“คุณดูแลลูก ๆ ตามปกติก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองหรอก” เขาฉวยโอกาสที่เธอยังไม่หลับถามต่อว่า “การฟื้นตัวของคุณเป็นยังไงบ้าง?” เพราะว่าเธอผ่าคลอด เมื่อเทียบกับการคลอดทางช่องคลอดแล้ว การผ่าคลอดนั้นเป็นอันตรายกว่ามาก ความห่วงใยของเขา ทำให้เธอตื่นจากฝัน ทำไมจู่ๆ เขาถึงเป็นห่วงเรื่องการฟื้นตัวของเธอ? พอถามคำถามนี้ในเวลานี้ ก็ยากที่จะไม่คิดมาก“เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่าภายในสามเดือนหลังคลอดไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้” เสียงของเธอตึงเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด “คุณกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่?” เขาสูดหายใจเข้าอย่างแรงและพูดเสียงทุ้มลึกว่า “ผมถามว่าการฟื้นตัวของคุณเป็นยังไงบ้าง ไม่ได้อยากทำอะไรคุณ” ทันใดนั้นเธอก็ถอนใจโล่งอก “ฟื้นตัวได้ดีเลยค่ะ!” เธอแสร้งทำเป็นผ่อนคลาย ทำให้เขาถึงกับเปิดไฟ เมื่อเห็นห้องสว่างไสวราวกับกลางวัน เธอหยีตาด้วยความแสบตา “คุณทำอะไรน่ะ? ตอนบ่ายคุณหลับมากพอแล้วตอนนี้เลยไม่ง่วงหรือไง? ถ้าคุณไม่ง่วง…” เขาผุดลุกขึ้นนั่ง แล้วเปิดผ้าห่มของเธอ พร้อมกับรีบยกชายชุดนอนของเธอขึ้นด้วยฝ่ามืออันใหญ่ของเขา พยายามจะดูบาดแผล“ฟู่สือถิง! ใครทำให้คุณมีนิสัยแย่ ๆ แบบน
ลมหายใจของเขาหนักหน่วงเล็กน้อย ราวกับว่าเขากำลังคิดถึงปัญหานี้“อีกสามสี่วัน” ถ้าเธอไม่ถาม เขาคงไม่คิดถึงเรื่องนี้เลย “เอ่อ…คุณนอนไม่หลับก็ออกไปเดินเล่นได้นะคะ” เธอกลัวว่าเขาจะเบื่อ “ถ้าคุณคิดว่าออกไปข้างนอกคนเดียวมันน่าเบื่อ ให้ไมค์พาคุณออกไปได้” “คุณคิดว่าผมจะเที่ยวเล่นกับเขาได้เหรอ?” เขายิ้มเยาะแล้วถามกลับว่า “คุณง่วงมากไม่ใช่เหรอ? ผมรบกวนคุณหรือเปล่า?” เธอสูดหายใจเข้า “ฉันง่วงจริง ๆ ค่ะ แต่พอคิดว่าคุณอยู่ข้าง ๆ….” “ให้ผมไปไหม?” เขาไม่อยากรบกวนการพักผ่อนของเธอ “คุณจะไปไหนเหรอ?” เธอพึมพำเสียงเบา “ฉันไม่ได้นอนไม่หลับเพราะคุณอยู่ข้าง ๆ ฉันแค่รู้สึกว่ายังมีความขัดแย้งระหว่างเราสองคนที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข แต่ตอนนี้ฉันไม่สามารถบอกได้ว่าความขัดแย้งนั้นคืออะไร” “ฉินอันอัน ถ้าคุณมักจะคิดเรื่องที่ไม่มีความสุข คืนนี้คุณไม่ต้องคิดว่าจะหลับเลย” เขาตบไหล่เธอ “คุณหันไปสิ” “ทำอะไรน่ะ?” เธองุนงง แต่ก็ยังหันหลังไปอย่างเชื่อฟัง “คุณไม่ต้องคิดอะไรแล้ว หลับตาแล้วนอนเถอะ” ฝ่ามือใหญ่ของเขาแตะที่หลังส่วนล่างของเธอแล้วกดเบา ๆได้ยินมาว่าหลังจากคลอดลูก ผู้หญิงจะปวดบริเวณนี้เป็นอย่างมาก
ฉินอันอันพูดอย่างสงสัยว่า “เขาบอกคุณเหรอคะ? ทำไมเขาไม่บอกฉันล่ะ?” ฟู่สือถิงหยิบแก้วนมขึ้นมาจิบ “เพราะเขาถามเรื่องที่อยู่บ้านเกิดของจื่ออี้กับผมอย่างละเอียด” “อ้อ? ทำไมเขาถึงไปบ้านเกิดของโจวจื่ออี้ล่ะคะ?” ในใจของฉินอันอันมีลางสังหรณ์ไม่ดีเกิดขึ้น “ไปสวัสดีปีใหม่ผู้อาวุโสเหรอคะ? หรือว่า…” “เป็นอย่างที่คุณคิด เขาวางแผนจะเปิดเผยความสัมพันธ์ของพวกเขากับพ่อแม่ของจื่ออี้” หลังจากที่ฟู่สือถิงพูดจบ ใบหน้าฉินอันอันก็ดูซับซ้อน“เขาไม่รู้ที่อยู่บ้านเกิดของจื่ออี้ ดังนั้นจื่ออี้ไม่ได้โทรเรียกเขาไปแน่นอน เขาหุนหันพลันแล่นเปิดเผยต่อสาธารณะแบบนี้ จื่ออี้ต้องโกรธแน่” ฉินอันอันอยากโทรหาไมค์ แล้วเรียกเขากลับมา “ผมบอกเรื่องนี้กับคุณ ไม่ใช่เพราะให้คุณยุ่งเกี่ยวเรื่องของพวกเขา” ฟู่สือถิงเงยหน้าขึ้นมองเธอ “ผมอยากบอกคุณว่า คู่รักส่วนใหญ่ล้วนต้องเผชิญกับความยากลำบากต่าง ๆ” “ฉันรู้ค่ะ” ฉินอันอันถอนสายตาจากใบหน้าของเขา “เมื่อคืนคุณไม่ได้บอกว่าคุณอยากสระผมเหรอ? หลังอาหารเช้าฉันจะพาคุณไปที่ร้านตัดผมนะคะ” “ตกลง” “หลังจากที่คุณสระผมแล้ว พวกเราพาเด็ก ๆ ออกไปเที่ยวเล่นกันเถอะค่ะ!” ฉินอันอันพูดอย่างเตรีย
แน่นอนว่าเธอมีความสุข นี่เป็นเรื่องที่มีความสุขที่สุดหลังจากที่เธอออกจากโรงพยาบาลแต่ในขณะที่มีความสุข ในใจก็เจ็บปวดมากเช่นกันเพราะถังเฉียวเซินไม่คิดหลบเลี่ยงที่จะบอกเหตุผลในการทำเช่นนี้กับเธอเลยแม้แต่น้อย ถังเชี่ยนเป็นเจ้าหญิงที่หยิ่งยโสมาครึ่งชีวิต ตอนนี้พอเสียโฉมแล้วก็เป็นเพียงสิ่งไร้ค่าในสายตาของถังเฉียวเซิน ไม่สิ ไม่ได้ไร้ค่าไปเสียทีเดียว! ถังเฉียวเซินใช้เธอทำให้ฟู่สือถิงอับอายฟู่สือถิงมีสถานะที่น่าเคารพมากขนาดนั้น ถังเฉียวเซินให้เขาแต่งงานกับถังเชี่ยนอย่างเปิดเผย จุดประสงค์เพื่อทำให้ทุกคนได้รู้ว่า ฟู่สือถิงแต่งงานกับผู้หญิงอัปลักษณ์ที่แม้แต่ผู้ชายธรรมดาทั่วไปก็ยังไม่ต้องการ! ถังเชี่ยนเกลียดถังเฉียวเซิน! เกลียดเข้ากระดูกดำ! “ถังเชี่ยน ตอนนี้เธอกลายเป็นหมากในมือของฉันแล้ว ถ้าเธอต้องการชีวิตที่มีเสื้อผ้าดี ๆ ใส่ และอาหารดี ๆ ให้กิน ฉันให้เธอได้ แต่เธอจะต้องเชื่อฟังฉันให้ดี” ถังเฉียวเซินเตือนที่ข้างหูเธอทีละคำว่า “ถ้าเธอกล้าทรยศฉัน ฉันจะฆ่าเธออย่างไม่ปรานีแม้แต่นิดเดียวแน่นอน เพราะใบหน้าของเธอมันน่ารังเกียจจริง ๆ! ถึงฉันจะไม่เห็นเธอ แต่เธอก็จะยังคงมาหลอกหลอนฉันในฝัน”
ประเทศเอ ในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของไมค์ทำให้โจวจื่ออี้ตื่นตระหนกและสับสน ทำตัวไม่ถูกแม้สักนิด! ไมค์ถือของขวัญราคาแพงจำนวนมากและทักทายพ่อและแม่ของโจวจื่ออี้อย่างกระตือรือร้น ผู้อาวุโสทั้งสองก็ต้อนรับเขาอย่างกระตือรือร้นเช่นกันหลังจากที่ทั้งสองฝ่ายทักทายกัน โจวจื่ออี้ขอให้ไมค์รีบจากไปทันที แต่ถูกไมค์ปฏิเสธ “ผู้หญิงที่คุณไปนัดบอดด้วยยังอยู่ที่นี่หรือเปล่า?” ไมค์อ้าปากเมาท์ “ฉวยโอกาสตอนผมไม่อยู่ นัดบอดกับสาว คุณช่างทำได้นะ!” โจวจื่ออี้พูดอย่างเหยียดหยาม “นี่คือเหตุผลที่คุณมาที่นี่งั้นเหรอ? คุณนี่มันไร้สาระสิ้นดี! พวกเราเจอกันครั้งเดียวแล้วก็แยกย้ายกันเลย ผมไม่ได้แอดวีแชทเธอด้วยซ้ำ!” “ใครไร้สาระกันแน่? คุณตั้งใจจะสารภาพกับพ่อแม่คุณเมื่อไหร่? ดูสิว่าคุณขี้ขลาดขนาดไหน! ให้ผมช่วยคุณบอกพวกท่านก็แล้วกัน!” “ให้ตายเถอะ! ผมเคยบอกคุณแล้วไงว่า แม่ของผมเป็นโรคความดันโลหิตสูง!” โจวจื่ออี้ไล่เขาไปไม่ได้ ทำได้เพียงผลักเขาเข้าไปในห้องเท่านั้น “ผมรู้ว่าแม่ของคุณเป็นโรคความดันโลหิตสูง และโรคนี้รักษาให้หายขาดไม่ได้ด้วย หรือว่าคุณคิดจะปิดบังพวกเขาไปตลอดชีวิตงั้นเหรอ?
หนึ่งนาทีต่อมา รถจอดฉุกเฉินที่ริมถนนโจวจื่ออี้เปิดประตูแล้วลงจากรถวิ่งห้อตะบึงกลับบ้าน! ไมค์ทุบพวงมาลัยอย่างแรงทันที! เขาไม่อาจขอให้โจวจื่ออี้ละทิ้งครอบครัวของเขาได้ แต่เขาก็ไม่อยากเป็นฝ่ายที่ถูกทิ้งเช่นกัน ในใจของเขารู้สึกเสียใจ และควักโทรศัพท์ออกมา อยากโทรไประบายกับฉินอันอัน ก่อนกดเบอร์โทร จู่ ๆ เขาก็นึกถึงความต่างเรื่องเวลาของประเทศบี เวลานี้ ฉินอันอันคงจะหลับไปแล้วแน่เขาไม่อยากปลุกฉินอันอัน แต่ปลุกฟู่สือถิงได้ไม่เป็นไรเขาส่งข้อความถึงฟู่สือถิง ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา ฟู่สือถิงโทรกลับมาหาเขา “อันอันหลับแล้วเหรอ?” ไมค์ถาม “เพิ่งหลับไป เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?” ฟู่สือถิงโทรคุยในห้องน้ำ ถึงจะเป็นแบบนั้น เสียงของเขาก็ยังต่ำมาก “แม่ของจื่ออี้เป็นลมเพราะโกรธผมจนความดันขึ้น” ไมค์สูบบุหรี่และพูดอย่างเศร้า ๆ “ตอนนี้เขาคงโกรธผมแทบตายแล้ว” “เขาน่าจะคุยกับคุณก่อน” “ใช่เลย! แต่เราก็ไม่สามารถเก็บเรื่องนี้เป็นความลับได้ตลอดใช่ไหมล่ะ? แบบนี้มันไม่แฟร์กับผมหรือเปล่า?” ไมค์พ่นควันหนาทึบออกมาแล้วพูดว่า “ตอนนี้เขาไม่รับสายผม แล้วก็ไม่ตอบข้อความผมด้วย เขาหมายความว่ายังไง? อยากเ
ในห้องนอนมีโต๊ะทำงาน เดาว่าเธอคงนอนดึกโต๊ะของเธอจัดไว้สะอาดมาก หนังสือและเอกสารต่าง ๆ ถูกวางไว้ในแฟ้ม บนโต๊ะมีแค่คอมพิวเตอร์แล็ปท็อป เขาอยากรู้ว่าช่วงนี้เธอยุ่งเกี่ยวกับเรื่องอะไร ดังนั้นเขาจึงหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลออกมาจากแฟ้ม บนซองเอกสารเขียนไว้ว่า ‘เอกสารข้อมูล’ เขาเปิดออกอย่างไม่รีบร้อน แล้วหยิบเอกสารด้านในออกมาปึกหนึ่ง “ฟู่สือถิง…” ทันใดนั้นเสียงของฉินอันอันดังขึ้นเบา ๆ จากด้านหลัง “คุณกำลังทำอะไรคะ?” เธอตื่นขึ้นอย่างกะทันหันแล้วเห็นร่างสูงของเขายืนอยู่หน้าโต๊ะราง ๆ เธอนึกว่าตัวเองเห็นภาพลวงตา เลยจ้องมองอยู่พักหนึ่ง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่ได้ฝันไป เธอจึงผุดลุกขึ้นนั่งทันที เขารีบวางซองเอกสารกลับเข้าที่ “คุณไม่มีห้องหนังสือแยกไว้ต่างหากเหรอ?” เขารีบปรับอารมณ์แล้วเดินไปหาเธอ “ผมเพิ่งสังเกตว่ามีโต๊ะทำงานที่นี่” ฉินอันอันเอื้อมมือมาขยี้ตา “มีห้องหนังสือค่ะ แต่ว่าฉันชอบอยู่ในห้องนอนมากกว่า ถ้าเหนื่อยก็นอนพักผ่อนได้ทุกเมื่อ” “ผมปลุกคุณหรือเปล่า?” เขาขอโทษแล้วอธิบายว่า “ผมเพิ่งคุยสายกับไมค์ เขาบอกว่าแม่ของจื่ออี้เป็นลม” “ร้ายแรงขนาดนี้เลยเหรอคะ?” ฉินอันอันสูดหายใจ
เธออึ้งไปครู่หนึ่ง ดูเหมือนเขาไม่wfhตอบคำถามเมื่อกี้นี้ของเธอ? เมื่อแขนของเขาเหยียดออกมาเพื่อกอดเธอ แต่เธอผลักออก “ฉันเพิ่งถามว่าคุณทำได้ไหม ทำไมคุณไม่ตอบ? ถ้าคุณทำไม่ได้ก็อย่ากอดฉัน” ข้อเรียกร้องที่เธอยกขึ้นมาไม่ได้เกินไปเลย เพียงแค่ขอให้เขาใช้เวลากับลูกให้มากขึ้นเมื่อมีเวลาว่าง เธอทำได้ ทำไมเขาทำไม่ได้? ถ้าเรื่องง่ายขนาดนี้แล้วเขายังทำไม่ได้ เขอาจไม่ต้องการลูกก็ได้ “ลูกของผม ผมย่อมเต็มใจทำทุกอย่างเพื่อพวกเขา” เขากอดเอวเธอแน่น “คำถามของคุณ มันทำให้ผมละอายใจ” ได้ยินคำอธิบายของเขา เธอก็ถอนใจโล่งอก “ฟู่สือถิง ต่อจากนี้เวลาฉันถามคุณ ไม่ว่าจะถามเรื่องอะไร คุณต้องตอบฉันนะ” เธอมองหน้าเขาอย่างจริงจัง “คุณไม่ตอบ ฉันจะคิดฟุ้งซ่าน ถ้าเป็นกับคนอื่น ฉันมีเหตุผลมาก แต่กับคุณ ฉันสูญเสียการควบคุมอารมณ์ได้ง่ายมาก” “อื้ม” เขาไม่กล้าสบตาเธอจึงยกมือขึ้นเตรียมปิดไฟ “ฟู่สือถิง คุณมองฉันสิ” สองมือเธอจับหน้าเขาแล้วบังคับให้เขามองเธอ “ทำไมคุณต้องคอยหลบเลี่ยงด้วย? คุณไม่ได้ทำเรื่องน่าละอาย ทำไมคุณไม่กล้ามองฉัน?” จู่ ๆ อุณหภูมิร่างกายของเขาก็สูงขึ้น และการหายใจของเขาก็หนักแน่น “อันอัน ตอน
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง