“รุ่ยลาเมื่อกี้นี้นักข่าวสัมภาษณ์เธอเหรอ?” จิ้นซือเหนียนถาม “ค่ะ คุยกันเรื่อยเปื่อยไม่กี่คำค่ะ” รุ่ยลาพูดพร้อมกับหาว “ลุงซือเหนียน หนูง่วงมากเลย! หนูอยากหลับแล้วค่ะ” จิ้นซือเหนียนอุ้มเธอขึ้นแล้วพูดว่า “เธอนอนเถอะ! พอตื่นแล้วก็ไปสมทบกับคุณแม่ที่ประเทศบีได้เลย” ที่จริงรุ่ยลาสีหน้าเหนื่อยล้ามาก แต่หลังจากได้ฟังคำพูดของเขา เธอก็ยิ้มหวานออกมา “หนูคิดถึงแม่มากเลยค่ะ หนูมีเรื่องอยากคุยกับแม่เยอะแยะเลย…” รุ่ยลาพูดเสียงกระซิบแล้วหลับตาลงทันที …… ประเทศบีหลายวันมานี้โดยทั่วไปฉินอันอันยุ่งอยู่กับการเตรียมการผ่าตัด ป้าจางและพี่เลี้ยงอีกคนดูแลจื่อชิวเป็นอย่างดี หลีเสี่ยวเถียนเองก็มาเยี่ยมจื่อชิวเป็นบางครั้งบางคราว ดังนั้นเมนูอาหารมื้อรวมญาติในวันตรุษจีนที่หลีเสี่ยวเถียนจัดเตรียมไว้ถูกส่งให้ฉินอันอัน ฉินอันอันดูรายการอาหารแล้วพูดชม “เรื่องกินนี่ เธอเก่งกว่าฉันมาก ดีจริงๆ ที่ให้เธอตัดสินใจ” “อันอัน เธอจะรังเกียจไหมถ้าฉันพาคนมาทานด้วยอีกคน?” หลีเสี่ยวเถียนรับเมนูกลับมาพร้อมกับสีหน้าที่ไม่เป็นธรรมชาติ“ไม่รังเกียจอยู่แล้ว ว่าแต่เธอจะพาใครมาเหรอ?” ฉินอันอันมองหน้าเธอแล้วรู้สึกว่าเ
“เธอพูดถูกแล้ว” ฉินอันอันมองดูเธอ “ฉันให้ความสำคัญกับลูก ๆ และตัวเองก่อนเสมอ ฉันเป็นคนเห็นแก่ตัวขนาดนี้แล้วมีสิทธิ์อะไรวิพากษ์วิจารณ์เธอ” หลีเสี่ยวเถียน “ฉินอันอัน เธอไม่ต้องเสียใจ เธอต้องรู้สึกเสียใจเรื่องอะไร? เธอไม่เคยต้องทุกข์ทน เธอไม่เคยเจอความยากลำบากมาก่อน” ฉินอันอัน “ถูกแล้ว ประสบการณ์ของฉันเทียบกับเธอไม่ได้เลย” หลีเสี่ยวเถียนไม่ต้องการฟังคำพูดเหล่านี้ของเธอ แม้แต่ได้ยินเสียงของเธอ ยังหงุดหงิดใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อก่อนพวกเธอสองคนไม่เป็นแบบนี้ พูดตามตรง หลีเสี่ยวเถียนไม่สามารถเอาชนะอุปสรรคในใจของเธอได้ ถึงเธอจะบอกว่าความอัปยศอดสูที่เธอต้องทนทุกข์ทรมานไม่เกี่ยวกับฉินอันนัน แต่เธอก็ไม่สามารถปล่อยวางได้ถ้าเธอไม่รู้จักฉินอันอัน เธอก็คงไม่ถูกลักพาตัว เห็นได้ชัดว่าเธอสามารถแก่เฒ่าไปพร้อมกับเฮ่อจุ่นจือได้ ไม่เหมือนตอนนี้ที่เอาแต่ตาต่อตาฟันต่อฟันใส่กัน ทำร้ายกันแบบนี้ เธอก้าวเท้าเดินจากไป หลังจากขึ้นรถแล้ว เธอก็ขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว เธอเจ็บปวดมาก! เธอตัดสินใจเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้ว ทำไมฉินอันอันต้องมาบอกเรื่องของเฮ่อจุ่นจือกับเธอในเวลานี้ด้วย?เธอร้องไห้ตลอดทางที่ข
เสียงเคาะประตูดังขึ้นและผลักเปิดออก เซิ่งเป่ยก้าวเข้ามา “สือถิง อีกไม่วันจะถึงตรุษจีนแล้ว นายวางแผนไว้ยังไง? นายจะอยู่บ้านหรือว่าไปเที่ยวพักผ่อน?” ฟู่สือถิงไม่เงยหน้าขึ้นมาและพูดด้วน้ำเสียงราบเรียบ “อยู่บ้าน” “งั้นคืนส่งท้ายปีฉันจะไปกินมื้อเย็นที่บ้านนายแล้วกัน! ปีนี้ฉันไม่ได้กลับบ้านเกิด” เซิ่งเป่ยเดินไปนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของเขา “จื่ออี้ทำครัวได้ไม่เลว ถึงตอนนั้นก็ให้เขาทำกับข้าว” ฟู่สือถิงมองไปทางเขาแล้วพูดตรง ๆ “พวกนายไม่จำเป็นต้องอยู่เป็นเพื่อนฉัน” เซิ่งเป่ยส่ายหัว “ไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนนาย บ้านเกิดฉันหนาวเกินไป ตอนนี้พ่อกับแม่ของฉันไปเที่ยวที่เกาะเขตร้อนอยู่! พวกเขาขอให้ฉันไม่ไปรบกวนโลกของพวกเขาสองคน” ฟู่สือถิง “พ่อแม่ของนายรักกันมากขนาดนี้ ทำไมนายไม่หาใครสักคนมาแต่งงานด้วยล่ะ?” เซิ่งเป่ยถอนหายใจ “การแต่งงานหมายความว่าต้องแบกรับภาระอันใหญ่หลวง ฉันคิดว่าการเป็นโสดมันก็ดี จะสนุกกับใครก็ได้”“นายปล่อยวางเรื่องถังเชี่ยนไม่ได้ใช่ไหม?” ฟู่สือถิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วบอกเขาว่า “ถังเชี่ยนเสียโฉมแล้ว ตอนนี้น่าจะยังอยู่ที่โรงพยาบาล” “ฉันรู้ ฉันอยากไปเยี่ยมเธอ แต่ก
หลังจากเห็นแผลบนหน้าของตัวเองชัด ๆ ถังเชี่ยนก็เงียบไป จากนั้นเธอก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งท่ามกลางความเงียบ! ใบหน้าด้านขวายังคงเรียบเนียนและงดงามมาก แต่ใบหน้าด้านซ้ายของเธอเต็มไปด้วยเลือดและเนื้อเยื่อที่เละเทะ ราวกับว่าเนื้อชิ้นใหญ่ถูกตัดออก ครึ่งหนึ่งของใบหน้าจมหายไป! บาดแผลของเธอน่ากลัวกว่าที่เธอจินตนาการไว้เป็นร้อยเป็นพันเป็นหมื่นเท่า! ศักดิ์ศรีในตัวเองของเธอถูกบดขยี้อย่างรุนแรง ความเจ็บปวดจากการที่ใบหน้าเสียโฉมไปครึ่งหนึ่งนั้นรุนแรงกว่าความทุกข์ที่เธอเคยเจอมาทั้งหมดรวมกันเสียอีก! ไม่แปลกใจเลยที่พี่ชายที่เคยรักเธอมากที่สุดจู่ ๆ สีหน้าก็เปลี่ยนไป แม้แต่แม่ที่ให้กำเนิดเธอ หลังจากเห็นแผลบนหน้าของเธอแล้วก็อดถอยหลังไปก้าวหนึ่งไม่ได้“เฉียวเซิน แกออกจากโรงพยาบาลก่อนเถอะ!” คุณแม่ถังถอนสายตาจากถังเชี่ยน ไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อไปอีกแม้แต่วินาทีเดียว “เธออยากอยู่โรงพยาบาลต่อก็ให้อยู่ไปเลย! จากนี้แกไม่ต้องสนใจเธอแล้ว” “แม่ แม่พูดแบบนี้ต่อหน้าเธอ มันทำให้เธอเสียใจมากนะครับ! ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะกลายเป็นสัตว์ประหลาดหน้าตาน่าเกลียดไปแล้ว แต่ผมจะไม่มีวันลืมนางฟ้าตัวน้อยที่แสนมีเสน่ห์อย่าง
นักข่าว : รุ่ยลา หนูมีความปรารถนาปีใหม่อะไรไหม? รุ่ยลา : หนูหวังว่าจะได้รับของขวัญสวย ๆ มากมาย…นักข่าว : เมื่อเร็ว ๆ นี้หนูมีเรื่องที่มีความสุขไหม?รุ่ยลา : ก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ของหนูกับพ่อไม่ค่อยดีค่ะ แต่ตอนนี้เราคืนดีกันนิดหน่อยแล้ว ความรู้สึกของการมีพ่อดีมากเลยค่ะ ดวงตาของฟู่สือถิงชื้นเล็กน้อยเมื่อเห็นสิ่งนี้เขาไม่ได้คาดหวังว่าลูกสาวจะพูดถึงเขาในระหว่างการสัมภาษณ์ในใจลูกสาวตอนนี้เขาถือเป็นคนสำคัญมาก!นักข่าว : คุณพ่อของหนูเป็นคนในวงการหรือเปล่า? คืนนี้เขามาที่งานไหม?รุ่ยลา : เขาไม่ใช่คนในวงการค่ะ เขาไม่รู้ว่าหนูมาบันทึกรายการคืนนี้ค่ะ หนูกับเขาคืนดีกันนิดหน่อยเท่านั้น ยังไม่ได้คืนดีกันโดยสมบูรณ์! หนูต้องดูท่าทีของเขาอีกทีค่ะ!นักข่าว : หนูหวังว่าเขาจะมีท่าทีแบบไหนเหรอ?รุ่ยลา : หนูไม่เคยคิดมาก่อนเลยค่ะ… แต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำให้หนูเสียใจ แล้วก็ห้ามทำเรื่องไม่ดีด้วย ไม่งั้นหนูจะรู้สึกขายหน้าวิดีโอจบลงเท่านี้ คำพูดสุดท้ายของรุ่ยลาดังก้องในใจของเขาอยู่นานในฐานะพ่อ ก็ควรสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับลูกจริง ๆ นั่นแหละ เขาจะพยายามไม่ทำให้ลูกต้องอับอายเขาบ
ฉินอันอันคิดว่าเธอฟังผิดไป ดังนั้นเธอจึงไม่ตอบคำถามนี้ผลคือไมค์ไม่ยอมแพ้และถามอีกครั้ง “ไมค์ ทำไมนายถึงถามคำถามนี้ล่ะ?” ฉินอันอันพูดอย่างสงสัย “เขาทำเรื่องที่คนปัญญาอ่อนทำเหรอ?” ไมค์ส่ายหัว “ฉันไม่สนิทกับเขา ฉันไม่ได้กำลังถามเธออยู่เหรอ?” “นายไม่สนิทกับเขา แล้วทำไมนายต้องสงสัยเรื่องสติปัญญาของเขา? ถ้ามีคนสงสัยเรื่องสติปัญญาของนาย นายจะรู้สึกดีเหรอ?” ถึงแม้ฉินอันอันกับฟู่สือถิงจะอยู่ในช่วงสงครามเย็น แต่เธอไม่อยากเห็นเขาโดนดูถูก ไมค์สัญญากับฟู่สือถิงว่าจะไม่บอกความลับของเขา ดังนั้นเขาจึงระงับอาการหน้าแดงและหาข้อแก้ตัว“เขากับอิ๋นอิ๋นเป็นฝาแฝดกัน อิ๋นอิ๋นป่วย เป็นไปได้ไหมล่ะว่าเขาจะป่วยด้วย?” “พวกเขาเป็นพี่น้องฝาแฝดกัน นายสามารถเข้าใจได้ว่าพวกเขาเป็นคนสองคนที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง กรุ๊ปเลือดของเขาก็แตกต่างกันด้วย” ฉินอันอันอธิบาย ไมค์ดูเหมือนจะรู้แจ้งในทันที ทั้งที่จริงแล้วในใจยังเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทำไมอาการป่วยของฟู่สือถิงถึงสามารถรักษาให้หายได้ตอนที่เขายังเป็นเด็ก? คุณหมอเทวดาคนนั้นไม่เพียงรักษาโรคของฟู่สือถิงให้หายได้เท่านั้น ยังไม่ทิ้งผลสืบเนื่องใด ๆ ไว้ด
เขาโทรหาไมค์แล้ว แต่ไมค์ปิดเครื่อง เขากังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของลูกจึงทำได้เพียงถามเธอเท่านั้นเธอตอบกลับว่า : ค่ะ หลังจากส่งคำนี้ไปแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลงและถอดเสื้อผ้าจื่อชิว เธอต้องการแกล้งทำเป็นว่าเธอไม่สนใจเขาเลย แต่หลังจากถอดเสื้อผ้าให้จื่อชิวแล้ว เธอก็อดไม่ได้ที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อดูว่าเขาได้ส่งข้อความใหม่หรือเปล่า ผลคือย่อมไม่มีอยู่แล้ว เธอวางโทรศัพท์ลงอย่างผิดหวังแล้วอุ้มจื่อชิวไปที่ห้องอาบน้ำ ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา ป้าจางก็เข้ามารับจื่อชิว เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้งและอ่านข้อความของฟู่สือถิงอีกรอบ รวมถึงย้อนดูข้อความเก่า ๆ ด้วย ยิ่งอ่านก็ยิ่งไม่สบายใจ เธอค่อนข้างเห็นแก่ตัวและหุนหันพลันแล่นจริง ๆ การจากไปของอิ๋นอิ๋น สำหรับเขาแล้วคือการสูญเสียครั้งใหญ่ บางทีเธอควรจะอดทนและใจกว้างต่อเขามากกว่านี้ แทนที่จะพาจื่อชิวมาประเทศบีด้วยความโกรธหลังจากที่ทะเลาะกัน เธออดไม่ได้ที่จะอยากส่งข้อความถึงเขา แต่ก็ไม่รู้ว่าจะส่งอะไรไปดีเธอเปิดดูปฏิทินโดยไม่ตั้งใจ อีกสองวันจะถึงปีใหม่ของประเทศเอ ถึงตอนนั้นค่อยส่งข้อความถึงเขาแล้วกัน!พริบตาเดียวก็มาถึงปีใหม่แล
โทรศัพท์โทรติดอย่างรวดเร็ว เสียงของฟู่สือถิงที่ทุ้มต่ำและแหบพร่าอย่างน่าดึงดูดดังออกมา “รุ่ยลาเหรอ?” “ฉันเองค่ะ” ฉินอันอันพูดอย่างเก้อเขิน “คุณโอนเงินให้ฉันทำไม?” ฟู่สือถิง “นั่นคือเงินปีใหม่สำหรับเด็ก ๆ” ฉินอันอันยิ่งกระอักกระอ่วนมากขึ้น “คุณให้เงินปีใหม่กับลูก ๆ ต่อหน้าไม่ได้เหรอ? โอนมาให้ฉันทำไม?” ฟู่สือถิงอธิบาย “คุณไม่เห็นข้อความที่รุ่ยลาส่งให้ผมเหรอ? เธอใช้โทรศัพท์ของคุณอวยพรปีใหม่ให้ผม” ฉินอันอันหมดคำพูด “…” เธออยากแทรกแผ่นดินหนี เธอเห็นแค่ข้อความการโอนเงินสองสามรายการ ไม่ได้เลื่อนขึ้นไปดูเธอย่อหน้าจอสนทนา กดเปิดกล่องสนทนาแล้วเลื่อนขึ้นไปก็เห็นว่าตนเองส่งข้อความเสียงไปก่อนคงจะเป็นข้อความที่รุ่ยลาส่งไป เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ หน้าแดงด้วยความเขินอายและทำตัวไม่ถูก “แม่คะ!” เวลานี้เอง รุ่ยลาก็เปิดประตูวิ่งเข้ามา เมื่อเห็นฉินอันอันกำลังถือโทรศัพท์คุยอยู่ รุ่ยลาใช้มือเล็ก ๆ ปิดปากทันที ฉินอันอันมองเห็นลูกสาวก็ยื่นโทรศัพท์ให้ “พ่อของลูก” ถึงอย่างไรหลังจากที่ฟู่สือถิงรับสายเขาก็เอ่ยชื่อรุ่ยลา ความรักอันลึกซึ้งของพวกเขาในฐานะพ่อและลูกสาวช่างซาบซึ้งใจจริง ๆหลังจ