ตอนนี้เห็นแล้วว่าถังเฉียวเซินเหมือนจะพูดไม่ได้ ไม่มีทางออกคำสั่งใด ๆ ได้เลย จะพูดเรื่องไปหยิบของในกล่องได้ยังไง “เจ้านาย ห้องคนไข้ของถังเชี่ยนอยู่ข้าง ๆ คุณอยากไปดูหรือเปล่าครับ ?” บอดี้การ์ดพูดกับฟู่สือถิง “เธอเสียโฉมใช่ไหมครับ ? เธอรักสวยรักงามขนาดนั้น ตอนนี้เสียโฉมแล้วต้องเสียใจยิ่งกว่าตายแน่ ๆ” บอดี้การ์ดรู้ว่าฟู่สือถิงเกลียดถังเชี่ยน ดังนั้นถึงได้พูดเช่นนี้ เดิมฟู่สือถิงไม่มีความตั้งใจไปเยี่ยมเธอ เมื่อได้ยินบอดี้การ์ดพูดเช่นนี้ ฝีเท้าของเขาก็หยุดชะงักทันที เขาเดินมาถึงประตูห้องคนไข้ของถังเชี่ยนแล้วผลักให้เปิดออก ถังเชี่ยนเหลือบมองไปด้านข้างแล้วสบตาเข้ากับเขา …ในดวงตาของเธอเกิดความตื่นตระหนกขึ้นทันที ! เธอเอามือปิดใบหน้าที่ห่อหุ้มด้วยผ้าก๊อซแล้วหลบสายตาของเขาโดยไม่รู้ตัว “ไม่ได้หนีไปต่างประเทศแล้วงั้นเหรอ ?” ลูกกระเดือกของฟู่สือถิงขยับขึ้นลงและเหน็บแนมอย่างเย็นชา “ยังกล้ากลับมาอีกเหรอ ?” ดวงตาของถังเชี่ยนเต็มไปด้วยน้ำตา เธอเอ่ยอย่างสิ้นหวัง “สือถิง ฉันไม่วิ่งหนีอีกแล้ว ! คุณฆ่าฉันเถอะ !” เธอพูดพร้อมกับยกผ้าห่มขึ้นแล้วลงจากเตียงคนไข้ เธอเดินตัวสั่นเทาไปอยู่ตรงห
ทำไมจู่ ๆ เขาถึงมาที่นี่ล่ะ ? เธอคืนกล่องให้เขาแล้วนะ ! รุ่ยลากลัวว่าเขาจะมาหาเรื่องเธอ ดังนั้นเธอจึงหนีออกจากห้องนั่งเล่นและตะโกนว่า “ลุงไมค์คะ !” เสียงกรีดร้องของรุ่ยลาทำให้ฉินอันอันที่อยู่ปลายสายตกใจกลัวจนหน้าถอดสี หลังจากรุ่ยลาทำโทรศัพท์ตกลงบนพื้น เลนส์กล้องชี้ไปที่เพดานห้องนั่งเล่น ฉินอันอันพึ่งได้แค่เสียงที่ดังลอดมาจากโทรศัพท์เพื่อคาดเดาว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอมองไม่เห็นภาพ เธอคาดเดาไม่ได้เลย ทว่าต้องเกิดอันตรายขึ้นแน่นอน ! “รุ่ยลา !” ฉินอันอันเดินออกจากห้องพร้อมกับถือโทรศัพท์ไว้ด้วยหัวใจเธอบีบรัดแน่น ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะอยู่ในประเทศบี แต่ถ้าลูกสาวของเธอตกอยู่ในอันตราย เธอจะบินกลับทันที!คิ้วสวยของฟู่สือถิงขมวดแน่นเมื่อเห็นรุ่ยลาวิ่งหนีอย่างตกใจเขาเคยเจอรุ่ยลาหลายครั้ง ถึงแม้ในอดีตรุ่ยลาจะไม่ค่อยสุภาพมากนักเมื่อเจอเขา แต่ไม่ถึงกับตกใจกลัวแบบนี้ เขายกมือขึ้นแตะแก้มตัวเอง ไม่มีสิ่งผิดปกติบนหน้าของเขาแล้วรุ่ยลากลัวอะไร ? เมื่อเขาเดินมาถึงห้องนั่งเล่นและเห็นโทรศัพท์มือถืออยู่บนพื้นเขาก็ก้มลงหยิบขึ้นมาทันทีฉินอันอันยังคงร้องเรียกรุ่ยลา เสียงร้องของรุ่ยลาเมื
รุ่ยลาถือโทรศัพท์ มองหน้าของแม่ในหน้าจอแล้วกระซิบ “แม่ขา เขาเข้ามาโดยไม่เคาะประตู…หนูนึกว่ามีคนร้ายเข้ามาค่ะ…” เธอไม่มีความกล้าจะสารภาพกับแม่ของเธอจริง ๆ ถ้าพี่ชายอยู่บ้านก็คงจะดี รอจนพี่ชายกลับมา เธอจะบอกเขาและให้เขาช่วยแนะนำ ฉินอันอันถอนใจโล่งอกหลังจากได้ยินคำอธิบายของลูกสาว “รุ่ยลา แม่รู้สึกว่าวันนี้ลูกอารมณ์ไม่ดีมาก ๆ ลูกรู้สึกอึดอัดใจที่บ้านของเพื่อนร่วมชั้นหรือเปล่าจ๊ะ ? ลูกไม่ต้องกลัวนะ หนูบอกแม่ได้ทุกอย่าง” ฟู่สือถิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างซ่อนอยู่ในคำพูดของฉินอันอัน วันนี้รุ่ยลาไปบ้านเพื่อนร่วมชั้นงั้นเหรอ ? ตอนนี้ที่รุ่ยลาผิดปกติจากเดิมอย่างมากต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ “แม่คะ หนูสบายดีค่ะ” ตอนที่รุ่ยลาพูดคำนี้ เธอเหลือบมองไปทางฟู่สือถิง “ลูกมีเรื่องอะไรต้องบอกแม่นะจ๊ะ ลูกโทรหาแม่ได้ตลอดเวลา” ฉินอันอันกำชับ “หนูรู้ค่ะแม่” รุ่ยลาพูดพร้อมส่งจูบให้ฉินอันอัน หลังจากวิดีโอคอลเสร็จแล้ว รุ่ยลาคืนโทรศัพท์ให้ไมค์ ไมค์เก็บโทรศัพท์แล้วมองไปทางฟู่สือถิงอย่างระแวดระวัง “คุณมาหาใคร ? มีธุระอะไร ?” “ผมอยากคุยกับรุ่ยลาตามลำพัง” ฟู่สือถิงกล่าว “ผมอยากขอโ
รุ่ยลาพูดจบแล้วก็ร้องไห้เสียใจยิ่งขึ้น ฟู่สือถิงไม่แปลกใจเลย ถ้าหากรุ่ยลาเอากล่องของเขาไป มันอธิบายได้ว่าทำไมหลังจากกล่องถูกขโมยไป กลับไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าใครขโมย เพราะไม่มีใครสงสัยเด็กอายุสี่ขวบหรอก ตอนนั้นรุ่ยลาต้องพึ่งพาคนอื่นมากว่าตอนนี้ ใครจะสงสัยเด็กที่ดูแลตัวเองไม่ได้ ? ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งนี้ยังสามารถอธิบายได้ว่าทำไมหลังจากที่กล่องถูกนำออกไปแล้ว ของที่อยู่ในกล่องไม่เคยถูกเปิดเผยและไม่เคยถูกเอามาข่มขู่เขาด้วย“รุ่ยลา คุณป้าคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบบไหน ?” ฟู่สือถิงวางเธอลงบนเก้าอี้แล้วนั่งลง เขาเช็ดใบหน้าเธอด้วยกระดาษทิชชู่รอจนเธอร้องไห้น้อยลงแล้วก็พูดว่า “เธอใส่เสื้อโค้ตสีน้ำตาลใช่ไหม ?” “คุณรู้ได้ยังไงคะ ?” ดวงตาสีแดงของรุ่ยลามองเขา “คุณได้กล่องใบนั้นแล้วใช่ไหมคะ ?” ฟู่สือถิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจบอกความจริงกับเธอ “ยังจ้ะ คุณป้าที่โกหกหนูเกิดอุบัติเหตุรถชนเสียชีวิตแล้ว ของในกล่องถูกคนเอาไป แต่หนูไม่ต้องเสียใจ ของหายแล้วก็แล้วไป” “แต่พี่ชายของหนูบอกว่าของในกล่องสำคัญมาก…” รุ่ยลาสูดจมูก ขนตายาวของเธอตกลงเล็กน้อย “ขอโทษนะคะ หนูไม่ควรหยิบของคุณมา” ฟังคำข
เหตุผลที่เธอเรียกเขาอย่างเชื่อฟังแบบนี้เพราะว่าในห้องมีเพียงพวกเขาสองคน ถ้าเสี่ยวหานอยู่ด้วย เธอไม่กล้าเรียกแน่นอน พี่ชายของเธอเกลียดพ่อมากขนาดนั้น ระหว่างพ่อกับพี่ชาย เธอย่อมอยู่ฝั่งพี่ชาย รอยยิ้มอบอุ่นเบ่งบานในดวงตาของฟู่สือถิง “ถ้าคุณจะไม่โกรธน้องชายของหนู หนูเรียกคุณอีกครั้งได้นะคะ” รุ่ยลาเห็นรอยยิ้มบนหน้าของเขา จึงเจรจากับเขา “น้องชายของหนูยังเล็กมาก หนูอยากปกป้องเขา” ดวงตาฟู่สือถิงแดงก่ำและพูดเสียงแหบพร่า “รุ่ยลา ฉันไม่โกรธน้องชายของหนูเลย ฉันโกรธตัวเอง เพราะฉันไม่ระวังมากพอถึงได้ละเลยอิ๋นอิ๋น” “พ่อคะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณเลย” รุ่ยลาแก้ไขคำพูดของเขาอย่างจริงจัง “อิ๋นอิ๋นอยากช่วยน้องชาย ถึงคุณไม่ยอมให้เธอทำ เธอก็จะแอบทำมันเหมือนที่หนูอย่างขโมยของ ๆ คุณ หนูรู้ว่ามันไม่ถูกต้อง แต่หนูก็อยากทำแบบนี้” การเปรียบเทียบของรุ่ยลานั้นไม่ค่อยจะเหมาะสมเท่าไร แต่เสียงที่เธอเรียกว่า ‘พ่อ’มันทำให้ฟู่สือถิงค้นพบความหมายของชีวิตอีกครั้ง ไมค์ยืนอยู่นอกประตูและแอบฟังพวกเขาคุยกัน น่าเสียดายที่เขาไม่ได้ยินอะไรเลย เนื่องจากพวกเขาไม่ได้พูดเสียงดัง และไมค์มั่นใจว่าฟู่สือถิงไม่กล้าทำ
รุ่ยลาพูดอย่างงุนงงว่า “พี่ชาย ลูกชายคนใหม่อะไร? พี่พูดถึงจื่อชิวเหรอคะ? ลูกชายยังมีทั้งเก่าและใหม่เหรอ ! ไม่ได้เป็นลูกชายทั้งหมดเหรอคะ ?” เสี่ยวหานพูดไม่ออก “ถ้าต่อไปเขามีลูกสาวอีกคนกับแม่ งั้นหนูต้องเปลี่ยนเป็นลูกสาวเก่างั้นเหรอ ?” รุ่ยลาพูดอย่างไม่พอใจ “พี่ชาย หนูคิดว่าพ่อไม่ใช่คนที่ได้ใหม่ลืมเก่าหรอกนะคะ” “เขาดีกับเธอ ดังนั้นเธอเลยรู้สึกว่าเขาเป็นคนดี แต่เขาไม่ได้ทำแบบนี้กับฉัน !” เสี่ยวหานไม่อยากฟังอะไรเกี่ยวกับฟู่สือถิงทั้งนั้น “เธออย่าพูดถึงเขาต่อหน้าฉันอีกนะ ฉันไม่อยากได้ยิน” “พี่ชาย ก่อนหน้านี้เขาทำไม่ดีกับพี่ เพราะว่าเขาไม่รู้ว่าพี่คือลูกชายของเขา…ต้องเป็นแบบนี้แน่เลยค่ะ” ถึงแม้รุ่ยลาจะกลัวเล็กน้อยว่าพี่ชายจะโกรธ แต่เธอไม่อยากเห็นพี่ชายกับพ่อมีความสัมพันธ์ย่ำแย่แบบนี้ “ถึงแม้ตอนนั้นไม่รู้ว่าเขาเป็นลูกชายของเขา แต่เขาก็รู้ว่าฉันคือลูกชายของแม่” เสี่ยวหานแย้งเธอ “พอเขาเป็นบ้าแล้วก็ไม่สนใจเรื่องพวกนี้เลย” “เอางี้นะคะ พี่ชาย…งั้นหนูจะไม่ยอมรับเขาแล้ว แต่วันนี้หนูเรียกเขาว่าพ่อสองครั้งแล้ว” รุ่ยลาพูดอย่างพะว้าพะวัง “ในเมื่อวันนี้เธอเรียกเขาว่าพ่อแล้ว เท่ากับเธอยอมร
ฟู่สือถิงไม่รู้จักเจ้าของแบรนด์นี้ ดังนั้นเขาจึงคิดว่ามีคนอยู่เบื้องหลังแน่นอน “คุณฟู่ กิจกรรมนี้เป็นกิจรรมที่ฝ่ายการตลาดของเราเปิดตัวจริง ๆ ค่ะ ส่วนเรื่องพวกเขาเลือกเด็กคนไหนมาร่วมโปรโมต ฉันไม่ทราบเลย ฉันสนใจแค่ผลลัพธ์ของกิจกรรมเท่านั้น” เจ้าของแบรนด์เค้กบอกฟู่สือถิงตามความจริง “ฉันจะไปหาคนที่รับผิดชอบกิจกรรมนี้ค่ะ รอสักครู่นะคะ” หลังจากเจ้าฟู่สือถิงได้รับคำอธิบายนี้แล้วเขายกถ้วยชาขึ้นจิบ หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าของแบรนด์เค้กก็วางสายโทรศัพท์และมองฟู่สือถิงด้วยสีหน้าประหลาดใจ “คุณฟู่คะ ผู้จัดการของฉันบอกว่าคนของบริษัทคุณเป็นฝ่ายติดต่อทางเรามาค่ะ ขอให้เพิ่มเด็กคนนี้เข้ามาในกิจกรรมโปรโมต ผู้จัดการของฉันจึงติดต่อเด็กคนนั้นเพราะเห็นแก่หน้าของคุณ…” ดวงตาของฟู่สือถิงมืดลงทันที คนที่วางแผนการนี้กล้าหาญมาก ! ใช้ชื่อของเขาในทุกขั้นตอนและสิ่งที่น่าทึ่งคือเขาหลอกทุกคน ถ้าหากเมื่อคืนเขาไม่ได้พบรุ่ยลาเพื่อหาคำตอบที่ชัดเจน เขาอาจจะถูกกักขังอยู่ในความมืดต่อไปตอนเย็น ฟู่สือถิงมาที่สตาร์ริเวอร์วิลล่า เมื่อคืนเขาสัญญากับรุ่ยลาว่าจะให้ของขวัญปีใหม่กับเธอล่วงหน้า บ่ายวันนี้เขาไปห้าง
หลังจากที่เขาบอกเหตุผล ไมค์หัวเราะไม่หยุด “เหตุผลในการเลือกของขวัญของคุณ ทำให้ผมสงสัยว่าที่ฉินอันอันชื่นชอบคุณเพียงเพราะหน้าตากับเงินเท่านั้นหรือเปล่า” ไมค์เหน็บแนมเขาอย่างไร้ความปราณี “เธอไม่เคยชอบเงินของผม” ฟู่สือถิงแก้ไขคำพูดของเขา “คุณหาเงินได้แสดงคุณมีความสามารถไม่ได้ไร้ประโยชน์” ไมค์หัวเราะเสียงดัง “ใช่แล้ว ได้ยินว่าเมื่อคืนรุ่ยลาเรียกคุณว่าพ่อแล้ว ได้ลูกสาวสวยแบบนี้ฟรี ๆ คุณคงดีใจมากเลยสินะ ?” “คำพูดของคุณแย่จริง ๆ” ฟู่สือถิงขมวดคิ้ว อะไรคือ ‘ฟรี’ ? รุ่ยลาเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของเขา สิ่งนี้คือความจริงที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ถ้ารุ่ยลาเต็มใจให้เขาเลี้ยงดูเธอ เขาสามารถทุ่มเทแรงกายแรงใจดูแลเธอได้ “มันฟังดูแย่จริง ๆ นั่นแหละ แล้วคุณกับฉินอันอันเป็นยังไงบ้าง ? ยังไม่ยอมอ่อนข้อให้กันใช่ไหม ?” ไมค์เปลี่ยนเป็นหัวข้อทำให้เขาอึดอัดมากยิ่งขึ้น “งานศพของอิ๋นอิ๋นก็จัดแล้ว ให้อิ๋นอิ๋นพักผ่อนอย่างสงบเถอะ ! ชีวิตของคุณต่อจากนี้ควรดำเนินต่อไปอย่างที่ควรเป็นได้แล้ว” “คุณอยากให้ผมไปประเทศบีเพื่อเชิญเธอกลับมางั้นเหรอ ?” น้ำเสียงของฟู่สือถิงประชดประชันเล็กน้อย “เธอรักษาอิ๋นอิ๋นแต่เธ