“ถึงเขาฟังไม่ออก แต่คุณไม่รู้สึกอายเหรอ?” “ถ้าผมอาย เราจะมีเขาได้ไหมล่ะ?” เขาถามกลับ ทำให้ใบหน้าของเธอ ‘ฉาบ’ ด้วยสีแดงทันที เธอแต่งตัวเสร็จแล้วรีบเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อแปรงฟันล้างหน้า ที่ห้องนั่งเล่นชั้นล่าง หลีเสี่ยวเถียนกำลังกินขนมและคุยกับรุ่ยลา “พ่อของหนูไม่ต้อนรับป้าหรือเปล่า? พอป้ามา เขาก็ไม่ออกมาเลย” หลีเสี่ยวเถียนพูดแซะ รุ่ยลารีบส่ายหน้า “พ่อของหนูยินดีต้อนรับป้าอยู่แล้วค่ะ เขาจะต้องดูแม่หนูหลับอยู่ในห้องแน่ ๆ ค่ะ!” หลีเสี่ยวเถียน “แม่หนูหลับมีอะไรน่าสนใจขนาดนั้น? เขาไม่กลัวปลุกแม่หนูตื่นเหรอ?” รุ่ยลาใช้มือเล็ก ๆ เกาหัว คิดหาทางแก้ตัวให้พ่อ ตอนนี้เอง ฉินอันอันก็เดินเข้ามา “เสี่ยวเถียน เธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่? เมื่อวานฉันเหนื่อยเกินไปก็เลยนอนตื่นสาย” เธอเดินมาหาหลีเสี่ยวเถียนเพื่ออธิบาย “แค่ออกไปดูพลุข้างนอก จะต้องเหนื่อยขนาดนี้เชียวเหรอ?” หลีเสี่ยวเถียนมองเธออย่างสนอกสนใจ “ฟู่สือถิงเป็นอะไร? เขาจงใจหลบหน้าฉันหรือเปล่า?”“เขาบอกว่ากลัวเธอเห็นเขาแล้วจะไม่สบายใจ เลยดูแลลูกอยู่ในห้อง” ฉินอันอันพูดเสียงกระซิบ “ไม่เข้าใจเลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่”“เหอ ๆ ฉันรู้ว่าเ
ป้าหงรีบยกแก้วน้ำยื่นให้เขาทันที ฉินอันอันเอื้อมมือไปตบหลังให้เขา “กินช้า ๆ ค่ะ อาหารติดหลอดลมหรือเปล่า?” หลีเสี่ยวเถียนจ้องเขาอย่างสงสัย รู้สึกว่าเขามีอะไรผิดปกติ สัมผัสที่หกของผู้หญิงทำให้เธอเอ่ยถามออกไป “ฟู่สือถิง ฉันรู้สึกว่าคุณกำลังรู้สึกผิด หรือว่าคู่หมั้นของเฮ่อจุ่นจือคนนี้ คุณเป็นคนจับคู่ให้?” หลังจากที่หลีเสี่ยวเถียนถามคำถามนี้ ฉินอันอันก็ดึงมือที่ตบหลังฟู่สือถิงกลับทันที ฟู่สือถิงที่ดื่มน้ำไปได้ครึ่งหนึ่งก็ถูกคำถามนี้บังคับให้หยุดดื่ม เขาฝืนกลืนน้ำลงไปในท้องและปฏิเสธ “เปล่าเลย… ผมไม่รู้จักคู่หมั้นของเขา…” “โอ้! งั้นคุณจะตื่นเต้นทำไม?” หลีเสี่ยวเถียนส่งเสียงฮึดฮัดแล้วมองไปทางฉินอันอัน “ถ้าฟู่สือถิงแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น ฉันไม่มีทางสงบสติอารมณ์ได้แน่! ฉันไม่ไปก่อกวนก็ถือว่าให้เกียรติเขาแล้ว!” ฉินอันอันพยักหน้า “ฉันรู้ ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถมองดูเฮ่อจุ่นจือแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นเช่นกัน เสี่ยวเถียน ยกโทษให้ฉันเถอะนะ!” “สถานการณ์ของฟู่สือถิงและเฮ่อจุ่นจือนั้นต่างกัน” หลีเสี่ยวเถียนพูดอย่างจริงจัง “ฉันทิ้งเฮ่อจุ่นจือ ดังนั้นเฮ่อจุ่นจือเลยแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น
“เอาลูกไปด้วยไหม?” ฟู่สือถิงถามคำถามนี้โดยอัตโนมัติ เธอมองหน้าเขาแล้วถามว่า “คุณอยากเอาลูกไปด้วยไหมล่ะคะ?” เธอไม่สามารถเห็นความคิดในใจเขาได้“ผมอยากพาไป” ถึงแม้ว่าการอุ้มลูกไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เขามีความสุขมากที่ได้อยู่กับลูกไม่แปลกใจที่คนจะพูดว่ากันการมีลูกคือภาระที่แสนหวาน “แต่วันนี้ฉันไม่อยากพาลูกไปค่ะ ฉันอยากพาคุณไป ที่ที่หนึ่ง” เธอคุยกับเขา“ไปไหนเหรอ?” เขาเอามือล้วงกระเป๋า “งั้นไปถามลูกสักหน่อย! ถ้าเธอไม่อยากไปกับพวกเรา ก็ไม่พาเธอไปด้วย ถ้าเธออยากออกไปข้างนอกกับพวกเราล่ะ?” “ไปมหาวิทยาลัยที่ฉันเรียนปริญญาโทค่ะ คุณรอฉันอยู่ที่นี่ ฉันจะไปคุยกับพวกเด็ก ๆ” หลังจากพูดจบเธอก็เดินไปที่ห้องเด็กจากนั้นครู่หนึ่ง เธอก็วิ่งเหยาะ ๆ กลับมาหาเขาและจับแขนของเขาไว้ “ลูกสาวขอให้พวกเราเอาของอร่อยกลับมาให้เธอ พวกเราไปกันเถอะค่ะ!” ฉินอันอันขับรถพาฟู่สือถิงไปมหาวิทยาลัยที่เธอมาเรียนต่อมหาวิทยาลัยนี้เป็นโรงเรียนแพทย์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก“ตอนคุณมาเรียนที่นี่ คุณอยู่ในช่วงไตรมาสที่สามของการตั้งครรภ์แล้วใช่ไหม?” ฟู่สือถิงเดินกับเธอช้า ๆ บนถนนอันกว้างใหญ่ของมหาวิทยาลัยมีนักศึกษาปั่นจักรย
เธอมองดูแหวนเพชรที่เปล่งแสงประกายบนนิ้วของเธอ ดวงตาของเธอเปียกชื้นเและอารมณ์ของเธอก็ควบคุมไม่ได้เล็กน้อยเธอโผเข้าไปในอ้อมแขนเขาและกอดเขาไว้แน่น “คุณไปซื้อแหวนมาตอนไหนเหรอคะ? เราอยู่ด้วยกันทุกวัน ทำไมฉันไม่รู้ว่าคุณเตรียมของขวัญไว้ล่วงหน้า?” เธอคิดว่าเขาไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนที่เธอเตือนเขาว่าวันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ ในช่วงระหว่างนี้เขาไม่แสดงอาการใด ๆ เลย “ตอนที่ผมซื้อสร้อยคอให้คุณคราวก่อน ผมดูแหวนไว้ด้วย” เขาอธิบาย “ยากหน่อยที่จะไม่รู้ว่าวันนี้คือเทศกาลอะไร” ตั้งแต่ไม่กี่วันก่อน กิจกรรมการตลาดต่าง ๆ สำหรับวันวาเลนไทน์ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วเช้าวันนี้เมื่อเขาเปิดโทรศัพท์ ข่าวที่เกี่ยวข้องกับวันวาเลนไทน์ก็ส่งมายังโทรศัพท์เขาเช่นกัน “ถ้าฉันไม่พูดถึงวันวาเลนไทน์เมื่อกี้ คุณตั้งใจจะให้แหวนฉันเมื่อไหร่เหรอ?” เธอปล่อยเขา และมองใบหน้าหล่อเหลาของเขาด้วยดวงตาแดงก่ำของเธอ เขามองเธออย่างรักใคร่แล้วพูดเสียงแหบพร่า “ผมรู้ว่าคุณอดไม่ได้ที่จะเตือนผม ผมรอตั้งแต่คุณดูปฏิทินตอนเที่ยงแล้ว” เธอหัวเราะพร้อมกับโกรธนิด ๆ “คุณเป็นฝ่ายเริ่มไม่ได้เลยรึไง? ต้องเป็นฉันที่พ
“พี่เป่ย! แม่ของผมป่วยจนเลอะเลือน! ที่เธอพูดเมื่อกี้ พี่ห้ามเผยแพร่ออกไปนะครับ!” โจวจื่ออี้แทบจะทรุดตัวลง “ถ้าเจ้านายรู้ เขาไล่ผมออกแน่!” เซิ่งเป่ยหัวเราะจนน้ำตาไหล “จื่ออี้ นายอย่าตื่นเต้นไป คุณป้ามีความคิดที่ชัดเจนมาก เธอคัดค้านไม่ให้นายกับไมค์คบกัน เพราะรังเกียจที่ไมค์ยากจน นายให้ไมค์หาเงินไว้เยอะ ๆ ก็พอแล้ว” โจวจื่ออี้ส่ายหัว “ผมคิดว่าไมค์เป็นเพื่อนได้แต่เป็นแฟนไม่ได้ เพราะเขาหน้าตาขี้โกง นี่คือคำพูดของแม่ผมจริง ๆ” “ฮ่า ๆ ๆ! นายบอกว่าแม่ของนายสับสน ฉันไม่เห็นว่าจะมีใครมีสติชัดเจนเท่าแม่นายแล้ว นายหยุดหน้านิ่วคิ้วขมวดได้แล้ว ดูแลเธอให้ดีก่อน” “อืม พี่เป่ย วันนี้พี่ว่างหรือเปล่า? ช่วยไปดูไมค์ให้หน่อยได้ไหม? ผมเมินเขามาสองวันแล้ว ผมคาดว่าเขาใกล้จะระเบิดแล้ว” โจวจื่ออี้ขมวดคิ้ว “ผมออกจากโรงพยาบาลไม่ได้ แล้วไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับเขาด้วย” “ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะไปดูเขาให้เอง” เซิ่งเป่ยออกจากโรงพยาบาลแล้วขับรถไปสตาร์ริเวอร์วิลล่า เป็นไปตามที่เซิ่งเป่ยคาดไว้ ไมค์อยู่บ้านคนเดียวและใช้ชีวิตสลับกลางวันและกลางคืน “คุณไม่กลับไปประเทศบีเหรอ?” เซิ่งเป่ยเอาอาหารเช้าที่เขาเอามาด้วยวาง
เซิ่งเป่ยอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ เขาระงับอารมณ์บ้าคลั่งในใจแล้วคว้าคอเสื้อของถังเชี่ยนพร้อมกับตะโกนถามเสียงดัง “ถังเชี่ยน! เธอพูดเรื่องเหลวไหลอะไร?! ทำไมสือถิงต้องแต่งงานกับเธอด้วย? ตอนนี้เขาอยู่กับฉินอันอัน! ถ้าเขาจะแต่งงานก็ต้องแต่งกับฉินอันอันสิ!” ถังเชี่ยนหัวเราะเบา ๆ “ฉันรู้ว่าตอนนี้เขาอยู่กับฉินอันอัน ถึงยังไงพวกเขาก็มีลูกที่ต้องดูแล แต่ฉันไม่สนใจหรอก ไม่ได้ใจเขา แต่ได้ตัวเขาก็พอแล้ว” เซิ่งเป่ยยิ้มเยาะแล้วปล่อยคอเสื้อของเธอ “ฉันคิดว่าเธอเสียโฉมจนจิตใจกระทบกระเทือน และทุกข์ทรมานจากอาการหลงผิดแล้วล่ะ! สือถิงจะแต่งงานกับเธอ ทำไมเรื่องสำคัญแบบนี้ฉันไม่รู้เรื่องเลย?” “เขาไม่ได้จะแต่งงานกับคุณ คุณไม่รู้มันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ?” ถังเชี่ยนวางแก้วเปล่าลงบนโต๊ะ น้ำเสียงสงบและควบคุมได้ “เซิ่งเป่ย ฉันถือว่าคุณเป็นเพื่อน ถึงได้พูดเรื่องนี้กับคุณ ฉันรู้ว่าตอนนี้คุณคิดว่าฉันไม่มีค่าพอจะเป็นเพื่อนของคุณ แต่ว่าในใจของฉัน คนคือคนสำคัญที่สุด…” “หุบปาก!” เซิ่งเป่ยตัดบทเธอ “เธอคิดว่าเธอจะทำให้ฉันประทับใจโดยพูดสิ่งเหล่านี้กับฉันหรือจะหลอกใช้ฉันอีกครั้งก็ได้ใช่ไหม?”ถังเชี่ยนยิ้มแล
ดวงตาทั้งสองข้างของเขาแดงก่ำ “แล้วก็ยังมียานอนหลับด้วย” “อาการนอนไม่หลับของคุณร้ายแรงขนาดนี้เลยเหรอ?” เธอขยี้ผมที่ยุ่งเหยิงของเธอ “เมื่อคืนนี้คุณนอนหลับเป็นยังไงบ้าง? คืนก่อนล่ะ? คุณคงไม่ได้นอนไม่เต็มอิ่มทุกคืนหรอกใช่ไหม?” เธอพูดพร้อมกับเปิดผ้าห่มขึ้นแล้วลงจากเตียง เนื่องจากเขานอนไม่หลับถ้าไม่กินยา เธอจึงจำเป็นต้องไปซื้อยาให้เขา “เพิ่งเริ่มเป็นเมื่อคืนนี้” เขากลัวว่าเธอจะกังวลใจ จึงพูดอย่างสบาย ๆ “น่าจะเป็นเพราะสองวันนี้มีความสุขมากเกินไป เลยคิดถึงอิ๋นอิ๋นตลอด” “ฉันรู้ว่าการตายของอิ๋นอิ๋นส่งผลต่อคุณมาก แต่ว่าสือถิงคะ ชีวิตต้องเดินไปข้างหน้า ถ้าอิ๋นอิ๋นยังมีชีวิตอยู่ เธอคงไม่อยากให้คุณเศร้าขนาดนี้” เธอหยิบเสื้อคลุมมาสวม “คุณจำชื่อยาที่กินบ่อย ๆ ได้ไหม? หรือฉันควรไปซื้อดี?” “ผมไปกับคุณแล้วกัน!” เขาลุกขึ้นแล้วลงจากเตียง “ไม่ต้องหรอก คุณนอนเถอะค่ะ” เธอผลักเขากลับไปนอนบนเตียง “ร้านขายยาปิดแล้ว ต้องไปซื้อที่โรงพยาบาล ฉันจะขับรถไปหาคนรู้จัก เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว” “อันอัน คุณมีคนรู้จักที่ประเทศบีมากมาย ชีวิตก็สะดวกสบายมาก ทำไมตอนนั้นคุณไม่ตั้งรกรากอยู่ที่ประเทศบีล่ะ?” เขาถาม “ไม
ครึ่งชั่วโมงต่อมาฟู่สือถิงเข้าสู่การนอนหลับลึกไปภายใต้ฤทธิ์ยาเขาหลับไปแล้ว และฉินอันอันกลับไม่รู้สึกง่วงอีกต่อไปเธอนึกถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาอย่างรอบคอบ หลังจากที่เขามาถึงตั้งแต่เขามา เธอมีความสุขทุกวัน ไม่เพียงแค่นอนหลับสบายขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีความอยากอาหารมากกว่าเดิมอีกด้วยเธอคิดว่าเขาก็เป็นเหมือนเธอเธอไม่รู้ว่าเขาต้องทรมานจากโรคนอนไม่หลับเธอต้องการช่วยเขาจริง ๆ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า นอกจากซื้อยาให้เขาแล้ว เธอก็ไม่มีวิธีอื่นอีกในวันต่อ ๆ ไป เธอจะใจดีกับเขาให้มากขึ้น และมอบความรักให้เขามากขึ้นด้วยถ้าวันเดียวไม่พอ ก็ให้เป็นเดือน หนึ่งปี... สักวันหนึ่ง เธอจะชดเชยความเสียใจของเขาที่มีต่ออิ๋นอิ๋นวันรุ่งขึ้น เมื่อฟู่สือถิงลุกขึ้น ก็เป็นเวลาสิบโมงเช้าแล้วเมื่อเขาออกมาจากห้อง ฉินอันอันก็ดึงเขาไปที่ห้องอาหารทันที“เราจะออกไปข้างนอกกันหลังจากที่คุณกินข้าว” เธอได้จัดตารางงานสำหรับวันนี้ไว้แล้ว “พาเด็ก ๆ ไปด้วยนะ”เขามองดูสภาพอากาศภายนอก “วันนี้ดูเหมือนไม่เหมาะที่จะออกไปข้างนอกเลยนะ”ข้างนอกมีหมอกหนา และการขับรถในสภาพอากาศที่ทัศนวิสัยแย่แบบนี้ นับว่าไม่สะดวกเลย