ฉินอันอันไม่เข้าใจคำพูดของเขา “เขามาแล้วจะมีผลกระทบอะไรกับฉันเหรอ?” ไมค์ “ทำไมจะไม่มีผลกระทบล่ะ? บ้านของพวกเราไม่มีห้องว่างแล้ว ห้องที่เธอเพิ่งพาหลีเสี่ยวเถียนไปเล็กขนาดนั้น หลีเสี่ยวเถียนทนอยู่กับความอึดอัดนี้ได้ แล้วฟู่สือถิงทนได้เหรอ?” ฉินอันอัน “เสี่ยวเถียนอยู่ได้ ทำไมเขาจะอยู่ไม่ได้? ถ้าเขาคิดว่าที่พักของฉันไม่ดี เขาจะไปพักโรงแรมห้าดาวข้างนอกก็ได้” ไมค์เพียงแค่เลิกคิ้วมองเธอ ฉินอันอันรู้สึกผิดเมื่อถูกเขามอง “นายมองฉันทำไม? ไว้เขามาแล้วค่อยคุยกัน เขาไม่จำเป็นต้องพักที่นี่ บางทีเขาอาจไปโรงแรมทันทีที่ลงจากเครื่องก็ได้” ไมค์ส่งเสียงว่า ‘อ้อ’ เบา ๆ “เขามาเที่ยวกี่วันเหรอ?” “เขาไม่ได้บอก เรื่องนี้สำคัญเหรอ? หรือว่าเขาจะอยู่ที่นี่ตลอดชีวิตโดยไม่ยอมไปรึไง?” “ฉันแค่ถามเล่น ๆ เอง ทำไมเธอต้องตื่นเต้นขนาดนี้ด้วย?” ไมค์ยังใช้สายตาที่มีความหมายนัยมองเธอต่อไป “ทำไมจู่ ๆ เขาถึงตัดสินใจมาที่นี่ ทำไมเขาไม่มาตั้งแต่เมื่อวาน? ไม่ใช่ว่าเธอเรียกเขามาหรอกนะ!”ใบหน้าของฉินอันอันแดงไปจนถึงโคนหู “ถ้านายยังพูดมากอีกคำเดียว หลังจากนี้นายไปอยู่ห้องเล็กเลยแล้วเอาห้องใหญ่ของนายมาให้ฉันใช้ต้อนรั
เวลาห้านาทีก่อนเที่ยงคืนตามเวลาประเทศบี เที่ยวบินของฟู่สือถิงลงจอดสนามบินหลักประเทศบี ไมค์ไปรอรับที่สนามบิน ไม่ใช่ฉินอันอันที่ขอให้เขามารับ แต่เป็นโจวจื่ออี้ที่โทรหาเขา ขอให้เขามารับที่สนามบินให้ได้ ส่วนที่ว่าจะให้พาฟู่สือถิงไปที่ไหน คำตอบของโจวจื่ออี้คือ รับกลับมาที่บ้านฉินอันอันแล้วให้ฉินอันอันจัดการเอง ดังนั้นหลังจากที่ไมค์มารับฟู่สือถิงแล้วก็พาเขากลับไปที่บ้านอย่างเชื่อฟัง เวลานี้บอดี้การ์ด พี่เลี้ยง รวมถึงเด็ก ๆ ล้วนหลับหมดแล้ว ทว่าฉินอันอันยังรออยู่ในห้องนั่งเล่น เมื่อไมค์มองเห็นเธอ เขาก็หาว “ฉันรับเขามาแล้ว น่าจะไม่มีอะไรให้ฉันทำอีกแล้วใช่ไหม?” ฉินอันอันทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดของเขา ดวงตาของฟู่สือถิงจับจ้องไปที่ฉินอันอัน และเขาไม่สนใจใครอีกเลยไมค์รู้สึกว่าตอนนี้เขาเป็นเหมือนอากาศธาตุ เขารู้สึกกระอักกระอ่วนและน้อยใจ เขาพูดกับตัวเอง “งั้นฉันกลับห้องเลยไหม?” ถึงอย่างนั้นไม่มีใครสนใจเขาเลย เขาคอตกกลับห้องและตั้งใจว่าจะโทรไปบ่นกับโจวจื่ออี้ ห้องนั่งเล่น เมื่อฉินอันอันเห็นฟู่สือถิงถือกระเป๋าเดินทางของตัวเองจึงเอ่ยถามว่า “คุณไม่ได้เอาบอดี้การ์ดมาด้วยเหรอคะ?”
มีสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวันสำหรับเด็กอยู่ในห้องของเธอมากมายมองแวบเดียวก็รู้ว่าเธอดูแลลูก ๆ ของเธออย่างมาก ถ้าเธอตั้งใจไว้ล่วงหน้าว่าจะให้เขานอนในห้องนี้ เธอคงจะจัดเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว ฉินอันอันลังเลอยู่สักพัก แล้วตัดสินใจสารภาพกับเขาตามตรง “เดิมที บ้านของฉันก็ไม่ได้ใหญ่มาก ตอนนี้มีลูกเพิ่มมาอีกหนึ่งคน ฉันเลยจ้างพี่เลี้ยงเด็กเพิ่ม ถึงแม้ว่าความปลอดภัยของที่นี่จะค่อนข้างดี แต่เพื่อความปลอดภัย ฉันเลยจ้างบอดี้การ์ดเพิ่ม ให้พวกเขาสลับกับอยู่บ้านทุกวัน…” เธออธิบายไปมากมาย ทั้งที่จริง ๆ แล้ว ต้องการจะพูดเพียงเรื่องเดียว “ถ้าไม่มีห้องว่างแล้ว ผมไปพักที่โรงแรมก็ได้” เขาไม่อยากทำให้เธอลำบากใจ “ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีห้องว่างหรอก…” เธอหลบสายตา เอ่ยเสียงเบา ถ้าไม่ดึกขนาดนี้ เธออาจจะขอให้เขาไปพักที่โรงแรม เขามาครั้งนี้ ไม่ได้เอาบอดี้การ์ดมาด้วย ตอนนี้ดึกมากขนาดนี้แล้ว ถ้าเขาออกไปคนเดียวแล้วเกิดอะไรขึ้นจะทำยังไง? คำตอบของเธอทำให้เขางุนงง ในเมื่อมีห้องเหลืออยู่แล้วทำไมให้เขาพักห้องนอนใหญ่ของเธอ? “คุณพักห้องของฉันที่นี่ ฉันจะไปพักอีกห้อง” เธอกลัวเขาเข้าใจผิด รีบพูดเสริมทันที “อีก
ตอนนี้ไม่มีความขัดแย้งที่ชัดเจนระหว่างพวกเขาทั้งสอง แต่เมื่อก่อนไม่ว่าเรื่องอะไรก็สามารถทำให้พวกเขาทะเลาะกันได้สามวันสามคืน!แต่หลังจากเห็นเขาแล้ว อารมณ์ในใจทั้งหมดของเธอก็สงบลง และเห็นได้ชัดว่าเขามาที่นี่ไม่ได้มาเพื่อทะเลาะกับเธอ อาจเป็นเพราะมีลูกทั้งสามคนอยู่ด้วย พวกเขาจึงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปที่พอโมโหก็ระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ…… ที่ห้องพี่เลี้ยงเด็กหลังจากที่ฟู่สือถิงอาบน้ำแล้ว เขาก็เดินไปที่เตียงแล้วนั่งลงเขาหยิบมือถือขึ้นมาแล้วเห็นข้อความของโจวจื่ออี้ โจวจื่ออี้ส่งข้อมูลเกี่ยวกับโรงแรมให้เขา : เจ้านายครับ ผมจองห้องพักโรงแรมที่ใกล้กับบ้านฉินอันอันที่สุดให้คุณแล้ว โรงแรมมีรถรับส่งคุณ ใช้เวลาไปและกลับไปเกินสิบนาที ไม่ทำให้คุณเสียเวลาที่จะได้อยู่กับลูก ๆ โจวจื่ออี้รู้จากไมค์ว่าฟู่สือถิงถูกจัดให้พักในห้องพี่เลี้ยงเด็ก โจวจื่ออี้รับไม่ได้ที่เจ้านายของเขาต้องทนกับการถูกปฏิบัติแบบนี้! ฉินอันอันจะไม่รักเขาก็ได้ แต่ทรมานคนอื่นได้เหรอ? ฟู่สือถิงตอบกลับ : ฉันจะอยู่ที่บ้านของเธอ นายคืนห้องได้เลย โจวจื่ออี้ : ไม่ใช่ว่าเธอจัดให้คุณพักอยู่ในห้องพี่เลี้ยงเด็กเหรอครับ? ทำไมเ
เขาส่งเสียงอู้อี้ในลำคอเบา ๆไม่รู้ว่าตอบกลับคำพูดของเธอหรือว่าเจ็บ มีเสียงกรอบแกรบดังมาจากปากประตูฟู่สือถิงเงยหน้ามองไปทางประตู… ป้าจางกำลังอุ้มจื่อชิว ไมค์อุ้มรุ่ยลา ทั้งสี่คนยืนอยู่นอกประตู แอบมองดูสถานการณ์ภายในห้อง ที่จริงพวกเขาสามารถเข้ามาดูได้อย่างเปิดเผย ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องยืนอยู่นอกประตู ถึงจะดูขายหน้าไม่น้อยที่หัวโน แต่ก็ไม่ได้น่าอายจนไม่กล้าเจอใครเช่นกัน หลังจากฉินอันอันพันผ้าพันแผลแล้วก็เก็บกล่องยา “ไปทานข้าวเช้าก่อนเถอะค่ะ ทานเสร็จแล้วฉันจะพาคุณไปโรงพยาบาล” ฉินอันอันเอ่ย ฟู่สือถิง “ผมไปเองได้” “คุณคุ้นเคยกับโรงพยาบาลที่นี่งั้นเหรอคะ?” ฉินอันอันโต้กลับ “ฉันมีคนรู้จักอยู่ที่โรงพยาบาลไปแล้วสแกนได้เลย ไม่อย่างนั้นตามขั้นตอนของโรงพยาบาลแล้วน่ากลัวว่าวันนี้คุณจะไม่ได้สแกน” ฟู่สือถิงพูดไม่ออก ถึงแม้เขาจะมีเงินมากมาย แต่ก็ไม่ได้อยู่ในประเทศนี้ เขามีคนรู้จักที่นี่ด้วย แต่ดูแล้วเรื่องการรักษาพยาบาล การพึ่งพาฉินอันอันน่าจะสะดวกกว่าทั้งสองคนออกมาจากห้อง สายตาของทุกคนจับจ้องบนใบหน้าของฟู่สือถิง “คุณพ่อคะ ทำไมพ่อถึงชนกำแพงได้ล่ะคะ?” รุ่ยลามองฟู่สือถิงอย่
ฉินอันอันได้ยินน้ำเสียงของเขาแล้วรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก “ฟู่สือถิง ผู้ชายอย่างพวกคุณคิดแบบนี้เหมือนคุณทุกคนหรือเปล่า? ทำไมเสี่ยวเถียนถึงต้องการหย่า? หรือว่าในใจของพวกคุณไม่รู้? ถ้าเสี่ยวเถียนไม่รักเขา ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเลยว่าเขาต้องรับแรงกดดันจากพ่อแม่เขา…” “ฉินอันอัน ถ้าจุ่นจือยืนกรานจะอยู่กับหลีเสี่ยวเถียน ไม่ว่าจุ่นจือจะต้องแบกรับความกดดันมากแค่ไหน มันคือสิ่งที่เขาพิจารณาแล้วว่าเขาสามารถแบกรับได้ ตอนนี้ไม่ว่าเขาตัดสินใจเปลี่ยนเบอร์ใหม่หรือก้าวไปสู่การแต่งงานใหม่ มันก็เป็นอิสระของเขา” ......ทั้งสองคนไม่ได้ทะเลาะกันเรื่องส่วนตัวของพวกเขา แต่พวกเขากลับทะเลาะกันเรื่องของเฮ่อจุ่นจือและหลีเสี่ยวเถียนแต่ฉินอันอันสงบลงอย่างรวดเร็ว เธอพิจารณาคำพูดของฟู่สือถิงอย่างรอบคอบ หลังจากครุ่นคิดแล้ว เธอก็คิดว่าคำพูดของฟู่สือถิงนั้นสมเหตุสมผล “ทำไมคนถึงชอบทำสิ่งที่ตัวเองคิดว่าดีต่ออีกฝ่าย ทั้งที่จริง ๆ แล้วไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย?” เธอถอนหายใจแผ่วเบา “เพราะว่าคิดไปเองว่าเป็นแบบนั้น” เขาตอบอย่างระชับและทรงพลัง “ไม่ใช่เพียงแค่จุ่นจือและหลีเสี่ยวเถียนเท่านั้นที่คิดเอาเอง พวกเราก็เหมือนกัน”
“ฟู่สือถิง” ฉินอันอันเห็นใบหน้ามืดมนของเขาแล้วเอ่ยทันที “วันปีใหม่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเถียงกันด้วยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ หรอกนะคะ” เมื่อเธอพูดจบ อารมณ์ของเขาสงบลงเล็กน้อย จิ้นซือเหนียนกลับกล่าวว่า “ผมให้ของขวัญอันอันทุกเทศกาลอยู่แล้ว ผมเคยมอบเครื่องประดับอื่น ๆ ให้เธอหมดแล้ว เหลือก็แต่แหวน ปกติคุณไม่ได้สนใจเธอ ตอนนี้ผมแค่ทำเรื่องที่ผมทำเป็นปกติ แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรมาโกรธผม?” จิ้นซือเหนียนมีภาพลักษณ์ที่อ่อนโยนในใจของฉินอันอันมาโดยตลอด วิธีที่เขาตั้งคำถามกับฟู่สือถิงขณะนี้ทำให้เธอรู้สึกแปลกเล็กน้อยแน่นอนว่าเธอไม่โกรธที่จิ้นซือเหนียนพูดแบบนี้จิ้นซือเนียนพุ่งเป้าใส่ฟู่สือถิงก็เพื่อเธอ “คุณให้ของขวัญเธอทุกเทศกาลแล้วยังไง?” ฟู่สือถิงเลิกคิ้วขึ้นแล้วพูดอย่างดูถูก “เธออยู่กับคุณหรือเปล่า? ถ้าไม่ก็หุบปากซะ” คำพูดนี้ทำให้จิ้นซือเหนียนหุบปาก แล้วทำให้ฉินอันอันโกรธขึ้นมา “ฟู่สือถิง…” “คุณจะขับรถหรือเปล่า? ถ้าไม่ ผมจะขับเอง” ฟู่สือถิงพูดแทรกเธอ เขารู้ว่าเธอต้องการออกหน้าช่วยจิ้นซือเหนียน แต่เขาไม่อยากฟัง เธอแอบสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเปิดประตูรถ ก่อนลุกจากที่นั่งคนขับแล้วไปนั่งที่เบ
ฟู่สือถิงคว้าข้อมือของเธอแล้วดึงเธอไปที่ห้างสรรพสินค้าโดยไม่พูดอะไรสักคำเธอเข้าใจเจตนาของเขาทันที “ฟู่สือถิง ฉันไม่ต้องการให้คุณซื้อของขวัญให้ฉัน! ฉันอยากกลับบ้านเดี๋ยวนี้!” เธออยากจะสลัดให้หลุดจากมือใหญ่ของเขา แต่เขากลับจับไว้แน่นไม่ปล่อย “ทำไมคุณไม่ปฏิเสธของขวัยญองจิ้นซือเหนียน?” เขาย้อนถาม “คุณไม่มีเหตุผลที่รับของเขา แต่ไม่รับของผม” ฉินอันอันคิดว่าตัวเองฟังผิด เขาพูดจาแบบเด็ก ๆ แบบนี้ได้ยังไง? เมื่อจิ้นซือเหนียนเห็นฟู่สือถิงใช้กำลังบังคับดึงฉินอันอันเดินไป เขาเปิดประตูแล้วไล่ตามไปทันที “คุณตามมาทำไม?” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างรังเกียจ “คุณดาราใหญ่ คุณกลัวว่าคนอื่นจะจำคุณไม่ได้งั้นเหรอ? อย่าทำให้ผมกับฉินอันอันถูกปาปารัซซี่ถ่ายรูปไปด้วยเลย!” คำพูดของเขาทำให้จิ้นซือเหนียนถอยกลับไปในรถ จิ้นซือเหนียนไม่กลัวที่จะถูกปาปารัสซี่แอบถ่ายรูป แต่เขารู้ว่าฉินอันอันไม่ชอบการถูกแอบถ่ายรูปหลังจากจิ้นซือเหนียนกลับไปในรถ ฉินอันอันเหลือบมองฟู่สือถิง “คราวหน้าถ้าคุณต้องการให้ของขวัญฉัน อย่าลืมซื้อล่วงหน้าสิ ตอนนี้คุณไม่รู้สึกอายบ้างเหรอ?” ฟู่สือถิง “คนที่ควรอับอายคือจิ้นสือเหน