“งั้นก็ช่างเถอะค่ะ! ตอนกลางคืนข้างนอกหนาวมาก” รุ่ยลาล้มเลิกความคิดนี้ “ดูดอกไม้ไฟบ้านคุณพ่อแล้วกัน!” “อื้ม ลูกดูเถอะ!” ฉินอันอันเดินออกไปจากกล้อง หลังจากที่เธอเดินจากไป ประกายในดวงตาของฟู่สือถิงหายไปเช่นกัน ......ฉินอันอันออกมาจากห้อง เธอพบเข้ากับไมค์ “ไมค์ โทรหาเสี่ยวเถียนหน่อยสิ!” “ฉันโทรแล้ว” ไมค์พูดด้วยท่าทาง ‘ฉันรู้หรอกน่าว่าเธอคิดอะไรในใจ’ “ฉันขอให้พี่หานเรียกเธอมา เธอบอกว่าจะมาทีหลัง” ฉินอันอัน “นายนี่เก่งจริง ๆ เลย” “ฮ่า ๆ ๆ! หลีเสี่ยวเถียนโกรธเธอแล้วจะมาโกรธลูกเธอด้วยได้ยังไง?” ไมค์มองดูเสื้อผ้าใหม่ของเธอ "พวกเธอทุกคนใส่ชุดสีแดง แต่ฉันไม่มี ฉันไม่ใช่ครอบครัวของเธอเหรอ?"“นายไม่ชอบสีแดงไม่ใช่เหรอ?” ฉินอันอันย้อนถาม “เพราะฉันปฏิบัติต่อนายเหมือนคนในครอบครัว ดังนั้นฉันเลยจำได้ว่านายชอบอะไร” ไมค์ไม่มีอะไรจะพูด หลังจากนั้นไม่นาน หลีเสี่ยวเถียนก็มาถึง เธอมาคนเดียว “คุณป้าล่ะ?” ฉินอันอันแสร้งทำเป็นว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยทะเลาะและถามด้วยน้ำเสียงสงบ “บอกว่าจะพาแฟนใหม่มาด้วยไม่ใช่เหรอ? ฉันเตรียมของขวัญไว้ให้เขาด้วยนะ” หลีเสี่ยวเถียนเองก็แสร้งทำเป็นว่าก่อนหน้านี้ไม่เคย
ประเทศบี หลังจากที่ไมค์และหลีเสี่ยวเถียนดื่มไปสองสามแก้ว พวกเขาก็เริ่มระบายอารมณ์ที่อยู่ข้างในออกมาหลีเสี่ยวเถียนบอกว่าเธอเจ็บปวดมากเมื่อรู้ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเฮ่อจุ่นจือจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่เธอก็ไม่สามารถลืมเขาได้ไมค์เลยปัดผมออกด้านข้างและให้เธอดูบาดแผล “ก่อนหน้านี้ผมเกือบตายมาก่อน ตอนที่ผมได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างหนักหน่วง แฟนของผมก็ทิ้งผมไป ผมคิดว่าผมแย่กว่าคุณนะ อย่างน้อยคุณไม่ใช่คนที่ถูกทิ้ง” “เอาล่ะ คุณลำบากกว่าฉันมาก ไม่เพียงแต่ฉันไม่ได้ถูกทิ้ง ฉันยังไม่ได้ป่วยเกือบตายด้วย” หลีเสี่ยวเถียนดื่มคารวะเขา “คุณผ่านมาได้ยังไง?” ไมค์จิบไวน์ “ตอนนี้ผมพูดได้เลยว่าผมไม่กลัวตาย แต่ตอนที่ผมใกล้จะตาย ผมกลัวมากจริง ๆ หลังจากที่อันอันดึงผมกลับมาจากความตาย ในใจของผมไม่คิดว่าตัวเองถูกทิ้งอีกต่อไป แต่ว่าผมยังมีชีวิตอยู่ คุณสามารถรู้สึกยินดีที่ฟื้นกลับมาจากความตายใช่ไหมล่ะ? ฮ่า ๆ ๆ!” หลีเสี่ยวเถียนพยักหน้า “พูดตามตรง ถึงแม้ว่าฉันจะเจ็บปวดมาก แล้วตอนกลางคืนก็นอนไม่ค่อยหลับ แต่ตอนที่ได้กิน ฉันก็ค่อนข้างพอใจ ฉันตายเพราะความรักแค่นี้ไม่ได้หรอก… การมีชีวิตอยู่มันดีจริง ๆ” ไมค์ “ถูกต้อง
ฉินอันอันอึ้งไป “…” เขาเมาแบบนี้แล้วกลับพูดว่าตัวเองไม่เมา “สวัสดีปีใหม่” เธอขมวดคิ้ว “นี่คือเหตุผลที่คุณวิดีโอคอลเหรอ?” “ไม่ใช่” น้ำเสียงของเขาหนักแน่น ความคิดชัดเจน “จื่อชิวล่ะ? ให้ผมดูเขาเหน่อยได้ไหม?” เธอคิดไม่ถึงว่าเขาจะร้องขอเรื่องนี้ขึ้นมา “ในที่สุดคุณก็จำเด็กคนนี้ได้แล้วเหรอ?” เธอล้อเขา “ไม่โทษเขาแล้วเหรอ?” ฟู่สือถิงไม่ต่อล้อต่อเถียงกับเธอ เขาตอบรับเสียงอู้อี้ “ผมไม่เคยลืมเด็กคนนี้เลยนะ” เขาจะลืมเด็กคนนี้ที่เขาพยายามปกป้องอย่างสุดกำลังไปได้ยังไง? “คุณคืนดีกับเด็กคนนี้ได้ยังไง?” เธออยากรู้ว่ากระบวนการความคิดของเขาว่าเปลี่ยนใจได้ยังไง “ถึงผมจะฆ่าเขา อิ๋นอิ๋นก็ไม่ฟื้นขึ้นมา” น้ำเสียงของเขาเย็นชาและน่ากลัว แต่ดวงตาของเขายังคงปกคลุมไปด้วยอาการเมาอย่างเห็นได้ชัด “แทนที่จะโทษเขาที่อ่อนแอ สู้โทษตัวเองดีกว่า” “โทษคุณแล้วได้ประโยชน์อะไร? คุณไม่ได้บังคับอิ๋นอิ๋นให้ทำแบบนี้เสียหน่อย” ฉินอันอันแย้งเขา “ฟู่สือถิง คุณใช้ชีวิตแบบนี้ไม่รู้สึกว่ามันเหนื่อยเกินไปเหรอ? ฉันรู้ว่าการสูญเสียอิ๋นอิ๋นไปทำให้คุณเจ็บปวดมาก แต่ถ้าคุณไม่ยอมปล่อยวางจริง ๆ พวกเราจะไม่มีใครรอดพ้นเงามืดของเ
เขากลัวว่าหลังจากเจอเธอและลูกแล้ว เขาจะดื่มด่ำกับความสุข จนไม่สามารถเผชิญกับความมืดมิดที่อยู่ข้างหลังได้อย่างสงบอีกต่อไปเขาไม่ต้องการให้เรื่องยุ่งเหยิงของเขาส่งผลกระทบต่อเธอและลูกฉินอันอันมองดูเขาที่นิ่งเงียบ มองเห็นอารมณ์ที่ซับซ้อนในดวงตาของเขา แต่ไม่สามารถมองทะลุความคิดของเขาได้เธอคิดว่าถ้าเธอเป็นฝ่ายเริ่มเชิญเขาและให้บันไดเขา เขาก็จะลงบันไดตามมา แต่ทำไมเขาถึงนิ่งเงียบ ไม่พูดอะไร?ถ้าเขาไม่อยากเจอลูก ก็ปฏิเสธได้นี่นา! เขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่? “ถ้าคุณไม่ว่างก็ช่างเถอะค่ะ” ฉินอันอันทนกับความเงียบและความสงสัยที่ไม่มีสิ้นสุดไม่ไหว ดังนั้นจึงเอ่ยว่า “รุ่ยลาบอกว่าช่วงปีใหม่นี้ คุณอยู่อย่างเงียบเหงาตามลำพัง ดังนั้นฉันเลย…” “คุณอยากให้ผมไปรึเปล่า?” เขาพูดแทรกเธอ ถ้าเขาปฏิเสธเธอ เธอต้องปวดใจมาก สิ่งที่เขาไม่อยากเห็นมากที่สุดคือการที่เธอเสียใจ การถามกลับของเขาทำให้ใบหน้าของฉินอันอัน ‘ฉาบ’ ด้วยสีแดงระเรื่อ เธอได้เชิญเขาอย่างชัดเจนแล้ว แต่เขากลับอยากให้เธอแสดงทัศนคติของเธออีกครั้งจริง ๆ เหรอ?“คุณอยากมาก็มา ถ้าไม่อยากมาก็…” ก่อนที่เธอจะพูดสองคำว่า 'ช่างเถอะ' เขาก็ขัดจัง
เพราะเธอเป็นคนเรียกฟู่สือถิงมา ดังนั้นเมื่อถึงตอนนั้นเขาควรจะพักอยู่ที่นี่ แบบนี้จะทำให้เขาเข้ากับลูก ๆ ได้ง่ายขึ้นเมื่อเธออุ้มจื่อชิวไปที่ห้องนั่งเล่น ป้าจางก็มารับจื่อชิวไปทันที“แม่ขา เมื่อกี้ใครโทรมาเหรอคะ?” รุ่ยลากินอิ่มแล้วก็ลุกจากโต๊ะ เดินมาหาฉินอันอัน “พ่อของลูก” ฉินอันอันพูดพร้อมกับจูงมือรุ่ยลาแล้วเดินไปทางห้องอาหาร “เขาวางแผนที่จะมาฉลองปีใหม่กับเรา”ทุกคนในห้องอาหารได้ยินประโยคนี้“อันอัน เธอบอกว่าฟู่สือถิงกำลังมางั้นหรอ?” ไมค์ถามเสียงดัง“อื้ม เขาขึ้นเครื่องมาแล้ว” “โอ้... แล้วจื่ออี้ล่ะ? จื่ออี้จะมากับเขาไหม?” ไมค์ไม่สนใจฟู่สือถิง เขาสนใจโจวจื่ออี้เท่านั้นฉินอันอัน “เขาไม่ได้บอกฉันเรื่องนี้ นายโทรถามจื่ออี้สิ” ไมค์พูดอย่างไม่พอใจ “ช่างเถอะ เขาน่าจะไม่มาหรอก เขาบอกว่าเขาจะใช้เวลาช่วงตรุษจีนกับพ่อแม่เขา” “อื้ม นายเข้าใจเขาหน่อยนะ! เขาทำงานตลอดทั้งปี มีแค่ช่วงปีใหม่เท่านั้นที่เขาจะได้ใช้เวลากับพ่อแม่อย่างเต็มที่” ฉินอันอันปลอบใจเขาไมค์พยักหน้า จากนั้นเดินไปข้าง ๆ เธอแล้วใช้สายตาส่งสัญญาณไปที่หลีเสี่ยวเถียนที่อยู่ทางด้านนั้น “เธอเริ่มดื่มอีกแล้ว ไม่ว่าฉันจะพยา
ฉินอันอันไม่เข้าใจคำพูดของเขา “เขามาแล้วจะมีผลกระทบอะไรกับฉันเหรอ?” ไมค์ “ทำไมจะไม่มีผลกระทบล่ะ? บ้านของพวกเราไม่มีห้องว่างแล้ว ห้องที่เธอเพิ่งพาหลีเสี่ยวเถียนไปเล็กขนาดนั้น หลีเสี่ยวเถียนทนอยู่กับความอึดอัดนี้ได้ แล้วฟู่สือถิงทนได้เหรอ?” ฉินอันอัน “เสี่ยวเถียนอยู่ได้ ทำไมเขาจะอยู่ไม่ได้? ถ้าเขาคิดว่าที่พักของฉันไม่ดี เขาจะไปพักโรงแรมห้าดาวข้างนอกก็ได้” ไมค์เพียงแค่เลิกคิ้วมองเธอ ฉินอันอันรู้สึกผิดเมื่อถูกเขามอง “นายมองฉันทำไม? ไว้เขามาแล้วค่อยคุยกัน เขาไม่จำเป็นต้องพักที่นี่ บางทีเขาอาจไปโรงแรมทันทีที่ลงจากเครื่องก็ได้” ไมค์ส่งเสียงว่า ‘อ้อ’ เบา ๆ “เขามาเที่ยวกี่วันเหรอ?” “เขาไม่ได้บอก เรื่องนี้สำคัญเหรอ? หรือว่าเขาจะอยู่ที่นี่ตลอดชีวิตโดยไม่ยอมไปรึไง?” “ฉันแค่ถามเล่น ๆ เอง ทำไมเธอต้องตื่นเต้นขนาดนี้ด้วย?” ไมค์ยังใช้สายตาที่มีความหมายนัยมองเธอต่อไป “ทำไมจู่ ๆ เขาถึงตัดสินใจมาที่นี่ ทำไมเขาไม่มาตั้งแต่เมื่อวาน? ไม่ใช่ว่าเธอเรียกเขามาหรอกนะ!”ใบหน้าของฉินอันอันแดงไปจนถึงโคนหู “ถ้านายยังพูดมากอีกคำเดียว หลังจากนี้นายไปอยู่ห้องเล็กเลยแล้วเอาห้องใหญ่ของนายมาให้ฉันใช้ต้อนรั
เวลาห้านาทีก่อนเที่ยงคืนตามเวลาประเทศบี เที่ยวบินของฟู่สือถิงลงจอดสนามบินหลักประเทศบี ไมค์ไปรอรับที่สนามบิน ไม่ใช่ฉินอันอันที่ขอให้เขามารับ แต่เป็นโจวจื่ออี้ที่โทรหาเขา ขอให้เขามารับที่สนามบินให้ได้ ส่วนที่ว่าจะให้พาฟู่สือถิงไปที่ไหน คำตอบของโจวจื่ออี้คือ รับกลับมาที่บ้านฉินอันอันแล้วให้ฉินอันอันจัดการเอง ดังนั้นหลังจากที่ไมค์มารับฟู่สือถิงแล้วก็พาเขากลับไปที่บ้านอย่างเชื่อฟัง เวลานี้บอดี้การ์ด พี่เลี้ยง รวมถึงเด็ก ๆ ล้วนหลับหมดแล้ว ทว่าฉินอันอันยังรออยู่ในห้องนั่งเล่น เมื่อไมค์มองเห็นเธอ เขาก็หาว “ฉันรับเขามาแล้ว น่าจะไม่มีอะไรให้ฉันทำอีกแล้วใช่ไหม?” ฉินอันอันทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดของเขา ดวงตาของฟู่สือถิงจับจ้องไปที่ฉินอันอัน และเขาไม่สนใจใครอีกเลยไมค์รู้สึกว่าตอนนี้เขาเป็นเหมือนอากาศธาตุ เขารู้สึกกระอักกระอ่วนและน้อยใจ เขาพูดกับตัวเอง “งั้นฉันกลับห้องเลยไหม?” ถึงอย่างนั้นไม่มีใครสนใจเขาเลย เขาคอตกกลับห้องและตั้งใจว่าจะโทรไปบ่นกับโจวจื่ออี้ ห้องนั่งเล่น เมื่อฉินอันอันเห็นฟู่สือถิงถือกระเป๋าเดินทางของตัวเองจึงเอ่ยถามว่า “คุณไม่ได้เอาบอดี้การ์ดมาด้วยเหรอคะ?”
มีสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวันสำหรับเด็กอยู่ในห้องของเธอมากมายมองแวบเดียวก็รู้ว่าเธอดูแลลูก ๆ ของเธออย่างมาก ถ้าเธอตั้งใจไว้ล่วงหน้าว่าจะให้เขานอนในห้องนี้ เธอคงจะจัดเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว ฉินอันอันลังเลอยู่สักพัก แล้วตัดสินใจสารภาพกับเขาตามตรง “เดิมที บ้านของฉันก็ไม่ได้ใหญ่มาก ตอนนี้มีลูกเพิ่มมาอีกหนึ่งคน ฉันเลยจ้างพี่เลี้ยงเด็กเพิ่ม ถึงแม้ว่าความปลอดภัยของที่นี่จะค่อนข้างดี แต่เพื่อความปลอดภัย ฉันเลยจ้างบอดี้การ์ดเพิ่ม ให้พวกเขาสลับกับอยู่บ้านทุกวัน…” เธออธิบายไปมากมาย ทั้งที่จริง ๆ แล้ว ต้องการจะพูดเพียงเรื่องเดียว “ถ้าไม่มีห้องว่างแล้ว ผมไปพักที่โรงแรมก็ได้” เขาไม่อยากทำให้เธอลำบากใจ “ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีห้องว่างหรอก…” เธอหลบสายตา เอ่ยเสียงเบา ถ้าไม่ดึกขนาดนี้ เธออาจจะขอให้เขาไปพักที่โรงแรม เขามาครั้งนี้ ไม่ได้เอาบอดี้การ์ดมาด้วย ตอนนี้ดึกมากขนาดนี้แล้ว ถ้าเขาออกไปคนเดียวแล้วเกิดอะไรขึ้นจะทำยังไง? คำตอบของเธอทำให้เขางุนงง ในเมื่อมีห้องเหลืออยู่แล้วทำไมให้เขาพักห้องนอนใหญ่ของเธอ? “คุณพักห้องของฉันที่นี่ ฉันจะไปพักอีกห้อง” เธอกลัวเขาเข้าใจผิด รีบพูดเสริมทันที “อีก