องรับแขกยังเปิดอยู่ บรรยากาศวังเวงและเงียบสงัด จิตใจของเธอได้สงบลงแล้ว เธอจึงเดินไปที่ห้องรับแขก บนระเบียงชั้นสอง ฟู่ซื่อถิงสวมชุดคลุมสีเทานั่งอยู่บนรถเข็น และถือแก้วน้ำไว้ในมือ ของเหลวสีแดงในแก้วกำลังจะหมด เธอยืนอยู่ข้างนอกเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง และเขาก็มองเธอลงมาจากระเบียงเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงเช่นเดียวกัน ไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ แต่เธอสามารถยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เ
“นั่ง” สายตาของเขามองไปที่ร่างของเธอ “อือ” เธอเดินไปที่โซฟาแล้วนั่งตรงข้ามเขา บนโต๊ะกาแฟมีโน้ตบุ๊กตั้งอยู่หนึ่งเครื่อง หน้าจอโน้ตบุ๊กหันเข้าหาเธอ และบนหน้าจอก็มีภาพจากกล้องวงจรปิด ถ้ามองอย่างละเอียดก็บอกได้เลยว่านี่คือภาพจากกล้องวงจรปิดในห้องนอนของเขา จอภาพหันหน้าไปทางเตียงใหญ่ บนเตียงมีเขาและเธอ หลังจากที่ฉินอันอันเห็นภาพบนหน้าจออย่างชัดเจน เลือดในร่างกายก็พลันเดือดพล่านทันที! ทันใดนั้น เธอก็กระโดนยืนขึ้นพลันชี้ไปที่โน้ตบุ๊ก และตะโกนผ่านฟันที่กัด “ฟู่ซื่อถิง! คุณโรคจิตเหรอ?! ติดกล้องวงจรปิดไว้ในห้องนอน!” เธอโกรธมาก! เธอแทบจะลืมไปว่าตัวเองนอนกับเขามาสามเดือนแล้ว ในช่วงเวลาสามเดือนที่ผ่านมา เขาอยู่ในสภาพเจ้าชายนิทรา ดังนั้นเธอจึงไม่ปฏิบัติต่อเขาในฐานะผู้ชายเลย ไม่ว่าอยู่ข้างภายนอกจะดูดีแค่ไหน คนเรามักจะมีพฤติกรรมไม่น่าดูเมื่ออยู่ในห้องส่วนตัว ดังนั้นเธอจึงรับไม่ได้ เรื่องที่เธอถูกกล้องวงจรปิดจับมาสามเดือนแล้ว! ตอนที่เธออยู่ในห้องของเขาไม่มีใครบอกว่ามีกล้องวงจรปิดอยู่ในห้อง ฟู่ซื่อถิงเห็นว่าเธอโกรธมากจนตัวสั่น แต่อารมณ์กลับดูสงบ “ทำไมคุณถึงคิดว่าผมเป็นติดก