เขาส่งเสียงอู้อี้ในลำคอเบา ๆไม่รู้ว่าตอบกลับคำพูดของเธอหรือว่าเจ็บ มีเสียงกรอบแกรบดังมาจากปากประตูฟู่สือถิงเงยหน้ามองไปทางประตู… ป้าจางกำลังอุ้มจื่อชิว ไมค์อุ้มรุ่ยลา ทั้งสี่คนยืนอยู่นอกประตู แอบมองดูสถานการณ์ภายในห้อง ที่จริงพวกเขาสามารถเข้ามาดูได้อย่างเปิดเผย ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องยืนอยู่นอกประตู ถึงจะดูขายหน้าไม่น้อยที่หัวโน แต่ก็ไม่ได้น่าอายจนไม่กล้าเจอใครเช่นกัน หลังจากฉินอันอันพันผ้าพันแผลแล้วก็เก็บกล่องยา “ไปทานข้าวเช้าก่อนเถอะค่ะ ทานเสร็จแล้วฉันจะพาคุณไปโรงพยาบาล” ฉินอันอันเอ่ย ฟู่สือถิง “ผมไปเองได้” “คุณคุ้นเคยกับโรงพยาบาลที่นี่งั้นเหรอคะ?” ฉินอันอันโต้กลับ “ฉันมีคนรู้จักอยู่ที่โรงพยาบาลไปแล้วสแกนได้เลย ไม่อย่างนั้นตามขั้นตอนของโรงพยาบาลแล้วน่ากลัวว่าวันนี้คุณจะไม่ได้สแกน” ฟู่สือถิงพูดไม่ออก ถึงแม้เขาจะมีเงินมากมาย แต่ก็ไม่ได้อยู่ในประเทศนี้ เขามีคนรู้จักที่นี่ด้วย แต่ดูแล้วเรื่องการรักษาพยาบาล การพึ่งพาฉินอันอันน่าจะสะดวกกว่าทั้งสองคนออกมาจากห้อง สายตาของทุกคนจับจ้องบนใบหน้าของฟู่สือถิง “คุณพ่อคะ ทำไมพ่อถึงชนกำแพงได้ล่ะคะ?” รุ่ยลามองฟู่สือถิงอย่
ฉินอันอันได้ยินน้ำเสียงของเขาแล้วรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก “ฟู่สือถิง ผู้ชายอย่างพวกคุณคิดแบบนี้เหมือนคุณทุกคนหรือเปล่า? ทำไมเสี่ยวเถียนถึงต้องการหย่า? หรือว่าในใจของพวกคุณไม่รู้? ถ้าเสี่ยวเถียนไม่รักเขา ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเลยว่าเขาต้องรับแรงกดดันจากพ่อแม่เขา…” “ฉินอันอัน ถ้าจุ่นจือยืนกรานจะอยู่กับหลีเสี่ยวเถียน ไม่ว่าจุ่นจือจะต้องแบกรับความกดดันมากแค่ไหน มันคือสิ่งที่เขาพิจารณาแล้วว่าเขาสามารถแบกรับได้ ตอนนี้ไม่ว่าเขาตัดสินใจเปลี่ยนเบอร์ใหม่หรือก้าวไปสู่การแต่งงานใหม่ มันก็เป็นอิสระของเขา” ......ทั้งสองคนไม่ได้ทะเลาะกันเรื่องส่วนตัวของพวกเขา แต่พวกเขากลับทะเลาะกันเรื่องของเฮ่อจุ่นจือและหลีเสี่ยวเถียนแต่ฉินอันอันสงบลงอย่างรวดเร็ว เธอพิจารณาคำพูดของฟู่สือถิงอย่างรอบคอบ หลังจากครุ่นคิดแล้ว เธอก็คิดว่าคำพูดของฟู่สือถิงนั้นสมเหตุสมผล “ทำไมคนถึงชอบทำสิ่งที่ตัวเองคิดว่าดีต่ออีกฝ่าย ทั้งที่จริง ๆ แล้วไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย?” เธอถอนหายใจแผ่วเบา “เพราะว่าคิดไปเองว่าเป็นแบบนั้น” เขาตอบอย่างระชับและทรงพลัง “ไม่ใช่เพียงแค่จุ่นจือและหลีเสี่ยวเถียนเท่านั้นที่คิดเอาเอง พวกเราก็เหมือนกัน”
“ฟู่สือถิง” ฉินอันอันเห็นใบหน้ามืดมนของเขาแล้วเอ่ยทันที “วันปีใหม่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเถียงกันด้วยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ หรอกนะคะ” เมื่อเธอพูดจบ อารมณ์ของเขาสงบลงเล็กน้อย จิ้นซือเหนียนกลับกล่าวว่า “ผมให้ของขวัญอันอันทุกเทศกาลอยู่แล้ว ผมเคยมอบเครื่องประดับอื่น ๆ ให้เธอหมดแล้ว เหลือก็แต่แหวน ปกติคุณไม่ได้สนใจเธอ ตอนนี้ผมแค่ทำเรื่องที่ผมทำเป็นปกติ แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรมาโกรธผม?” จิ้นซือเหนียนมีภาพลักษณ์ที่อ่อนโยนในใจของฉินอันอันมาโดยตลอด วิธีที่เขาตั้งคำถามกับฟู่สือถิงขณะนี้ทำให้เธอรู้สึกแปลกเล็กน้อยแน่นอนว่าเธอไม่โกรธที่จิ้นซือเหนียนพูดแบบนี้จิ้นซือเนียนพุ่งเป้าใส่ฟู่สือถิงก็เพื่อเธอ “คุณให้ของขวัญเธอทุกเทศกาลแล้วยังไง?” ฟู่สือถิงเลิกคิ้วขึ้นแล้วพูดอย่างดูถูก “เธออยู่กับคุณหรือเปล่า? ถ้าไม่ก็หุบปากซะ” คำพูดนี้ทำให้จิ้นซือเหนียนหุบปาก แล้วทำให้ฉินอันอันโกรธขึ้นมา “ฟู่สือถิง…” “คุณจะขับรถหรือเปล่า? ถ้าไม่ ผมจะขับเอง” ฟู่สือถิงพูดแทรกเธอ เขารู้ว่าเธอต้องการออกหน้าช่วยจิ้นซือเหนียน แต่เขาไม่อยากฟัง เธอแอบสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเปิดประตูรถ ก่อนลุกจากที่นั่งคนขับแล้วไปนั่งที่เบ
ฟู่สือถิงคว้าข้อมือของเธอแล้วดึงเธอไปที่ห้างสรรพสินค้าโดยไม่พูดอะไรสักคำเธอเข้าใจเจตนาของเขาทันที “ฟู่สือถิง ฉันไม่ต้องการให้คุณซื้อของขวัญให้ฉัน! ฉันอยากกลับบ้านเดี๋ยวนี้!” เธออยากจะสลัดให้หลุดจากมือใหญ่ของเขา แต่เขากลับจับไว้แน่นไม่ปล่อย “ทำไมคุณไม่ปฏิเสธของขวัยญองจิ้นซือเหนียน?” เขาย้อนถาม “คุณไม่มีเหตุผลที่รับของเขา แต่ไม่รับของผม” ฉินอันอันคิดว่าตัวเองฟังผิด เขาพูดจาแบบเด็ก ๆ แบบนี้ได้ยังไง? เมื่อจิ้นซือเหนียนเห็นฟู่สือถิงใช้กำลังบังคับดึงฉินอันอันเดินไป เขาเปิดประตูแล้วไล่ตามไปทันที “คุณตามมาทำไม?” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างรังเกียจ “คุณดาราใหญ่ คุณกลัวว่าคนอื่นจะจำคุณไม่ได้งั้นเหรอ? อย่าทำให้ผมกับฉินอันอันถูกปาปารัซซี่ถ่ายรูปไปด้วยเลย!” คำพูดของเขาทำให้จิ้นซือเหนียนถอยกลับไปในรถ จิ้นซือเหนียนไม่กลัวที่จะถูกปาปารัสซี่แอบถ่ายรูป แต่เขารู้ว่าฉินอันอันไม่ชอบการถูกแอบถ่ายรูปหลังจากจิ้นซือเหนียนกลับไปในรถ ฉินอันอันเหลือบมองฟู่สือถิง “คราวหน้าถ้าคุณต้องการให้ของขวัญฉัน อย่าลืมซื้อล่วงหน้าสิ ตอนนี้คุณไม่รู้สึกอายบ้างเหรอ?” ฟู่สือถิง “คนที่ควรอับอายคือจิ้นสือเหน
เมื่อทั้งสองคนออกมาจากห้างสรรพสินค้า จิ้นซือเหนียนก็เห็นว่าตัวของพวกเขาค่อนข้างอยู่ใกล้กันและค่อนข้างผ่อนคลายไม่ต่างจากคู่รักคู่อื่นบนท้องถนน เห็นได้ชัดว่าตอนที่ทั้งสองคนเข้าไปในห้างสรรพสินค้า พวกเขากำลังผลักและดึงราวกับว่าพวกเขากำลังทะเลาะกันสิ่งที่ทำให้คืนดีกันเร็วขนาดนี้ต้องไม่ใช่ของขวัญในห้างถ้าหากฟู่สือถิงให้ของขวัญแก่ฉินอันอันแล้วมันแก้ไขข้อขัดแย้งของพวกเขาได้ พวกเขาจะไม่ทะเลาะกันอยู่ตลอดอย่างนี้ดูเหมือนว่า ฟู่สือถิงจะเป็นฝ่ายยอมเธอด้วยตัวเอง เมื่อกลับมาถึงวิลล่า ฉินอันอันนำของขวัญกลับไปเก็บที่ห้อง คิดไม่ถึงว่าป้าจางนำกระเป๋าเดินทางของฟู่สือถิงเข้ามาเรียบร้อยแล้ว “คุณบอกว่าหิวไม่ใช่เหรอ? ไปกินข้าวก่อนเถอะ!” ฟู่สือถิงกล่าว “ค่ะ ฉันจะจัดของสักหน่อย คืนนี้คุณนอนที่ห้องฉัน ฉันจะไปนอนห้องเล็กนั่น” “ถ้าเป็นแบบนี้ ผมจะไปพักในห้องเล็กเอง” ฟู่สือถิงไม่ต้องการเบียดบียนที่ของใคร “เช้านี้มันเป็นอุบัติเหตุ ครั้งหน้าผมจะระวัง” “คุณกำลังข่มขู่ฉันเหรอ?” เธอมองดูอาการบาดเจ็บบนหน้าผากของเขา “หรือว่าคุณอยากนอนกับฉันใช่ไหม?” “เอาคำว่า ‘หรือว่า’ ออกไปเถอะ” เขาเข้ามาในห้องแล้วป
“ตกลง ถ้าเธอไม่อยากมา นายอย่าบังคับเธอนะ” ฉินอันอันอธิบาย “โอเค” ตามที่ฉินอันอันคาดไว้ หลีเสี่ยวเถียนไม่เต็มใจที่จะมาแต่ไม่ใช่เพราะการที่มีฟู่สือถิงอยู่ แต่เป็นเพราะจิ้นซือเหนียน จิ้นซือเหนียนเป็นไอดอลของหลีเสี่ยวเถียน เธออยากเจอเขามากแต่เนื่องจากเมื่อวานเธอดื่มมากเกินไปแล้วยังร้องไห้หนักมากในตอนกลางคืน วันนี้ใบหน้าของเธอจึงบวมมาก ดวงตาของเธอบวมและแดงจนลืมไม่ขึ้น ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถออกไปพบปะผู้คนข้างนอกได้ หลังอาหารเย็น ฉินอันอันส่งจิ้นซือเหนียนกลับออกไป เมื่อเธอเดินกลับมาห้องทานข้าว เห็นฟู่สือถิงกำลังอุ้มจื่อชิวอยู่ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นฟู่สือถิงอุ้มลูกมองออกเลยว่าเขาประหม่าเล็กน้อย ร่างกายของเขาตึงเครียด โดยเฉพาะกล้ามเนื้อที่แขนซึ่งเกร็งมากตัวของเขาสูงใหญ่ แขนขายาว จื่อชิวดูตัวเล็กมากสำหรับเขา เขากลัวว่าอุ้มไม่มั่นคงดี ลูกจะหล่นได้ “เขาไม่ร้องไห้เลย ตอนที่เห็นผมอุ้มเขา” น้ำเสียงของเขาดูมีความสุขป้าจางยิ้มพร้อมกับพูดว่า “จื่อชิวตอนนี้ยังเล็กมาก ยังจดจำผู้คนไม่ได้หรอกค่ะ!” เขาส่งเสียงตอบรับอย่างเก้อเขิน “คุณผู้ชายคะ คุณต้องอยู่กับพวกเด็ก ๆ นะคะ เด็ก
ลูกกระเดือกของฟู่สือถิงขยับขึ้นลงและพูดอย่างไม่แน่ใจว่า “เขาเพิ่งร้องไห้เพราะว่าผมป้อนนมให้เขา ผลคือพอดื่มจนหมดเขาก็อาเจียนออกมา ผมทำผิดวิธีหรือเปล่า?” ทันใดนั้นฉินอันอันก็ตระหนักได้ จึงเดินไปหาเขาแล้วมองดูลูก ยังมีฟองนมสีขาวเล็กน้อยอยู่บนปากของจื่อชิว“เด็กเล็กจะแหวะนมออกมาค่ะ รอเขาโตอีกหน่อยก็จะดีขึ้น” “แต่ตอนที่คุณป้อนนมเขาช่วงบ่าย เขาไม่อาเจียนเลย” เขาสงสัยว่าตนเองทำผิดขั้นตอนไหน ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่า จื่อชิวอาเจียนเอานมที่เพิ่งกินไปจนหมดขวดออกมาเกือบหมด ทำให้เสื้อของเขาเปียกชุ่มจนทั่ว เมื่อเห็นคำถามที่จริงใจของเขา เธอจึงช่วยเขาวิเคราะห์ปัญหาว่า “ตอนที่ชงนม ต้องระวังอย่าให้อากาศเข้าไปในขวดมากเกินไป หลังจากที่ลูกกินนมเสร็จแล้ว อุ้มเขาให้ตัวตรงสักพัก บางครั้งระวังแค่ไหนเขาก็ยังแหวะนมอยู่ดี ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความผิดของคุณเลย ด้วยวัยของเขาในตอนนี้ เขาจะแหวะนมออกมาเป็นเรื่องปกติ” ฟู่สือถิงถอนใจโล่งอก “เขาอาเจียนนมที่เพิ่งดื่มไปจนหมด เขาจะหิวหรือเปล่า? ต้องชงให้เขาอีกขวดไหม?” “ไม่ต้องหรอก ตอนนี้เขาไม่ร้อง แสดงว่าไม่หิว” เธอรับเด็กมาจากอ้อมแขนของเขาแล้วมองดูหน้าอกที
“คุณดูแลลูก ๆ ตามปกติก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองหรอก” เขาฉวยโอกาสที่เธอยังไม่หลับถามต่อว่า “การฟื้นตัวของคุณเป็นยังไงบ้าง?” เพราะว่าเธอผ่าคลอด เมื่อเทียบกับการคลอดทางช่องคลอดแล้ว การผ่าคลอดนั้นเป็นอันตรายกว่ามาก ความห่วงใยของเขา ทำให้เธอตื่นจากฝัน ทำไมจู่ๆ เขาถึงเป็นห่วงเรื่องการฟื้นตัวของเธอ? พอถามคำถามนี้ในเวลานี้ ก็ยากที่จะไม่คิดมาก“เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่าภายในสามเดือนหลังคลอดไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้” เสียงของเธอตึงเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด “คุณกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่?” เขาสูดหายใจเข้าอย่างแรงและพูดเสียงทุ้มลึกว่า “ผมถามว่าการฟื้นตัวของคุณเป็นยังไงบ้าง ไม่ได้อยากทำอะไรคุณ” ทันใดนั้นเธอก็ถอนใจโล่งอก “ฟื้นตัวได้ดีเลยค่ะ!” เธอแสร้งทำเป็นผ่อนคลาย ทำให้เขาถึงกับเปิดไฟ เมื่อเห็นห้องสว่างไสวราวกับกลางวัน เธอหยีตาด้วยความแสบตา “คุณทำอะไรน่ะ? ตอนบ่ายคุณหลับมากพอแล้วตอนนี้เลยไม่ง่วงหรือไง? ถ้าคุณไม่ง่วง…” เขาผุดลุกขึ้นนั่ง แล้วเปิดผ้าห่มของเธอ พร้อมกับรีบยกชายชุดนอนของเธอขึ้นด้วยฝ่ามืออันใหญ่ของเขา พยายามจะดูบาดแผล“ฟู่สือถิง! ใครทำให้คุณมีนิสัยแย่ ๆ แบบน
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง