“ถึงเขาฟังไม่ออก แต่คุณไม่รู้สึกอายเหรอ?” “ถ้าผมอาย เราจะมีเขาได้ไหมล่ะ?” เขาถามกลับ ทำให้ใบหน้าของเธอ ‘ฉาบ’ ด้วยสีแดงทันที เธอแต่งตัวเสร็จแล้วรีบเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อแปรงฟันล้างหน้า ที่ห้องนั่งเล่นชั้นล่าง หลีเสี่ยวเถียนกำลังกินขนมและคุยกับรุ่ยลา “พ่อของหนูไม่ต้อนรับป้าหรือเปล่า? พอป้ามา เขาก็ไม่ออกมาเลย” หลีเสี่ยวเถียนพูดแซะ รุ่ยลารีบส่ายหน้า “พ่อของหนูยินดีต้อนรับป้าอยู่แล้วค่ะ เขาจะต้องดูแม่หนูหลับอยู่ในห้องแน่ ๆ ค่ะ!” หลีเสี่ยวเถียน “แม่หนูหลับมีอะไรน่าสนใจขนาดนั้น? เขาไม่กลัวปลุกแม่หนูตื่นเหรอ?” รุ่ยลาใช้มือเล็ก ๆ เกาหัว คิดหาทางแก้ตัวให้พ่อ ตอนนี้เอง ฉินอันอันก็เดินเข้ามา “เสี่ยวเถียน เธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่? เมื่อวานฉันเหนื่อยเกินไปก็เลยนอนตื่นสาย” เธอเดินมาหาหลีเสี่ยวเถียนเพื่ออธิบาย “แค่ออกไปดูพลุข้างนอก จะต้องเหนื่อยขนาดนี้เชียวเหรอ?” หลีเสี่ยวเถียนมองเธออย่างสนอกสนใจ “ฟู่สือถิงเป็นอะไร? เขาจงใจหลบหน้าฉันหรือเปล่า?”“เขาบอกว่ากลัวเธอเห็นเขาแล้วจะไม่สบายใจ เลยดูแลลูกอยู่ในห้อง” ฉินอันอันพูดเสียงกระซิบ “ไม่เข้าใจเลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่”“เหอ ๆ ฉันรู้ว่าเ
ป้าหงรีบยกแก้วน้ำยื่นให้เขาทันที ฉินอันอันเอื้อมมือไปตบหลังให้เขา “กินช้า ๆ ค่ะ อาหารติดหลอดลมหรือเปล่า?” หลีเสี่ยวเถียนจ้องเขาอย่างสงสัย รู้สึกว่าเขามีอะไรผิดปกติ สัมผัสที่หกของผู้หญิงทำให้เธอเอ่ยถามออกไป “ฟู่สือถิง ฉันรู้สึกว่าคุณกำลังรู้สึกผิด หรือว่าคู่หมั้นของเฮ่อจุ่นจือคนนี้ คุณเป็นคนจับคู่ให้?” หลังจากที่หลีเสี่ยวเถียนถามคำถามนี้ ฉินอันอันก็ดึงมือที่ตบหลังฟู่สือถิงกลับทันที ฟู่สือถิงที่ดื่มน้ำไปได้ครึ่งหนึ่งก็ถูกคำถามนี้บังคับให้หยุดดื่ม เขาฝืนกลืนน้ำลงไปในท้องและปฏิเสธ “เปล่าเลย… ผมไม่รู้จักคู่หมั้นของเขา…” “โอ้! งั้นคุณจะตื่นเต้นทำไม?” หลีเสี่ยวเถียนส่งเสียงฮึดฮัดแล้วมองไปทางฉินอันอัน “ถ้าฟู่สือถิงแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น ฉันไม่มีทางสงบสติอารมณ์ได้แน่! ฉันไม่ไปก่อกวนก็ถือว่าให้เกียรติเขาแล้ว!” ฉินอันอันพยักหน้า “ฉันรู้ ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถมองดูเฮ่อจุ่นจือแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นเช่นกัน เสี่ยวเถียน ยกโทษให้ฉันเถอะนะ!” “สถานการณ์ของฟู่สือถิงและเฮ่อจุ่นจือนั้นต่างกัน” หลีเสี่ยวเถียนพูดอย่างจริงจัง “ฉันทิ้งเฮ่อจุ่นจือ ดังนั้นเฮ่อจุ่นจือเลยแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น
“เอาลูกไปด้วยไหม?” ฟู่สือถิงถามคำถามนี้โดยอัตโนมัติ เธอมองหน้าเขาแล้วถามว่า “คุณอยากเอาลูกไปด้วยไหมล่ะคะ?” เธอไม่สามารถเห็นความคิดในใจเขาได้“ผมอยากพาไป” ถึงแม้ว่าการอุ้มลูกไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เขามีความสุขมากที่ได้อยู่กับลูกไม่แปลกใจที่คนจะพูดว่ากันการมีลูกคือภาระที่แสนหวาน “แต่วันนี้ฉันไม่อยากพาลูกไปค่ะ ฉันอยากพาคุณไป ที่ที่หนึ่ง” เธอคุยกับเขา“ไปไหนเหรอ?” เขาเอามือล้วงกระเป๋า “งั้นไปถามลูกสักหน่อย! ถ้าเธอไม่อยากไปกับพวกเรา ก็ไม่พาเธอไปด้วย ถ้าเธออยากออกไปข้างนอกกับพวกเราล่ะ?” “ไปมหาวิทยาลัยที่ฉันเรียนปริญญาโทค่ะ คุณรอฉันอยู่ที่นี่ ฉันจะไปคุยกับพวกเด็ก ๆ” หลังจากพูดจบเธอก็เดินไปที่ห้องเด็กจากนั้นครู่หนึ่ง เธอก็วิ่งเหยาะ ๆ กลับมาหาเขาและจับแขนของเขาไว้ “ลูกสาวขอให้พวกเราเอาของอร่อยกลับมาให้เธอ พวกเราไปกันเถอะค่ะ!” ฉินอันอันขับรถพาฟู่สือถิงไปมหาวิทยาลัยที่เธอมาเรียนต่อมหาวิทยาลัยนี้เป็นโรงเรียนแพทย์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก“ตอนคุณมาเรียนที่นี่ คุณอยู่ในช่วงไตรมาสที่สามของการตั้งครรภ์แล้วใช่ไหม?” ฟู่สือถิงเดินกับเธอช้า ๆ บนถนนอันกว้างใหญ่ของมหาวิทยาลัยมีนักศึกษาปั่นจักรย
เธอมองดูแหวนเพชรที่เปล่งแสงประกายบนนิ้วของเธอ ดวงตาของเธอเปียกชื้นเและอารมณ์ของเธอก็ควบคุมไม่ได้เล็กน้อยเธอโผเข้าไปในอ้อมแขนเขาและกอดเขาไว้แน่น “คุณไปซื้อแหวนมาตอนไหนเหรอคะ? เราอยู่ด้วยกันทุกวัน ทำไมฉันไม่รู้ว่าคุณเตรียมของขวัญไว้ล่วงหน้า?” เธอคิดว่าเขาไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนที่เธอเตือนเขาว่าวันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ ในช่วงระหว่างนี้เขาไม่แสดงอาการใด ๆ เลย “ตอนที่ผมซื้อสร้อยคอให้คุณคราวก่อน ผมดูแหวนไว้ด้วย” เขาอธิบาย “ยากหน่อยที่จะไม่รู้ว่าวันนี้คือเทศกาลอะไร” ตั้งแต่ไม่กี่วันก่อน กิจกรรมการตลาดต่าง ๆ สำหรับวันวาเลนไทน์ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วเช้าวันนี้เมื่อเขาเปิดโทรศัพท์ ข่าวที่เกี่ยวข้องกับวันวาเลนไทน์ก็ส่งมายังโทรศัพท์เขาเช่นกัน “ถ้าฉันไม่พูดถึงวันวาเลนไทน์เมื่อกี้ คุณตั้งใจจะให้แหวนฉันเมื่อไหร่เหรอ?” เธอปล่อยเขา และมองใบหน้าหล่อเหลาของเขาด้วยดวงตาแดงก่ำของเธอ เขามองเธออย่างรักใคร่แล้วพูดเสียงแหบพร่า “ผมรู้ว่าคุณอดไม่ได้ที่จะเตือนผม ผมรอตั้งแต่คุณดูปฏิทินตอนเที่ยงแล้ว” เธอหัวเราะพร้อมกับโกรธนิด ๆ “คุณเป็นฝ่ายเริ่มไม่ได้เลยรึไง? ต้องเป็นฉันที่พ
“พี่เป่ย! แม่ของผมป่วยจนเลอะเลือน! ที่เธอพูดเมื่อกี้ พี่ห้ามเผยแพร่ออกไปนะครับ!” โจวจื่ออี้แทบจะทรุดตัวลง “ถ้าเจ้านายรู้ เขาไล่ผมออกแน่!” เซิ่งเป่ยหัวเราะจนน้ำตาไหล “จื่ออี้ นายอย่าตื่นเต้นไป คุณป้ามีความคิดที่ชัดเจนมาก เธอคัดค้านไม่ให้นายกับไมค์คบกัน เพราะรังเกียจที่ไมค์ยากจน นายให้ไมค์หาเงินไว้เยอะ ๆ ก็พอแล้ว” โจวจื่ออี้ส่ายหัว “ผมคิดว่าไมค์เป็นเพื่อนได้แต่เป็นแฟนไม่ได้ เพราะเขาหน้าตาขี้โกง นี่คือคำพูดของแม่ผมจริง ๆ” “ฮ่า ๆ ๆ! นายบอกว่าแม่ของนายสับสน ฉันไม่เห็นว่าจะมีใครมีสติชัดเจนเท่าแม่นายแล้ว นายหยุดหน้านิ่วคิ้วขมวดได้แล้ว ดูแลเธอให้ดีก่อน” “อืม พี่เป่ย วันนี้พี่ว่างหรือเปล่า? ช่วยไปดูไมค์ให้หน่อยได้ไหม? ผมเมินเขามาสองวันแล้ว ผมคาดว่าเขาใกล้จะระเบิดแล้ว” โจวจื่ออี้ขมวดคิ้ว “ผมออกจากโรงพยาบาลไม่ได้ แล้วไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับเขาด้วย” “ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะไปดูเขาให้เอง” เซิ่งเป่ยออกจากโรงพยาบาลแล้วขับรถไปสตาร์ริเวอร์วิลล่า เป็นไปตามที่เซิ่งเป่ยคาดไว้ ไมค์อยู่บ้านคนเดียวและใช้ชีวิตสลับกลางวันและกลางคืน “คุณไม่กลับไปประเทศบีเหรอ?” เซิ่งเป่ยเอาอาหารเช้าที่เขาเอามาด้วยวาง
เซิ่งเป่ยอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ เขาระงับอารมณ์บ้าคลั่งในใจแล้วคว้าคอเสื้อของถังเชี่ยนพร้อมกับตะโกนถามเสียงดัง “ถังเชี่ยน! เธอพูดเรื่องเหลวไหลอะไร?! ทำไมสือถิงต้องแต่งงานกับเธอด้วย? ตอนนี้เขาอยู่กับฉินอันอัน! ถ้าเขาจะแต่งงานก็ต้องแต่งกับฉินอันอันสิ!” ถังเชี่ยนหัวเราะเบา ๆ “ฉันรู้ว่าตอนนี้เขาอยู่กับฉินอันอัน ถึงยังไงพวกเขาก็มีลูกที่ต้องดูแล แต่ฉันไม่สนใจหรอก ไม่ได้ใจเขา แต่ได้ตัวเขาก็พอแล้ว” เซิ่งเป่ยยิ้มเยาะแล้วปล่อยคอเสื้อของเธอ “ฉันคิดว่าเธอเสียโฉมจนจิตใจกระทบกระเทือน และทุกข์ทรมานจากอาการหลงผิดแล้วล่ะ! สือถิงจะแต่งงานกับเธอ ทำไมเรื่องสำคัญแบบนี้ฉันไม่รู้เรื่องเลย?” “เขาไม่ได้จะแต่งงานกับคุณ คุณไม่รู้มันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ?” ถังเชี่ยนวางแก้วเปล่าลงบนโต๊ะ น้ำเสียงสงบและควบคุมได้ “เซิ่งเป่ย ฉันถือว่าคุณเป็นเพื่อน ถึงได้พูดเรื่องนี้กับคุณ ฉันรู้ว่าตอนนี้คุณคิดว่าฉันไม่มีค่าพอจะเป็นเพื่อนของคุณ แต่ว่าในใจของฉัน คนคือคนสำคัญที่สุด…” “หุบปาก!” เซิ่งเป่ยตัดบทเธอ “เธอคิดว่าเธอจะทำให้ฉันประทับใจโดยพูดสิ่งเหล่านี้กับฉันหรือจะหลอกใช้ฉันอีกครั้งก็ได้ใช่ไหม?”ถังเชี่ยนยิ้มแล
ดวงตาทั้งสองข้างของเขาแดงก่ำ “แล้วก็ยังมียานอนหลับด้วย” “อาการนอนไม่หลับของคุณร้ายแรงขนาดนี้เลยเหรอ?” เธอขยี้ผมที่ยุ่งเหยิงของเธอ “เมื่อคืนนี้คุณนอนหลับเป็นยังไงบ้าง? คืนก่อนล่ะ? คุณคงไม่ได้นอนไม่เต็มอิ่มทุกคืนหรอกใช่ไหม?” เธอพูดพร้อมกับเปิดผ้าห่มขึ้นแล้วลงจากเตียง เนื่องจากเขานอนไม่หลับถ้าไม่กินยา เธอจึงจำเป็นต้องไปซื้อยาให้เขา “เพิ่งเริ่มเป็นเมื่อคืนนี้” เขากลัวว่าเธอจะกังวลใจ จึงพูดอย่างสบาย ๆ “น่าจะเป็นเพราะสองวันนี้มีความสุขมากเกินไป เลยคิดถึงอิ๋นอิ๋นตลอด” “ฉันรู้ว่าการตายของอิ๋นอิ๋นส่งผลต่อคุณมาก แต่ว่าสือถิงคะ ชีวิตต้องเดินไปข้างหน้า ถ้าอิ๋นอิ๋นยังมีชีวิตอยู่ เธอคงไม่อยากให้คุณเศร้าขนาดนี้” เธอหยิบเสื้อคลุมมาสวม “คุณจำชื่อยาที่กินบ่อย ๆ ได้ไหม? หรือฉันควรไปซื้อดี?” “ผมไปกับคุณแล้วกัน!” เขาลุกขึ้นแล้วลงจากเตียง “ไม่ต้องหรอก คุณนอนเถอะค่ะ” เธอผลักเขากลับไปนอนบนเตียง “ร้านขายยาปิดแล้ว ต้องไปซื้อที่โรงพยาบาล ฉันจะขับรถไปหาคนรู้จัก เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว” “อันอัน คุณมีคนรู้จักที่ประเทศบีมากมาย ชีวิตก็สะดวกสบายมาก ทำไมตอนนั้นคุณไม่ตั้งรกรากอยู่ที่ประเทศบีล่ะ?” เขาถาม “ไม
ครึ่งชั่วโมงต่อมาฟู่สือถิงเข้าสู่การนอนหลับลึกไปภายใต้ฤทธิ์ยาเขาหลับไปแล้ว และฉินอันอันกลับไม่รู้สึกง่วงอีกต่อไปเธอนึกถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาอย่างรอบคอบ หลังจากที่เขามาถึงตั้งแต่เขามา เธอมีความสุขทุกวัน ไม่เพียงแค่นอนหลับสบายขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีความอยากอาหารมากกว่าเดิมอีกด้วยเธอคิดว่าเขาก็เป็นเหมือนเธอเธอไม่รู้ว่าเขาต้องทรมานจากโรคนอนไม่หลับเธอต้องการช่วยเขาจริง ๆ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า นอกจากซื้อยาให้เขาแล้ว เธอก็ไม่มีวิธีอื่นอีกในวันต่อ ๆ ไป เธอจะใจดีกับเขาให้มากขึ้น และมอบความรักให้เขามากขึ้นด้วยถ้าวันเดียวไม่พอ ก็ให้เป็นเดือน หนึ่งปี... สักวันหนึ่ง เธอจะชดเชยความเสียใจของเขาที่มีต่ออิ๋นอิ๋นวันรุ่งขึ้น เมื่อฟู่สือถิงลุกขึ้น ก็เป็นเวลาสิบโมงเช้าแล้วเมื่อเขาออกมาจากห้อง ฉินอันอันก็ดึงเขาไปที่ห้องอาหารทันที“เราจะออกไปข้างนอกกันหลังจากที่คุณกินข้าว” เธอได้จัดตารางงานสำหรับวันนี้ไว้แล้ว “พาเด็ก ๆ ไปด้วยนะ”เขามองดูสภาพอากาศภายนอก “วันนี้ดูเหมือนไม่เหมาะที่จะออกไปข้างนอกเลยนะ”ข้างนอกมีหมอกหนา และการขับรถในสภาพอากาศที่ทัศนวิสัยแย่แบบนี้ นับว่าไม่สะดวกเลย
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง