เหตุผลที่เธอเรียกเขาอย่างเชื่อฟังแบบนี้เพราะว่าในห้องมีเพียงพวกเขาสองคน ถ้าเสี่ยวหานอยู่ด้วย เธอไม่กล้าเรียกแน่นอน พี่ชายของเธอเกลียดพ่อมากขนาดนั้น ระหว่างพ่อกับพี่ชาย เธอย่อมอยู่ฝั่งพี่ชาย รอยยิ้มอบอุ่นเบ่งบานในดวงตาของฟู่สือถิง “ถ้าคุณจะไม่โกรธน้องชายของหนู หนูเรียกคุณอีกครั้งได้นะคะ” รุ่ยลาเห็นรอยยิ้มบนหน้าของเขา จึงเจรจากับเขา “น้องชายของหนูยังเล็กมาก หนูอยากปกป้องเขา” ดวงตาฟู่สือถิงแดงก่ำและพูดเสียงแหบพร่า “รุ่ยลา ฉันไม่โกรธน้องชายของหนูเลย ฉันโกรธตัวเอง เพราะฉันไม่ระวังมากพอถึงได้ละเลยอิ๋นอิ๋น” “พ่อคะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณเลย” รุ่ยลาแก้ไขคำพูดของเขาอย่างจริงจัง “อิ๋นอิ๋นอยากช่วยน้องชาย ถึงคุณไม่ยอมให้เธอทำ เธอก็จะแอบทำมันเหมือนที่หนูอย่างขโมยของ ๆ คุณ หนูรู้ว่ามันไม่ถูกต้อง แต่หนูก็อยากทำแบบนี้” การเปรียบเทียบของรุ่ยลานั้นไม่ค่อยจะเหมาะสมเท่าไร แต่เสียงที่เธอเรียกว่า ‘พ่อ’มันทำให้ฟู่สือถิงค้นพบความหมายของชีวิตอีกครั้ง ไมค์ยืนอยู่นอกประตูและแอบฟังพวกเขาคุยกัน น่าเสียดายที่เขาไม่ได้ยินอะไรเลย เนื่องจากพวกเขาไม่ได้พูดเสียงดัง และไมค์มั่นใจว่าฟู่สือถิงไม่กล้าทำ
รุ่ยลาพูดอย่างงุนงงว่า “พี่ชาย ลูกชายคนใหม่อะไร? พี่พูดถึงจื่อชิวเหรอคะ? ลูกชายยังมีทั้งเก่าและใหม่เหรอ ! ไม่ได้เป็นลูกชายทั้งหมดเหรอคะ ?” เสี่ยวหานพูดไม่ออก “ถ้าต่อไปเขามีลูกสาวอีกคนกับแม่ งั้นหนูต้องเปลี่ยนเป็นลูกสาวเก่างั้นเหรอ ?” รุ่ยลาพูดอย่างไม่พอใจ “พี่ชาย หนูคิดว่าพ่อไม่ใช่คนที่ได้ใหม่ลืมเก่าหรอกนะคะ” “เขาดีกับเธอ ดังนั้นเธอเลยรู้สึกว่าเขาเป็นคนดี แต่เขาไม่ได้ทำแบบนี้กับฉัน !” เสี่ยวหานไม่อยากฟังอะไรเกี่ยวกับฟู่สือถิงทั้งนั้น “เธออย่าพูดถึงเขาต่อหน้าฉันอีกนะ ฉันไม่อยากได้ยิน” “พี่ชาย ก่อนหน้านี้เขาทำไม่ดีกับพี่ เพราะว่าเขาไม่รู้ว่าพี่คือลูกชายของเขา…ต้องเป็นแบบนี้แน่เลยค่ะ” ถึงแม้รุ่ยลาจะกลัวเล็กน้อยว่าพี่ชายจะโกรธ แต่เธอไม่อยากเห็นพี่ชายกับพ่อมีความสัมพันธ์ย่ำแย่แบบนี้ “ถึงแม้ตอนนั้นไม่รู้ว่าเขาเป็นลูกชายของเขา แต่เขาก็รู้ว่าฉันคือลูกชายของแม่” เสี่ยวหานแย้งเธอ “พอเขาเป็นบ้าแล้วก็ไม่สนใจเรื่องพวกนี้เลย” “เอางี้นะคะ พี่ชาย…งั้นหนูจะไม่ยอมรับเขาแล้ว แต่วันนี้หนูเรียกเขาว่าพ่อสองครั้งแล้ว” รุ่ยลาพูดอย่างพะว้าพะวัง “ในเมื่อวันนี้เธอเรียกเขาว่าพ่อแล้ว เท่ากับเธอยอมร
ฟู่สือถิงไม่รู้จักเจ้าของแบรนด์นี้ ดังนั้นเขาจึงคิดว่ามีคนอยู่เบื้องหลังแน่นอน “คุณฟู่ กิจกรรมนี้เป็นกิจรรมที่ฝ่ายการตลาดของเราเปิดตัวจริง ๆ ค่ะ ส่วนเรื่องพวกเขาเลือกเด็กคนไหนมาร่วมโปรโมต ฉันไม่ทราบเลย ฉันสนใจแค่ผลลัพธ์ของกิจกรรมเท่านั้น” เจ้าของแบรนด์เค้กบอกฟู่สือถิงตามความจริง “ฉันจะไปหาคนที่รับผิดชอบกิจกรรมนี้ค่ะ รอสักครู่นะคะ” หลังจากเจ้าฟู่สือถิงได้รับคำอธิบายนี้แล้วเขายกถ้วยชาขึ้นจิบ หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าของแบรนด์เค้กก็วางสายโทรศัพท์และมองฟู่สือถิงด้วยสีหน้าประหลาดใจ “คุณฟู่คะ ผู้จัดการของฉันบอกว่าคนของบริษัทคุณเป็นฝ่ายติดต่อทางเรามาค่ะ ขอให้เพิ่มเด็กคนนี้เข้ามาในกิจกรรมโปรโมต ผู้จัดการของฉันจึงติดต่อเด็กคนนั้นเพราะเห็นแก่หน้าของคุณ…” ดวงตาของฟู่สือถิงมืดลงทันที คนที่วางแผนการนี้กล้าหาญมาก ! ใช้ชื่อของเขาในทุกขั้นตอนและสิ่งที่น่าทึ่งคือเขาหลอกทุกคน ถ้าหากเมื่อคืนเขาไม่ได้พบรุ่ยลาเพื่อหาคำตอบที่ชัดเจน เขาอาจจะถูกกักขังอยู่ในความมืดต่อไปตอนเย็น ฟู่สือถิงมาที่สตาร์ริเวอร์วิลล่า เมื่อคืนเขาสัญญากับรุ่ยลาว่าจะให้ของขวัญปีใหม่กับเธอล่วงหน้า บ่ายวันนี้เขาไปห้าง
หลังจากที่เขาบอกเหตุผล ไมค์หัวเราะไม่หยุด “เหตุผลในการเลือกของขวัญของคุณ ทำให้ผมสงสัยว่าที่ฉินอันอันชื่นชอบคุณเพียงเพราะหน้าตากับเงินเท่านั้นหรือเปล่า” ไมค์เหน็บแนมเขาอย่างไร้ความปราณี “เธอไม่เคยชอบเงินของผม” ฟู่สือถิงแก้ไขคำพูดของเขา “คุณหาเงินได้แสดงคุณมีความสามารถไม่ได้ไร้ประโยชน์” ไมค์หัวเราะเสียงดัง “ใช่แล้ว ได้ยินว่าเมื่อคืนรุ่ยลาเรียกคุณว่าพ่อแล้ว ได้ลูกสาวสวยแบบนี้ฟรี ๆ คุณคงดีใจมากเลยสินะ ?” “คำพูดของคุณแย่จริง ๆ” ฟู่สือถิงขมวดคิ้ว อะไรคือ ‘ฟรี’ ? รุ่ยลาเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของเขา สิ่งนี้คือความจริงที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ถ้ารุ่ยลาเต็มใจให้เขาเลี้ยงดูเธอ เขาสามารถทุ่มเทแรงกายแรงใจดูแลเธอได้ “มันฟังดูแย่จริง ๆ นั่นแหละ แล้วคุณกับฉินอันอันเป็นยังไงบ้าง ? ยังไม่ยอมอ่อนข้อให้กันใช่ไหม ?” ไมค์เปลี่ยนเป็นหัวข้อทำให้เขาอึดอัดมากยิ่งขึ้น “งานศพของอิ๋นอิ๋นก็จัดแล้ว ให้อิ๋นอิ๋นพักผ่อนอย่างสงบเถอะ ! ชีวิตของคุณต่อจากนี้ควรดำเนินต่อไปอย่างที่ควรเป็นได้แล้ว” “คุณอยากให้ผมไปประเทศบีเพื่อเชิญเธอกลับมางั้นเหรอ ?” น้ำเสียงของฟู่สือถิงประชดประชันเล็กน้อย “เธอรักษาอิ๋นอิ๋นแต่เธ
สิ่งนี้สามารถถ่ายทอดคำพูดสิ่งที่เขาต้องการพูดกับเสี่ยวหานได้เสี่ยวหานรับทองคำแท่งมาแล้วดูว่าสลักอะไรไว้บนนั้น…สวัสดีปีใหม่เสี่ยวหานส่งเสียงฮึดฮัดไม่พอใจแล้วยัดทองคำแท่งกลับเข้าไปในกล่อง “ด้านหลังยังมีคำพูดอยู่นะ !” ไมค์วางทองคำแท่งไว้ในมือเสี่ยวหาน เสี่ยวหานรู้สึกมีกำลังใจขึ้นแล้วมองทองคำแท่งอีกครั้ง …ขอโทษเสี่ยวหาน “…” ฟู่สือถิงขอโทษเขาผ่านทองคำแท่งงั้นเหรอ ? ไร้สาระชะมัด ! ฟู่สือถิงไม่มีปากเหรอ ? ทำไมไม่พูดขอโทษเขาด้วยตัวเอง ? “พี่หาน ทองคำนี้ค่อนข้างหนักน่าจะแพงมาก ! เธอเก็บไว้เถอะ !” ไมค์วางทองคำแท่งใส่กล่องแล้วยัดใส่มือเขา “เขาให้ทองคำแท่งเธอเพราะว่าเขาคิดว่าเธอเหมือนทองคำ แวววาวดั่งทอง สง่างามดั่งเพชร ออกมาจากโคลนตมแต่ไม่แปดเปื้อน…”“ผุดขึ้นมาจากโคลนตมแต่ไม่แปดเปื้อนคือลักษณะของดอกบัว” “โอ้ ความหมายของเขาคือเธอเปล่งประกายเจิดจ้า และต้องเป็นคนยิ่งใหญ่ในอนาคต” “ในอนาคตผมแซงหน้าเขาได้แน่นอน” เสี่ยวหานโยนทองคำแท่งไปด้านข้างอย่างรังเกียจ “ผมไม่ต้องการคำขอโทษของเขา !” หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ไมค์ถือกล่องของขวัญออกมา เสี่ยวหานไม่ยอมรับของขวัญของฟู่สือถิง ไมค์
วิดีโองานศพของพ่อฟู่สือถิงกำลังเล่นอยู่ในคอมพิวเตอร์ของเขา ในเวลาเดียวกันนี้ใบรับรองการวินิจฉัยทางจิตเวชอยู่ในมือของเขาเช่นกัน วันที่หวังหว่านจือมาเยี่ยมนั้น ได้กระตุ้นถังเฉียวเซินอย่างรุนแรง เพราะหวังหวานจือพูดว่าเธอมีความมั่นใจมาก ดังนั้นถังเฉียวเซินจึงส่งคนไปอยู่ใกล้ ๆ ริเวอร์ สตาร์วิลล่า ฃคิดไม่ถึงว่าลูกน้องจะซุ่มจับได้อย่างรวดเร็ว! การมองเห็นแต่สิ่งที่อยู่ข้างหน้าจนไม่รู้เลยว่ามีภัยกำลังตามมาข้างหลังคือผลของการที่หวังหว่านจือไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา! เมื่อเขาออกจากโรงพยาบาล เขาจะวางแผนให้ดี ครั้งนี้เขาจะทำให้ฟู่สือถิงต้องชดใช้อย่างหนักแน่นอน! ......ด้านหลังเวทีของงานเลี้ยง หลังจากการแสดงรุ่ยลาจบลง เธอถูกนักข่าวดักสัมภาษณ์ เพราะจิ้นซือเหนียนเป็นคนพาเธอเข้าสู่วงการด้วยตัวเอง จุดเริ่มต้นของเธอจึงสูงกว่าดาราเด็กคนอื่น ๆ นอกจากนี้เธอยังหน้าตาสวย มีรูปร่างสูงโปร่ง ในด้านความสามารถ ไม่ว่าจะร้องหรือเต้นล้วนทำได้ดี ในอนาคตถ้าได้ทีมงานมืออาชีพเจียระไน ต้องได้รับความนิยมแน่นอน! “รุ่ยลา หนูคิดว่าการแสดงคืนนี้ของหนูเป็นยังไงบ้าง? ถ้าคะแนนเต็มร้อย หนูให้คะแนนตัวเองเท่าไหร
“รุ่ยลาเมื่อกี้นี้นักข่าวสัมภาษณ์เธอเหรอ?” จิ้นซือเหนียนถาม “ค่ะ คุยกันเรื่อยเปื่อยไม่กี่คำค่ะ” รุ่ยลาพูดพร้อมกับหาว “ลุงซือเหนียน หนูง่วงมากเลย! หนูอยากหลับแล้วค่ะ” จิ้นซือเหนียนอุ้มเธอขึ้นแล้วพูดว่า “เธอนอนเถอะ! พอตื่นแล้วก็ไปสมทบกับคุณแม่ที่ประเทศบีได้เลย” ที่จริงรุ่ยลาสีหน้าเหนื่อยล้ามาก แต่หลังจากได้ฟังคำพูดของเขา เธอก็ยิ้มหวานออกมา “หนูคิดถึงแม่มากเลยค่ะ หนูมีเรื่องอยากคุยกับแม่เยอะแยะเลย…” รุ่ยลาพูดเสียงกระซิบแล้วหลับตาลงทันที …… ประเทศบีหลายวันมานี้โดยทั่วไปฉินอันอันยุ่งอยู่กับการเตรียมการผ่าตัด ป้าจางและพี่เลี้ยงอีกคนดูแลจื่อชิวเป็นอย่างดี หลีเสี่ยวเถียนเองก็มาเยี่ยมจื่อชิวเป็นบางครั้งบางคราว ดังนั้นเมนูอาหารมื้อรวมญาติในวันตรุษจีนที่หลีเสี่ยวเถียนจัดเตรียมไว้ถูกส่งให้ฉินอันอัน ฉินอันอันดูรายการอาหารแล้วพูดชม “เรื่องกินนี่ เธอเก่งกว่าฉันมาก ดีจริงๆ ที่ให้เธอตัดสินใจ” “อันอัน เธอจะรังเกียจไหมถ้าฉันพาคนมาทานด้วยอีกคน?” หลีเสี่ยวเถียนรับเมนูกลับมาพร้อมกับสีหน้าที่ไม่เป็นธรรมชาติ“ไม่รังเกียจอยู่แล้ว ว่าแต่เธอจะพาใครมาเหรอ?” ฉินอันอันมองหน้าเธอแล้วรู้สึกว่าเ
“เธอพูดถูกแล้ว” ฉินอันอันมองดูเธอ “ฉันให้ความสำคัญกับลูก ๆ และตัวเองก่อนเสมอ ฉันเป็นคนเห็นแก่ตัวขนาดนี้แล้วมีสิทธิ์อะไรวิพากษ์วิจารณ์เธอ” หลีเสี่ยวเถียน “ฉินอันอัน เธอไม่ต้องเสียใจ เธอต้องรู้สึกเสียใจเรื่องอะไร? เธอไม่เคยต้องทุกข์ทน เธอไม่เคยเจอความยากลำบากมาก่อน” ฉินอันอัน “ถูกแล้ว ประสบการณ์ของฉันเทียบกับเธอไม่ได้เลย” หลีเสี่ยวเถียนไม่ต้องการฟังคำพูดเหล่านี้ของเธอ แม้แต่ได้ยินเสียงของเธอ ยังหงุดหงิดใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อก่อนพวกเธอสองคนไม่เป็นแบบนี้ พูดตามตรง หลีเสี่ยวเถียนไม่สามารถเอาชนะอุปสรรคในใจของเธอได้ ถึงเธอจะบอกว่าความอัปยศอดสูที่เธอต้องทนทุกข์ทรมานไม่เกี่ยวกับฉินอันนัน แต่เธอก็ไม่สามารถปล่อยวางได้ถ้าเธอไม่รู้จักฉินอันอัน เธอก็คงไม่ถูกลักพาตัว เห็นได้ชัดว่าเธอสามารถแก่เฒ่าไปพร้อมกับเฮ่อจุ่นจือได้ ไม่เหมือนตอนนี้ที่เอาแต่ตาต่อตาฟันต่อฟันใส่กัน ทำร้ายกันแบบนี้ เธอก้าวเท้าเดินจากไป หลังจากขึ้นรถแล้ว เธอก็ขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว เธอเจ็บปวดมาก! เธอตัดสินใจเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้ว ทำไมฉินอันอันต้องมาบอกเรื่องของเฮ่อจุ่นจือกับเธอในเวลานี้ด้วย?เธอร้องไห้ตลอดทางที่ข
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง