สิ่งนี้สามารถถ่ายทอดคำพูดสิ่งที่เขาต้องการพูดกับเสี่ยวหานได้เสี่ยวหานรับทองคำแท่งมาแล้วดูว่าสลักอะไรไว้บนนั้น…สวัสดีปีใหม่เสี่ยวหานส่งเสียงฮึดฮัดไม่พอใจแล้วยัดทองคำแท่งกลับเข้าไปในกล่อง “ด้านหลังยังมีคำพูดอยู่นะ !” ไมค์วางทองคำแท่งไว้ในมือเสี่ยวหาน เสี่ยวหานรู้สึกมีกำลังใจขึ้นแล้วมองทองคำแท่งอีกครั้ง …ขอโทษเสี่ยวหาน “…” ฟู่สือถิงขอโทษเขาผ่านทองคำแท่งงั้นเหรอ ? ไร้สาระชะมัด ! ฟู่สือถิงไม่มีปากเหรอ ? ทำไมไม่พูดขอโทษเขาด้วยตัวเอง ? “พี่หาน ทองคำนี้ค่อนข้างหนักน่าจะแพงมาก ! เธอเก็บไว้เถอะ !” ไมค์วางทองคำแท่งใส่กล่องแล้วยัดใส่มือเขา “เขาให้ทองคำแท่งเธอเพราะว่าเขาคิดว่าเธอเหมือนทองคำ แวววาวดั่งทอง สง่างามดั่งเพชร ออกมาจากโคลนตมแต่ไม่แปดเปื้อน…”“ผุดขึ้นมาจากโคลนตมแต่ไม่แปดเปื้อนคือลักษณะของดอกบัว” “โอ้ ความหมายของเขาคือเธอเปล่งประกายเจิดจ้า และต้องเป็นคนยิ่งใหญ่ในอนาคต” “ในอนาคตผมแซงหน้าเขาได้แน่นอน” เสี่ยวหานโยนทองคำแท่งไปด้านข้างอย่างรังเกียจ “ผมไม่ต้องการคำขอโทษของเขา !” หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ไมค์ถือกล่องของขวัญออกมา เสี่ยวหานไม่ยอมรับของขวัญของฟู่สือถิง ไมค์
วิดีโองานศพของพ่อฟู่สือถิงกำลังเล่นอยู่ในคอมพิวเตอร์ของเขา ในเวลาเดียวกันนี้ใบรับรองการวินิจฉัยทางจิตเวชอยู่ในมือของเขาเช่นกัน วันที่หวังหว่านจือมาเยี่ยมนั้น ได้กระตุ้นถังเฉียวเซินอย่างรุนแรง เพราะหวังหวานจือพูดว่าเธอมีความมั่นใจมาก ดังนั้นถังเฉียวเซินจึงส่งคนไปอยู่ใกล้ ๆ ริเวอร์ สตาร์วิลล่า ฃคิดไม่ถึงว่าลูกน้องจะซุ่มจับได้อย่างรวดเร็ว! การมองเห็นแต่สิ่งที่อยู่ข้างหน้าจนไม่รู้เลยว่ามีภัยกำลังตามมาข้างหลังคือผลของการที่หวังหว่านจือไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา! เมื่อเขาออกจากโรงพยาบาล เขาจะวางแผนให้ดี ครั้งนี้เขาจะทำให้ฟู่สือถิงต้องชดใช้อย่างหนักแน่นอน! ......ด้านหลังเวทีของงานเลี้ยง หลังจากการแสดงรุ่ยลาจบลง เธอถูกนักข่าวดักสัมภาษณ์ เพราะจิ้นซือเหนียนเป็นคนพาเธอเข้าสู่วงการด้วยตัวเอง จุดเริ่มต้นของเธอจึงสูงกว่าดาราเด็กคนอื่น ๆ นอกจากนี้เธอยังหน้าตาสวย มีรูปร่างสูงโปร่ง ในด้านความสามารถ ไม่ว่าจะร้องหรือเต้นล้วนทำได้ดี ในอนาคตถ้าได้ทีมงานมืออาชีพเจียระไน ต้องได้รับความนิยมแน่นอน! “รุ่ยลา หนูคิดว่าการแสดงคืนนี้ของหนูเป็นยังไงบ้าง? ถ้าคะแนนเต็มร้อย หนูให้คะแนนตัวเองเท่าไหร
“รุ่ยลาเมื่อกี้นี้นักข่าวสัมภาษณ์เธอเหรอ?” จิ้นซือเหนียนถาม “ค่ะ คุยกันเรื่อยเปื่อยไม่กี่คำค่ะ” รุ่ยลาพูดพร้อมกับหาว “ลุงซือเหนียน หนูง่วงมากเลย! หนูอยากหลับแล้วค่ะ” จิ้นซือเหนียนอุ้มเธอขึ้นแล้วพูดว่า “เธอนอนเถอะ! พอตื่นแล้วก็ไปสมทบกับคุณแม่ที่ประเทศบีได้เลย” ที่จริงรุ่ยลาสีหน้าเหนื่อยล้ามาก แต่หลังจากได้ฟังคำพูดของเขา เธอก็ยิ้มหวานออกมา “หนูคิดถึงแม่มากเลยค่ะ หนูมีเรื่องอยากคุยกับแม่เยอะแยะเลย…” รุ่ยลาพูดเสียงกระซิบแล้วหลับตาลงทันที …… ประเทศบีหลายวันมานี้โดยทั่วไปฉินอันอันยุ่งอยู่กับการเตรียมการผ่าตัด ป้าจางและพี่เลี้ยงอีกคนดูแลจื่อชิวเป็นอย่างดี หลีเสี่ยวเถียนเองก็มาเยี่ยมจื่อชิวเป็นบางครั้งบางคราว ดังนั้นเมนูอาหารมื้อรวมญาติในวันตรุษจีนที่หลีเสี่ยวเถียนจัดเตรียมไว้ถูกส่งให้ฉินอันอัน ฉินอันอันดูรายการอาหารแล้วพูดชม “เรื่องกินนี่ เธอเก่งกว่าฉันมาก ดีจริงๆ ที่ให้เธอตัดสินใจ” “อันอัน เธอจะรังเกียจไหมถ้าฉันพาคนมาทานด้วยอีกคน?” หลีเสี่ยวเถียนรับเมนูกลับมาพร้อมกับสีหน้าที่ไม่เป็นธรรมชาติ“ไม่รังเกียจอยู่แล้ว ว่าแต่เธอจะพาใครมาเหรอ?” ฉินอันอันมองหน้าเธอแล้วรู้สึกว่าเ
“เธอพูดถูกแล้ว” ฉินอันอันมองดูเธอ “ฉันให้ความสำคัญกับลูก ๆ และตัวเองก่อนเสมอ ฉันเป็นคนเห็นแก่ตัวขนาดนี้แล้วมีสิทธิ์อะไรวิพากษ์วิจารณ์เธอ” หลีเสี่ยวเถียน “ฉินอันอัน เธอไม่ต้องเสียใจ เธอต้องรู้สึกเสียใจเรื่องอะไร? เธอไม่เคยต้องทุกข์ทน เธอไม่เคยเจอความยากลำบากมาก่อน” ฉินอันอัน “ถูกแล้ว ประสบการณ์ของฉันเทียบกับเธอไม่ได้เลย” หลีเสี่ยวเถียนไม่ต้องการฟังคำพูดเหล่านี้ของเธอ แม้แต่ได้ยินเสียงของเธอ ยังหงุดหงิดใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อก่อนพวกเธอสองคนไม่เป็นแบบนี้ พูดตามตรง หลีเสี่ยวเถียนไม่สามารถเอาชนะอุปสรรคในใจของเธอได้ ถึงเธอจะบอกว่าความอัปยศอดสูที่เธอต้องทนทุกข์ทรมานไม่เกี่ยวกับฉินอันนัน แต่เธอก็ไม่สามารถปล่อยวางได้ถ้าเธอไม่รู้จักฉินอันอัน เธอก็คงไม่ถูกลักพาตัว เห็นได้ชัดว่าเธอสามารถแก่เฒ่าไปพร้อมกับเฮ่อจุ่นจือได้ ไม่เหมือนตอนนี้ที่เอาแต่ตาต่อตาฟันต่อฟันใส่กัน ทำร้ายกันแบบนี้ เธอก้าวเท้าเดินจากไป หลังจากขึ้นรถแล้ว เธอก็ขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว เธอเจ็บปวดมาก! เธอตัดสินใจเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้ว ทำไมฉินอันอันต้องมาบอกเรื่องของเฮ่อจุ่นจือกับเธอในเวลานี้ด้วย?เธอร้องไห้ตลอดทางที่ข
เสียงเคาะประตูดังขึ้นและผลักเปิดออก เซิ่งเป่ยก้าวเข้ามา “สือถิง อีกไม่วันจะถึงตรุษจีนแล้ว นายวางแผนไว้ยังไง? นายจะอยู่บ้านหรือว่าไปเที่ยวพักผ่อน?” ฟู่สือถิงไม่เงยหน้าขึ้นมาและพูดด้วน้ำเสียงราบเรียบ “อยู่บ้าน” “งั้นคืนส่งท้ายปีฉันจะไปกินมื้อเย็นที่บ้านนายแล้วกัน! ปีนี้ฉันไม่ได้กลับบ้านเกิด” เซิ่งเป่ยเดินไปนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของเขา “จื่ออี้ทำครัวได้ไม่เลว ถึงตอนนั้นก็ให้เขาทำกับข้าว” ฟู่สือถิงมองไปทางเขาแล้วพูดตรง ๆ “พวกนายไม่จำเป็นต้องอยู่เป็นเพื่อนฉัน” เซิ่งเป่ยส่ายหัว “ไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนนาย บ้านเกิดฉันหนาวเกินไป ตอนนี้พ่อกับแม่ของฉันไปเที่ยวที่เกาะเขตร้อนอยู่! พวกเขาขอให้ฉันไม่ไปรบกวนโลกของพวกเขาสองคน” ฟู่สือถิง “พ่อแม่ของนายรักกันมากขนาดนี้ ทำไมนายไม่หาใครสักคนมาแต่งงานด้วยล่ะ?” เซิ่งเป่ยถอนหายใจ “การแต่งงานหมายความว่าต้องแบกรับภาระอันใหญ่หลวง ฉันคิดว่าการเป็นโสดมันก็ดี จะสนุกกับใครก็ได้”“นายปล่อยวางเรื่องถังเชี่ยนไม่ได้ใช่ไหม?” ฟู่สือถิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วบอกเขาว่า “ถังเชี่ยนเสียโฉมแล้ว ตอนนี้น่าจะยังอยู่ที่โรงพยาบาล” “ฉันรู้ ฉันอยากไปเยี่ยมเธอ แต่ก
หลังจากเห็นแผลบนหน้าของตัวเองชัด ๆ ถังเชี่ยนก็เงียบไป จากนั้นเธอก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งท่ามกลางความเงียบ! ใบหน้าด้านขวายังคงเรียบเนียนและงดงามมาก แต่ใบหน้าด้านซ้ายของเธอเต็มไปด้วยเลือดและเนื้อเยื่อที่เละเทะ ราวกับว่าเนื้อชิ้นใหญ่ถูกตัดออก ครึ่งหนึ่งของใบหน้าจมหายไป! บาดแผลของเธอน่ากลัวกว่าที่เธอจินตนาการไว้เป็นร้อยเป็นพันเป็นหมื่นเท่า! ศักดิ์ศรีในตัวเองของเธอถูกบดขยี้อย่างรุนแรง ความเจ็บปวดจากการที่ใบหน้าเสียโฉมไปครึ่งหนึ่งนั้นรุนแรงกว่าความทุกข์ที่เธอเคยเจอมาทั้งหมดรวมกันเสียอีก! ไม่แปลกใจเลยที่พี่ชายที่เคยรักเธอมากที่สุดจู่ ๆ สีหน้าก็เปลี่ยนไป แม้แต่แม่ที่ให้กำเนิดเธอ หลังจากเห็นแผลบนหน้าของเธอแล้วก็อดถอยหลังไปก้าวหนึ่งไม่ได้“เฉียวเซิน แกออกจากโรงพยาบาลก่อนเถอะ!” คุณแม่ถังถอนสายตาจากถังเชี่ยน ไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อไปอีกแม้แต่วินาทีเดียว “เธออยากอยู่โรงพยาบาลต่อก็ให้อยู่ไปเลย! จากนี้แกไม่ต้องสนใจเธอแล้ว” “แม่ แม่พูดแบบนี้ต่อหน้าเธอ มันทำให้เธอเสียใจมากนะครับ! ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะกลายเป็นสัตว์ประหลาดหน้าตาน่าเกลียดไปแล้ว แต่ผมจะไม่มีวันลืมนางฟ้าตัวน้อยที่แสนมีเสน่ห์อย่าง
นักข่าว : รุ่ยลา หนูมีความปรารถนาปีใหม่อะไรไหม? รุ่ยลา : หนูหวังว่าจะได้รับของขวัญสวย ๆ มากมาย…นักข่าว : เมื่อเร็ว ๆ นี้หนูมีเรื่องที่มีความสุขไหม?รุ่ยลา : ก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ของหนูกับพ่อไม่ค่อยดีค่ะ แต่ตอนนี้เราคืนดีกันนิดหน่อยแล้ว ความรู้สึกของการมีพ่อดีมากเลยค่ะ ดวงตาของฟู่สือถิงชื้นเล็กน้อยเมื่อเห็นสิ่งนี้เขาไม่ได้คาดหวังว่าลูกสาวจะพูดถึงเขาในระหว่างการสัมภาษณ์ในใจลูกสาวตอนนี้เขาถือเป็นคนสำคัญมาก!นักข่าว : คุณพ่อของหนูเป็นคนในวงการหรือเปล่า? คืนนี้เขามาที่งานไหม?รุ่ยลา : เขาไม่ใช่คนในวงการค่ะ เขาไม่รู้ว่าหนูมาบันทึกรายการคืนนี้ค่ะ หนูกับเขาคืนดีกันนิดหน่อยเท่านั้น ยังไม่ได้คืนดีกันโดยสมบูรณ์! หนูต้องดูท่าทีของเขาอีกทีค่ะ!นักข่าว : หนูหวังว่าเขาจะมีท่าทีแบบไหนเหรอ?รุ่ยลา : หนูไม่เคยคิดมาก่อนเลยค่ะ… แต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำให้หนูเสียใจ แล้วก็ห้ามทำเรื่องไม่ดีด้วย ไม่งั้นหนูจะรู้สึกขายหน้าวิดีโอจบลงเท่านี้ คำพูดสุดท้ายของรุ่ยลาดังก้องในใจของเขาอยู่นานในฐานะพ่อ ก็ควรสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับลูกจริง ๆ นั่นแหละ เขาจะพยายามไม่ทำให้ลูกต้องอับอายเขาบ
ฉินอันอันคิดว่าเธอฟังผิดไป ดังนั้นเธอจึงไม่ตอบคำถามนี้ผลคือไมค์ไม่ยอมแพ้และถามอีกครั้ง “ไมค์ ทำไมนายถึงถามคำถามนี้ล่ะ?” ฉินอันอันพูดอย่างสงสัย “เขาทำเรื่องที่คนปัญญาอ่อนทำเหรอ?” ไมค์ส่ายหัว “ฉันไม่สนิทกับเขา ฉันไม่ได้กำลังถามเธออยู่เหรอ?” “นายไม่สนิทกับเขา แล้วทำไมนายต้องสงสัยเรื่องสติปัญญาของเขา? ถ้ามีคนสงสัยเรื่องสติปัญญาของนาย นายจะรู้สึกดีเหรอ?” ถึงแม้ฉินอันอันกับฟู่สือถิงจะอยู่ในช่วงสงครามเย็น แต่เธอไม่อยากเห็นเขาโดนดูถูก ไมค์สัญญากับฟู่สือถิงว่าจะไม่บอกความลับของเขา ดังนั้นเขาจึงระงับอาการหน้าแดงและหาข้อแก้ตัว“เขากับอิ๋นอิ๋นเป็นฝาแฝดกัน อิ๋นอิ๋นป่วย เป็นไปได้ไหมล่ะว่าเขาจะป่วยด้วย?” “พวกเขาเป็นพี่น้องฝาแฝดกัน นายสามารถเข้าใจได้ว่าพวกเขาเป็นคนสองคนที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง กรุ๊ปเลือดของเขาก็แตกต่างกันด้วย” ฉินอันอันอธิบาย ไมค์ดูเหมือนจะรู้แจ้งในทันที ทั้งที่จริงแล้วในใจยังเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทำไมอาการป่วยของฟู่สือถิงถึงสามารถรักษาให้หายได้ตอนที่เขายังเป็นเด็ก? คุณหมอเทวดาคนนั้นไม่เพียงรักษาโรคของฟู่สือถิงให้หายได้เท่านั้น ยังไม่ทิ้งผลสืบเนื่องใด ๆ ไว้ด