“ฟู่สือถิง” ฉินอันอันเห็นใบหน้ามืดมนของเขาแล้วเอ่ยทันที “วันปีใหม่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเถียงกันด้วยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ หรอกนะคะ” เมื่อเธอพูดจบ อารมณ์ของเขาสงบลงเล็กน้อย จิ้นซือเหนียนกลับกล่าวว่า “ผมให้ของขวัญอันอันทุกเทศกาลอยู่แล้ว ผมเคยมอบเครื่องประดับอื่น ๆ ให้เธอหมดแล้ว เหลือก็แต่แหวน ปกติคุณไม่ได้สนใจเธอ ตอนนี้ผมแค่ทำเรื่องที่ผมทำเป็นปกติ แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรมาโกรธผม?” จิ้นซือเหนียนมีภาพลักษณ์ที่อ่อนโยนในใจของฉินอันอันมาโดยตลอด วิธีที่เขาตั้งคำถามกับฟู่สือถิงขณะนี้ทำให้เธอรู้สึกแปลกเล็กน้อยแน่นอนว่าเธอไม่โกรธที่จิ้นซือเหนียนพูดแบบนี้จิ้นซือเนียนพุ่งเป้าใส่ฟู่สือถิงก็เพื่อเธอ “คุณให้ของขวัญเธอทุกเทศกาลแล้วยังไง?” ฟู่สือถิงเลิกคิ้วขึ้นแล้วพูดอย่างดูถูก “เธออยู่กับคุณหรือเปล่า? ถ้าไม่ก็หุบปากซะ” คำพูดนี้ทำให้จิ้นซือเหนียนหุบปาก แล้วทำให้ฉินอันอันโกรธขึ้นมา “ฟู่สือถิง…” “คุณจะขับรถหรือเปล่า? ถ้าไม่ ผมจะขับเอง” ฟู่สือถิงพูดแทรกเธอ เขารู้ว่าเธอต้องการออกหน้าช่วยจิ้นซือเหนียน แต่เขาไม่อยากฟัง เธอแอบสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเปิดประตูรถ ก่อนลุกจากที่นั่งคนขับแล้วไปนั่งที่เบ
ฟู่สือถิงคว้าข้อมือของเธอแล้วดึงเธอไปที่ห้างสรรพสินค้าโดยไม่พูดอะไรสักคำเธอเข้าใจเจตนาของเขาทันที “ฟู่สือถิง ฉันไม่ต้องการให้คุณซื้อของขวัญให้ฉัน! ฉันอยากกลับบ้านเดี๋ยวนี้!” เธออยากจะสลัดให้หลุดจากมือใหญ่ของเขา แต่เขากลับจับไว้แน่นไม่ปล่อย “ทำไมคุณไม่ปฏิเสธของขวัยญองจิ้นซือเหนียน?” เขาย้อนถาม “คุณไม่มีเหตุผลที่รับของเขา แต่ไม่รับของผม” ฉินอันอันคิดว่าตัวเองฟังผิด เขาพูดจาแบบเด็ก ๆ แบบนี้ได้ยังไง? เมื่อจิ้นซือเหนียนเห็นฟู่สือถิงใช้กำลังบังคับดึงฉินอันอันเดินไป เขาเปิดประตูแล้วไล่ตามไปทันที “คุณตามมาทำไม?” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างรังเกียจ “คุณดาราใหญ่ คุณกลัวว่าคนอื่นจะจำคุณไม่ได้งั้นเหรอ? อย่าทำให้ผมกับฉินอันอันถูกปาปารัซซี่ถ่ายรูปไปด้วยเลย!” คำพูดของเขาทำให้จิ้นซือเหนียนถอยกลับไปในรถ จิ้นซือเหนียนไม่กลัวที่จะถูกปาปารัสซี่แอบถ่ายรูป แต่เขารู้ว่าฉินอันอันไม่ชอบการถูกแอบถ่ายรูปหลังจากจิ้นซือเหนียนกลับไปในรถ ฉินอันอันเหลือบมองฟู่สือถิง “คราวหน้าถ้าคุณต้องการให้ของขวัญฉัน อย่าลืมซื้อล่วงหน้าสิ ตอนนี้คุณไม่รู้สึกอายบ้างเหรอ?” ฟู่สือถิง “คนที่ควรอับอายคือจิ้นสือเหน
เมื่อทั้งสองคนออกมาจากห้างสรรพสินค้า จิ้นซือเหนียนก็เห็นว่าตัวของพวกเขาค่อนข้างอยู่ใกล้กันและค่อนข้างผ่อนคลายไม่ต่างจากคู่รักคู่อื่นบนท้องถนน เห็นได้ชัดว่าตอนที่ทั้งสองคนเข้าไปในห้างสรรพสินค้า พวกเขากำลังผลักและดึงราวกับว่าพวกเขากำลังทะเลาะกันสิ่งที่ทำให้คืนดีกันเร็วขนาดนี้ต้องไม่ใช่ของขวัญในห้างถ้าหากฟู่สือถิงให้ของขวัญแก่ฉินอันอันแล้วมันแก้ไขข้อขัดแย้งของพวกเขาได้ พวกเขาจะไม่ทะเลาะกันอยู่ตลอดอย่างนี้ดูเหมือนว่า ฟู่สือถิงจะเป็นฝ่ายยอมเธอด้วยตัวเอง เมื่อกลับมาถึงวิลล่า ฉินอันอันนำของขวัญกลับไปเก็บที่ห้อง คิดไม่ถึงว่าป้าจางนำกระเป๋าเดินทางของฟู่สือถิงเข้ามาเรียบร้อยแล้ว “คุณบอกว่าหิวไม่ใช่เหรอ? ไปกินข้าวก่อนเถอะ!” ฟู่สือถิงกล่าว “ค่ะ ฉันจะจัดของสักหน่อย คืนนี้คุณนอนที่ห้องฉัน ฉันจะไปนอนห้องเล็กนั่น” “ถ้าเป็นแบบนี้ ผมจะไปพักในห้องเล็กเอง” ฟู่สือถิงไม่ต้องการเบียดบียนที่ของใคร “เช้านี้มันเป็นอุบัติเหตุ ครั้งหน้าผมจะระวัง” “คุณกำลังข่มขู่ฉันเหรอ?” เธอมองดูอาการบาดเจ็บบนหน้าผากของเขา “หรือว่าคุณอยากนอนกับฉันใช่ไหม?” “เอาคำว่า ‘หรือว่า’ ออกไปเถอะ” เขาเข้ามาในห้องแล้วป
“ตกลง ถ้าเธอไม่อยากมา นายอย่าบังคับเธอนะ” ฉินอันอันอธิบาย “โอเค” ตามที่ฉินอันอันคาดไว้ หลีเสี่ยวเถียนไม่เต็มใจที่จะมาแต่ไม่ใช่เพราะการที่มีฟู่สือถิงอยู่ แต่เป็นเพราะจิ้นซือเหนียน จิ้นซือเหนียนเป็นไอดอลของหลีเสี่ยวเถียน เธออยากเจอเขามากแต่เนื่องจากเมื่อวานเธอดื่มมากเกินไปแล้วยังร้องไห้หนักมากในตอนกลางคืน วันนี้ใบหน้าของเธอจึงบวมมาก ดวงตาของเธอบวมและแดงจนลืมไม่ขึ้น ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถออกไปพบปะผู้คนข้างนอกได้ หลังอาหารเย็น ฉินอันอันส่งจิ้นซือเหนียนกลับออกไป เมื่อเธอเดินกลับมาห้องทานข้าว เห็นฟู่สือถิงกำลังอุ้มจื่อชิวอยู่ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นฟู่สือถิงอุ้มลูกมองออกเลยว่าเขาประหม่าเล็กน้อย ร่างกายของเขาตึงเครียด โดยเฉพาะกล้ามเนื้อที่แขนซึ่งเกร็งมากตัวของเขาสูงใหญ่ แขนขายาว จื่อชิวดูตัวเล็กมากสำหรับเขา เขากลัวว่าอุ้มไม่มั่นคงดี ลูกจะหล่นได้ “เขาไม่ร้องไห้เลย ตอนที่เห็นผมอุ้มเขา” น้ำเสียงของเขาดูมีความสุขป้าจางยิ้มพร้อมกับพูดว่า “จื่อชิวตอนนี้ยังเล็กมาก ยังจดจำผู้คนไม่ได้หรอกค่ะ!” เขาส่งเสียงตอบรับอย่างเก้อเขิน “คุณผู้ชายคะ คุณต้องอยู่กับพวกเด็ก ๆ นะคะ เด็ก
ลูกกระเดือกของฟู่สือถิงขยับขึ้นลงและพูดอย่างไม่แน่ใจว่า “เขาเพิ่งร้องไห้เพราะว่าผมป้อนนมให้เขา ผลคือพอดื่มจนหมดเขาก็อาเจียนออกมา ผมทำผิดวิธีหรือเปล่า?” ทันใดนั้นฉินอันอันก็ตระหนักได้ จึงเดินไปหาเขาแล้วมองดูลูก ยังมีฟองนมสีขาวเล็กน้อยอยู่บนปากของจื่อชิว“เด็กเล็กจะแหวะนมออกมาค่ะ รอเขาโตอีกหน่อยก็จะดีขึ้น” “แต่ตอนที่คุณป้อนนมเขาช่วงบ่าย เขาไม่อาเจียนเลย” เขาสงสัยว่าตนเองทำผิดขั้นตอนไหน ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่า จื่อชิวอาเจียนเอานมที่เพิ่งกินไปจนหมดขวดออกมาเกือบหมด ทำให้เสื้อของเขาเปียกชุ่มจนทั่ว เมื่อเห็นคำถามที่จริงใจของเขา เธอจึงช่วยเขาวิเคราะห์ปัญหาว่า “ตอนที่ชงนม ต้องระวังอย่าให้อากาศเข้าไปในขวดมากเกินไป หลังจากที่ลูกกินนมเสร็จแล้ว อุ้มเขาให้ตัวตรงสักพัก บางครั้งระวังแค่ไหนเขาก็ยังแหวะนมอยู่ดี ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความผิดของคุณเลย ด้วยวัยของเขาในตอนนี้ เขาจะแหวะนมออกมาเป็นเรื่องปกติ” ฟู่สือถิงถอนใจโล่งอก “เขาอาเจียนนมที่เพิ่งดื่มไปจนหมด เขาจะหิวหรือเปล่า? ต้องชงให้เขาอีกขวดไหม?” “ไม่ต้องหรอก ตอนนี้เขาไม่ร้อง แสดงว่าไม่หิว” เธอรับเด็กมาจากอ้อมแขนของเขาแล้วมองดูหน้าอกที
“คุณดูแลลูก ๆ ตามปกติก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองหรอก” เขาฉวยโอกาสที่เธอยังไม่หลับถามต่อว่า “การฟื้นตัวของคุณเป็นยังไงบ้าง?” เพราะว่าเธอผ่าคลอด เมื่อเทียบกับการคลอดทางช่องคลอดแล้ว การผ่าคลอดนั้นเป็นอันตรายกว่ามาก ความห่วงใยของเขา ทำให้เธอตื่นจากฝัน ทำไมจู่ๆ เขาถึงเป็นห่วงเรื่องการฟื้นตัวของเธอ? พอถามคำถามนี้ในเวลานี้ ก็ยากที่จะไม่คิดมาก“เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่าภายในสามเดือนหลังคลอดไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้” เสียงของเธอตึงเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด “คุณกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่?” เขาสูดหายใจเข้าอย่างแรงและพูดเสียงทุ้มลึกว่า “ผมถามว่าการฟื้นตัวของคุณเป็นยังไงบ้าง ไม่ได้อยากทำอะไรคุณ” ทันใดนั้นเธอก็ถอนใจโล่งอก “ฟื้นตัวได้ดีเลยค่ะ!” เธอแสร้งทำเป็นผ่อนคลาย ทำให้เขาถึงกับเปิดไฟ เมื่อเห็นห้องสว่างไสวราวกับกลางวัน เธอหยีตาด้วยความแสบตา “คุณทำอะไรน่ะ? ตอนบ่ายคุณหลับมากพอแล้วตอนนี้เลยไม่ง่วงหรือไง? ถ้าคุณไม่ง่วง…” เขาผุดลุกขึ้นนั่ง แล้วเปิดผ้าห่มของเธอ พร้อมกับรีบยกชายชุดนอนของเธอขึ้นด้วยฝ่ามืออันใหญ่ของเขา พยายามจะดูบาดแผล“ฟู่สือถิง! ใครทำให้คุณมีนิสัยแย่ ๆ แบบน
ลมหายใจของเขาหนักหน่วงเล็กน้อย ราวกับว่าเขากำลังคิดถึงปัญหานี้“อีกสามสี่วัน” ถ้าเธอไม่ถาม เขาคงไม่คิดถึงเรื่องนี้เลย “เอ่อ…คุณนอนไม่หลับก็ออกไปเดินเล่นได้นะคะ” เธอกลัวว่าเขาจะเบื่อ “ถ้าคุณคิดว่าออกไปข้างนอกคนเดียวมันน่าเบื่อ ให้ไมค์พาคุณออกไปได้” “คุณคิดว่าผมจะเที่ยวเล่นกับเขาได้เหรอ?” เขายิ้มเยาะแล้วถามกลับว่า “คุณง่วงมากไม่ใช่เหรอ? ผมรบกวนคุณหรือเปล่า?” เธอสูดหายใจเข้า “ฉันง่วงจริง ๆ ค่ะ แต่พอคิดว่าคุณอยู่ข้าง ๆ….” “ให้ผมไปไหม?” เขาไม่อยากรบกวนการพักผ่อนของเธอ “คุณจะไปไหนเหรอ?” เธอพึมพำเสียงเบา “ฉันไม่ได้นอนไม่หลับเพราะคุณอยู่ข้าง ๆ ฉันแค่รู้สึกว่ายังมีความขัดแย้งระหว่างเราสองคนที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข แต่ตอนนี้ฉันไม่สามารถบอกได้ว่าความขัดแย้งนั้นคืออะไร” “ฉินอันอัน ถ้าคุณมักจะคิดเรื่องที่ไม่มีความสุข คืนนี้คุณไม่ต้องคิดว่าจะหลับเลย” เขาตบไหล่เธอ “คุณหันไปสิ” “ทำอะไรน่ะ?” เธองุนงง แต่ก็ยังหันหลังไปอย่างเชื่อฟัง “คุณไม่ต้องคิดอะไรแล้ว หลับตาแล้วนอนเถอะ” ฝ่ามือใหญ่ของเขาแตะที่หลังส่วนล่างของเธอแล้วกดเบา ๆได้ยินมาว่าหลังจากคลอดลูก ผู้หญิงจะปวดบริเวณนี้เป็นอย่างมาก
ฉินอันอันพูดอย่างสงสัยว่า “เขาบอกคุณเหรอคะ? ทำไมเขาไม่บอกฉันล่ะ?” ฟู่สือถิงหยิบแก้วนมขึ้นมาจิบ “เพราะเขาถามเรื่องที่อยู่บ้านเกิดของจื่ออี้กับผมอย่างละเอียด” “อ้อ? ทำไมเขาถึงไปบ้านเกิดของโจวจื่ออี้ล่ะคะ?” ในใจของฉินอันอันมีลางสังหรณ์ไม่ดีเกิดขึ้น “ไปสวัสดีปีใหม่ผู้อาวุโสเหรอคะ? หรือว่า…” “เป็นอย่างที่คุณคิด เขาวางแผนจะเปิดเผยความสัมพันธ์ของพวกเขากับพ่อแม่ของจื่ออี้” หลังจากที่ฟู่สือถิงพูดจบ ใบหน้าฉินอันอันก็ดูซับซ้อน“เขาไม่รู้ที่อยู่บ้านเกิดของจื่ออี้ ดังนั้นจื่ออี้ไม่ได้โทรเรียกเขาไปแน่นอน เขาหุนหันพลันแล่นเปิดเผยต่อสาธารณะแบบนี้ จื่ออี้ต้องโกรธแน่” ฉินอันอันอยากโทรหาไมค์ แล้วเรียกเขากลับมา “ผมบอกเรื่องนี้กับคุณ ไม่ใช่เพราะให้คุณยุ่งเกี่ยวเรื่องของพวกเขา” ฟู่สือถิงเงยหน้าขึ้นมองเธอ “ผมอยากบอกคุณว่า คู่รักส่วนใหญ่ล้วนต้องเผชิญกับความยากลำบากต่าง ๆ” “ฉันรู้ค่ะ” ฉินอันอันถอนสายตาจากใบหน้าของเขา “เมื่อคืนคุณไม่ได้บอกว่าคุณอยากสระผมเหรอ? หลังอาหารเช้าฉันจะพาคุณไปที่ร้านตัดผมนะคะ” “ตกลง” “หลังจากที่คุณสระผมแล้ว พวกเราพาเด็ก ๆ ออกไปเที่ยวเล่นกันเถอะค่ะ!” ฉินอันอันพูดอย่างเตรีย